Midterm Fantasy - ตอนที่ 32
“คนรั้งท้าย?” รอนถามอย่างสงสัย
“ท่านรอนจำศีรษะของสามคนที่ก็อบลินตัดเสียบหอกได้ใช่ไหม …..ท่านคิดว่าเพราะเหตุผลอะไรพวกเขาสามคนถึงได้อยู่รั้งท้าย ในขณะที่คนอื่นๆกลับตรงมาที่นี่เลย”
“ท่านรอนจำได้ไหม ถึงตอนที่ท่านเจอโรล่าและจาร์ดีน สองคนนี้ทำไมจึงถูกส่งไปเสี่ยงอันตรายเก็บยาหาอาหารนอกหมู่บ้าน”
รอนคิดตาม ก่อนจะหน้าซีดเมื่อนึกถึงเหตุผลนึงได้
“พวกเขาเป็นเด็กกำพร้า” เด็กหนุ่มตอบ
“ใช่” เบรเซอร์ตอบ
“ในยามที่ต่อสู้เพื่อปกป้องหมู่บ้าน ทุกคนพยายามเพื่อปกป้องครอบครัวของตน” เบรเซอร์บอก “แต่เมื่อไม่เหลือครอบครัวของตนอีกต่อไปแล้ว ไม่เหลือใครให้ปกป้องไม่เหลือเป้าหมายใดๆอีก ความหมายของชีวิตของเราก็น้อยลงไป”
” ในเวลาแบบนี้ คนที่ไม่เหลือครอบครัว และไม่เหลือใครที่จะให้ปกป้อง …. เมื่อเทียบกับคนที่ยังมีครอบครัวพร้อมหน้า …. การเสียสละให้คนที่ยังมีได้อยู่ต่อเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราจะทำให้แก่กันได้” เบรเซอร์บอก
“และนี่คือสิ่งที่เราพอจะทำได้ในยุคสมัยแบบนี้”
รอนพยายามคิดแย้ง …แต่เขาคิดไม่ออกว่าจะแย้งอย่างไร เพราะโลกนี้มีวัฒนธรรมความเชื่อที่ไม่เหมือนบนโลกมนุษย์
เขาไม่รู้จริงๆว่ามันถูกหรือผิด
ดังนั้นเขาจึงได้แต่ยืนเงียบมองหน้าชายชราโดยไม่พูดอะไร
……..
“หัวหน้าหมู่บ้านๆ พวกก็อบลินมันโจมตีประตูหลัง” ชายคนนึงวิ่งมา “ตอนนี้พวกมันพยายามงัดทุบแผ่นไม้ด้านหลังกันอยู่
“มีร่องรอยของก็อบลินเมจไหม”
“ไม่มีครับ พวกมันทุบพังประตูเฉยๆ ไม่มีการใช้ไฟ … เร็วเถอะครับ เสียงพวกมันดังมากน่าจะมากันเกือบทั้งหมด”
“งั้นโอเดียน นายพาคนจากประตูหน้าไปให้หมด เหลือไว้10คนพอ พอลคอยจับตาดูประตูหน้าไว้”
โอเดียนพาคนส่วนใหญ่วิ่งไปหลังหมู่บ้าน รอนและพอลเดินไปดู …
“ถ้าพวกมันส่วนใหญ่ไปด้านหลัง แต่ไม่มีตัวที่ใช้ไฟ … ก็แปลว่าพวกมันส่วนน้อยอยู่ตรงนี้กับตัวใช้เวทไฟ” รอนพูด “เดี๋ยวนะ….”
เด็กหนุ่มวิ่งไปที่หน้าประตู มองไปที่ก็อบลินเมจในชุดแดงที่ยืนเด่นอยู่ ข้างๆมีกัปตันสองตัวยืนคุ้มกัน กับก็อบลินธรรมดาอีกไม่ถึงยี่สิบตัว
” ผู้เฒ่าเบรเซอร์ครับ ดูนั่น มันมีกันแค่ไม่กี่ตัวเอง ” รอนชี้ไป เบรเซอร์มองแล้วครุ่นคิดก่อนจะเดินไปตรงที่มีกลุ่มคนนั่งกันอยู่
“โรล่า มาเรีย ไปเอาหอกมาคนละด้าม” เบรเซอร์บอก “ป้าแอนนี่ มิรินดา ฟารัค …. ข้าจะไปจัดการเจ้าตัวนั่น มีใครจะไปกับข้าไหม”
“เดี๋ยวผมไปด้วย”พอลบอก
“พอลไม่ต้องไป อยู่เฝ้าตรงนี้”
“แต่…..”
