Midterm Fantasy - ตอนที่ 55
ช่างไม้? ช่างไม้อะไร นี่เรากำลังคุยกันเรื่องการรับมือการรบอยู่แล้วจู่ๆทำไมเปลี่ยนไปพูดเรื่องช่างไม้ได้
แต่ละคนในห้องคิดไปต่างๆนานา
“ท่านรอนจะให้ช่างไม้ทำอะไรครับ” โยฮันถาม
“ผมจะให้ช่างไม้ทำอาวุธสู้กับกองทัพออร์คครับ” รอนตอบ
คำตอบของเขายิ่งสร้างความงงงวยให้กับทุกคนในห้องไม่เว้นแม้แต่โยฮันและเรย์ที่เคยรบร่วมกับเขามาแล้ว
ไหนครั้งที่แล้วเราจัดการพวกมันได้ด้วยการใช้หอกเหล็กไพลั่ม
ครั้งนี้ถ้าจะสู้กับกองกำลังนับพัน ที่มีโล่ป้องกันและกระบวนทัพที่เน้นการป้องกันขนาดนั้น ก็ควรจะใช้ช่างทำอาวุธไม่ใช่หรือ
“หรือว่าท่านรอนจะสร้างเครื่องยิงธนูยักษ์” มีอาถาม “ถ้าหากเช่นนั้นก็ต้องให้ช่างอาวุธที่เชี่ยวชาญอาวุธหนักในการสร้างค่ะ”
ธนูยักษ์ก็เป็นอุปกรณ์ที่ใช้จัดการกับมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ การสร้างอาจจะไม่ได้ยุ่งยากจนเกินไปนักเมื่อคำนึงถึงฝีมือของช่างในเมือง แต่ว่าลูกธนูยักษ์แต่ละดอกก็มีต้นทุนของมัน
หากใช้โลหะน้อย ราคาจะถูก แต่น้ำหนักที่เบาก็จะทำให้เมื่อยิงไปแล้วแรงทะลุทะลวงไม่มาก
หากใช้โลหะมาก ต้นทุนราคาก็จะสูง น้ำหนักมากพอที่จะใช้ทะลุทะลวงแนวโล่ได้ แต่ข้อเสียคือต้องยิงในระยะใกล้
หากใช้ต่อสู้กับมอนสเตอร์ตัวใหญ่เพียงตัวเดียวยังพอทำเนา เพราะถ้ายิงโดนแล้วก็จบงาน
แต่หากใช้ในกองทัพที่ศัตรูมีหลายตัว แม้จะยิงโดนไปตัวหนึ่ง แต่ว่ายังมีอีกหลายตัวที่พร้อมเข้ามาสับเครื่องยิงเป็นชิ้นๆ ที่ผ่านมาเครื่องยิงธนูยักษ์ของที่นี่จึงติดตั้งไว้ที่เฉพาะทางเข้าตัวเมืองเอาไว้ต้อนรับศัตรูที่จะบุกเข้ามา หรือมอนสเตอร์ที่จะผ่านประตูเมืองมาเท่านั้น
“ผมไม่ได้จะสร้างเครื่องยิงธนูยักษ์ครับ ผมจะสร้างเครื่องยิงหิน”
“เครื่องยิงหิน?” โซล่าเลิกคิ้ว “แบบสลิงที่ชาวบ้านใช้ขว้างก้อนหินเหรอ?”
ศัตรูใช้โล่ขนาดใหญ่เกือบคลุมทั้งตัว … ขนาดใช้ค้อนศึกวิ่งเข้าไปทุบยังไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ง่ายๆเลย ต้องก้อนหินขนาดไหนจึงจะผ่านไปได้กัน
“ไม่ใช่หินก้อนเล็กขนาดนั้นครับ” รอนส่ายหน้า ” แต่เป็นหินก้อนขนาดนั้น”
มือของเด็กหนุ่มชี้ไปที่รูปปั้นขนาดเท่าคนจริงครึ่งตัว … ทุกคนกลั้นใจ
ถ้าหินก้อนเท่านี้ อย่าว่าแต่คนถือโล่เลย ต่อให้เป็นกำแพงเมืองก็เอาไม่อยู่ ….แต่มันจะเป็นไปได้หรือ? แม้จะเล็กกว่าตัวคนครึ่งนึง แต่น้ำหนักเท่ากับผู้ใหญ่ทั้งคนเชียวนะ ….
