Midterm Fantasy - ตอนที่ 275
บอลไฟฟ้าพุ่งเข้าใส่ร่างของเวก้า เสียงร้องดังออกมาพร้อมกับร่างที่ทรุดลงขยับตัวไม่ได้ชั่วขณะ
“[Heal]”
เวทรักษาฉายลงมาบนร่างของรอน
“คุณแม่” รอนเงยหน้าขึ้น
“อื้อ ระวังตัวด้วย”
อารย่าเดินไปข้างหน้า หมุนควงคทาเวทในมือ ลำแสงสีชมพูรวมตัวที่ไม้เท้าแล้วยิงออกไป เวก้าฟันดาบในมือเข้าใส่ดวงไฟสีชมพูนั้น
เปรี๊ยะ!
ลูกไฟแตกออกกระจายออกเป็นสะเก็ดสีชมพูดุจดั่งกลีบดอกไม้ท่ามกลางสายลม
บรึม!
“อ้ากกก”
เวก้ากระเด็นไปด้านหลัง เกราะสีดำที่หน้าอกแตกเป็นชิ้นๆ
“โฮกกกก”
มังกรดำพุ่งเข้ามาพร้อมกับร่างสะบักสะบอม มันตบไม้เท้าของอารย่าหลุดออกจากมือ
“คุณแม่ระวังครับ” รอนร้องเสียงหลง
“ตายซะนังหนู” มังกรดำยกฝ่าเท้าขึ้นเตรียมตบ แต่ร่างของหญิงตรงหน้าก้มลงและเหมือนกับจะเบลอไปชั่วขณะ
ผัวะ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ลูกเตะนับสิบระดมเตะเข้าที่ขาหน้าของมังกรดำจนมันต้องผงะ อารย่าเกร็งพลังไว้ที่หมัดแล้วต่อยออกไป
“[Focus Strike]”
“อ้ากก”
มังกรที่ถูกตุ๊ยพุงลอยไปเบื้องหลัง อารย่าถอนหมัดออกแล้วย่อตัวลง
“[Somersault]”
“อ้ากกก”
มังกรดำลอยกระเด็นขึ้นไปในอากาศ เลือดอาบทั่วร่าง ทำไมวันนี้มันโชคร้ายอย่างนี้ เจอแต่ศัตรูที่น่ากลัวตั้งหลายคน … มันคิดได้เช่นนั้นก็รีบกระพือปีกแล้วลอยตัวไม่ให้การโจมตีของอารย่ามาถึง
“Close Combat Priest …. ชุดแบบนี้ …แก แกคืออารย่าเรอะ เป็นไปไม่ได้ แกตายไปแล้วนี่ …. ” นักรบมังกรเวก้าร้องเสียงหลงเมื่อมันนึกอะไรบางอย่างได้ “แย่แล้ว ถ้าอย่างนั้นล่ะก็…”
“[Holy Smite]”
ปึด ปึด ปึด
ค้อนแห่งแสงทุบลงไปบนร่างของเวก้า มันพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหนีออกไปแต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่เพียงมองอารย่าที่กำลังร่ายเวท …
“วงแหวนเวทที่ปรากฎนั่น … แย่ละ นี่มันเวท Banish”
“หึ หึ หึ คิดว่ามีแต่พวกแกเท่านั้นรึที่เด้งนักรบมังกรไปที่อีกโลกได้ เตรียมตัวเตรียมใจไว้เถอะ” อารย่าบอก
“ไม่ได้การแล้ว ….มังกรของข้า มานี่เดี๋ยวน้ี”
เวก้าดิ้นรนอย่างสุดแรงเกิด ขณะเดียวกันมังกรดำที่สะบักสะบอมเต็มกลืนก็กัดฟันพุ่งเข้าใส่ค้อนแห่งแสงที่กดทับร่างเจ้านายมันไว้ เลือดสดๆทะลักออกจากกายของมันแลกกับการปลดปล่อยเจ้านายของมันออกมา