“มันอาจจะเป็นกับดัก” เบรเซอร์บอก
หญิงวัย50กว่าที่นั่งอยู่ลุกขึ้นมา เดินไปดึงหอกออกจากมือคนที่เฝ้ายามอยู่มาถือไว้ สักพักคนอีกหลายคนก็ลุกขึ้น … แม้แต่คนที่ไม่ได้เรียกชื่อแต่นั่งอยู่ข้างๆศพคนที่ตายจากการปะทะเมื่อครู่ก็ลุกขึ้นมาด้วย
รอนมองดูแล้วเข้าใจขึ้นมาทันที แต่ละคนคือคนที่ครอบครัวตายไปหมดแล้ว ….
“เอาล่ะ พวกเรา ไปกัน”เบรเซอร์บอก
“คุณโรล่า คุณมาเรีย” รอนเรียก …. ถึงแม้ว่าทั้งคู่เป็นเด็กกำพร้า แต่ว่าอายุยังน้อย ยังมีอนาคตไม่ใช่เหรอ
“คุณรอนคะ” โรล่าส่ายศีรษะเบาๆ “กับเด็กกำพร้าแบบชั้น คุณตาเบรเซอร์ที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่จำความไม่ได้ และมาเรียที่เติบโตมาด้วยกันคือครอบครัวที่ฉันเหลืออยู่ค่ะ …… “
เด็กสาวหันกลับและเดินไป คนทั้ง10คนทั้งเด็ก ผู้หญิง คนสูงวัย เดินมุ่งไปที่ก็อบลินเมจและหมู่ก็อบลินช้าๆ ผ่านทางเดินที่สองข้างทางมีต้นหญ้าถูกลมพัดไหว ปราศจากเสียงนกหรือแมลง พระอาทิตย์ที่ขึ้นสูงใกล้เหนือกึ่งกลางศีรษะสาดส่องแผดเผาคนทั้งกลุ่มที่เดินออกมา
“ผมไปด้วย” รอนวิ่งตามไป
“คุณรอนกลับไปเถอะ” เบรเซอร์ห้าม
“อย่างน้อยกระทะของผมก็กันเวทไฟได้ ให้ผมไปด้วยเถอะ” รอนบอกพลางคิด เขาคิดในแง่ดีว่าถ้าพวกมันมียี่สิบตัวแค่นี้ รีบจัดการแล้วถอยน่าจะทันอยู่ …..
เบรเซอร์ไม่ว่าอะไร จึงรอนเดินไปเคียงข้างชายชราช้าๆ พวกเขาตรงไปยังก็อบลินพวกนั้น … น่าแปลกที่พวกมันเฝ้าดูโดยที่ไม่ถอยหนีไปไหนเหมือนกับว่าพวกมันมั่นใจว่าด้วยจำนวนที่มากกว่าเล็กน้อยจะสามารถเอาชนะมนุษย์ได้
จนถึงระยะ50เมตร จู่ๆก็
“กี๊ซซซ”
“กี๊ซซ”
“กี๊ซ กี๊ซ”
ก็อบลินทั้งกลุ่มร้องขึ้น และระหว่างที่ทุกคนกำลังสงสัยว่ามันร้องอะไรนั่นเอง
“เบรเซอร์ ข้างหลัง” ป้าแอนนี่ตะโกนมาจนทุกคนหันมอง รอนหันไปมองใจหายวาบ
เพราะก็อบลินกว่าร้อยตัวที่หมอบอยู่กับพื้นท่ามกลางต้นหญ้าทางด้านหลังห่างๆ ลกขึ้นมายืนแล้ววิ่งตรงมายังพวกเขา
“จัดการนักเวทของมัน ถ้าจัดการหัวหน้าได้ตัวที่เหลือก็จะหนีไปเอง” เบรเซอร์ตะโกนแล้ววิ่งไปข้างหน้า …
เขาบอกไปแบบนั้นทั้งๆที่ก็ไม่รู้หรอกว่าการจัดการหัวหน้าจะช่วยอะไรหรือเปล่า แต่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
นักเวทไฟก็อบลินร่ายลูกบอลไฟ จากนั้นยิงออกมา
“<Charge>”
