Midterm Fantasy - ตอนที่ 44
รอนและโรล่าวิ่งไปที่ร่างของแอริสที่ถูกหอกปักอยู่ หอกนั้นปักทะลุท้องไปจนทะลุหลังด้านซ้าย รอคโค่และทหารอีกหลายนายกำลังคุยกันเรื่องแผนในการช่วยเหลืออยู่
“คุณแอริส”
“ฮะ ฮะ คุณรอน ปลอดภัยดีใช่ไหมครับ”
“ปลอดภัยครับ” เด็กหนุ่มตอบ “คุณแอริส…”
นักเวทหนุ่มนอนอยู่ที่พื้น เขาไอออกมา เลือดซึมจากมุมปาก
“เอาล่ะ เดี๋ยวพวกเราจะใช้<High Heal> รักษา พอถอนหอกออกปุ๊บ ข้าจะใช้ <High Heal> ก่อน แล้วคนที่เหลือก็รีบร่ายเวทตามกันไป” นักบวชรอคโค่บอก ” แล้วถ้ายังไม่หายอีก แอริสจะต้องใช้เวทของตัวเองรักษา … แล้วได้แค่ไหนก็คงแค่นั้น”
แต่ละคนพยักหน้ารับ …
“เห็นแอริสบอกว่าคุณรอนใช้เวทมนตร์ไม่ได้” นักบวชรอคโค่พูด “งั้น คุณรอนช่วยถอนหอกแล้วกัน เพราะคนอื่นๆจะได้เตรียมร่ายเวท … เราต้องร่ายให้ทันเวลา”
รอนพยักหน้าให้กับทุกคน …แอริสยกมือขึ้นอย่างเหนื่อยอ่อน …
“คุณรอนครับ ….ผมอยากจะฝากสร้อยคออันนี้ไว้กับคุณรอนก่อน ….. ผมกลัว … มันจะเปื้อนเลือด”
แอริสหยิบสร้อยคอที่เขาซื้อมาเพื่อจะฝากให้น้องสาวขึ้นมา แล้วยื่นให้รอน รอนรับไปเก็บไว้ มองดูชายหนุ่มที่หายใจรวยรินตรงหน้า
“เอาล่ะ คุณรอน ดึงเลย…….. หนึ่ง สอง สาม”
รอนกระชากหอกออก เลือดพุ่งออกมาจาก Abdominal aorta เป็นสายน้ำพุย่อมๆ ออกมาตามรอยแผลจากคมหอก
“ข้าแต่เทพไฮจีเน่ โปรดประทานพร <High Heal>”
“ข้าแต่เทพไฮยีเน่ผู้รักษาคุ้มครอง โปรดมอบพลังชีวิตให้กับชายคนนี้ <High Heal>”
“ข้าแต่เทพไฮยีเน่ผู้ปกปักรักษา โปรดคุ้มครองกายาแก่ข้ารับใช้ตรงหน้านี้ <High Heal>”
แสงสว่างวาบขึ้นพร้อมๆกันสามครั้ง เลือดที่ไหลออกจากแผลค่อยๆหยุดลงและผิวหนังกล้ามเนื้อก็ค่อยๆฟื้นสภาพกลับมา
“เป็นยังไงบ้าง” รอคโค่เอ่ยขึ้น
“พอไหวครับ” แอริสเอ่ยตอบอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นมา คลำแผลที่ท้องที่ปิดตัวไปแล้ว … เขาไอออกมาอีกครั้ง เลือดไหลออกจากปากพร้อมฟันที่หักตอนที่กระแทก
” ข้าแต่เทพไฮจีเน่ โปรดรักษา <Heal>” แอริสรักษาแผลจากฟันที่หักจนเลือดซึม … แม้แผลจะไม่มากแต่เลือดที่สำลักทำให้เขาไอตลอดช่วงที่นอนเจ็บเลยทีเดียว
“นี่ครับ สร้อยคอ”
“ขอบคุณครับคุณรอน…เกือบเปื้อนเลือดแล้ว” แอริสมองดูกระเป๋าที่ตอนนี้มีเลือดของเขาไปขังอยู่เต็ม
