Midterm Fantasy - ตอนที่ 35
ชาวบ้านและทหารช่วยกันเก็บกวาดสนามรบ โดยกัปตันเรย์บอกว่าชาวบ้านสามารถเก็บผลึกแกนมอนสเตอร์และใบหูก็อบลินไว้ได้ แต่อาวุธและเกราะทั้งหลายของก็อบลินทางทหารจะขอเก็บไว้เพื่อนำไปรวมเป็นอาวุธสำรองในคลังอาวุธ
ไม่มีใครคัดค้านอะไร รอนเก็บ ค้อน และกระทะของตนส่งคืนให้โรล่า จากนั้นไปช่วยชาวบ้านกรีดเปิดเก็บผลึกแกนมอนสเตอร์
มีดทำครัวของแม่ตัดใบหูก็อบลินอย่างง่ายดาย รอนทำหน้าที่ตัดหูโดยมีคนช่วยกันแหวกหาแกนมอนสเตอร์ต่อ จนกระทั่งตัดเสร็จหมดแล้วคนอื่นยังแหวกหาผลึกกันอยู่ … มีดทองแดงที่ชาวบ้านใช้ทื่อลดความคมอย่างรวดเร็วเมื่อตัดหนังหนาของก็อบลิน รอนจึงช่วยใช้มีดทำครัวคุณแม่จัดการช่วย
พรืด พรืด
เสียงมีดตัดแหวกซากก็อบลินอย่างง่ายดายจนทุกคนอิจฉา … ในขณะที่รอนคิดว่าพรุ่งนี้ต้องซื้อมีดใหม่ให้แม่
…. ถึงแม้มันจะไม่ได้บิ่นแตกอะไรนัก แต่เขาไม่อยากจินตนาการอาหารที่แม่ทำโดยใช้มีดเล่มเดียวกันนี้เอามาแหวกซากก็อบลิน
ส่วนทางด้านทหาร
“เล่มนี้หัก”
“เล่มนี้ก็หัก”
“นี่ก็บิ่นแตกใช้ไม่ได้”
เสียงทหารบ่นอุบ เพราะอาวุธของก็อบลินที่พวกเขาช่วยกันเก็บอยู่นั้น แตกหักเสียหายกันครึ่งต่อครึ่ง โดยเฉพาะที่เก็บมาจากจุดที่ก็อบลินสู้กับรอนเป็นจุดสุดท้าย … ทำให้แทนที่จะได้อาวูธเต็มชิ้นไปใช้ต่อ พวกเขาต้องเก็บเป็นเศษโลหะเพื่อนำไปหลอมใหม่
ทีแรกกัปตันเรย์ก็คิดว่าก็อบลินอาจจะมีแต่อาวุธที่แตกหักมาก่อน จนกระทั่งเขาเช็คซากของก็อบลินกัปตัน
“เกราะของมันฉีกที่จุดเดียวกับแผล” ผู้ช่วยเอ่ย ” ผมคิดว่านี่เป็นรอยดาบ”
เรย์พยักหน้าไม่ได้พูดอะไรต่อ เขามองไปที่รอนที่ยังง่วนกับการจัดการซากของก็อบลิน ที่ตัวของเด็กหนุ่มคนนั้นมีมีดสั้นและมีดที่ยาวจนเป็นเหมือนดาบสั้นเพียงสองอัน ทั้งสองเล่มอยู่นอกฝักโดยอยู่ในสภาพที่ดูปกติไม่ได้มีรอยแตกบื่นอะไรทั้งที่เพิ่งผ่านการรบอย่างหนักมาแท้ๆ …. มันคือมีดอะไรกันนะ
เก็บแกนมอนสเตอร์และใบหูก็อบลินครบแล้วทุกคนก็กลับเข้าหมู่บ้าน เบรเซอร์ให้ชาวบ้านช่วยกันรวบรวมศพของคนที่ตายเข้าไปในหมู่บ้านก่อนและให้คนไปขุดหลุมฝังศพเตรียมไว้ที่สุสานข้างหมู่บ้าน ชาวบ้านที่ยังเหลือรอดชีวิตมายืนรวมกันและไว้อาลัยให้กับเพื่อนบ้านที่จากไป
