Midterm Fantasy - ตอนที่ 37
“เฮ้ย ไอ้นี่มันคนที่รุมพวกเราครั้งก่อนนี่หว่า”
“งั้นเล่นมันก่อนแล้วค่อยเอาเงินมันมา”
เสียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันดังกรอดมาให้ได้ยิน รอนส่ายหัวอย่างรู้สึกแย่สุดๆ
ครั้งที่แล้วพวกนี้มากันเป็นสิบคน … รุมเขาและแพทสองคน
และต่อให้รวมลุงบัวอีกคน ฝั่งเขาก็แค่สามคน
ใครรุมใครกัน !?!?!
หน้าด้าน พูดมาได้อย่างหน้าด้านไร้ยางอายที่สุด!
รอนมองดูทั้งสองด้าน ข้างหน้ามีคนถือมีดทำครัว3เล่ม มีดดาบเหล็กอีก2เล่ม
ส่วนข้างหลัง คน3คนถือ ดาบคาตะนะญี่ปุ่นแบบที่ขายกันในงานวัดและร้านข้างทาง กับมีดทำครัว 2 คน
แล้วกล้องวงจรปิดล่ะ … รอนคิดก่อนจะสอดส่ายสายตามองดูรอบๆ
” แกไม่ต้องหาวงจรปิดหรอก กล้องแถวนี้เจอพวกข้าหันเข้ามุมหมดแล้ว ถึงแกจะตายเหมือนหมาตรงนี้ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าใครลงมือ”
วัยรุ่นเหล่านี้ทั้งแค้นและยิ้มไปพร้อมๆกัน
ทีแรกที่เล่นพนันเกมกับเจ้าเด็กม.ต้นสองคนนั่น พอฝั่งนั้นไม่มีเงินจ่าย…ก็แค่ขู่ว่าจะเอาเรื่อง เท่านั้นสองคนนั่นก็กลัวลนลานบอกว่าจะเรียกเพื่อนในทีมเดียวกันที่มีเงินออกมา แล้วให้วัยรุ่นทั้ง10คนไปดักปล้น
แน่นอนว่าทั้ง10คนนี้มีแผนในใจ …. เมื่อปล้นเสร็จไม่ว่าได้เงินเท่าไหร่ ก็จะกลับไปยืนยันกับเจ้าเด็ก2คนนั่นว่าได้มาไม่กี่ร้อย … ยังไงคนที่ทรยศเพื่อนแบบนี้คงไม่กล้าถามหรอกว่าจริงๆโดนไปเท่าไหร่
เสร็จแล้วก็ไปไถเงินสองคนนั่นต่อเต็มจำนวน … ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง
ไม่นึกว่านอกจากได้เงินแล้วจะยังได้แก้แค้นเจ้าเด็กคนนี้อีกต่อ กำไร กำไรจริงๆ!
รอนมองกลุ่มคนที่อยู่ทั้งหน้าหลัง
แวบหนึ่งเขาคิดขึ้นมาว่าจะยอมแพ้ดีไหม …แต่ดูจากที่พวกนั้นโกรธเกรี้ยวขนาดนี้ เขาคิดว่าการยอมให้กระทืบหรือแทงไม่ใช่ทางเลือกที่ดี
แล้วจะสู้ยังไงมือเปล่าฟะ …
มือเปล่า …
ไม่สิ
รอนล้วงลงไปในกระเป๋าผ้า หยิบมีดยาวหนึ่งฟุตจากร้านอาม่าขึ้นมา …
“เฮ้ย มันมีมีด”
“แกใช้อาวุธเหรอไอ้**” พวกวัยรุ่นร้องตะโกนกันอย่างไม่พอใจที่เหยื่อง่ายๆดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิด
รอนล้วงถุงขนมปังสำหรับปลาที่แพทยัดใส่กระเป๋าผ้าเขาไว้ออกมา แกะซองพลาสติกใสออกแล้วบิยัดใส่ปากอมไว้ ….
