Midterm Fantasy - ตอนที่ 45
รอนมองดูจดหมายในมืออย่างชั่งใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ทำให้เขาคิดหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสามคน
กวิน เอกชัย และตัวเขาเองรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยประถมและมาสนิทกันในช่วงมัธยมตั้งแต่ชักชวนกันไปเล่นเกมทั้งออฟไลน์ออนไลน์ ช่วงเวลาที่ใช้ร่วมกัน มีการคุยกันทุกวัน เล่นเกมกลางดึกบ่อยครั้ง ดูไปดูมาแล้วพวกเขาทั้ง 3 คุยกันยิ่งกว่าที่คุยกับพ่อกับแม่เสียอีก
เอาเถอะในจดหมายก็บอกให้ไปเจอกันที่ดาดฟ้าของโรงเรียน ทั้งคู่จะมาทำอะไรแบบที่ทำเมื่อวันก่อนก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็พับกระดาษ ใส่ไว้ในเก๊ะ แล้วเดินจากห้องเรียนออกไปตามทางเดิน ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้นบนสุด
เมื่อดูว่าไม่มีใครแล้วรอนก็ขึ้นบันไดขึ้นไปดาดฟ้า แล้วเปิดประตูออกไป ที่ดาดฟ้าของโรงเรียนนั้นเขาเห็นเด็กผู้ชายอีก 2 คนยืนอยู่
ทั้งสองฝ่ายมองหน้ากันไม่มีใครพูดอะไรอยู่อีกใจหนึ่ง แล้วกวินก็พูดขึ้น
“รอนเราขอโทษ”
รอนมองหน้ากวินกลับใบหน้าที่เรียบเฉย เขาพยักหน้าให้แต่ไม่ได้พูดอะไร
“รอน….เราก็ขอโทษนายเหมือนกัน” เอกชัยพูดตาม รอนมองหน้ากลับเช่นกัน
“นายทั้งสองคนมีเรื่องจะพูดกับเราแค่นี้ใช่ไหม … ถ้ามีแค่นี้ไม่ต้องคิดมากหรอก เรายกโทษให้” เด็กหนุ่มบอกขึ้นแล้วทำท่าจะหันกลับไป กวินและเอกชัยเดินเข้ามาทันที
“ไม่ใช่ๆ เรามีเรื่องจะคุยมากกว่านี้…. คือว่า….เอ่อ …..” ทั้งคู่ทำเสียงลังเล
“มีอะไรก็ว่ามา” รอนบอกอย่างรู้สึกรำคาญ
“งั้นเราจะเล่าให้ฟังทั้งหมดแล้วกัน คือตอนที่เราไปพนันกับพวกนั้น พวกนั้นมันรู้ว่านายอยู่ทีมเดียวกับเราเป็นประจำ ….. พวกมันก็เลยถูกบังคับเราให้บอกที่อยู่ของนาย ไม่อย่างนั้นมันจะทำร้ายพวกเราทั้งสองคน” กวินบอกด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “ เราไม่มีทางเลือกจริงๆ ตอนนั้นก็เลยต้องโทรเรียกนายมา ….. ตอนนั้นพวกมันก็บอกว่ามันจะแค่เอาเงินแล้วก็ไปเท่านั้น แล้วเราสองคนก็คิดว่าพอจบเรื่องแล้วก็จะเอาเงินมาคืนนาย”
รอนรับฟังคำที่อดีตเพื่อนเล่า … เขาไม่ได้เชื่อทั้งหมด ส่วนหนึ่งเพราะความไว้ใจที่เคยมีให้ต่อกันได้หมดสิ้นไปแล้ว และอีกส่วนหนึ่งก็คือ ตลอดเวลาที่เล่นเกมออนไลน์ด้วยกันมา เขาก็พอจะรับรู้ได้ถึงนิสัยของกวินและเอกชัยว่าเป็นเช่นไร
บางครั้งที่เล่นเกมในทีมเดียวกัน มีหลายครั้งที่ทั้งคู่เก็บไอเทมดีๆเอาไว้เองแล้วไม่ได้บอกเขา
ต่างจากเวลาที่เขาเล่นเกมด้วยกันเป็นทีมแล้วเก็บของดีได้ก็จะเอามาแบ่งขายในเกมแล้วแบ่งเงินในเกมกัน
“ใช่ๆที่กวินพูดมาเป็นความจริง” เอกชัยพูดเสริม “พวกเราทั้งคู่โดนขู่ แล้วพวกมันก็บอกว่าจะเอาเงินจากนาย ได้เท่าไหนเท่านั้นแล้วจะไม่มายุ่งกับพวกเราอีก”
รอนพยักหน้าให้ไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากรับฟังไว้อย่างเดียว
“และที่เราเรียกนายมาคุยด้วยในวันนี้ก็มีเรื่องอยากจะขอร้อง”
“มีอะไรก็ว่ามา….”