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะรีบติดต่อช่างไม้ให้ท่านเอง” โซล่ากล่าว
“ได้ครับ งั้นตอนหลังเที่ยงผมจะกลับมาที่นี่อีกครั้งนะครับ” รอนบอก “และสำหรับการจัดการกับออร์คไรเดอร์กับพวกเสือเทานั่น ผมยังไม่แน่ใจนัก แต่ว่าถ้าเป็นไปได้ตอนเที่ยงผมอยากจะเสนอวิธีจัดการให้พิจารณาครับ”
นายทหารแต่ละคนพยักหน้าและหันไปมองเจ้าเมือง …. แม้ว่าหลายๆเรื่องที่เด็กหนุ่มคนนี้เสนอมาจะดูเกินจริง แต่ว่าหากทำได้ขึ้นมาก็จะเป็นเรื่องดีไม่น้อย
“ได้เลยท่านรอน ….ข้าจะรอ ” โซล่าตอบ
รอนลาทุกคนและขอตัวกลับ มีอากล่าวลาเพื่อขอประชุมวางแผนป้องกันเมืองต่อ
เด็กหนุ่มเดินทางกลับไปที่กระโจมที่พักของเขา ประชาชนเริ่มเดินเบียดเสียดเพื่อไปจับจองคิวรับยากันมากขึ้นแล้ว เขาค่อยๆเดินเบียดเข้าไปในกลุ่มคน ยังดีที่คนยังไม่รู้จักหน้าตาของเขามากนัก เขาเลยสามารถแทรกตัวกลับไปได้โดยไม่เกิดเรื่องอะไร ก่อนจะกลับถึงที่พักเขาแวะเข้าตรอกขายขนมปังแล้วซื้อของกลับมาหอบใหญ่
ถ้ากำลังจะเกิดการรบขึ้นในไม่ช้านี้ …เขาคงต้องเปลี่ยนแผนการแจกจ่ายยาให้แจกให้หมดในวันพรุ่งนี้ เพราะเมื่อเกิดการรบแล้วการจะมานั่งแจกยาคงทำไม่ได้แน่ๆ …แต่ทั้งหมดก็คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะว่าตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่ายามีเพียงพอสำหรับทุกคนและที่สำคัญคือฟรี
เขาจะยอมให้มอนสเตอร์ล้อมเมืองไม่ได้ เพราะถ้าเกิดการปิดล้อมในช่วงนี้ เมืองที่อยู่ในภาวะประชากรมากกว่าปกติจะเกิดปัญหาขาดอาหารอย่างไม่ต้องสงสัย … พวกขนมปังและแป้งที่ตอนนี้ราคายังไม่แพงมากนักคงราคาพุ่งเป็นจรวดแน่ๆ … รอนมองดูแป้งและขนมปังที่เขาอุ้มอยู่ในวงแขน
ชาวบ้านโอลเซ่นทักทายรอนที่กลับมาถึง ต่างคนต่างแปลกใจบ้างที่รอนที่กลับมาจากปราสาทมีหน้าตาที่ดูเคร่งเครียดแต่ก็ไม่มีใครกล้าถามอะไรเขา
“คุณรอนเป็นอะไรรึเปล่าคะ” โรล่าถามทันทีที่เห็นว่ารอนมีสีหน้าผิดไปจากปกติ
“ไม่มีอะไรหรอกครับโรล่า” รอนตอบ … ครุ่นคิดอยู่หน่อยนึงก่อนที่จะพูดต่อ “ช่วงนี้คุณโรล่ามีจะออกไปนอกเมืองบ้างไหมครับ”
“ค่ะ … เมื่อสายๆนี่ชั้นเพิ่งออกไปซื้อไม้ฟืนทำอาหารที่มีคนขายตรงตลาดหน้าทางเข้าเมืองมา”