“อ้าว คุณโรล่า ร้องไห้ทำไมครับ” นักบวชรอคโค่ถาม
“คือ ฉัน ฉันนึกว่าคุณแอริสกำลังจะตาย”
“หืมมมมมม” ทั้งรอน แอริส รอคโค่ และทหารที่ยืนตรงนั้นส่งเสียงออกมาพร้อมกันอย่างงงๆ มีคนใช้ High Heal สามคนพร้อมๆกัน แผลแค่นี้ไม่ถึงตายนะ
แอริสหยิบธงเซ็นจูรี่ที่ปักอยู่ขึ้นมา แล้วค่อยๆเดินกลับไปตรงที่รวมพล เพื่อไปดูว่ามีใครที่บาดเจ็บแล้วตนจะช่วยรักษาได้บ้างไหม … รอนรู้สึกติดใจอะไรบางอย่างกับเหตุการณ์เมื่อครู่ … และที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น
“คุณแอริสครับ คุณรอคโค่ครับ เวลาใช้ High Heal ทำไมแต่ละคนร่ายเวทไม่เหมือนกันครับ” รอนถาม
“อืม ไม่รู้เหมือนกันนะครับ แต่ตอนที่ข้าเรียนมาอาจารย์ก็สอนแบบนี้ ” นักบวชรอคโค่กล่าว
“ของข้าก็สอนมาแบบนี้เหมือนกัน” ทหารอีกคนพูด
“แล้วก็เรื่องชื่อของเทพ ทำไมคนนึงเรียกไฮยีเน่ อีกคนเรียกว่าไฮจีเน่ครับ” รอนบอก
ทุกคนทำหน้าอึดอัดขึ้นมา แล้วทหารสองคนที่ใช้คำว่า ไฮยีเน่ ก็เดินออกไปเหมือนไม่อยากมีคุยเรื่องนี้
“คุณรอนไม่ควรเอ่ยเรื่องนี้” รอคโค่บอก “เรื่องชื่อของเทพเจ้าไม่ตรงกัน เป็นเรื่องที่ถูกถกเถียงกันมานาน นักปราชญ์แต่ละฝ่ายต่างเห็นไม่ตรงกัน ….มันเป็นปัญหาที่แต่ละโรงเรียนและแต่ละอาณาจักรเห็นไม่ตรงกันมาหลายร้อยปีแล้ว “
รอนทำหน้างง …เดี๋ยวนะ ร่ายเวทไม่ตรงกัน เรียกชื่อเทพไม่ตรงกัน แต่ร่ายเวทได้เหมือนกันด้วยเรอะ โลกนี้นี่มันใช้ระบบเวทแบบไหนกัน
“เอ่อ อีกเรื่องครับ ….เวทสุดท้ายที่คุณแอริสกำลังจะใช้ก่อนจะถูกจิ้มพุง” รอนเอ่ยขึ้น
“อ๋อ เวท<Thunder Bolt> “
” เวทนี้เป็นเวทสายอะไรในหมวด ดิน น้ำ ลม ไฟ ครับ” รอนถามทั้งสามคนที่ยังยืนอยู่ตรงนั้น
” เป็นเวทลมครับ” แอริสตอบ ” เพราะสายฟ้ามากับลมพายุ”
” ไม่ใช่ มันคือเวทน้ำ” รอคโค่ส่ายหัว “สายฟ้ามากับฝน”
“ ฉันเคยได้ยินคุณตาเบรเซอร์บอกว่ามันเป็นเวทไฟ ” โรล่าบอก ” เพราะเมื่อฟ้าผ่าลงมาจะเกิดไฟลุกไหม้”
ทั้งสามคนมองหน้ากัน แล้วนักบวชรอคโค่ก็ถอนหายใจ
“คุณรอน …คำถามนี้ก็ด้วยเหมือนกันครับ ไม่ควรถามครับ เพราะแต่ละที่มีความเชื่อเรื่องระบบเวทมนตร์ที่ไม่เหมือนกัน ถ้าถามพร้อมๆกันแบบนี้กับคนที่ไม่คุ้นเคยกันอาจจะทะเลาะกันได้”
รอนพยักหน้าให้ แต่คิดในใจ ….