“พวกข้าขอพักในหมู่บ้าน จะรบกวนหัวหน้าหมู่บ้านจัดพื้นที่สำหรับผูกม้ากับที่พักให้ได้ไหมครับ”
“ข้าคิดว่าท่านผูกม้าไว้ตรงโรงไม้ของหมู่บ้านก็ได้ ตอนนี้เราไม่เหลือไม้ก่อสร้างเท่าไหร่แล้ว น่าจะมีที่พอ”เบรเซอร์บอก”มาเรีย … เจ้าไปหาคนช่วยตัดหญ้าเลี้ยงม้ามาด้วย แล้วก็ไปตักน้ำมาเติมในรางสำหรับม้า ส่วนโรล่าพาทหารไปดูบ้านที่ไม่มีเจ้าของแล้วและจัดการที่พักให้หน่อย”
เด็กสาวทั้งสองลุกขึ้นเตรียมจะเดินไป รอนลุกขึ้นยืน
“เดี๋ยวผมไปตักน้ำให้แล้วกันครับ คุณมาเรียจัดการหาคนช่วยตัดหญ้าแล้วไปพักก่อนดีกว่า … ยังบาดเจ็บอยู่เลย” รอนบอกก่อนจะเดินตรงไปที่บ่อน้ำแล้วเริ่มตักน้ำจากบ่อ มาเรียก้มศีรษะให้ไม่ได้พูดอะไร ค่อยๆเดินไปที่ทางเข้าหมู่บ้าน
เรย์ให้ทหารคนอื่นๆตามโรล่าไปเพื่อไปดูที่พักส่วนเขาเดินไปนั่งข้างพ่อเฒ่า
“ท่านคิดว่าจะทำยังไงต่อไป”
“ข้าคิดว่าคงจะต้องรวมคนของหมู่บ้านอัลเลนเข้าด้วยกัน เพราะคนของหมู่บ้านนี้ก็ตายไปมาก และทางนั้นหมู่บ้านก็ถูกทำลาย … จะสร้างใหม่ก็คงลำบาก” เบรเซอร์ตอบ
“อืม… แล้วท่านคิดถึงการอพยพเข้าตัวเมืองไว้บ้างไหม” เรย์ถาม
“หืม”?
“ความจริงตั้งแต่มีมอนสเตอร์ออกมามากผิดปกติตลอด6เดือนนี้ พวกเราติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับกิลด์นักผจญภัยภัยและทหารรับจ้าง และเจอว่าคำขอให้จัดการมอนสเตอร์ที่Rankสูงเพิ่มขึ้นกว่าปกติ” กัปตันหนุ่มบอก “และสัปดาห์นี้ มีรายงานว่ามีคนเจอกลุ่มของออร์คมากขึ้น”
“ออร์คอาจะไม่ได้น่ากลัวมากหากมากันไม่กี่ตัว แต่หากมันรวมกลุ่มได้แบบก็อบลินกลุ่มนี้ ข้าคิดว่าพวกท่านอาจจะลำบากกว่าครั้งนี้”
เบรเซอร์ครุ่นคิด ก่อนหน้านี้เพียงแค่ก็อบลินกลุ่มเล็กๆบุกหมู่บ้านก็ทำให้ชาวบ้านหลายคนต้องจบชีวิตลง …ถ้าครั้งถัดไปเป็นออร์ค จำนวนผู้เคราะห์ร้ายจะต้องมากกว่านี้แน่ๆ
“ข้าจะถามความเห็นชาวบ้านดู” เบรเซอร์ตอบ
“ครับ …. ความจริงเจ้าเมืองส่งพวกเราเป็นกองหน้าเคลื่อนที่เร็วและมีทหารราบตามมาอีกชุด … ถ้าพรุ่งนี้ทหารราบมาถึงก็คงพักอีกสักวันก่อนกลับ … ระหว่างนี้ท่านลองถามความเห็นลูกบ้านท่านก่อนก็ได้ครับ”
เบรเซอร์ผยักหน้ารับก่อนจะครุ่นคิดตัดสินใจเรื่องอนาคต ในขณะที่กัปตันเรย์นั่งมองอาวุธของรอนที่วางไว้ก่อนจะไปตักน้ำ