มังกรคาบร่างเวก้าขึ้นไปในอากาศ ยกตัวให้ห่างไกลจากอารย่าให้มากที่สุด
“หนอย ฝากไว้ก่อนเถอะพวกแก … แล้วอย่าคิดว่าแค่นี้จะชนะได้ล่ะ “ เวก้าร้องลงมาจากท้องฟ้า “นอกจากทัพที่กำลังรบกับกองทัพใหญ่ของแอสคาลอน ข้ายังเหลือกองทัพใหญ่ที่เมืองกาล่า … พวกเจ้าที่ไม่สามารถเปิดประตูมิติรับกำลังเสริมมาจากอาณาจักรอื่นได้ มีแต่รอวันตายเท่านั้นแหละ”
“เจ้าหลงกลพวกเราแล้วล่ะ เจ้าคงคิดว่าเจ้าจัดการนักรบมังกรที่หมู่บ้านโอลเซ่นได้แล้วจะไม่มีใครใช้ลูกแก้วไพล่อนเปิดประตูมิติได้สินะ” อารย่าพูด
“อย่าได้หลอกข้า ข้าใช้แผนที่ตรวจสอบแล้ว ในหมู่บ้านนั้นมีนักรบมังกรแค่คนเดียว” เวก้าเถียง
“แล้วแกไม่สงสัยหรือไง ว่าหลังจากดราซัคตายแล้วศิลานักปราชญ์ของหายไปไหน” อารย่ายิ้ม
เวก้าชะงัก จริงสิ ถึงแผนที่จะบอกมิตรและศัตรูได้ … แต่ถ้าเป็นนักรบมังกรแห่งความมืดเหมือนกัน ก็จะไม่ได้แสดงว่าเป็นศัตรูกัน
มันไม่ได้ดู
“เป็นไปไม่ได้ ผู้ที่จะใช้ศิลานักปราชญ์แห่งความมืดได้ ต้องสืบเชื้อสายจากผู้ที่รับใช้ราชาอันเดทเท่านั้น” เวก้าพยายามเถียงอีกครั้ง
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเด็กคนนั้นคือลูกของข้า …” อารย่าบอก “กับเท็นสไควร์”
เวก้าตะลึงอึ้งไป จากนั้นความสงสัยในอดีตที่ผ่านมาก็ค่อยๆกระจ่าง
ทำไมอารย่าที่ควรจะตายไปด้วยฝีมือของเท็นสไควร์ ถึงยังมีชีวิตอยู่
ทำไมเท็นสไควร์ถึงหายตัวไปหลังจากกำจัดอารย่าได้
…
ที่แท้ พวกมันหนีตามกันไป!
“มา พวกเรามาสู้กันต่อ” อารย่าหยิบไม้เท้าขึ้นหมุนควง ลูกไฟสีชมพูปรากฎขึ้นนับสิบ
เวก้าเตรียมตัวต่อสู้ แล้วมันก็นึกได้
“เดี๋ยวสิ งั้นข้าก็ไปกำจัดลูกของเจ้า เท่านี้ก็ไม่มีคนใช้ลูกแก้วไพล่อนแล้วนี่ … เท่านี้ข้าก็ชนะแล้ว ยังไงข้ามีมังกรบินพวกเจ้าตามข้าไม่ทันอยู่แล้ว”
“อ๊ะ!” อารย่าร้อง
“เฮ้ย” รอนอุทาน
“แว้กก” ชาวบ้านที่ต่อสู้อยู่ตะโกนขึ้น
“ไปล่ะ ฮ่าๆๆๆ” เวก้าโบกมือ มังกรดำหมุนตัวแล้วบินออกไป
“กลับมาเดี๋ยวนี้” อารย่าหมุนควงไม้เท้าเวท ลูกไฟสีชมพูนับสิบพุ่งเข้าใส่มังกรดำและระเบิดออก เลือดมังกรกระจัดกระจายลงมาจากท้องฟ้า แต่ก็ไม่สามารถหยุดมังกรตัวนั้นได้
เสียงหัวเราะของเวก้าไกลออกไปเรื่อยๆจนค่อยๆเงียบหายไป
“คุณแม่ คุณแม่บอกมันทำไมว่าแพทอยู่ที่นั่น” รอนร้องเสียงหลง แบบนี้แพทก็ตกอยู่ในอันตรายแล้วสิ
พรวด!