“ เราอยากจะขอยืมเงินหน่อย เราจะเอาไปจ่ายพวกนั้น”
รอนขมวดคิ้ว … จากเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดขนาดนี้แล้ว ทั้งคู่ยังมีหน้ามาขอความช่วยเหลือจากเขาอีกรึ
“นายอยากจะยืมเงินเราเท่าไหร่ล่ะ … เราไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอก … ช่วงนี้เงินเราก็แทบไม่เหลือเลยเหมือนกัน” รอนบอกไป … ตอนนี้เงินของเขาก็เหลือไม่มากเหมือนกัน
“ได้โปรดเถอะรอนช่วยพวกเราทั้งสองคนด้วย” กวินอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร “ถ้าพวกเราไม่มีเงินไปจ่ายให้ไอ้เจ้าพวกนั้น พวกมันเอาแต่พวกมันเอาเราตายแน่”
“ นายก็ไปบอกพ่อแม่หรือไม่ก็บอกตำรวจสิ จะมาบอกเราทำไมบอกไปเลยว่าพวกนั้นมันขู่นายทั้งคู่”
“ไม่ได้หรอกรอน ถ้าเราบอกไปไม่ว่าจะบอกตำรวจหรือบอกพ่อแม่ แล้วโรงเรียนรู้ว่าเราเล่นพนัน เราทั้งคู่ไม่โดนทำทัณฑ์บนก็โดนไล่ออก ขอร้องเถอะรอนช่วยพวกเราด้วย พวกเราลำบากจริงๆ คิดถึงความเป็นเพื่อนที่ผ่านกันมา เห็นแก่ความเป็นเพื่อนของพวกเราทั้งสามคนที่ผ่านมาด้วยเถอะ” เอกชัยขอร้องด้วยตาแดงเรื่อๆเหมือนจะร้องไห้
‘ความเป็นเพื่อนของพวกเรา นายทั้งสองคนทำลายมันไปเองตั้งแต่วันก่อนแล้ว ยังจะมาพูดถึงอีกทำไม ’ รอนคิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป
“เอาอย่างนี้แล้วกัน” รอนตอบพร้อมกับหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา ดึงบัตรเอทีเอ็มออก “ในบัตร ATM ใบนี้มีเงินเก็บของเราเกือบทั้งหมด เราให้นายเอาไปกดเงินไปจ่ายพวกนั้น มีเท่าไหร่ก็เอาไป แล้วถ้าพวกนายมีเงินค่อยเอามาคืนเราตอนหลัง เงินที่มีในนั้น,มีไม่ถึง 20000 แต่มันก็คือเงินทั้งหมดที่เรามี ……….. ถ้ามากไปกว่านี้เราก็ช่วยไม่ได้แล้วแหละ”
กวินกับเอกชัยรีบรับไปอย่างดีใจสุดๆ
“รหัสของ atm ใบนี้คือ 1412” รอนบอก “พอนายเอาไปใช้เสร็จเรียบร้อยแล้วก็เอาไปคืนเราที่ห้องแล้วกัน แล้วเราก็จะเปลี่ยนรหัสเองทีหลัง”
ทั้งกวินและเอกชัยไม่จำเป็นต้องจดรหัสATM เมื่อครู่ เพราะ 1412 คือชื่อทีมที่ทั้งสามคนใช้ในการเล่นเกม
และสำหรับรอน หลังจากนี้เป็นต้นไปเขาก็จะตัดทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับสองคนนี้ทิ้งโดยไม่เหลืออะไรในชีวิตที่ติดค้างกันอีก