*****
“ข้าบอกไปแล้วเรื่องให้ชาวบ้านเตรียมตัวย้ายที่อยู่” เรย์บอก
“ครับ ข้าเห็นด้วย …. นี่ถ้ามีการโจมตีอีกไม่รู้พวกเราจะมาทันแบบนี้อีกไหม”
“แล้วเรื่องหนุ่มที่ชื่รอน ข้าว่ามีอะไรแปลกๆหลายอย่าง”
“ครับ”
“เมื่อครู่ข้าดูดาบที่เขาใช้ มันไม่มีรอยบิ่นที่เห็นชัดๆเลย เป็นเหมือนดาบใหม่ที่ผ่านการใช้งานไม่นานทั้งที่เพิ่งผ่านการรบใหญ่ๆมา”
“ถ้าเป็นดาบที่ดี ทำไมเขาถึงกล้าทิ้งไว้ตรงที่นั่งแบบนั้น”
“และการวางตัวของเขาก็แปลก… เขามีฝีมือจัดการก็อบลินด้วยตัวคนเดียวได้ ไม่น่าจะเป็นคนธรรมดา แต่ทำไมเขาถึงอาสาทำงานตักน้ำให้คนในครอบครัวของเบรเซอร์ทั้งที่ตนก็เพิ่งรบมาแท้ๆ”
“ถ้าเขาเป็นนักเดินทางที่ผ่านมาเฉยๆ ทำไมเขาต้องต่อสู้ในท่ามกลางก็อบลินคนเดียวขนาดนั้นให้เสี่ยงตาย แต่ถ้าเขาไม่ใช่ ทำไมเบรเซอร์จึงรีบแนะนำหนุ่มคนนั้นว่าเป็นนักเดินทาง”
“ดูไปแล้วเกราะที่เขาสวมใส่ อาวุธที่ถือ ไม่ใช่ของธรรมดา แต่เขาคนนี้ดูอายุไม่มาก15-16เท่านั้น ถ้ามีฝีมือแบบนี้แต่อายุน้อย ทำไมจึงมาอยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆนี่”
เรย์พูดสิ่งที่ตนสังเกตออกมาเป็นชุด เพราะเขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติไป
“หรือจะเป็นคนที่หนีความผิดมาหลบซ่อนตัว”
อดัม … ผู้ช่วยของเรย์ยิ้ม เขาเข้าวัยกลางคนแล้วและผ่านอะไรมามาก และเห็นจุดนึงที่เรย์ไม่ได้สังเกต
“ข้าคิดกลับกันว่าไม่แปลกอะไรและดูสมเหตุผลดี” อดัมบอก
“ข้าไม่คิดว่าเขามีคดีอะไรติดตัว เพราะตั้งแต่แรกที่พบกัน เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้หลบหน้าทหารอย่างพวกเราเลย หนำซ้ำดูสนใจเสียอีก”
“อีกอย่างที่ท่านไม่ได้สังเกต คือ เด็กหญิงคนนึงที่อยู่กับหัวหน้าหมู่บ้าน พกมีดสีเงินที่ไม่เหมือนมีดธรรมดาอยู่ …. ข้าเชื่อว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นคนมอบให้แน่ๆเพราะมันดูดีเกิดกว่าจะเป็นมีดที่ชาวบ้านธรรมดาจะมีได้”……
“และตอนที่เด็กหนุ่มคนนี้เข้าไปลุยกับก็อบลิน เด็กหญิงที่ถือมีดสีเงินนี้คือคนที่ตกอยู่ในวงล้อมของก็อบลินตรงนั้น”
เรย์นึกตามแล้วขมวดคิ้ว
“แค่นั้นอธิบายเรื่องทั้งหมดได้เลยรึ?”