แม่ของแพทกระอักเลือดออกมาแล้วก็ล้มลง
“ขอโทษด้วย … โลกฝั่งโน้นไม่มีมานา ตอนที่ข้ามมานี่แม่ไม่มีพลังเวทเหลือเลย เลยต้องใช้สกิลนักรบคลั่งแลกพลังชีวิตกับเวทมนตร์ … ถ้าสู้ยืดเยื้อกว่านี้พวกเราต้องตายหมดแน่ๆ” อารย่าหายใจรวยริน
“คุณแม่ทำใจดีๆไว้ครับ คุณแม่ต้องไม่เป็นอะไร” รอนร้องเมื่อเห็นว่าแม่ของแพทดูอ่อนแรงอย่างมาก
“ซรวบบบ”
+25 +25 +25
“โอเค ตอนนี้พอไหวแล้ว” อารย่าโยนน้ำผลไม้กล่องที่พกมาด้วยทิ้งไป
“…” รอน “งั้นพวกเรากลับไปช่วยชาวบ้านตรงนั้นกันก่อนดีกว่าครับ จะได้มุ่งหน้ากลับโอลเซ่นกันต่อ”
ทั้งสองคนว่าที่แม่ยายลูกเขยเดินกลับไปทางออร์คนับพันที่กำลังรุมล้อมคนของโอลเซ่นอยู่ … เหล่าออร์คที่กำลังรุมทำลายแนวโล่ต่างหันมามองคนทั้งสอง
“{จัดการมัน พวกมันเป็นผู้นำกลุ่ม}”
“{มันมีแค่สองคน พวกเราลุยเลย}”
ออร์คนับสิบบุกเข้าชาร์จ แต่เหนือความคาดหมาย ไม่ว่าออร์คจะฟาดฟันดาบลงไปอย่างไร โล่ในมือของเด็กหนุ่มก็จะเอียงรับและสะท้อนดาบออก ก่อนที่ดาบสั้นในมือจะเสียบแทงออร์คตัวนั้น หรือหากมีออร์คตัวใดที่เห็นช่องว่างของรอนและคิดว่าจะจัดการได้ มันก็จะต้องพบกับรองเท้าผ้าใบสีแดงของจอมเวทหญิงหวดเข้าที่ใบหน้าจนแน่นิ่ง
การร่วมมือระหว่างนักดาบและจอมเวทสองคนล้มออร์คไปนับร้อย ลดความกดดันของชาวบ้านโอลเซ่นที่ตอนนี้เหลือไม่ถึง200คน
ครืนนน
“เฮฮฮฮฮฮฮฮฮ”
แรงสั่นสะเทือนลั่นมาจากทุ่งหญ้า ฝุ่นควันตลบเต็มไปหมด เสียงโห่ร้องดังมาอย่างจับใจความไม่ได้
“{ฮ่าๆๆ กองหนุนของเรามาแล้ว ออร์คไรเดอร์ของพวกเรามากันแล้ว}”
“{เจ้าพวกมนุษย์ คราวนี้แหละพวกเจ้าต้องตายกันทั้งหมด}”
ออร์คที่เหลืออยู่โห่ร้องอย่างดีใจ ขณะที่รอนและอารย่าถอยกลับเข้าไปรวมกลุ่มกับชาวบ้าน
“[High Heal]” อารย่าร่ายเวทให้ชาวบ้านทุกคน ขณะที่รอนร้องสั่งปลุกใจ
“ทุกคนอย่ายอมแพ้ พวกเราจะต้องฝ่าพวกมันกลับไปที่หมู่บ้านให้ได้” รอนตะโกน “เทสทูโดฟอร์เมชั่น ตั้งรับ!”