“ถ้าพวกนายมีเรื่องอยากจะคุยกับเราแค่นี้งั้นเราไปก่อนแล้วกัน … อย่าลืมเอาบัตร ATM ไปคืนเราด้วย” เด็กหนุ่มพูดก่อนจะโบกมือแล้วเดินลงจากดาดฟ้าไป
กวินและเอกชัยมองหน้ากัน เมื่อเห็นรอนปิดประตูดาดฟ้าและได้ยินเสียงฝีเท้าเดินลงไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็ยิ้มขึ้น สีหน้าจากเดิมที่ดูน่าสงสารและกำลังมีน้ำตาเอ่อที่ตาทั้งสองข้างเปลี่ยนไป กลับกลายเป็นสีหน้ายิ้มอย่างผู้ชนะ
“คอยดูเถอะมึง ทำพวกกูเจ็บแสบขนาดนี้ กูจะเอาคืนให้สาสม” กวินรำพึงกับตัวเอง
แล้วเด็กหนุ่มทั้งสองก็มอง ATM ในมือ
“พวกกูจะต้องให้มึงกราบเท้าร้องไห้ต่อหน้ากูแล้วไสหัวไปจากโรงเรียนนี้”
** ** ** ** **
รอนเดินกลับจากดาดฟ้า เขากลับไปที่ห้องเรียนด้วยความรู้สึกแปลกๆ เพราะเขาเพิ่งตัดสัมพันธ์เพื่อนอย่างเป็นทางการ … แต่เขาไม่ได้รู้สึกแย่อย่างที่คิด
ทีแรกเขาคิดว่าจะเดินไปกดATMให้เอง
แต่เขาก็ทำใจไม่ได้ ที่จะต้องเดินไปกดเงินเองแล้วเดินกลับมาเอาเงินให้2คนนั้น
ครั้นจะไม่กดเงินให้เลย ไม่ช่วยอะไรเลย …. เพื่อนที่คบกันมาตั้งนาน เห็นกันมานาน … จะไม่ช่วยอะไรเลยเขาก็รู้สึกแปลกๆ
เพียงแต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่รู้ก็คือว่า การที่เขาทำตัวเป็นเหมือนพระเอกMVให้ATMและรหัสกับทั้ง2คนนั้นไปเพราะคิดว่าไม่มีอะไร จะนำพาความฉิบหายยุ่งยากมาให้เขาแบบที่เขาคาดไม่ถึง
** ** ** **
แพทเพิ่งมาถึง เธอเก็บกระเป๋าอยู่เหมือนกัน เมื่อเห็นรอนเธอก็ทัก ด้วยสีหน้าแปลกๆ
“สวัสดีรอน … ”
“สวัสดีแพท”
“…. นี่ พ่อเราฝากมาให้”
เด็กสาวยื่นเงินให้ 3000บาท รอนรับมาแบบงงๆ
“ค่าอะไรเหรอ” รอนถาม
“…… เธอได้เช็คเงินในบัญชีบ้างไหม” แทนคำตอบ แพทถามคำถามนี้แทน … “นี่เป็นค่าผลึกสีแดงที่เธอเอาให้พ่อเราน่ะ”
“อ่อ เราไม่ได้เช็คเลยน่ะ” รอนตอบ
จะว่าไปเงินในบัญชีขเอทีเอ็มเขามีเหลือเท่าไหร่ก็ไม่รู้ เพราะว่าช่วงหลังที่กดเอาไปSupport(เปย์)ให้หมู่บ้านโอลเซ่น เขาก็ไม่ได้ดูเงินที่เหลือเลย
“ไม่ได้นะรอน … เรื่องเงินเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเธอไม่รู้เงินเข้าเงินออก ไม่รู้ว่ามีเงินเหลือใช้เท่าไหร่หรือได้อะไรมาบ้าง ต่อไปจะลำบากนะ”
“คือเราเชื่อใจพ่อของเธอว่ายังไงก็จะโอนเงินเข้าแน่ๆเลยไม่ได้เช็คด้วยน่ะ”