รอนพุ่งออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแล้วใช้โล่รับลูกไฟไว้ ก่อนจะตวัดทิ้งไปทางอื่นแล้ววิ่งตรงเข้าไป ก็อบลินกัปตันทั้งสองตัวพุ่งเข้ามา ตัวหนึ่งใช้ดาบ อีกตัวถือขวานเล่มใหญ่ รอนยกกระทะกันดาบและขวาน … เสียงดังของโลหะกระทบกันดังไปทั่ว
ส่วนคนอื่นๆเรียงหน้าเข้าสู้กับก็อบลินตัวเล็กๆที่วิ่งเข้ามา
เด็กหนุ่มสู้ไปถอยไป เวลาเล่นเกม เขาเคยคิดว่าการต่อสู้กับศัตรูสองตัวจะไม่ยากเย็นอะไร .. แต่เอาเข้าจริงๆมันยากมากๆ … พอกำลังจะเงื้อค้อนจัดการตัวนึง อีกตัวก็ฟันเข้ามาจนชะงัก พอจะเลื่อนโล่ไปกันขวาน ดาบก็แทงเข้ามา
[-1]
[-0.3]
[-1]
ตัวเลขสีแดงพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็อบลินตัวนึงจะเล็งที่หัว อีกตัวจะเล็งที่ลำตัว รอนซึ่งยกกระทะป้องกันหัวเป็นหลักจึงเจอเล่นงานที่ลำตัวเสียส่วนใหญ่
และสำหรับขวาน แม้ว่าจะฟันเสื้อคลุมของเขาไม่เข้า แต่แรงกระแทกก็รุนแรงไม่น้อย
“ย้าก” เขากระโดดถอยออกมา ก่อนจะพุ่งตัวหนีก็อบลินกัปตัน …. แล้ววิ่งตรงเข้าไปหาก็อบลินเมจ … กัปตันทั้งสองพยายามพุ่งตัวตาม แต่ร่างที่มีเกราะเทอะทะทำให้วิ่งช้า ตามเด็กหนุ่มได้ไม่ทัน
“กี๊ซซซ” ลูกไฟพุ่งมาแต่ถูกรอนใช้กระทะปัดไว้ได้อีกครั้ง เขาพุ่งเข้าไปหาก็อบลินเมจ ค้อนเงื้อขึ้นสูงสุดจากนั้นฟาดลงไป
‘โผละ’ เลือดและซีรีบรัมของก็อบลินเมจพุ่งออกมาจากรอยแตกบกระโหลกศีรษะ เขาไม่มองดูความสำเร็จตรงหน้าแต่หันกลับมายกกระทะขึ้นกัน ขวานของก็อบลินกัปตันฟันลงมาตรงกลางจังๆ
‘เคร้ง’ …..
กระทะเทฟลอนในมือแตกออกและหลุดจากด้าม รอนกระโดดถอยไปด้านหลัง ก่อนที่จะมีแสงไฟวาบมาจากด้านหลังของเขาอีกทีจนต้องหันไปมอง
ลูกไฟขนาดใหญ่กว่าลูกก่อนๆหลายเท่า พุ่งมาจากระยะสิบเมตร ! …..
จากก็อบลินในชุดสีแดง!!! ที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง
“มันมีนักเวทสองตัว” รอนร้องขึ้นมาใจหายวาบยืนงงทำอะไรไม่ถูกก่อนจะถูกผลักล้มกลิ้ง แสงสว่างวาบขึ้นลุกโชนท่ามกลางแดดยามเที่ยง
รอนเงยหน้าขึ้นมาแบบงุนงง ชายคนที่ชื่อฟารัค … ดึงตัวรอนถอยออกมา ในขณะที่มีร่างอีกร่างไฟลุกท่วมตัว มีดาบปักอยู่กลางท้องหลายเล่ม เดินโซเซกางแขนเหมือนพร้อมจะรับลูกไฟลูกอื่นๆที่จะยิงเข้ามาอีก
“ป้าแอนนี่ไม่รอดแล้ว คุณรอนลุกเร็ว!” ฟารัคตบหน้ารอนที่ยังช็อคอยู่ ส่วนมิแรนด้าหญิงสาวอีกคนที่มาด้วยกันช่วยกันลากรอนให้ลุกขึ้น
“ท่านรอน ตื่นเดี๋ยวนี้”
เผียะ!