“ไม่ต้องสนใจมัน พวกเราลุยมันเลย ” คนๆนึงพูดขึ้น รอนใช้จังหวะนี้หันไปทางกลุ่มที่เล็งไว้ จากนั้นพุ่งเข้าไปหา
“เฮ้ย” เหนือความคาดหมายของทุกคนในที่นั้น รอนวิ่งเข้าหากลุ่มที่ถือคาตะนะ3คน แทนที่จะไปอีกด้านที่มีดดาบสั้นธรรมดากว่า
“อิ๊” คนหน้าสุดพยายามดึงดาบออกจากฝัก ใบมีดสแตนเลสเงามันเผยออกมาจากฝัก
เปร้ง! เสียงโลหะกระทบกันดังไปทั่วอุโมงค์ รอนไม่รอช้าเปลี่ยนเป้าหมายไปยังคนถัดไป เขาหวดวาดมีดในมือเต็มแรงอีกครั้ง
เปร้ง แกร้งๆๆๆ
“เฮ้ย ดาบหัก!”
ดาบคาตะนะสแตนเลสอันหนึ่งหักคาในฝักยังไม่ทันชักออก ในขณะที่อีกอันรอนจงใจฟาดสวนเข้าไปจังๆจนหักกระเด็นตกพื้น จากนั้นเขาโถมตัวดันเจ้าคนที่สองเข้าหาคนที่ยืนด้านหลัง
ด้วยความกลัวดาบในมือจะโดนเพื่อนหมอนั่นยกมือที่ถือดาบขึ้น รอนฟันด้วยด้านไม่มีคมเข้าไปที่มือตรงๆ
กร็อบ! เคร้ง!
“โอ๊ยยยย”
รอนไม่สนคนที่กุมมืออยู่ มุ่งตรงไปยังคนที่ถือมีดอีกสองคน จ้องไปที่มือของคนทั้งสองที่ใส่เฝือก ….
ทั้งคู่คือคนที่ถูกลุงบัวหักนิ้วเมื่อวันก่อน
และนี่คือเหตุผลที่เขาเลือกมาทางฝั่งนี้ เพราะสองฝั่งมีความไม่สมดุลกันอย่างแรง แม้ฝั่งนี้มีดาบคาตะนะ3เล่ม … ซึ่งดูจากคนถือและด้ามจับที่ดูราคาถูก รอนมั่นใจว่ามันทำจากสแตนเลส ซึ่งไม่เหมาะกับการประทะอย่างยิ่ง และยิ่งประกอบกับอีกสองคนคือคนที่นิ้วหักใส่เฝือก ถือมีดแบบไม่ถนัด
ถ้าไม่ให้บุกด้านนี้ก็แย่แล้ว
อีกสองคนที่ถือมีดอยู่ยืนตัวเกร็ง คนนึงที่ใส่เฝือกทั้งสองมือทำมีดหล่นเพียงแค่ตอนถอยหลบรอน
เหลืออีกคนเดียวถือมีดด้วยมือซ้าย มือขวาที่ใส่เฝือกยกขึ้นพยายามใช้ปูนเฝือกป้องกัน
รอนหวดลงไปด้วยสันมีดอต็มแรง
ไม่ใช่ที่มีด แต่เป็นที่เฝือก
กร๊อบ !
“โอ๊ยยยยยยย” คนสุดท้ายที่ถือมีดร้องโหยหวน เฝือกมือที่ไม่สามารถต้านแรงกระแทกได้แตกออก และถ่ายพลังงานที่เหลือเข้าไปยังนิ้วที่หักยังไม่หายดี กระดูกที่กำลังจะเชื่อมต่อเกินจะทนมีอันต้องหักสะบั้นลงอีกครั้ง
“มึงตาย” คนที่ทำมีดตกเมื่อครู่หยิบมีดได้แทงเข้าไปที่สีข้าง รอนหลบแต่รู้สึกได้ว่าไม่พ้น อะไรแข็งๆกระซวกเข้าท้อง
[-5]
รอนกลืนขนมปังในปากลงท้องจนหมด
….
[+0.3]
….