“มันไม่ใช่เรื่องความเชื่อใจหรือไม่เชื่อใจ ถ้าพ่อเราลืมโอนขึ้นมา เธอก็ไม่รู้สิ ” แพทบอก”แล้วบัญชีที่เธอใช้อยู่เหลือเงินเท่าไหร่เธอรู้บ้างไหม “
รอนนิ่งไป เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าก่อนจะเอาเงินให้
“รอน อันนี้เราซีเรียสนะ ต่อจากนี้ไปเธอต้องทำบัญชีรับจ่ายนะ เริ่มจากเงินนี่เลย”แพทบอก ยื่นเงินให้พร้อมสมุดบัญชีเล่มเล็กที่เตรียมมาด้วย
รอนรับไว้แล้วกำลังจะเลยผ่านไปแล้วฉุกคิดได้
ทำไมแพทถึงเตรียมสมุดบัญชีมาด้วยล่ะ .. หรือว่า…
“แพท… พ่อเธอมีพูดอะไรถึงเราหรือเปล่า มีอะไรหรือเปล่า”
เด็กสาวพยักหน้าให้
“วันอาทิตย์ที่เธอโดนทำร้าย … พอเรากลับบ้านไปเราก็เล่าให้พ่อฟัง ทั้งเรื่องที่นายบาดเจ็บ แล้วก็เรื่องที่นายไปเพราะถูกกวินหลอกเอา “แพทบอก “พอพ่อฟัง ตอนแรกไม่ได้ว่าอะไร แต่พอเราบอกว่าเธอไม่อยากเอาเรื่องอะไรพวกนั้นแล้วก็ไม่ได้บอกพ่อแม่หรือครูเลย …. พ่อเราก็โมโหมาก”
“พ่อบอกว่าปล่อยเอาไว้แบบนี้ต่อไปจะก่อความยุ่งยากตามหลังมาได้ …”
รอนส่ายหน้า
“เราไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะถ้าครูรู้เราก็ไม่รู้ว่าสองคนนั่นจะเจอให้ออกจากโรงเรียนหรือเปล่า เราไม่อยากเป็นคนทำร้ายสองคนนั่น”
“รอน… เธอใจดีเกินไป”
“อันนี้พ่อเธอบอกหรือเธอบอก” รอนยิ้ม
“พ่อเราบอก … และเราก็เห็นด้วย … เรื่องเก็บเงินด้วย ถ้าเธอทำแบบนี้ต่อไป ต่อไปเธอเองจะเจ็บเพราะคนที่เธอคิดว่าเชื่อใจได้นะ”
“เราเข้าใจแล้ว “เด็กหนุ่มบอก…โดยไม่ได้คิดอย่างนั้น
“แต่ยังไงเราก็ไม่อยากทำร้ายใคร ถ้าเลือกได้เรายอมเจอคนที่เราไว้ใจทำร้ายดีกว่า … และเราเองก็จะระวังให้มากขึ้นไม่ให้เกิดเรื่องแบบนั้น”
แพทส่ายหน้า “เราพอจะรู้ว่าเธอทนได้หากเธอจะถูกหักหลังหรือทำร้าย…. แต่แบบนี้คนที่รักและใกล้ชิดกับเธอต้องเจ็บไปด้วย มันยุติธรรมแล้วเหรอ” เธอบอก ” …. มันถูกแล้วเหรอที่เธอเห็นแก่ความรู้สึกของคนที่ไม่เคยคิดว่าเธอเป็นเพื่อน แต่กลับทำร้ายความรู้สึกของคนที่รักและหวังดีกับเธอ”
เด็กหนุ่มไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเริ่มคิดตาม … แต่ก่อนเขาเคยคิดว่าการทำแบบนั้นถือเป็นสิ่งที่ดี เป็นการเสียสละ แม้ว่าจะถูกหักหลังแต่ดีกว่าไปทำร้ายคนอื่น
แต่ที่แพทพูดก็ทำให้เขาเริ่มคิดแล้ว ว่าจริงๆที่เขาทำอยู่มันถูกต้องแล้วหรือ
มันดีแล้วหรือ?