“รอไว้เมื่อท่านมีคนที่ท่านอยากจะปกป้อง ไม่ว่าจะฝูงมอนสเตอร์จะมากแค่ไหนท่านก็จะทำแบบที่หนุ่มคนนั้นทำ เชื่อข้าเถอะ …” อดัมบอก…เรย์พยักหน้าให้ผู้ช่วยของเขา เขายังต้องเรียนรู้อีกมากจริงๆ
…. ไม่รู้ว่าทั้งคู่จะทำหน้ายังไงหากรู้ว่าความจริงแล้วที่รอนให้มีดไปเพราะจริงๆมันไม่มีราคาอะไรมาก และให้ไปเพราะเห็นว่าโรล่าในตอนนั้นมีแค่มีดหินเป็นอาวุธเท่านั้น พวกเขาทั้งสองคนคิดมากก้นไปเองแท้ๆ
แต่สำหรับรอนที่กำลังตักน้ำอยู่นั้นเอง เขากำลังเกิดคำถาม
“ทำไมเราต้องกลับมาช่วย?” รอนพูดกับตัวเองเบาๆ”เราแค่จะหาที่อ่านหนังสือ เราต้องการจะสอบให้ได้คะแนนดีเฉยๆ ทำไมเราต้องเสี่ยงชีวิตด้วยฟะ ไม่เมคเซ้นส์เลย”
รอนนึกถึงความกลัวของตน , นึกถึงความยินดีตอนที่รู้ว่าจริงๆแล้วเขาสามารถเลือกที่จะไม่กลับมาก็ได้
แต่เมื่อนึกถึงตรงนี้…
ให้ตัดสินใจอีกครั้งเขาก็จะยังกลับมาเหมือนเดิม
เขาไม่อยากเห็นเบรเซอร์ตาย
เขาไม่อยากเห็นมาเรียตาย
และเขาไม่อยากเห็นโรล่าตาย
เขาอยากเห็นคนที่นี่มีชีวิตที่มีความสุข
อยากเห็นรอยยิ้มของเด็กสาวคนนั้น
อยากเห็นทุกคนใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย บรรดาแม่ๆที่อุ้มลูกน้อยในอ้อมแขน
อยากเห็นโรล่าที่วิ่งไปมาช่วยเหลือคนอื่นๆในหมู่บ้าน
พอนึกถึงตรงนี้เขาก็คิดว่าเขาเข้าใจตัวเองขึ้นมา …. ที่แท้เขาก็ชินกับการอยู่ในหมู่บ้านโอลเซ่นจนมองว่าเป็นเสมือนบ้านอีกแห่งหนึ่ง
คงเหมือนเวลาเล่นเกมและอยู่ในหมู่บ้านเริ่มต้นและทำQuestจนชินกับที่นี่มากๆและเกิดความผูกพัน ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ
… น่าจะแบบนั้นนะ …
“โอ๊ย” รอนคิดเพลินจนเดินไปชนกับเสาเต็มแรง แท่งไม้เล็กๆทิ่มเข้าไปในมือ
[-0.2]
“อูย เจ็บๆๆ” รอนบ่น เขาถอนเศษไม้ที่ปักคาออกมาจากมือ เลือดไหลออกมาเล็กน้อย รอนวางถังน้ำแล้วเอื้อมมือไปหยิบน้ำตาลข้างในกระเป๋ากางเกงมากิน … ในเมื่อเขาSpam Healได้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องรอให้ร่างกายฟื้นฟูตนเองแบบช้าๆสินะ
[+0.5]
“เอ๊ะ … ทำไมขึ้นแค่นี้ล่ะ” เด็กหนุ่มพูดขึ้น เขาทดลองใหม่แต่ผลที่ได้ก็เหมือนเดิม
[+0.5][+0.5][+0.5][+0.5][+0.5][+0.5]
รอนลองคว้าน้ำตาลมากินแบบเป็นกำ แต่ผลที่ได้คือการรักษาที่ขึ้น ขึ้นเพียงครึ่งเดียวของที่เคยทำได้ รอนรีบหาคำตอบทันที
“สเตตัส น้ำตาลทราย” รอนสุ่มเลือกคำดู แล้วก็มีตัวอักษรปรากฎ
[น้ำตาลทราย : Lv 2 Cooldown 35/100]
*โปรดกินอาหารให้หลากหลายเพื่อสุขภาพกายที่แข็งแรง
รอนอ่านเสร็จแล้วผิดหวังนิดๆ เขานึกว่าต่อจากนี้เขาจะสามารถพกน้ำตาลแล้วใช้มันเป็นเหมือนสูตรอมตะ แต่ดูเหมือนว่าความหวังนั้นจะไม่เป็นจริงแล้ว นี่ยิ่งถ้าใช้บ่อยก็จะไม่ได้ผลสินะ
แต่เอาเถอะยังไงที่เขาทำอยู่นี่ก็เพราะเขาแค่อยากอ่านหนังสือเตรียมสอบนี่นา รอนพยักหน้าให้ตนเองก่อนจะขนน้ำไปเติมในรางให้ม้าต่อ