รอนกระโดดหลบ ดึงมีดที่ปักในสีข้างขวาออกลงพื้น เลือดไหลออกมา
<Bleed>
[-0.1]
[+0.3]
พอคำว่า[+0.3] โผล่ขึ้นมา สถานะ<Bleed> ก็หายไป
ตอนนี้ไม่มีใครขวางรอนไม่ให้ขึ้นจากอุโมงค์แล้ว แต่เขาไม่ขึ้นไป หากแต่หันกลับมา …. 5คนเมื่อครู่ถอยไป ส่วนอีก5คนที่มีอาวุธก็ยังไม่กล้าเข้าไป
‘มีดในมือนั่นมันมีดอะไร ทำไมมันตัดดาบญี่ปุ่นจนแตกหักได้’
นี่คือความคิดของหลายๆคนที่ตื่นตระหนกกัน เพราะที่พวกนี้เอาคนที่ถือคาตะนะไปกองฝั่งเดียวกัน ก็เพราะฝั่งนั้นมีคนที่มือยังบาดเจ็บอยู่ แต่กลายเป็นว่าเจ้าหนุ่มนั่นเลือกวิ่งไปทางนั้น แถมผ่านไปเฉยๆในเวลาไม่ถึงนาที
แถมตอนนี้มันหนีได้ แต่มันไม่ยักยอมไป แต่กลับหันมา
รอนหยิบคาตะนะเล่มที่ยังไม่หักขึ้นมาจากพื้น พวกนั้นแต่ละคนหายใจไม่ทั่วท้อง แค่มีดสั้นๆฟุตเดียวยังขนาดนี้ แล้วถ้ามีดาบญี่ปุ่นในมือจะขนาดไหน
“ทิ้งมีดลงให้หมด แล้วไสหัวไป” รอนพูดสั้นๆด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ….. ไม่มีใครขยับหรือพูดอะไร
เหนือความคาดหมายของทั้ง10ที่คิดว่ารอนจะใช้ดาบญี่ปุ่น … เขากลับวางดาบสแตนเลสพิงไว้กับผนังเฉียง45องศา แล้วฟันมีดในมือลงเต็มแรง
เคร้ง! ดาบหักไปอีกอันนึง!
รอนยืนขึ้นแล้วส่ายหน้า “เอาล่ะ ทั้งหมดเมื่อกี้คือการใช้สันมีดด้านไม่มีคม …. ต่อจากนี้จะเป็นการใช้ด้านคมทั้งหมด เข้ามาพร้อมๆกัน….แบบ’เมื่อกี้’เลย”
“แก แก แกไม่กล้าหรอก แกเป็นนักเรียนแยู่ ถ้าแกเจอตำรวจจับแกหมดอนาคตแน่ อย่าลืมสิว่าอุโมงค์มีกล้องวงจร……..”
ไม่มีใครพูดอะไรต่อ เพราะเมื่อกี้พวกมันเองเพิ่งหันทิศไม่ก็ทุบกล้องวงจรปิดทั้งหมดจนแน่ใจว่าไม่มีหลักฐานแน่ๆ … นึกไม่ถึงว่าตอนนี้สิ่งที่พวกมันอยากได้มากที่สุดก็คือวงจรปิดสักตัวที่ยังทำงานอยู่
“จริงด้วย เมื่อกี้มีคนบอกว่าไม่มีกล้อง งั้น ….. คนที่มีดยาวสุดนั่นคนแรกแล้วกัน”
[+0.3]
รอนเดินเข้าไปช้าๆยิ้มน้อยๆที่มุมปาก เลือดที่ไหลเปื้อนเสื้อด้านขวาตอนนี้หยุดแล้ว แต่สีแดงเปื้อนน่ากลัว
เคร้ง เคร้ง
คนที่ถือมีดยาวกว่าคนอื่นทั้สองคนทิ้งมีดลงเมื่อเห็นว่ารอนพูดว่าจะเอาตนเป็นคนแรก
“เอ้ย “คนที่เหลือร้องขึ้นมา คนที่ไม่มีอาวุธวิ่งหนีตาม ส่วนที่มีมีดอีก3คนก็วิ่งตามเพื่อนไป
เคร้ง เคร้ง พวกนั้นทิ้งมีดไว้2คน ส่วนอีกคนถือมีดวิ่งตามเพื่อนไปด้วย
รอนมองคนสุดท้ายวิ่งหนีไปแล้วเอามือทาบอก
‘ดอกส์ ดอกส์ ดอกส์ เกือบไปแล้วเกือบไปแล้ว’
ใจเขาสั่นระรัว เพราะที่ทำไปเมื่อกี้ทั้งหมดคือการ”ตีกิน” ถ้าพวกนั้นโถมเข้ามาอีกครั้งนึงก็ไม่รู้ว่าจะสู้ได้ไหม… แต่ที่เมื่อครู่เขาก็ไม่กล้าหนีขึ้นทั้งที่ทำได้เพราะกลัวว่าพวกนี้มันจะตามไป …