“ต่อจากนี้โรล่าห้ามออกไปนอกเมืองนะ” รอนสั่งด้วยน้ำเสียงจริงจัง ” แล้วก็วันนี้ไม่ต้องช่วยผมท่ีกระโจมแล้ว ให้ไปฝึกซ้อมใช้อาวุธกับคุณตาเบรเซอร์แทน”
“ได้ค่ะ…” เด็กสาวพยักหน้ารับ เธอรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างไม่ปกติกับเรื่องนี้ แต่ว่าเธอไม่ถามอะไรเพราะเชื่อว่าหากเป็นเรื่องที่บอกได้รอนย่อมบอกเธอออกมาแล้ว
“แล้วก็…. โรล่าใช้เวทไฟโจมตีได้กี่ครั้งครับ”รอนเปลี่ยนเรื่องถาม
“ได้ครั้งเดียวค่ะ แต่เป็นเวทไฟลูกเล็กๆเบาๆเท่านั้นนะคะ”
“แล้วถ้าเวทจุดไฟตั้งเตาอาหารแบบที่สู้กับออร์คในชุดเกราะแบบวันก่อนล่ะครับ …. เวทWind shieldด้วย”
“ถ้าใช้ทั้งสองอัน ก็ได้สัก4-5ครั้งมั้งคะ แต่ถ้าได้พักให้มานาฟื้นกลับมาก็ใช้ได้เรื่อยๆค่ะ” โรล่าตอบอย่างมั่นใจ
“ถ้างั้นเดี๋ยวคุณโรล่าตามผมมาตรงนี้หน่อยนะครับ”รอนดึงมือเด็กสาวไปทางหลังกระโจมตรงที่ลับสายตาจากคนอื่นๆ ชาวบ้านที่มองเห็นทั้งสองเดินหลบไปไม่ได้เดินตามไปหรือสงสัยอะไรนอกจากอมยิ้มกัน ทั้งสองหายลับไปหลังกระโจมครู่ใหญ่ๆ
“ว้าย!” เสียงร้องอย่างตกใจของโรล่าที่ดังออกมาทำให้ชาวบ้านที่นั่งแถวนั้นหันมองตาม พอลกับมาเรียที่ยินเสียงรีบวิ่งไปดู … ทั้งคู่เห็นโรล่ายืนหน้าแดงหายใจเร็วท่าทางตกใจ ส่วนรอนที่ยืนอยู่ข้างๆที่เสื้อและกางเกงเปื้อนคราบสีขาวๆ เครื่องแต่งกายทั้งคู่ยับยู่ยี่เหมือนเพิ่งวิ่งหลบอะไรมา
“ไม่มีอะไรครับ”รอนโบกมือแต่ไม่อธิบายอะไรมากกว่านั้น … เขาไม่อยากให้ชาวบ้านคนอื่นๆรู้เรื่องนี้เท่าไหร่เพราะไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดกันยังไงหรือธรรมเนียมเรื่องนี้ของโลกนี้เป็นอย่างไร… ให้เป็นความลับระหว่างเขากับโรล่าสองคนไปก่อนแล้วกัน
“คุณรอนคะ … เมื่อกี้นี้…”
“อย่าลืมที่ผมสอนแล้วกันครับ และให้ใช้วิธีนี้เฉพาะถ้าจำเป็นจริงๆเท่านั้น” รอนบอก
“ค่ะ”
ตอนเที่ยงรอนวาร์ปกลับไปที่โลก เขารีบลงไปที่คอมพิวเตอร์ชั้นล่างค้นหาไฟล์ในอินเตอร์เนท เขาหาครู่หนึ่งก่อนจะได้ไฟล์เอกสารออกมา เขาเซฟไฟล์นี้เข้าไปในมือถือและลองเปิดอ่านดู เมื่อเห็นว่าอ่านได้เขาก็สั่งพิมพ์จากprinterลงกระดาษทั้งหน้าหลังแล้วใช้ลวดเย็บกระดาษเอาไว้เป็นชุดเดียวกัน