ว้อทททททดาเฮก! ระบบเวทที่นี่มันอะไรยังไงเนี่ย!ทำไมมันดูสับสนแบบนี้
แต่ว่าถ้ามีระบบโรงเรียน … แปลว่ามันต้องมีหลักสิ
มันต้องมีแน่ๆ ไม่งั้นจะเรียนจะใช้เวทกันได้ยังไง … และเขาจะต้องหาให้ได้
เด็กหนุ่มเดินไปหากลุ่มทหาร นายร้อยโยฮัน เบรเซอร์ และกัปตันเรย์ยืนคุยกันอยู่
” คุณรอน เป็นยังไงบ้างครับ” กัปตันเรย์ถาม
“โอเคแล้วครับ” รอนตอบ ” แล้วคุณเรย์เป็นยังไงบ้าง”
” ก็เกือบไปครับ ….พวกออร์คกลุ่มนี้ไม่เหมือนออร์คที่พวกเราเคยเจอมาก่อนเลย” เรย์บอก “ทุกครั้งที่เราเจอมอนสเตอร์ ถ้ามีการยั่วล่อหลอกนิดหน่อย พวกมันก็จะตาม …แต่ว่าพวกมันกลุ่มนี้ไม่ยอมตามพวกเรา แถมยังซุ่มโจมตีพวกเราระหว่างทางจะกลับได้อีก”
รอนหันไปดูม้า บางตัวมีบาดแผลซึ่งคงเกิดจากการถูกออร์คโจมตีหลงเหลืออยู่
” ผิดปกติจริงๆ ผิดปกติมากๆ” โยฮันรำพึง เขาใช้มือจับคางที่เป็นเหลี่ยมสันเมื่อคิดถึงพฤติกรรมที่พวกออร์คเป็น มันแปลกจนกระทั่งกองทหารไม่สามารถตอบสนองได้ดีเหมือนในภาวะปกติ
” ยังดีที่ท่านโยฮันเผื่อเอาไว้ว่าทหารม้าจะทำพลาด” เรย์ชม “ไม่เช่นนั้นเราอาจจะสูญเสียคนมากกว่านี้ก็ได้”
” เอ๊ะ … ท่านโยฮันเผื่อเอาไว้แล้วว่าทหารม้าอาจจะพลาดเหรอครับ” รอนถามขึ้น ….เตรียมกันตอนไหนทำไมเขาไม่รู้เรื่องเลย
” เอ้า ก็ที่หยุดรอตรงเนินเขาไงครับ” เรย์บอกแบบงงๆ
” ก็ในแผนที่เราคุยกันไว้ก่อนนี้ จะเป็นการรบบนที่ราบซึ่งทหารม้าจะร่วมรบด้วย ซึ่งแผนนั้นจะไม่เหมาะกับพื้นที่เนินเขาที่ทหารม้าเคลื่อนขึ้นลงลำบาก” กัปตันเรย์อธิบาย “ แต่ที่ท่านโยฮันรออยู่ตรงเนินเขา ก็เพราะว่าถ้าพ้นตรงช่วงนี้ไปแล้วจะเป็นที่ราบอย่างเดียว ถ้าพวกเราเดินทางเข้าเขตที่ราบแล้วทหารม้ากลับมาไม่ทัน พื้นที่เนินเขาจะเป็นชัยภูมิที่พวกเราได้เปรียบกว่า”
” ท่านเรย์ คุณรอนเค้าไม่เคยเดินทางมาที่นี่ เลยไม่ทราบหรอกว่าพื้นที่เป็นแบบไหน ” เบรเซอร์บอก ” การเตรียมแผนสำรองเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องมี แต่ถ้าไม่รู้เรื่องพื้นที่ ก็ทำไม่ได้หรอก”
กัปตันเรย์ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขารายงานเรื่องอาการบาดเจ็บของม้าและเรื่องความพร้อมในการออกเดินทางต่อก่อนจะขอตัวไปดูกลุ่มทหาร … แม้ทหารม้าจะไม่มีใครเสียชีวิตเลย แต่ว่าม้าก็ต้องการการพักผ่อน
” คุณรอน … ค่อยๆหัดไป ค่อยๆเรียนรู้ ไม่ต้องรีบ” โยฮันตบบ่ารอนก่อนจะเดินไป รอนค่อยๆนั่งลง มองไปที่เบื้องล่างของเนินเขา
ไม่ทราบว่าพื้นที่เป็นแบบไหนเหรอ
การเตรียมแผนสำรองเหรอ
น่าหัวเราะสิ้นดี
นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่รอนรู้สึกแบบนี้
ครั้งแรกที่เขารู้สึกแบบนี้คือตอนที่ชะล่าใจ มั่นใจในสกิลของตน จนเกือบจะต้องตายจากฝีมือของก็อบลินเมจ