เขาจะให้แพทมามีอันตรายด้วยไม่ได้
[Deception Lv 1 60/100]
สกิลหลอกลวงเพิ่มค่าประสบการณ์รวดเดียวจากการหลอกเพียงรอบเดียว แต่ให้ทำแบบนี้บ่อยๆก็ไม่ไหว
[+0.3]
ส่วนขนมปังที่กินเข้าไปดูเหมือนออกฤทธิ์ช้าเหลือเกิน … จะว่าไป ตอนที่กินอาหารแล้วออกฤทธิ์เร็ว จะเป็นตอนที่กินน้ำหวาน น้ำตาล กับกับข้าว….ที่ตอนนั้นน่าจะใส่หวาน
ดูท่าทางอัตราความเร็วในการเพิ่มจะขึ้นกับการดูดซึมด้วยสินะ
“ไอเทมๆๆ” รอนนึกได้แล้วรีบเก็บมีด มีดทำครัว4เล่ม กับมีดพร้าเหล็ก2เล่ม ส่วนคาตะนะสแตนเลสที่หักไปทั้งสามเล่มนั้น รอนไม่เสียดายแม้แต่น้อย เพราะคลิปในอินเตอร์เนทที่ดูมาหลายๆอัน ทำให้เขารู้ว่าดาบสแตนเลสยาวๆ แตกหักในการประทะง่ายกว่าดาบเหล็กหรือมีดสแตนเลสหลายต่อหลายเท่านัก
รอนเก็บมีดเอาใส่กระเป๋าผ้าจากนั้นรีบวิ่งกลับขึ้นอุโมงค์ เขาขึ้นแล้วรีบเข้าไปในรั้วมหาวิทยาลัยโดยไม่ทันมองว่าที่อีกด้านนึงตำรวจสามนายกำลังวิ่งไล่วัยรุ่นกลุ่มนั้น…. ไม่สิ ไล่เฉพาะคนสุดท้ายที่กำมีดวิ่งหนีรอนตามเพื่อนๆอีก9คน
“หยุดเดี๋ยวนี้ ถือมีดไล่ทำร้ายคนกลางวันแสกๆเลยเรอะ”
ตำรวจตะโกนแล้ววิ่งไล่ไป
** ** **
รอนเดินกลับไปที่สระน้ำอีกครั้ง ที่นั่นแพทให้อาหารปลาถุงสุดท้ายแล้ว
“ทำไมไปนานจังเลยรอน แล้วเจอกวินไหม” แพทหันมา “รอน! ไปโดนอะไรมา”
เด็กสาวร้องเมื่อเห็นเลือดแดงฉานที่ลำตัวด้านขวาของเด็กหนุ่ม
“ไม่เป็นอะไรมากหรอก แต่เดี๋ยวเรากลับบ้านไปเปลี่ยนชุดก่อนดีกว่า ” เขาบอก …. จากอัตราการฟื้นฟูพลังชีวิต อีกสักชั่วโมงกว่าๆแผลก็น่าจะหายดี
“แต่เลือดออกเยอะเลยนะ ไม่เป็นไรแน่เหรอ ไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่าไม๊” แพทถาม
“ไม่เป็นไรหรอก เราดูแล้ว แผลไม่ลึกจริงๆเอานิ้วจิ้มยังไม่ทะลุเลย” รอนจิ้มนิ้วให้ดู
[-0.1]
นิ้วจมลงไปหนึ่งข้อนิ้วเต็มๆจนเจ็บแปลบ รอนดึงออกมาเม็ดไขมันเหลืองๆติดนิ้วมาเม็ดนึง เขากลั้นใจดีดทิ้งไปแล้วบอก
“ลึกสามมิลเอง ไม่เป็นไรหรอก”
แพทพยักหน้าให้แบบไม่แน่ใจ แต่ก็เรียกแท็กซี่ให้พาไปส่งที่บ้านของรอน … ทั้งคู่ขึ้นไปด้วยกันโดยเด็กหนุ่มเอากระเป๋าผ้าบังรอยเลือดไว้ตลอดเวลา
แท็กซี่วิ่งไปตามถนน สัก15นาทีก็ถึงซอยบ้านของเด็กหนุ่ม เขาไขกุญแจเข้าบ้านแล้วดู …. ตอนนี้บ่ายสี่โมงเย็นแล้ว ดูเหมือนพ่อกับแม่จะออกไปงานข้างนอกแล้ว
“ไหนเราขอดูแผลหน่อย” แพทถอดนาฬิกา กำไลกับที่คาดผมวางไว้ที่โซฟา ก่อนจะเดินไปดึงเสื้อของรอนขึ้น แผลที่สีข้างยังไม่ปิดสนิทดีแต่เลือดหยุดหมดแล้ว ….