******
วันรุ่งขึ้นช่วงเย็น สุเมธกำลังเก็บของที่วางนอกร้านวัสดุก่อสร้างเข้าไปในร้าน วันนี้เถ้าแก่ให้เขาทำงานล่วงเวลาอีกแล้ว … เขาก่นด่าเถ้าแก่ในใจ เพราะแม้ว่าจะให้เงินตอบแทนแต่มันก็น้อยนิดเดียว
“ขอโทษนะครับ ผมจะขอซื้อของหน่อยครับ” เสียงดังมาจากหน้าร้าน
“ร้านปิดแล้ว”
“รบกวนด้วยครับพี่ ผมจำเป็นจริงๆ”
สุเมธหันไปมอง เป็นเด็กมัธยมโรงเรียนเอกชนแถวนี้ …ครั้นเขาจะไล่ให้กลับมาซื้อใหม่พรุ่งนี้ก็คงไม่ได้เพราะว่าเด็กนักเรียนพวกนี้จะเลิกเรียนก็เย็นแล้ว
“เอ้า เข้ามาก่อน จะเอาอะไรบ้างบอกมา” สุเมธบอก
“นั่นครับ” เด็กหนุ่มคนนั้นชี้ไปที่ห่อที่วางซ้อนตรงด้านในของร้าน
“เอากี่อันล่ะ” เด็กเฝ้าร้านเดินไปหยิบกรรไกร
“เอาหมดเลยครับ แต่ผมอยากได้อันที่เก่าที่สุด แล้วก็เอาแบบที่ยังไม่แกะห่อรวมนะครับ ” เด็กหนุ่มบอก
“เดี๋ยวนะน้อง น้องจะเอาอันใหม่สุดใช่ไหม”
“ไม่ใช่ครับ เอาอันเก่าที่สุดครับ … ” เด็กนักเรียนคนนั้นบอก “เอาสองห่อ”
แปลกดี …สุเมธคิด แต่แล้วแต่เขาละกัน … เขาค่อยๆยกห่อของออกมาอย่างระมัดระวังทั้งสองห่อ เป็นห่อที่เก่าที่สุดและเริ่มมีสนิมขึ้นแล้ว
“น้องแน่ใจนะว่าจะเอาอันนี้ อันนี้มันเริ่มมีสนิมขึ้นแล้ว” ลูกจ้างร้านบอก
“แน่ใจครับ”
“ชุดละ3000 สองชุดก็6000” สุเมธบอกแล้วรับเงินมา …. “น้องๆ น้องให้เกินมา3000แน่ะ”
“อ๋อ อีก3000ผมให้พี่ไว้แล้วกัน แต่ว่าผมจะมาซื้ออีก2อันพรุ่งนี้ ให้พี่ช่วยเก็บเอาไว้ให้ผมหน่อยครับ” เด็กนักเรียนคนนั้นบอก
“โอ้ …..” สุเมธลืมตากว้าง … แค่ขายของครั้งเดียวได้ค่าน้ำร้อนน้ำชา3000เลยรึเนี่ย … “มาๆ รถอยู่ไหน เดี๋ยวพี่เอาไปไว้ท้ายรถให้”
เด็กนักเรียนคนนั้นใช้มือแต่ละข้างจับห่อม้วนขึ้นมาข้างละม้วน “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้เอารถมา บ้านผมอยู่แถวนี้เอง”
สุเมธมองเด็กคนนั้นยกม้วนห่อทั้ง2มัวนเดินออกไปอย่างบอกไม่ถูก ….. เพราะถ้าเขาจำไม่ผิด ห่อทั้งสองนั่นมันหนักห่อละ 50กิโลกรัม
*****
ตอนเที่ยงคืนรอนวาร์ปกลับไปยังกระโจมในเมืองกาล่า เขาวางห่อของชิ้นละ50กิโลกรัมทั้งสองห่อนั่นลงบนพื้น จากนั้นเช็คในกระเป๋าเป้ … เขาส่ายหน้าผิดหวังเล็กน้อยที่กระดาษที่Printมาทั้งปึกข้ามมิติมาได้แค่แผ่นเดียว