เมื่อรอดมาแล้ว ตอนนั้นเขารู้สึกเหมือนเห็นแสงสว่าง เหมือนบรรลุถึงความจริงว่าโลกโหดร้าย และสัญญากับตัวเองว่าจะต้องพัฒนาความรู้ต้องพัฒนาเรื่องความสามารถในการต่อสู้ ต้องเรียนรู้เรื่องที่จะช่วยให้เขาเอาชีวิตรอด จะนำสิ่งของเครื่องใช้ที่เพิ่มอัตราการรอดชีวิตมา
แต่เมื่อรอดมาได้ เขาก็ทำต่อแค่ครั้งสองครั้ง
เมื่อคืนนี้ แทนที่จะเอาอาหารหรือน้ำตาลที่จะใช้ Healตัวเองด้วยการกิน เขาก็ไม่เอามา
เมื่อคืนนี้มี Slot ว่าง แทนที่จะเอาอาวุธมาเพิ่ม เขากลับปล่อยมันว่างไว้แบบนั้น
วันก่อนแทนที่จะเอาของที่ใช้ต่อสู้หรือป้องกันได้มา เขากลับเอาเมล็ดพืชมาปลูกเพื่อหวังว่าตอนกลับมาหมู่บ้านจะได้เก็บผลผลิต
ปลูกพืชไว้แล้วรอเวลา พอกลับมาก็เก็บ มันเป็นรูปแบบในเกมชัดๆ … เกมทำฟาร์ม ที่ปลูกแล้วไปนอน กลับมาก็ได้ของ
….
มันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะทำในวันที่ทุกคนกำลังจะอพยพ
ทั้งหมด ที่ทำ มันวนกลับไปเหมือนเดิม เขาคิดว่าเขาเปลี่ยนแล้ว แต่จริงๆเขาแทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย
รอนรู้สึกรับรู้ได้ว่าตนเองเหยาะแหยะ ตั้งใจทำอะไรก็ทำแค่นิดเดียวแล้วเลิก
วางแผนว่าจะทำ ก็ไม่ทำต่อให้เสร็จสิ้น
ลงมือทำ ก็ไม่ได้ลงมือให้ดีไปเลย
เมื่อคิดถึงตอนนี้รอนรับรู้ถึงอีกความจริงหนึ่งที่เขารู้อยู่แก่ใจ
ทำไมเขาถึงไปติดเกมและเล่นเกม
ทำไมเขาไม่ตั้งใจเรียนทั้งที่พอพยายามจริงๆก็ทำได้
ก็เพราะเขาไม่ได้อยากรับผิดชอบอะไร … และเขาอยากจะมีข้ออ้างในการไม่รับผิดชอบ
… เขาขี้เกียจเรียน … ขี้เกียจอ่านหนังสือ เขาแค่อยากเล่นไปวันๆ และหลอกตัวเองไปว่า ที่ได้เกรดไม่ดีก็แค่เพราะเขาไม่ได้เอาจริงและแค่กะเอาเกรดพอผ่าน ถ้าเอาจริงตั้งใจอ่านก็ทำได้
… ที่อยากเล่นเกมมากๆ เพราะว่าเขาแค่สนุก … เขารู้ว่าการจะเล่นเกมให้สนุกก็คือการต้องรู้และหาระบบของเกมและทำตามระบบและกฎที่เจ้าของเกมทำเอาไว้
และเพื่อไม่ให้คนเบื่อ กฎของเกม ก็มักจะไม่ยากจนเกินไป … และตัวละครมักมีแนวทางพัฒนาที่เติบโตได้มากขึ้นเรื่อยๆ
เวลาเล่นเกม ก็ไม่มีเกมไหนที่สร้างมาให้เจอสถานการณ์ที่สิ้นหวัง …. ทุกๆเกม ทุกปัญหามีทางออก
แต่ที่โลกนี้ คาดเดาอะไรไม่ได้
ศัตรู มอนสเตอร์ ไม่รอให้เราพัฒนา แต่พร้อมจะบดขยี้เราตั้งแต่ยังไม่พร้อม
สถานการณ์ที่สิ้นหวังมีได้เสมอ การผิดแผนมีได้เสมอ
ถ้าผิดแผน ไม่มีการกลับไปเกิดใหม่ที่จุดเริ่มต้น ถ้าผิดแผน ต้องมีแผนสอง แผนสาม
ทุกๆคนมีเหตุผลและการตัดสินใจของตนและทำเพื่อตนเอง ไม่ได้ทำทุกอย่างเพื่อตัวเอก
เมื่อวันก่อน เขาได้รับโอกาสที่สองแล้ว และเขาไม่ระวัง จนเกือบจะเสียโรล่าไปอีกครั้ง
ครั้งนี้เขาได้รับโอกาสที่สาม …. ถ้าไม่ระวังอีก ไม่รู้ครั้งหน้าจะเป็นอย่างไร
รอนลุกขึ้น ตั้งใจแน่วแน่ (อีกครั้ง) เพียงแต่ว่าครั้งนี้เขาจะต้องตั้งใจกว่าครั้งก่อนๆ
เริ่มต้นที่ ……….