“แผลดูไม่ลึกเท่าไหร่นี่นา …. แต่ทำไมเลือดเยอะจัง” เด็กสาวกล่าวอย่างแปลกใจ
รอนไม่พูดอะไร เดินไปห้องน้ำ อาบน้ำล้างเลือดออกแล้วแปะผ้าก็อซสวมเสื้อตัวใหม่มา …. ส่วนเสื้อตัวที่เปื้อนเลือด สงสัยคงต้องใส่ไปฟากโน้นกระมังไม่งั้นต้องมาตอบคำถามจากแม่อีกว่าเลือดมาจากไหน …. เด็กหนุ่มเอาเสื้อและกระเป๋าผ้าที่เต็มไปด้วยมีดขึ้นไปบนห้องนอนก่อนจะเดินลงมา
” ตกลงเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นเหรอรอน” เด็กสาวถามอย่างสงสัย เพราะเมื่อครู่นี้รอนบอกว่าจะไปหากวิน แล้วทำไมถึงไปเจออะไรแบบนี้ได้
รอนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตั้งแต่ตอนไปถึงแล้วเห็นกวินโบกมือให้แต่ลงไปแล้วกลับเป็นไปเจอวัยรุ่นกลุ่มนั้นดักอยู่เพื่อจะเอาเงิน เล่าถึงเรื่องว่าวัยรุ่นกลุ่มนี้บังเอิญคือกลุ่มเดียวกับที่เคยเจอกันที่ปากซอยบ้านแพท …. ส่วนเรื่องการต่อสู้ รอนเล่าแค่ว่าสู้กันนิดหน่อยแล้วพวกนั้นก็หนีไปหลังจากแทงเขาเข้า
เด็กสาวนั่งฟังนิ่งอยู่ครู่นึง ก่อนจะเอ่ยปากขึ้น
“รอน …. เราไม่รู้ว่าเธอเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนไหม แต่เราอยากจะบอกเรื่องเพื่อนๆของเธอสองคนนั้นที่เราเคยได้ยินมา”
“มีคนลือกันว่าสองคนนั้นเล่นพนันเกมออนไลน์กัน …. และที่เธอเล่นเกมกับสองคนนี้บ่อยๆ บางครั้งสองคนนี้ก็แอบไปพนันไว้กับอีกฝั่ง ….. เคยมีคนไปถามว่าเธอรู้หรือเปล่า บางครั้งพวกนี้ก็บอกว่าเธอเป็นหัวโจกเป็นคนไปพนันเอง”
“เราเองไม่เชื่อว่ารอนจะทำแบบนั้น คนส่วนใหญ่ก็เหมือนกัน ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าเธอจะเล่นพนันเอง เราเองก็ไม่เชื่อ…..”
รอนพยักหน้าอย่างขอบคุณในความเชื่อใจ
“เพราะทุกคนก็เห็นว่าเธอเล่นแบบคนติดเกม เล่นไม่เลือกทีม เล่นไม่เลือกเวลา ขนาดเครื่องห้องคอมฯโรงเรียนยังเจอเธอทำให้กลายเป็นชมรมเกมไปเลย เธอไม่มีทางไปติดพนันได้หรอกถ้าติดเกมขนาดนี้”
…..เอ่อ…..
“เมื่อวันศุกร์ที่สองคนนั้นมาชวนแล้วเธอไม่ไป แพทว่าสองคนนั้นคงไปแข่งแล้วแพ้พนันแล้วไม่พอใจเธอแน่ๆ เลยให้พวกนั้นมาเอาเงินกับเธอ”
รอนพยายามคิดแย้ง แต่เขาก็หาเหตุผลอื่นไม่ได้ที่ว่าทำไมกวินมาโบกมือที่ฝั่งตรงข้ามแท้ๆ แต่พอลงไปแล้วเป็นกับดัก
เขาหาเหตุผลอื่นไม่ได้จริงๆ
…. เด็กหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เลื่อนกดดูเบอร์โทรของเพื่อนทั้งสองคน …. รอนกดบล็อคเบอร์ทั้งคู่ไป … ตามด้วยบล็อคไลน์
จากนั้นเลื่อนไปกดดูในอีเมล์ ….
ความทรงจำเก่าๆในช่วงสองปีก็ย้อนกลับมา ….