รอนไม่ได้พูดอะไรออกไป ได้แต่สับสนกับความคิดของตนเอง
ตอนเที่ยงและเย็น ทั้งสองคนก็ติวกันเหมือนทุกวัน ต่างไปแต่ว่าวันนี้เด็กสาวดูเงียบกว่าที่เคยเป็น
ห้าโมงเย็นลุงบัวมารับแพทกลับบ้านไปแล้ว …หลังจากแพทกลับไปแล้วรอนก็ไปที่ชั้นหนังสืออีกครั้ง เขาลองหยิบหนังสือ”สามก๊ก”ออกมาอีกครั้ง
หนังสือหนาหนักเล่มนี้คือเล่มที่เขาต้องการจะอ่านเพื่อเพิ่มความรู้เรื่องกลยุทธ์
แต่มันจะช่วยได้ยังไงกันนะ จะช่วยได้จริงหรือเปล่า
รอนลองเปิดอ่านดูคร่าวๆ เปิดผ่านๆ แต่ยิ่งอ่านเขายิ่งรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยเข้าใจ
เนื้อหาภายในมันไม่ละเอียด
มันบอกแค่ว่าใครทำอะไรที่ไหน บอกแค่ว่าเลือกใช้แผนนี้ แล้วจัดการศัตรูอย่างได้ผล บรรยายฉากความย่อยยับของศัตรู อ่านแล้วรู้สึกดีถ้าเชียร์ฝ่ายนั้น อ่านแล้วรู้แย่หากฝ่ายที่เชียร์ถูกทำร้าย
แต่รายละเอียดที่บอกเรื่องวิธีคิด การวางแผน การตัดสินใจ มันไม่มากพอที่เขาจะเรียนรู้
“เฮ้ย มาทำอะไรวะรอน”เสียงดังมาจากด้านหลัง
” อ้าว นิว ” รอนทัก ” เรามาหาหนังสือ …อยากจะหาหนังสือเกี่ยวกับพวกกลยุทธ์แบบที่เอาไปใช้จริงได้น่ะ”
” อ๋อ จะเอาไปใช้เวลาเล่นเกมใช่ไหม …เกมไหนวะ” นิวคิด “กลยุทธ์ระดับไหน ระดับMacroพวกดูเศรษฐกิจการทหารการเมืองทั้งประเทศ หรือพวก Microที่ดูระดับหน่วยรบกองทัพ”
รอนตอบในทันที “ดูระดับหน่วยกับกองทัพ แบบที่ใช้ในสนามรบน่ะ”
“แล้วนายต้องการแบบระดับวางแผนในสนามรบสนามเดียว หรือรวมไปถึงเรื่องการวางแผนก่อนการมารบกันด้วยล่ะ” นิวถามต่อ
รอนคิดต่อ …ในเหตุการณ์ครั้งล่าสุด เพราะเขาคิดถึงแต่การรบครั้งนั้นๆโดยไม่ได้วางแผนเผื่อหรือวางแผนสำรอง เลยเกือบทำให้เกิดความสูญเสีย
งั้น เอาแบบรวมไปถึงการวางแผนก่อนการรบด้วยแล้วกัน
“เอาแบบที่ดูภาพรวมกับแบบในสนามรบพร้อมๆกันน่ะ” รอนบอกไป
“โอเค งั้นนายวางหนังสือนิยายเล่มนั้นลงก่อน” นิวชี้ไปที่หนังสือสามก๊ก “แล้วนายตามเรามานี่ “
นิวเดินพารอนไปอีกด้านนึง … สำหรับนิว เป็นเพื่อนร่วมชั้นที่เล่นเกมเหมือนกัน แต่ถ้านับรอนว่าเป็นเนิร์ดทางเกม นิวจะอยู่ในกลุ่มเนิร์ดประวัติศาสตร์ ที่ใช้การเล่นเกมออนไลน์เป็นสนามการทดลองเรื่องประวัติศาสตร์ที่อ่านมากว่า
“นี่ เล่มพวกนี้เป็นthe Must ถ้านายเล่นแบบสนามใหญ่และดูการรบทั้งหมด ” นิวชี้ให้ดูหนังสือแถวนึง
“36กลยุทธ์??” รอนดูชื่อหนังสือหลายเล่มตรงนั้น “แล้วเล่มไหนดีล่ะ”
“อ่านมันทุกเล่มแหละ” นิวตอบ “คือสามสิบหกกลยุทธ์น่ะมันหลักเดียวกัน แต่ว่าตัวอย่างที่แต่ละเล่มยกมามันก็ไม่เหมือนกัน ถ้าอ่านหลายเล่มก็เห็นภาพชัดขึ้น “
“อาฮะ” รอนหยิบขึ้นมาพลิกๆดูสองสามเล่ม สารบัญแต่ละเล่มคล้ายๆกันคือพูดถึง36กลยุทธ์ แต่ตรงเนื้อหามีความละเอียดมากขึ้น