รอนกุมแก้มที่ถูกตบแล้วมองรอบๆ นอกจากฟารัคและมิแรนด้า มีอีกสองคนที่สู้กับก็อบลินกัปตันสองตัว … ห่างออกไป พ่อเฒ่าเบรเซอร์ล้มอยู่ที่พื้น มาเรียใช้หอกสู้อยู่ ส่วนโรล่าไม่มีหอกในมือ หากแต่ถือมีดสั้นสีเงินที่เขาเป็นคนมอบให้ … สู้ก็อบลินอยู่
“คุณรอน คุณรอนต้องไปช่วยสามคนนั้นออกไป”
“พวกเราไม่เหลือครอบครัว ไม่เหลือพ่อแม่พี่น้องสามีภรรยาหรือลูก … แต่สามคนนั้น…” มิแรนด้าตะโกน “สามคนนั่นคือครอบครัวเดียวกัน ถึงเค้าจะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันแต่เค้าคือครอบครัวเดียวกัน คุณรอนต้องช่วยพวกเค้าให้ได้”
“ไปเร็วคุณรอน!” หญิงสาวผลักเด็กหนุ่มไปข้างหน้า ก่อนที่เธอจะกระชับหอกในมือ พุ่งตรงไปหากลุ่มชาวบ้านที่เหลืออยู่ซึ่งกำลังสู้กับก็อบลินนับร้อยที่ตรงเข้ามา
สำหรับก็อบลินเมจตัวนั้นอยู่ในกลุ่มก็อบลินที่กำลังมุ่งเข้ามา … ไม่มีทางเข้าถึงตัวมันได้แน่ๆ
แผนทั้งหมดพังลงแล้ว …
“ย้าก” ผัวะ! โพละ!
รอนหวดค้อนลงใส่ก็อบลินที่สู้กับมาเรียและโรล่า … เด็กสาวทั้งสองมีบาดแผลตามตัวแต่ไม่ร้ายแรงนัก เสื้อผ้าขาดหลายจุดยืนหอบเหนื่อยอยู่
“โรล่า มาเรีย พวกเราต้องไปแล้ว” รอนร้อง “กลับเข้าหมู่บ้านเดี๋ยวนี้”
เขาดึงมือโรล่า … แต่เด็กสาวดึงออกยิ้มให้และส่ายหน้า
“ท่านรอนไปเถอะค่ะ … ชั้น… ทิ้งคุณตาไปไม่ได้” โรล่าตอบ
“ท่านรอนไปเถอะ … ที่นี่ไม่ใช่บ้านของท่าน ท่านไม่มีหน้าที่อะไรที่ต้องมาตายเพราะพวกเรา” มาเรียบอก
รอนก้มลงมองเบรเซอร์ที่นอนหมดสติที่พื้น ชายชรามีแผลที่ขาทั้งสองข้างและที่ศีรษะ แต่ก็ยังมีลมหายใจอยู่ เด็กหนุ่มพยายามยกขึ้นแต่ไม่สำเร็จ เมื่อมองดีๆก็พบว่ามีหอกปักหักคาที่ต้นขาแทงทะลุเข้าไปที่ลำตัวของก็อบลินอีกตัว รอนดึงมีดจากมือของโรล่ามาฟันที่ไม้ของหอก
ฉับๆๆๆ
ฟันไม่เข้า
เขาพยายามตัดแหวกเข้าไปในตัวก็อบลินที่ตายแล้ว แต่หอกฝังลึกระหว่างชายโครงของก็อบลิน
“คุณรอนไปเถอะค่ะ” โรล่าบอก …
รอนเงยหน้าขึ้นมองไปที่ฟากโน้น คนหลายคนที่สู้อยู่เมื่อครู่ … ตายหมดสิ้นแล้ว ก็อบลินจัดแถวหน้ากระดานดาหน้ากันเข้ามา เหยียบย่ำข้ามศพของชาวบ้านที่เมื่อสักครู่สู้ถ่วงเวลาเอาไว้อย่างกล้าหาญและสิ้นหวัง …
เด็กหนุ่มปล่อยค้อนในมือที่สั่นเทาตกลงสู่พื้น
[พลังชีวิต 14/52]