ตอนที่เล่นเกมกันใหม่ๆ … เขาลงเกมมือถือไม่คล่อง ก็ได้สองคนนี้ช่วยลงให้
ตอนที่ใช้เมล์ สองคนนี้ก็เข้ามาจัดการแท็กชื่อให้เป็นชื่อในContactให้เพื่อส่งเมล์หากันง่ายเข้า
ตอนที่หัดใช้มือถือ หัดใช้แผนที่ กวินก็ช่วยสอนการใช้แผนที่ ให้เปิดGPSตลอด เพื่อให้ฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกในเครื่องทำงานให้ครบครัน
ทั้งคู่เป็นเพื่อนที่ดีมาตั้งนานปี … ไม่รู้ว่าเกิดอะไรทำไมจึงเป็นแบบนี้
รอนค้างนิ้วไว้ที่ชื่อเมล์ของคนทั้งสอง ไม่กล้าลบความทรงจำนี้ออกไป
** ** ** **
“รอนมันกลับถึงบ้านแล้ว …. นายนี่ฉลาดมากเลยที่ทำแชร์Locationไว้ ไม่งั้นกว่าจะรู้ที่อยู่วันนี้ …วันนี้คงต้องโทรเช็คจนมันสงสัยแน่ๆ” เอกชัยชมพลางดูมือถือ
” สมองเพื่อน สมอง …. “กวินชี้ที่ศีรษะตนเอง ” รอนมันไม่เคยสังเกตเลยว่าที่เอาโทรศัพท์มันมาตั้งค่าให้ เราจะไปตั้งค่าในแอปแผนที่ให้แชร์ที่อยู่ให้พวกเราได้ ขอแค่มันเปิดGPSไว้ กับยังมีเมล์เราในContact แค่นี้ก็รู้ที่อยู่มันตลอดแล้ว ……. ใครโทรมาวะ”
“ฮัลโหล โอ้พวกพี่นี่เอง… ใช่ๆ ไง ได้เงินครบแล้วใช่…. เดี๋ยวๆๆๆ พี่อย่าเพิ่งพี่ อะไร ผมไม่ได้หลอกพี่เลย ไม่ได้นะ พี่จะมาทำงี้ไม่ได้นะก็เราตกลงกันแล้ว ฮัลโหลๆๆๆ”กวินกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์อย่างร้อนรน
“เกิดอะไรขึ้นวะ” เอกชัยถาม
“ก็ไอ้รอนสิ ***ดันไปสู้ฝ่ายนั้น แล้วดันหนีไปได้ …. พวกนั้นหาว่าเราหลอก จะเอาเงินที่เล่นเสีย กับเงินค่ารักษาที่เจ็บตัว”
“เฮ้ย ได้ไงวะ”
“ไอ้**รอน ไอ้** สร้างความเดือดร้อนให้กูอีกแล้ว” กวินโมโหจนมือสั่น กดแผนที่ขึ้นมาอีกครั้งมองไปที่จุดสีแดงในจอภาพ
“เฮ้ยกวิน”
“อะไรวะ”
“ไอ้รอนปิดสัญญาณมือถือเหรอวะ”
“เปล่านี่ มือถือกูยังขึ้นอยู่เลย”
“แต่นี่ของกูไม่ขึ้น”
กวินดึงเอามือถือของเอกชัยไปดู … ของเอกชัยไม่มีตำแหน่งของรอนแล้ว ในขณะที่ของเขายังมี …..
แล้วจุดสีแดงในมือถือของกวินก็หายไป
<รอนไม่ได้แชร์ตำแหน่งที่อยู่ให้กับคุณอีกต่อไป>
“เฮ้ย ….มันลบพวกเราออกจากContact” กวินร้อง ” …… เออ ดี ไอ้เพื่อนทรยศ ในเมื่อไม่เห็นพวกเราเป็นเพื่อนคอยดูไว้เลย”
“ไอ้เพื่อนทรยศ!!!”
** ** **
รอนปิดแอปอีเมล์ไป และถอนหายใจ … เขาลบเมล์ของกวินและเอกชัยออกจากContactไปแล้ว และบล็อคการติดต่อทั้งหมดไป
เขาไม่รู้หรอกว่าสองคนนั้นเห็นเขาเป็นเพื่อนจนถึงตอนไหน … หรือเคยแม้แต่จะมองเขาเป็นเพื่อนหรือไม่
แต่สำหรับเขาแล้ว
ความเป็นเพื่อนของพวกเขาจบลงตอนที่กวินกวักมือเรียกเขาที่ถนนฝั่งตรงข้ามเมื่อบ่ายวันนี้