“ถ้านายอ่านหลายเล่มพอ ในนี้ก็มีพูดถึงเรื่องสามก๊กแหละ และนายจะย้อนกลับไปอ่านสามก๊กอีกครั้งก็ได้ … แต่ถ้านายอยากได้แนวคิดแบบเป็นระบบเกี่ยวกับการทหาร นายอ่านจากตรงนี้จะเร็วกว่า และเอาไปใช้กับเกมพวกสงครามสมัยสงครามโลกได้ด้วย” นิวบอกแล้วพาเดินต่อ
ทั้งคู่เดินต่อไปถึงหมวดหนังสือภาษาอังกฤษ นิวชี้เข้าไปตรงหมวด 940
“นายลองหาดู หนังสือพวกที่มีคำว่า Battle เอาพวกที่หน้าปกสวยๆ “
รอนหาหนังสือดู แล้วก็เจอหนังสือ หน้าปกเขียนว่า Battle of Agincourt
“อืม นายลองดูนี่ ที่นายจะต้องหาก็คือนี่ ” นิวพลิกให้ดู ” หาหนังสือไหนก็ได้ที่พูดถึงการรบ แล้วนายก็พลิกหาหน้าที่มีชาร์ทสนามรบแบบนี้”
นิวเปิดหน้าที่มีภาพวาดสนามรบ และมีสัญลักษณ์สี่เหลี่ยมและขีด ที่แทนหน่วยทหารม้า ทหารราบ พลธนู
” ในนี้จะมีรายละเอียดเยอะแยะ เช่นก่อนตั้งกระบวนทัพ สองฝ่ายมีที่มายังไง สภาพอากาศแบบไหน ทำไมจึงตัดสินใจตั้งทัพแบบนั้น … ไปจนถึงช่วงการรบ ว่าทำไมเคลื่อนทัพแบบนั้น ฝ่ายที่แพ้เกิดพลาดหรือมีข้อจำกัดตรงไหน … แบบนี้เวลาอ่านจะได้เข้าใจและไม่พลาดเหมือนกับที่แม่ทัพนั้นพลาด”
นิวอธิบายอย่างรวดเร็ว
“อ้อ แล้วนายอย่าลืมนะ เวลาอ่านพวกนี้อย่าอ่านผ่านๆแบบอ่านนิยาย ให้นายอ่านแล้วคิดตาม … อ่านเสร็จลองค่อยๆคิดว่าในแต่ละการศึกมีการใช้36กลยุทธ์ข้อไหนบ้าง แล้วเวลาเอาไปใช้ตอนเล่นเกมก็จะใช้ได้คล่อง”
“ขอบใจมาก… เดี๋ยวเราจะไปยืมหนังสือ 36กลยุทธ์ซุนวูมาอ่านก่อนแล้วกลับมาหมวดนี้อีกที” รอนขอบคุณ
นิวดินมาตบบ่าแปะๆ “ไม่เป็นไรเพื่อน …. แต่ว่า … 36กลยุทธ์ไม่ใช่ของซุนวู ของซุนวูนั่นมันหนังสือ The Art of war มี13ข้อว่ะ”
รอนยืมหนังสือกลับบ้านเล่มนึง จากนั้นกลับบ้าน
ขากลับเขาเดินผ่านร้านอาม่าหน้าปากซอย วันนี้ร้านอาม่าเปิด …. รอนเห็นหญิงชรานั่งตรงเก้าอี้กลมตัวเล็ก ที่ศีรษะมีผ้าก็อซสีขาวแปะมัดไว้
“อ้าว อาม่าเป็นอะไรเหรอครับ”
“อ้อ อารอน … ม่าล้มหัวฟาดพื้นน่ะ เข้าโรงพยาบาลไปวันนึงแล้วก็กลับไปอยู่กับลูกแล้วเพิ่งกลับมา” อาม่าบอก “รอนจะซื้ออะไรไหม”
“เอ่อ …. อาม่าพอจะมีมีดไหมครับ มีดแบบที่ร้านขายของยี่สิบบาทเค้าเอามาขายกัน”
อาม่าคิดแป๊บนึง “มีสิ อาม่าเคยสั่งมา แต่มันขายไม่ได้ อาม่าเลยใส่กล่องไว้2-3เดือนแล้ว”
“โอ้ ขอผมดูหน่อยได้ไหมครับ”
“ได้สิ แต่เธอต้องมายกเองนะ อาม่ายกไม่ไหว” อาม่าบอกก่อนจะลุกเดินไปทางด้านหลังบ้าน … เด็กหนุ่มเดินตามเข้าไปในตัวห้องแถวจนถึงหลังร้าน ตรงบันไดที่ขึ้นชั้นสอง มีบันไดลงชั้นใต้ดิน
เดี๋ยวนะ ห้องแถวแบบนี้มีชั้นใต้ดินด้วยเรอะ
… อาม่าเปิดไฟ
“ลงมาสิอารอน เดินดีๆนะ” อาม่าเดินลงไป รอนเดินตามลงไป ข้างล่างเป็นห้องพื้นที่ขนาดใหญ่เท่ากับชั้นบน … แต่อาม่าเดินวนไปทางด้านหลัง
“กล่องอยู่ตรงไหนครับอาม่า” รอนถาม
“ต้องลงไปอีกชั้น กล่องมีดอยู่ชั้นใต้ดินสอง” อาม่าบอกแล้วเดินลงไปต่อ
ชั้นใต้ดินสอง …. รอนคิดตาม …. อาม่ามีห้องใต้ดินกี่ชั้นเนี่ย!