รอนค่อยๆเดินถอยหลังช้าๆด้วยความกลัว
ทำไมเขาต้องมาสู้อะไรแบบนี้
ทำไมเขาต้องมาเจออะไรแบบนี้
ทำไม …
รอนก้าวถอยหลังช้าๆ จนถอยผ่านเบรเซอร์ที่นอนอยู่โดยมีเด็กสาวสองคนนั่งคุกเข่าอยู่ใกล้ๆ
“คุณรอนคะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง” โรล่าพูดทั้งน้ำตา ” ลาก่อนค่ะ …”
…. ภาพทุกอย่างรอบตัวหยุดนิ่ง [ 5…4…3…2..1…0 ]
นาฬิกาข้อมือชี้เข็มไปที่เลข12นาฬิกา
รอนพบว่าตัวเองถูกส่งกลับมาอยู่ที่ห้องในบ้านของตนเอง
“โอ้ย …” เขากุมบาดแผลตามตัว รอยมีด ดาบ ขวาน ที่กินแผลลึกตามขาและมือตั้งแต่ที่โน่นแต่ไม่รู้สึกเจ็บปวดเพราะความตื่นเต้น มาตอนนี้ความรู้สึกเจ็บปวดกลับมาชัดเจนแล้ว เลือดไหลลงเปื้อนพื้นห้องนอนเป็นทาง
“อาหาร อาหาร” รอนคิดในใจ เค้าจำได้ว่าถ้ากินอาหารจะช่วยให้ฟื้นฟูพลังชีวิตได้
“นั่นไง อาหาร” รอนอุทาน แล้วคว้าซองน้ำตาลพริกที่ตกบนโต๊ะมา ฉีกซอง แล้วกรอกน้ำตาลเข้าไปในปาก
… [+1] [+1] [+1] [+1]
เลือดไหลช้าลงเหลือแค่ซึมๆ … แต่พลังชีวิตยังแค่ 18 …รอนค่อยๆเดินลงไปที่ครัว …เปิดกระปุกน้ำตาล จากนั้นใช้ช้อนต้กเข้าปากแล้วกลืนโดยไม่สนใจว่ามันจะบาดคอหรือไม่
…… [+1] [+1] [+1] [+1] [+1] [+1] [+1] [+1]
รอนจ้วงน้ำตาลในโถกินอีกหลายช้อน จนรู้ตัวอีกที
[พลังชีวิต 52/52]
เขามองกลับไปที่พื้นจนถึงทางเข้าห้องครัว …รอยเลือดหยดไหลเป็นทาง …รอนสำรวจตัวเองที่ตอนนี้ไม่มีบาดแผลหรือความเจ็บปวดแล้ว … จากนั้นก็ไปหยิบผ้ามารีบเช็ดรอยเลือดที่ไหลเป็นทางตั้งแต่ห้องนอนลงมายันห้องครัว
เด็กหนุ่มถอดกางเกงที่ขาดวิ่น ถอดเสื้อแจ็คเก็ตออก …เสื้อตัวนี้วันนี้ทำงานของมันอย่างดีที่สุด รอยฉีกขาดไม่กี่แห่งบนเสื้อหนาตัวนี้ ทำให้เสื้อแขนยาวที่ใส่อยู่ภายในแทบไม่มีรอยขาดใดๆเลย
เขาอาบน้ำชำระคราวเลือดที่เปรอะร่างกายออก … จากนั้นกลับมายังเตียงนอน
รอนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ …
ภาพของป้าแอนนี่ที่ลุกเป็นไฟเพราะมาผลักเขาและรับลูกไฟแทน
ภาพของชาวบ้านที่ตายขณะยันก็อบลินเอาไว้
เบรเซอร์ที่นอนหมดสติจมกองเลือด
โรล่า …ที่ขอให้เขาหนีไป
แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา
พร้อมเสียงสะอื้นไห้
เด็กหนุ่มร้องไห้ออกมากับหมอนบนเตียงนอน ….. จนหลับไป