ดูเหมือนกฎการเคลื่อนย้ายจะเคร่งครัดมาก ทำให้ย้ายของได้แค่ชิ้นเดียว … และจะย้ายมาได้ทั้งหมดก็ต้องเป็นของที่ห่อรวมกันมาเกิน30วันเท่านั้น
ถ้าไม่ใช่ว่าติดเรื่องกฎข้อนี้ เขาคงจัดการขนเอาน้ำมันหรือลังอาวุธดีๆมาแล้ว
แล้วรอนก็ปลดกระดาษที่เหน็บที่เข็มขัดออกมาข้างละแผ่น … ยังดีเขาPrintแบบแปลนเครื่องยิงหินใส่กระดาษมาอีกสองแผ่น … และยังดีว่าหมึกพิมพ์หรือดินสอที่เขียนบนกระดาษแล้วมันถือว่าเป็นของชิ้นเดียวกับกระดาษ ไม่งั้นได้กลายเป็นกระดาษเปล่าแน่ๆ
รอนเอาของทั้งหมดตรงไปที่ปราสาท … เขาเข้าไปที่ลานหน้าปราสาท
“อู้ว”รอนซู้ดปาก เพราะตรงหน้าของเขา มีผู้ชายครึ่งร้อยคน … บ้างนั่งบ้างยืนอยู่ตรงลานหน้าปราสาท แต่ละคนไม่ได้ใส่เสื้อ กล้ามเนื้อบนตัวเป็นลอนนูนโค้งอย่างสมส่วน
งดงาม ……
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมามัวชื่นชมมัดกล้าม
“ท่านรอน … นี่คือช่างไม้ฝีมือดีของเมืองเรา” ท่านโซล่าแนะนำ” ที่จริงมีมากกว่านี้ แต่ที่อยู่ตรงนี้คือคนที่มีฝีมือและมีลูกน้องที่เชื่อใจได้ ท่านสามารถสอนช่างเหล่านี้ได้เลย”
“ครับ งั้นผมอยากจะให้ทุกคนมาดูสิ่งนี้ก่อนครับ”
รอนกวักมือให้แต่ละคนเข้ามาในที่ร่ม …จากนั้นเปิดโทรศัพท์มือถือ … และเปิดคลิป Offline ที่เซฟไว้ให้ดู
เป็นภาพTrabuchetขนาดยักษ์ … เครื่องยิงหินสมัยโบราณ ที่กำลังยก แกว่ง สะบัดเหวี่ยง ยิงหินให้ลอยข้ามไป …
ช่างไม้เข้ามามุงดูอย่างสนใจ ….หนังสือเวทมนตร์ที่ภาพขยับได้ไม่ใช่ของที่พวกเขาจะได้เห็นกันบ่อยๆ …ทั้งหมดใช้เวลา20กว่านาทีในการที่จะมุงดูจนครบ
“นี่เรียกว่าเครื่องยิงหิน Trabuchet เป็นอาวุธที่สามารถยิงหินที่หนักเท่ากับตัวคนได้ไกลหลายร้อยก้าว” รอนบอก “แต่เนื่องจากเวลาของเรามีจำกัด ผมเลยนำแบบแปลนของเครื่องยิงหินชนิดนี้ที่มีขนาดเล็กกว่ามา … แต่ถึงจะเล็กกว่า แต่ก็สามารถยิงหินได้แรงและไกลพอที่จะจัดการกับศัตรู”
ช่างไม้แต่ละคนมีอายุพอสมควร ประสบการณ์ที่ผ่านมาบอกให้พวกเขารู้ว่าการที่ท่านเจ้าเมืองขอให้พวกเขามารวมตัวกันโดยด่วน และมีเด็กหนุ่มมาพูดแบบนี้ … แปลว่าต้องมีเรื่องที่ไม่ธรรมดาเกิดขึ้น