บ่ายเย็นวันนั้นชาวบ้านหมู่บ้านโอลเซ่นทยอยพักผ่อนกัน คนที่บาดเจ็บก็ไปให้นักบวชรอคโค่ช่วยใช้เวทรักษาวนเวียนกันไป ส่วนรอนก็พักอยู่ที่ห้องในบ้านหัวหน้าหมู่บ้าน
เบรเซอร์นอนหลับไปแล้ว โดยมีเด็กกำพร้าสามคนที่ฟังนิทานจนหลับไปนอนกอดอยู่ โรล่าและมาเรียนอนด้วยกันที่อีกเตียงหนึ่ง
ในเวลาที่ทุกคนหลับไปแล้วเช่นนี้รอนไม่กล้าเปิดคลิปเสียงดังหรือว่าฝึกอาวุธอะไร เขาได้แต่เปิดโทรศัพท์มือถือแล้วอ่านหนังสือเรียนที่เขาถ่ายเก็บไว้ไปเรื่อยๆเท่านั้น
รอนมองดูนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เข็มสั้นชี้ไปที่เลข11เหลืออีก1ชั่วโมงเขาจะกลับไปที่ห้องนอนตนเองที่โลกแล้ว … การอยู่ที่นี่มันให้ความรู้สึกแปลกดีตรงที่เขาไม่รู้สึกเพลียหรือง่วงเลย ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องนอนใดๆ
เด็กหนุ่มปิดมือถือ จากนั้นลองนอนหลับตาดู … แต่ก็ไม่รู้สึกง่วงใดๆ … รอนลองดับไฟมือถือจนรอบตัวมืดแล้วนอนครู่นึง ทุกอย่างก็เหมือนเดิม แม้ห้องจะปิดทึบหมด บานหน้าต่างถูกงับปิดสนิทจนไม่มีแสงใดๆลอดเข้ามา แต่รอนก็ไม่รู้สึกง่วงเลย
ดูท่าต้องอ่านหนังสือไปเรื่อยๆเท่านั้นสินะ
รอนกะว่าจะอ่านหนังสือต่อ ขณะที่ควานหาโทรศัพท์มือถือนั้นเอง
“แกร็ก”
เสียงดังมาจากประตูห้อง ท่ามกลางความมืดมีเสียงฝีเท้าเบาๆ…ตามด้วยเสียงปิดงับประตู
เด็กหนุ่มฟังเสียงฝีเท้านั้นก้าวมาช้าๆ ช้าๆ จนเสียงนั้นมาหยุดตรงข้างเตียง …เสียงหายใจที่เข้าออกของคนที่ยืนตรงนั้นดังมาถึงเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนเตียง ตามด้วยเสียงเอี๊ยดเบาๆ เตียงที่ปูด้วยต้นฮีทเธอร์ยวบลงตามแรงนั่ง
“คุณรอนคะ” เสียงเด็กสาวพูดเบาๆ “คุณรอนยังตื่นอยู่ไหมคะ”
“ตื่นอยู่ครับคุณโรล่า”รอนตอบ
…
ท่ามกลางความมืด ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมานอกจากเสียงหายใจที่ดังถี่ขึ้น และเสียงริมฝีปากคู่หนึ่งที่ขยับแย่างแผ่วเบาเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง … เด็กหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นมานั่งบนเตียง … แม้จะมืดจนมองไม่เห็น แต่กลิ่นกายจางๆของเด็กสาวที่นั่งข้างๆในความมืดทำให้เขารับรู้ได้ว่าโรล่ายังนั่งอยู่ข้างๆเขา
“มีอะไรเหรอครับ” รอนถามอีกครั้ง
“คือ….” เด็กสาวขยับตัวนิดหนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจพูดออกไป “ฉันอยากขอบคุณคุณรอนค่ะ ขอบคุณมากที่ช่วยเราทุกคนไว้ในวันนี้”
…
“วันนี้ ถ้าไม่ได้คุณรอนช่วยเอาไว้ พวกเราทุกคนคงไม่รอด ก็อบลินคงจัดการพวกเราจนหมดและบุกเข้าหมู่บ้…..”
“ผมขอโทษ”รอนพูดออกไป
“คะ?”
“ถ้าผมตัดสินใจเด็ดขาดกว่านี้ ลงมือเร็วกว่านี้ วันนี้ทุกคนที่ออกไปด้านนอกคงไม่ตาย”
“ถ้าผมมีอาวุธให้ทุกคนในหมู่บ้านมากกว่านี้…..”