เด็กหนุ่มเดินผ่านกองแผ่นเหล็ก เครื่องตัดเหล็ก เครื่องปั่นไฟ หินเจียร สว่าน … อาม่ามีของพวกนี้ขายด้วยเรอะ?
เสียงปั้มสูบน้ำดังมาเป็นระยะ ปกติชั้นใต้ดินในกรุงเทพจะมีปัญหาเรื่องน้ำขัง แต่จากเสียงที่ว่านี้ก็เป็นตัวบอกว่ามีการสูบน้ำออกเป็นระยะ … เจ้าแผงโซล่าเซลล์ที่ติดตรงหน้ากันสาดร้าน น่าจะจ่ายไฟให้เจ้าเครื่องสูบน้ำแหงๆ
เขาลงไปถึงชั้นล่าง เห็นอาม่ากำลังเปิดกล่องอยู่
… เป็นมีดสแตนเลสสีเงินในแพ๊คคู่แบบที่เขาซื้อจากร้าน20บาทจริงๆด้วย !
“แบบนี้แหละครับที่ผมกำลังหา ….ในกล่องนี่มีกี่อันครับ” รอนถาม
“น่าจะ50อัน เพราะว่าอาม่าเอาไปแขวนที่หน้าร้านอันนึงแต่ขายไม่ออก เลยเอาลงมาเก็บไว้ใหม่” อาม่าตอบแล้วชี้ไปที่ข้างกล่องที่มีเลข50
“งั้นผมเอาหมดกล่องนี่เลยครับ” รอนบอก “เท่าไหร่ครับ”
“แพ็คละ20 … งั้นก็1000บาท” อาม่าบอก
รอนหยิบธนบัตร1000จ่ายให้ทันที ถึงแม้ว่าตอนนี้เงินเก็บจะไม่เหลือแล้ว แต่ว่าสิ่งที่ทางนั้นต้องการมากที่สุดก็คืออาวุธสำหรับชาวบ้าน
เขาเรียนรู้แล้วว่า การที่ชาวบ้านมีแต่หอก เมื่อถึงเวลาจำเป็นที่ต้องสู้ประชิดตัวหรือสู้กับมอนสเตอร์พวกบราวนี่ หากไม่มีมีดสั้นแล้วเจอประชิดตัวจะลำบากมาก
รอนหิ้วกล่องกลับมาที่บ้านแล้วเอาขึ้นห้องนอนไป
เมื่อวางกล่องแล้วเขาจดทันที
ได้เงินมา3000บาท
ซื้อมีด50คู่ 1000บาท
เหลือ2000บาท
จากนั้นถ่ายภาพแล้วส่งไปให้แพทว่าเขียนบัญชีแล้ว
ติ๊งต่อง
รอนดูข้อความที่ส่งกลับมา
‘มีดอะไร… .ใช้อะไรเปลืองแบบนี้’
อุ้ย …………….
****
ปล. สำหรับคนที่สงสัยมานานว่าตกลงรอนเป็นคนดีใช่ไหม บทนี้คงได้คำตอบ … รอนไม่ได้ใจดี รอนโง่
ปอ. ไม่น่ามีโง่กว่านี้แล้วเพราะพล็อตนี้วางไว้ตั้งแต่ต้นเรื่อง ตรงนี้โง่สุดแล้วสำหรับรอน
ปฮ. และในชีวิตจริง ไรต์เจอเด็กม.ต้นที่เกิดปัญหาแบบนี้ “หลายคน” … เรามารอดูต่อไปละกันว่าผลของความใจดี(โง่)ครั้งนี้จะมีอะไรตามมา