“ข้าไม่ขอปิดบังพวกท่าน … ภายในสามวันนี้ เมืองของเราจะถูกโจมตีจากศัตรูที่มีจำนวนมาก” ท่านโซล่าบอก ” ศัตรูมีมากกว่าทหารประจำเมืองสองเท่า”
ช่างไม้ที่ยืนอยู่นิ่งหน้าตาตื่นกันจนเจ้าเมืองเองชักไม่แน่ใจแล้วว่าการบอกออกไปตรงๆนั้นถูกต้องหรือไม่ …. แต่หากไม่บอกออกไป ทุกคนก็จะไม่เห็นความเร่งด่วนของสภานการณ์นี้
“ทุกท่านอย่าเพิ่งกังวลไปครับ ผมอยากให้ได้ดูคลิปนี้ก่อน” รอนเปิดอีกคลิปนึง เป็นคลิปภาพยนตร์เมื่อ10กว่าปีก่อน ฉากสงครามที่ริมกำแพงเมืองในทะเลทราย เครื่องยิงหินที่ตั้งอยู่ในระยะไกลระดมยิงถล่มกำแพงและประตูเมืองที่หนาหนักจนถล่มทะลุ ก่อนที่ทหารราบจะบุกเข้าไปในเมือง
ช่างแต่ละคนมองคลิปนี้อย่างไม่กระพริบตา ….พลังทำลายล้างที่รุนแรงขนาดที่ทำลายกำแพงเมืองได้ …กำแพงเมืองในหนังสือเวทมนตร์ของพ่อหนุ่มคนนี้สูงและหนากว่ากำแพงเมืองกาล่าประมาณ3เท่าตัว ประตูก็ดูหนาและหนัก แต่กลับถูกถล่มจนทะลุได้ ….
เครื่องมือนี้ช่างสุดวิเศษจริงๆ !
“แต่น่าเสียดาย ดูจากภาพเคลื่อนไหวนี้ ข้าคิดว่าต้องใช้เวลาสักเดือนนึง …. ไม่สิ สักสองสัปดาห์ในการสร้างแบบแปลน”
ช่างที่อาวุโสที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้น …. แต่ก็เป็นการเอ่ยด้วยใจที่ลิงโลด เพราะเครื่องมือที่แปลกประหลาดนี้มีกลไกหลายจุดที่น่าสนใจและไม่เคยเห็นมาก่อน ต้องเป็นผลงานของช่างไม้ที่ปราดเปรื่องที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย … และจากภาพนี้เขาก็พอจะบอกได้ว่าจะออกแบบอย่างไรเพื่อสร้างเลียนแบบ
เพียงแต่เมื่อครู่นี้ท่านโซล่าบอกว่าศัตรูจะมาถึงในไม่กี่วัน ….. ถ้าเช่นนั้นคงต้องเร่งสร้างขณะที่เมืองกำลังถูกปิดล้อมสินะ
“อ๋อ พวกท่านไม่ต้องวิเคราะห์แปลนครับ …ผมมีแบบแปลนมาด้วย” รอนบอก
“ห๊ะ ท่านมีแบบแปลนมาด้วย” รอนหยิบกระดาษทั้งสามแผ่นออกมา
คราวนี้ไม่เพียงแต่ช่างไม้แล้ว แม้แต่ท่านเจ้าเมืองก็ตะลึงไปด้วย
แบบแปลนอาวุธคืออะไร
แบบแปลนอาวุธ คือความลับทางการทหารที่ผู้ประดิษฐ์แต่ละคนจะเก็บไว้เป็นความลับเพื่อสร้างอาวุธที่มีความพิเศษแล้วขายให้กับเมืองหรือกับอาณาจักร ดังนั้นแปลนอาวุธจึงถือเป็นความลับสุดยอดของแต่ละกิลด์ ของตระกูล หรือสมาคมสำนักต่างๆ
…..