“คุณเบรเซอร์ครับ…จากตรงนี้ไปถึงจุดหมายที่พักแรมคืนนี้ …” รอนถาม “พื้นที่ภูมิประเทศเป็นยังไง ระยะทางไกลแค่ไหน และก็มีมอนสเตอร์อะไรที่อยู่แถวนั้นบ้างครับ”
รอนถามคำถามและรับฟังคำตอบอย่างตั้งใจ ถึงแม้เขาจะไม่ได้เป็นคนกำหนดรูปแบบการเดินหรือแผนการป้องกันโดยตรง แต่เขาก็ซ้อมได้ วิเคราะห์เองได้
จากนั้นก็เทียบจากที่คุณโยฮันทำ ….. ไม่สิ … ไม่เทียบ ถ้าเทียบก็คือคิดเองเออเอง
แต่ต้องถามจากปากโดยตรงเลยว่าแผนที่เขาซ้อมมันโอเคไหม
รอนคิดถึงข้อมูลแล้วเดินกลับเข้าไป เบรเซอร์มองตามเด็กหนุ่มจากเบื้องหลัง
“ข้าก็อยากจะแนะนำท่าน แต่ถ้าท่านเรียนรู้เองจะดีที่สุด … พยายามเข้านะท่านรอน”
**** **** ****
เช้าวันพุธรอนไปโรงเรียน เขาพกผลึกแกนมอนสเตอร์ที่จะเอาให้พ่อของแพทติดตัวไปด้วย
เขาเอามาแค่ชิ้นเดียว
น่าเสียดายที่เมื่อวานนี้เขาจัดการออร์คได้แค่ตัวเดียว …. สำหรับเจ้าออร์คที่ใส่เกราะตัวนั้น คนที่ลงมือฆ่าและเผาคือ”โรล่า” ดังนั้น ทั้งชุดเกราะและแกนมอนสเตอร์จึงกลายเป็นสมบัติของโรล่าไปในทันที และเนื่องจากมันจะดูเสียมารยาทหากโรล่าจะยกของดังกล่าวให้รอนเพราะทุกคนต่างยืนยันว่าคนสังหารควรจะได้เป็นเจ้าของ โรล่าเลยเก็บแกนมอนสเตอร์ไว้เอง
เด็กสาวใช้เชือกมัดแกนผลึกนั้นไว้แล้วทำมันเป็นสร้อยคอ … ส่วนเกราะบรอนซ์ที่ยึดมาได้ เธอให้เบรเซอร์เก็บไว้เพื่อที่เมื่อถึงตัวเมืองจะได้ขายและนำเงินมาใช้จ่าย …. เพราะยังไม่รู้ว่าหมู่บ้านจะต้องใช้เงินมากแค่ไหน
รอนเดินขึ้นห้องเรียน เวลานี้ไม่มีใครอยู่ในห้อง เขาวางกระเป๋าเรียนไว้ที่เก้าอี้แล้วมองไปที่ลิ้นชัก ใต้โต๊ะมีซองจดหมายสีขาวอยู่
เขาเปิดจดหมายออก อ่านข้อความข้างใน
“มีเรื่องอยากจะคุยด้วย จะรอที่ดาดฟ้าโรงเรียน”
ลงชื่อ… เอกชัย & กวิน