ชาวบ้านฟังไม่เข้าใจภาษาที่รอนพูด แต่เมื่อได้ยินคำว่าเทสทูโดพวกเขาก็ตั้งแนวโล่ทันที
อารย่ามองไปรอบๆ ผ่านไปแล้วกว่าสามสิบปี แต่ทุกอย่างยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากตอนนั้น ตอนที่เธอเคยรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับชาวแอสคาลอน
ไม่แน่ว่า คนที่ร่วมรบกับเธอในตอนนี้ อาจจะเป็นลูกหลานของสหายร่วมรบเมื่อครั้งนั้นก็เป็นได้
“[Battle Flag]”
ธงเวทมนตร์สีขาวสะบัดบนท้องฟ้า
[นักรบมังกร อารย่า]
[นักดาบ รอน]
[ทหารราบโอลเซ่น:176คน]
ชาวบ้านโห่ร้องปลุกขวัญตนเอง
ขณะที่ผู้นำทัพของมอนสเตอร์แค่นเสียงหัวเราะ จากนั้นก็มีพวกมันตัวหนึ่งที่ร่ายเวทธงรบบ้าง
[กองกำลังสัมพันธมิตรมอนสเตอร์ : 3666 นาย]
พวกมันโห่ร้องขึ้นบ้าง กำลังที่เหนือกว่าหลายเท่าเช่นนี้มันไม่กลัวชาวบ้านที่มีแค่นี้แน่นอน
ครืนนนนนน ฝุ่นตลบอบอวนขึ้นใกล้เข้ามา กลุ่มควันด้านหลังของกองทัพออร์คเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ อีกไม่เกิน 1 นาทีก็จะถึงพวกเขาแล้ว
“พวกเรา เตรียมรับการประทะ” รอนร้องสั่ง
“เฮ” ชาวบ้านทั้งหมดขานรับ แม้จะฟังไม่เข้าใจ แต่ทุกคนก็รู้ว่าต้องสู้
ไม่ว่าอย่างไร
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรอดไปให้ได้
ปู้นนนนนนน
เสียงเขาสัตว์ให้สัญญาณชาร์จดังขึ้น ตามด้วยเสียงดาบถูกชักออกมาพร้อมกันอย่างน่าสะพรึง
ธงรบเวทมนตร์สีแดงสะบัดขึ้นเหนือกลุ่มฝุ่นควันนั้น
[ดักซ์แห่งกาล่า : โซล่า]
[ทหารม้าเกราะหนัก :1030 นาย]
“ชาร์จ!”
ก่อนที่พวกออร์คจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ทหารม้าเกราะหนักของโรมันบดขยี้เข้าไปในแนวแถวของพวกมันแล้ว ขบวนรบที่ยืนกันอัดแน่นเพื่อเตรียมรบกับแนวโล่เทสทูโดของรอน มาในตอนนี้กลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ทหารราบออร์คไม่สามารถหลบไปทางไหนได้
ศีรษะปลิดปลิวไปในอากาศ เลือดสาดกระจัดกระจาย เครื่องใน แขนขาของมอนสเตอร์เหล่านั้นสาดไปทั่วท้องทุ่ง
กองทัพที่เหลือของมอนสเตอร์ ละลายสลายไปในเวลาไม่ถึง 15 นาที
ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ
ร่างของนายทหารโรมันกระโดดลงจากหลังม้า วิ่งเข้าหาแนวโล่ของชาวบ้านโอลเซ่น
“นั่นอารย่าใช่ไหม ท่านอารย่าใช่ไหม” โซล่าร้องตะโกน “ข้าเอง”
ครืด ครืด
แนวโล่ถูกเปิดออก อารย่าเดินออกไปช้าๆ ร่างอันเข้มแข็งในชุดจอมเวทหญิงเดินออกไปอย่างสง่างาม