ถ้าหากจะมีการสั่งทำด้วยบุคคลภายนอก ก็จะมีการแยกทำเป็นส่วนๆแล้วให้เจ้าของแปลนนำไปประกอบเป็นชิ้นเดียวขึ้นมา
แต่นี่เด็กหนุ่มคนนี้มีแบบแปลนอาวุธชิ้นนี้ในมือ!ครบทั้งชิ้น
… ช่างแต่ละคนมองด้วยสายตาที่ทั้งชื่นชมและสงสัย ความเป็นมาของหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดาแน่ๆ ถ้าไม่ใช่ผู้คิดค้นก็ต้องขโมยมา … แต่โอกาสที่จะเป็นขโมยนั้นต่ำมาก เพราะขโมยที่ไหนจะเอาแบบแปลนออกมาง่ายๆเช่นนี้
“งั้นท่านรอนจะแบ่งพวกเราเป็นกี่กลุ่มครับ” ช่างไม้อาวุโสถาม ” พวกเราจะได้เร่งลงมือทำแล้วนำมาส่งประกอบที่ปราสาทก็ได้”
“ทำไมต้องแบ่งด้วยล่ะครับ ถ้าแบ่งไปทำคนละส่วนมาประกอบเวลาประกอบไม่เข้ามันจะแก้ไขลำบาก ” รอนบอกอย่างฉงนสงสัย ” ….. ผมอยากให้พวกท่านทุกคนลอกแบบแปลนนี้ไปทั้งหมด แล้วไปทำประกอบมาเลยทั้งอันดีกว่าครับ “
ให้ลอกแบบ! ทั้งอัน!
ทั้งช่างไม้ ทั้งเจ้าเมือง รวมถึงทหารที่ยืนเฝ้าตรงนั้นต่างสะอึกสำลักอากาศพรวดออกมาพร้อมๆกัน
ให้ลอกแบบไปทั้งชิ้น
นี่ท่านไม่กลัวพวกเราจะรู้ความลับเลยเหรอไง
“…. ท่าน ท่านรอน ข้าเข้าใจว่าช่วงนี้คือช่วงเร่งด่วน …. ข้าอยากจะทราบราคาของแบบแปลนนี้ หรือส่วนแบ่งที่ท่านจะขอจากการสร้างเครื่องแต่ละเครื่องก่อน ” โซล่ากล่าว ” เมื่อเสร็จสิ้นการรบครั้งนี้ข้าจะได้จัดการได้ถูก”
เป็นที่เข้าใจได้ว่าเจ้าของแบบแปลนจะได้ส่วนแบ่งจากการสร้างเครื่องอาวุธแต่ละเครื่อง … หรือมิฉะนั้นก็จะเป็นการขายแบบในราคาสูง …แต่เมื่อคำนึงถึงความอยู่รอดของเมืองก็เป็นสิ่งที่คุ้มค่า
“ผมไม่คิดเงินครับ” รอนบอก
…….
แกร๊ง … แกร๊ง
นอกจากเสียงหอกในมือทหารยามสองคนที่หลุดจากมือตกพื้น แต่ละคนค้าง ไม่มีใครส่งเสียงอะไรออกมา
ไม่คิดเงิน!
“ทุกๆท่านครับ …. ถึงผมจะไม่คิดเงินแต่ผมก็มีข้อแม้ข้อนึง” รอนบอกและมองไปยังคนทุกคนในที่นั้น
“ผมขอให้ทุกท่านใช้อาวุธนี้เฉพาะในการต่อสู้ป้องกันเมืองเท่านั้น …ขออย่าให้เผยแพร่วิธีการทำออกไปและไม่นำออกไปโจมตีภายนอกที่ห่างจากเมือง …. รวมถึงขอให้ปิดเป็นความลับเรื่องที่ผมมอบแบบนี้ให้ฟรีๆ”
” ผมเองร่วมมากับชาวบ้านหมู่บ้านโอลเซ่นและหมู่บ้านอัลเลน มาขอหลบพึ่งพิงป้องกันภัยจากเมืองกาล่า …. ถ้าหากเมืองต้องต่อสู้และเสียหายจากมอนสเตอร์ ประชาชนไม่ว่าชาวเมืองหรือชาวหมู่บ้านก็จะต้องลำบาก ผู้คนล้มตาย ครอบครัวพลัดพราก … แม้จะทราบว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ผมก็อยากให้ทุกคนรอดชีวิตและผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกัน”
รอนก้มหัวให้กับช่างไม้ทุกคน และยื่นแบบแปลนในกระดาษA4ทั้งสามแผ่นให้
“ท่านรอน”
“ท่าน!”