“ถ้าผมตั้งใจมากกว่านี้…”
รอนขอโทษอย่างรู้สึกผิด … ภาพคนที่ตายเพราะการป้องกันทางเข้าหมู่บ้านและคนที่ตายจากการบุกจู่โจมก็อบลินเมจยังติดตาเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเผลอคิดว่าทุกอย่างสงบแล้วและละเลยทุกอย่าง
แทนที่เขาจะเอาอาวุธหรือเครื่องมือข้ามมา เขากลับปล่อยให้Slotว่าง2-3ช่องทุกวัน
แทนที่เขาจะเอาหนังสือสามก๊กที่ตั้งใจจะอ่านเพื่อศึกษาแท็กติกการรบ พอไม่ได้อ่านกลับเอาไปคืนและไม่ยืมมาอ่านอีก
ถ้าเขาตั้งใจอะไรกว่านี้
มุ่งมั่นกว่านี้
สิบกว่าชีวิตนั้นคงไม่สูญเสียไป
เด็กหนุ่มกำหมัดแน่น ความรู้สึกในอกเหมือนก้อนจุกขึ้นที่คอ …. แล้วเขาก็รู้สึกได้ถึงมือเล็กๆที่เอื้อมมาจับ มือที่หยาบกร้านจากการทำงานแต่แบบบางแบบเด็กสาววัยแรกแย้ม กุมมือของเขาอย่างแผ่วเบา ก่อนที่มือนั้นจะเอื้อมมาจับบ่าของเด็กหนุ่ม และโน้มตัวเข้าไปโอบกอดไว้
รอนหายใจเข้าออกช้าๆในอ้อมกอดนั้น ความรู้สึกจุก เสียใจ ผิดหวัง ค่อยๆหายไป เหลือแต่ความรู้สึกอบอุ่น … เขาสูดหายใจเข้าออกช้าๆ ….
“คุณรอนทำดีที่สุดแล้วค่ะ ไม่มีใครโทษหรือมองว่าเป็นความผิดของใคร” เด็กสาวพูดกับเด็กหนุ่มในอ้อมกอด ” พวกเราทุกคนเตรียมใจรับความสูญเสียที่มากกว่านี้อยู่แล้ว … และที่คุณรอนมาช่วยพวกเราจนรอดมาได้ขนาดนี้ก็นับเป็นปาฏิหารย์แล้ว”
“ดังนั้นคุณรอนอย่ารู้สึกผิดหรือรู้สึกไม่ดีใดๆเลยนะคะ”
เด็กหนุ่มหลับตาอยู่ในอ้อมกอดนั้น ความรู้สึกทั้งหลายผ่อนคลายลงไปมาก … เขาค่อยๆยกมือทั้งสองขึ้นจับไปที่บ่าของเด็กสาวที่กำลังกอดเขาไว้แล้วค่อยๆผลักออกไปข้างหน้าอย่างแผ่วเบา เสียงเตียงลั่นเบาๆตามการเคลื่อนไหว
“ขอบคุณมากครับคุณโรล่า” รอนบอก ความรู้สึกผิดที่รู้สึกมาตลอดทั้งสองวันนี้หายไปหมดสิ้นแล้ว ทั้งคู่ยิ้มให้แก่กันแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายต่างไม่อาจมองเห็นได้ในความมืดเช่นนี้
เด็กสาวขยับตัวถอยออกมาเล็กน้อย มือขวายังจับมือเด็กหนุ่มไว้ “แล้วก็ … ฉันอยากจะขอร้องอะไรคุณสักหน่อย”
“ครับ?”
“คุณเบรเซอร์บอกพวกเราว่ายังไม่แน่ว่าพวกเราจะต้องเดินทางไปอยู่ชั่วคราวที่ในตัวเมืองหรือเปล่า” เธอบอก “ฉันอยากจะขอร้องคุณรอน อยากให้เดินทางไปด้วยกันกับพวกเราค่ะ”
“อาจจะเป็นการขอที่ดูเห็นแก่ตัว แต่ฉันไม่อยากเสียเพื่อนบ้านพวกพ้องคนใดไปอีกแล้ว และเห็นว่าคุณรอนเป็นคนเกียวที่จะช่วยพวกเราได้ดีที่สุด….ฉันเลยอยากขอให้คุณรอนไปด้วยกันกับพวกเราและอยู่กับพวกเราค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงครับ เป็นความตั้งใจของผมอยู่แล้วที่จะเดินทางไปด้วยกันกับชาวหมู่บ้านโอลเซ่น ….” รอนพยักหน้าให้ในความมืด “ตามที่ผมสัญญาไว้ ยังไงผมก็จะช่วยให้จนตลอดรอดฝั่ง”
“ขอบคุณมากค่ะ” เด็กสาวตอบอย่างยินดี
ทั้งคู่นั่งข้างกันบนเตียงอีกครู่นึงก่อนที่รอนจะนึกขึ้นได้
“ว่าแต่คุณโรล่าทำไมมาถามผมตอนกลางคืนนี้ละครับ”
“คือทีแรกชั้นก็คิดว่าจะถามคุณตั้งแต่เย็นๆน่ะค่ะ … แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญแล้วก็เป็นการขอร้องที่ดูจะมากสักหน่อย ” โรล่าบอก ” ยิ่งเมื่อวานตอนเย็นในกลุ่มชาวบ้าน คุณรอนดันพูดแบบนั้นตอนมองรอยขาดบนเสื้อฉันอีก ฉันเลยกังวลว่าหากไปขอร้องต่อหน้าคนอื่น จะทำให้คนอื่นๆหรือคุณเข้าใจผิดว่าใช้ความเป็นผู้หญิงมาทำให้คุณรอนตกลง มันจะดูไม่ดี……..”
…
…
…
ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรต่อ Deadair ปกคลุมทั่วไปทั้งห้องนอน เพราะ ในใจทั้งสองต่างคิดตรงกันอย่างร้อนรน
‘ แต่เข้ามาในห้องนอนสองต่อสองตอนกลางดึกที่ทุกคนหลับแบบนี้ มันยิ่งดูไม่ดีน่าสงสัยไม่ใช่รึ!!!!! ‘
‘แล้วที่กอดกันเมื่อกี้อีกถ้าใครรู้เข้าล่ะก็ ! ‘
“เอ่อ คือ คือ คุณรอน ฉันขอโทษค่ะ ชั้นไม่ได้นึกจริงๆ แบบนี้ยิ่งดูไม่ดีไปกันใหญ่”โรล่ารีบพูดด้วยน้ำเสียร้อนรน เธอรีบขยับตัวเลื่อนออกมา มือที่กุมมือเด็กหนุ่มไว้ค่อยๆคลายออก
รอนเอื้อมมือไปที่หน้าเด็กสาวและใช้หลังมือเคาะลงไปเบาๆสามทีที่หน้าผาก
“โรล่าไม่ต้องกังวลครับ ผมรู้แหละว่าคุณไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น แล้วถ้าเราสองคนไม่พูดไปก็ไม่มีใครรู้อยู่แล้วไม่ต้องห่วงหรอก” เด็กหนุ่มบอก “และผมก็สัญญาว่าผมจะช่วยหมู่บ้านนี้ต่อไป “
แกร๊ก!
เสียงประตูเปิดออก โรล่าและรอนผละออกจากกันโดยอัตโนมัติ … รอนตกใจกดเปิดไฟหน้าจอโทรศัพท์
“มาเรีย!” โรล่าร้องขึ้น
“โรล่า …. ตอนนี้ดึกแล้วทุกคนนอนหลับหมดแล้ว ไม่เหมาะที่เธอจะมารบกวนท่านรอนนะ” มาเรียบอกก่อนจะหันไปโค้งศีรษะให้รอน “ต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะ”
… มาเรียพูดจบก็พาโรล่าเดินออกไปจากห้อง แสงจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือดับลง เด็กหนุ่มถอนหายใจยาวๆก่อนจะเปิดแสงไฟอีกครั้งแล้วเดินไปเก็บของ เขาวางมีดทำครัวของแม่ไว้ที่โต๊ะ คู่กับกระทะเทฟล่อนใหญ่ … หยิบมีดร้านอาม่ามาดูแล้ววางไว้ วันนี้มีดเล่มนี้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้แท้ๆ
จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อผ้ารองเท้าทั้งหมดเหลือแต่ชุดชั้นใน มือแต่ละข้างถือคริสตัลแกนมอนสเตอร์ข้างละอัน
5..4..3..2..1 วาร์ป!
รอนกลับมายังห้องนอนในบ้านของตนอีกครั้ง ความง่วงเพลียกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว หันมองนาฬิกาตอนนี้เวลาเที่ยงคืน5นาที เขาวางผลึกทั้งสองบนโต๊ะ ไปอาบน้ำ แล้วกลับมานอน
คืนนี้เขาหลับสนิทอย่างสบายใจ….