“ท่านโซล่า…ท่านไม่เปลี่ยนไปเลย” เธอยิ้ม “แม้แต่ผมขาวที่เหนือใบหูเส้นนั้นก็ยังอยู่เหมือนเดิม”
โซล่ากลั้นน้ำตาเอาไว้ แม้แต่เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ก็ยังจำได้อีก … เป็นอารย่าจริงๆ อารย่าคนนั้นยังไม่ตาย
รอนหรี่ตาแล้วเอ่ยขึ้น
“ดูเหมือนที่ท่านโซล่าและพระราชาตกหลุมรักของคุณแม่ จะไม่ใช่การคิดไปเองฝ่ายเดียวใช่ไหมครับ”
“ก็ประมาณนั้นแหละ แต่นั่นมันก็เรื่องนานมาแล้ว” อารย่าตอบยิ้มๆ
“เอ๊ะ ท่านรอนว่าอะไรนะครับ ผมฟังไม่เข้าใจ” โซล่าพูดอย่างงงๆ
“เค้าบอกว่าอยากให้ท่านโซล่ายกกำลังไปช่วยลูกสาวของชั้นที่หมู่บ้านโอลเซ่นน่ะค่ะ ตอนนี้เวก้ามันมุ่งหน้าไปทางนั้นแล้ว” อารย่าบอกเลี่ยงไป
“ลูกสาว?” โซล่า
“ใช่ค่ะ แพท คือลูกสาวของชั้นเอง … และตอนนี้สามีของชั้นกำลังต่อสู้ที่เมืองแอมโบรเซียเพื่อซื้อเวลาให้พวกเราอยู่ ส่วนนายรอนนี่ก็คู่หมั้นคู่หมายของยัยแพท” อารย่าบอก “จริงมั้ยนายรอน”
รอนเสียวสันหลังวาบ พยักหน้าหงึกๆๆ
โซล่าเองเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายแต่งงานแล้วแถมสามียังช่วยรบอยู่ ก็ไม่สะดวกใจจะพูดถึงความหลังใดๆ หันกลับมาคุยสถานการณ์
“พวกเราตีฝ่าออกมาจากเมืองกาล่าแล้วยกกำลังจะไปแอมโบรเซีย ก็มาบังเอิญเจอพวกท่านซะก่อน” โซล่าบอก “แต่เมื่อครู่ท่านบอกว่าเวก้ามุ่งหน้าไปที่โอลเซ่น มันเป็นยังไงกัน”
อารย่าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง โซล่าแสดงสีหน้าไม่สบายใจ
“ถึงมังกรดำจะบาดเจ็บ แต่ต่อให้เราควบม้าไปอย่างเร็วที่สุด แต่ม้าก็ต้องเหนื่อย ถ้าเราไม่มีม้าเปลี่ยนก็ไม่มีทางตามทัน” โซล่าบอก “ยกเว้นแต่ว่าเราจะมีม้าที่ไม่รู้จักเหนื่อยเท่านั้น”
รอนลืมตาโตเมื่อได้ยินคำแปลจากอารย่า
“จะว่าไป เราก็มีนะครับ”
รอนคาดเครื่องยิงจรวดJavelinไว้ที่หลัง จากนั้นก้าวขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ … บิดกุญแจสตารท์ดู … เสียงเครื่องยนต์ที่ตัดท่อดังกระหึ่มดุจดั่งสุนัขคำราม
ไม่นึกว่ามอเตอร์ไซค์ที่ไปเผลอเอามาจากไอ้วุธไอ้แมนจะได้ใช้ประโยชน์
รอนถามวิธีขับมอเตอร์ไซค์จากอารย่า ถามหาคันเร่ง เบรก เกียร์ และวิธีใช้ จากนั้นก็สวมหมวกตำรวจปราบจลาจลสีดำลงไป
“งั้นผมไปก่อนนะครับ”
“แน่ใจนะว่าไม่ให้แม่นั่งไปด้วยหรือเอาจรวดไปเพิ่มอีกอัน”
“ไม่ดีกว่าครับ ถ้าขนไปมากกว่านี้ ผมก็ไม่มั่นใจว่าจะบังคับรถได้อย่างปลอดภัย”
บรึ้น บรึ้น !