“ท่านรอนไม่ต้องเป็นห่วง ….เมื่อเสร็จงานนี้ ข้าจะทำลายแบบแปลนที่ลอกไปให้หมด ข้าสาบาน”
“ใช่ ข้าด้วย …หากแม้นว่าต่อไปในอนาคตมีการนำเอาอาวุธนี้ไปใช้โจมตีผู้อื่น ข้าจะออกมาประกาศบอกที่มาของอาวุธและชักชวนให้ชาวเมืองจัดการล้มล้างคนที่สั่งการแบบนั้น”
” ท่านรอนไม่ต้องเป็นห่วง คนที่สั่งการให้เอาอาวุธออกไปโจมตีนอกเมืองได้มีเพียงข้าคนเดียว ข้าไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ” โซล่าเอ่ยพลางเอามือไปจับบ่าช่างไม้คนเมื่อครู่แปะๆ
ช่างไม้สองคนรับเอาแปลนมาจากมือรอน แล้วดึงกลับไปทางตน
‘แค้วก’
“อ้ากกกกกกก ม่ายยยยยยยย”
“แบบแปลนขาดแล้ว อ้ากกกกก”
รอนเอามือกุมขมับ ก่อนจะเปิดไฟล์เอกสารในโทรศัพท์มือถือให้พวกช่างดู ….คิดถูกจริงๆที่โหลดใส่มือถือมาสำรองอีกชุดนึง
เด็กหนุ่มมองไปยังทุกๆคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น … ดูเหมือนว่า[สกิลโกหกหน้าตาย] ใช้ได้ผลดีตลอดการพูดคุยทั้งหมด
ถ้ามองจากมุมของช่างไม้ ที่รอนทำคือการขาดทุนครั้งใหญ่ที่เสียสละเพื่อชาวเมือง
แต่สำหรับรอนแล้ว นี่คือการสร้างหลักประกันให้ตัวเขาเองและชาวบ้านโอลเซ่น … เพราะแม้ว่ารอนจะรู้จักกับโยฮันและเรย์ แต่การชี้เป็นชี้ตายในเมืองก็ขึ้นกับเจ้าเมืองโซล่า
แม้ว่าเขาจะนำยามาช่วยเหลือชาวเมือง แต่ก็มาในรูปแบบของการรับเงินตอบแทน ซึ่งในมุมมองของคนที่ไม่ชอบเขา ก็จะมองว่ามันคือการซื้อขายธรรมดาไม่ได้มีบุญคุณต่อกัน
ครั้งนี้รอนรู้ดีถึงคุณค่าและราคาของแบบแปลนอาวุธ แต่เขาก็มอบให้ฟรีๆ และเป็นการมอบให้ต่อหน้าช่างไม้แทบทั้งเมือง … แล้วช่างไม้ต่างจากช่างอาวุธ ชุดเกราะ และร้านขายอุปกรณ์เวทยังไง ?
ในขณะที่ร้านอาวุธ เกราะ และอุปกรณ์เวท จะมีสายสัมพันธ์กับชนชั้นปกครอง … ดังตัวอย่างเช่นที่กุชชี่รู้จักกับมีอา …
ช่างไม้ คือช่างที่ใกล้ชิดกับประชาชนในเมืองมากกว่าการใกล้ชิดชนชั้นปกครอง
ดังนั้นหากเกิดอะไรขึ้นกับรอนหรือชาวบ้านโอลเซ่น … โอกาสที่จะเกิดความไม่พอใจที่ควบคุมไม่ได้มากกว่า
แม้เจ้าเมืองจะดูเป็นคนดี แต่บทเรียนสอนให้รอนต้องระวังตัว และแบบแปลนอาวุธนี้จะเป็นเกราะป้องกันให้เขาอีกชั้นหนึ่งขณะอาศัยในเมืองนี้
…..
“อ้อ ท่านโซล่าครับ … เรื่องการจัดการกับออร์คไรเดอร์และมอนสเตอร์เสือสีเทาที่มันขี่มา … ผมมีวิธีจัดการแล้ว … จะขอให้เตรียมแท่งไม้ที่ปักลงดินได้แบบแน่นหนาจำนวนมาก กับคนแข็งแรงๆหลายคนหน่อยนะครับ”