ควันพุ่งออกจากท่อรถแต่งซิ่งจากการหมุนคันเร่งของรอน
แล้วเด็กหนุ่มก็นึกอะไรได้
“แม่ครับ จะว่าไป ตอนที่แม่ข้ามมามันเที่ยงสิบนาทีนี่นา ทำไมแม่ข้ามมาได้ทั้งที่ไม่ใช่เวลาเที่ยงวันล่ะครับ” รอนถาม
“เรื่องมันยาว เอาไว้จบเรื่องแล้วเราค่อยคุยเรื่องนี้ก็แล้วกัน” อารย่าบอก “เดินทางปลอดภัยนะ”
รอนพยักหน้าแล้วก็บิดคันเร่ง รถมอเตอร์ไซค์พุ่งตัวออกไปตามถนนอย่างรวดเร็วจนลับสายตาในเวลาไม่นาน
“อย่าเป็นอะไรไปนะแพท รอน …” อารย่ามองตามหลังเด็กหนุ่มไป “เจนัสด้วย เธอต้องไม่เป็นอะไรไปนะ”
จอมเวทหญิงกำมือแน่นให้กับโชคชะตาที่ไม่รู้จะดำเนินไปในทิศทางใด
…
ที่อีกด้านหนึ่ง ในโรงแรมในฮ่องกง เสียงตะโกนโหวกเหวกดังออกไปที่ทางเดิน เจนวิ่งกลับเข้ามาในห้องตรงไปที่แจนที่กำลังประกบปากกับเจนัสอยู่
แจนเป่าลมเข้าไปแล้วเงยหน้าถามอย่างร้อนรน
“เจน รถพยาบาลล่ะ”
“อีก10นาที” เจนตอบ
แจนก้มลงเป่าปากให้เจนัสที่นอนนิ่งไม่ไหวติง น้ำตาเริ่มไหลออกมาพร้อมการสะอื้นจนเป่าปากต่อไม่ได้ เจนเข้าไปเปลี่ยนเป่าปากให้แทน
“เจน … พี่เจนัสจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม” แจนร้อง
“หัวใจยังเต้นอยู่ ไม่เป็นไรหรอก” เจนตอบ
“แต่พี่เจนัสไม่หายใจเลยนะ”แจนบอกต่อ
“คุณน้าเค้าบอกแล้วไงว่าพี่เจนัสจะหมดสติและไม่หายใจ” เจนปลอบ “เปลี่ยนกันที”
แจนลงไปเป่าปากต่อ … เจนัสยังคงหลับตาพริ้มไม่ไหวติง นอกจากชีพจรที่เต้นอยู่แล้ว หญิงสาวนั้นนิ่งสนิทไม่เคลื่อนไหว ไม่หายใจจนน้องทั้งสองใจหาย
“พี่เจนัส มันคุ้มแล้วเหรอพี่ พี่ต้องอยู่อย่างนี้ไปอีก 1 ปีเลยนะ”
แจนร้องออกมาแม้จะรู้คำตอบอยู่แล้ว
คุณน้าอารยาบอกว่ามีวิธีข้ามมิตินอกเวลาที่กำหนด โดยจะต้องมีคนที่มอบเวลาในชีวิตออกไปอย่างรู้และเต็มใจ … เวลาที่ลูกแก้วนั้นต้องการคือ 1 ปี
เจนัสสามารถมองเห็นได้ เพราะว่าก่อนหน้านี้เธอมอบความรักให้กับรอน มีสายสัมพันธ์ทางใจที่เชื่อมผ่านลูกแก้วนี้ … ทำให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่สามารถมอบเวลาชีวิตให้ได้
หลังจากมอบเวลาไปแล้ว ทุกอย่างจะดับมืดไป จะมองไม่เห็น จะไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่รับสัมผัส จะต้องใช้ชีวิตในสถานที่ว่างเปล่าที่ปราศจากสัมผัสทุกอย่างเป็นเวลา 1 ปี
นอกจากการเต้นของหัวใจและระบบพื้นฐานของร่างกายบางอย่างแล้ว ทุกอย่างจะหยุดลง แม้แต่การหายใจ
…
..
.
คำอธิบายนี้ทำให้เจนและแจนถึงกับขนลุก
มันคุ้มแล้วหรือที่จะต้องไปใช้ชีวิตในสภาพที่แย่ยิ่งกว่าตายแบบนั้น
“คุ้มสิ”
เจนัสหันมาตอบน้องๆก่อนจะยื่นมือไปให้อารยารับเวลาชีวิต
“เพราะพี่อยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีนายรอน”