Midterm Fantasy - ตอนที่ 261
รอนและคนอื่นๆลงเครื่องที่ฮ่องกง จากนั้นก็เรียกแท็กซี่
“ไปโรงพยาบาลไขว่ชุง” รอนบอก
“หืม รอน เธอพูดกวางตุ้งได้ชัดแบบนี้เลยเหรอ” เจนัสถาม
“เจ้าของที่ทำให้ข้ามมิติน่ะครับ มันทำให้พูดภาษาอื่นได้ด้วย” รอนบอกไป
รถแท็กซี่มุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านการจราจรอันแน่นขนัดไปจนถึงโรงพยาบาลปลายทาง
อารยาแม่ของแพทเป็นหมอที่ทำงานตามเขตการสู้รบเลยได้รู้จักหมออาสาสมัครจากหลากหลายพื้นที่ และก็รู้จักจิตแพทย์ที่มาจากโรงพยาบาลนี้คนนึง เมื่อลงจากสนามบินก็พารอนและสามสาวมาที่นี่เพื่อ ‘ดูงาน’
อารยาทักทายจิตแพทย์หญิงคนนั้นก่อนจะแนะนำตัวรอนและสามสาวว่าเป็นญาติของเธอที่ตั้งใจจะเรียนต่อด้านจิตวิทยา จากนั้นก็พากันเข้าไปในโรงพยาบาลโดยแลกบัตรเข้าไปภายใน การเยี่ยมชมจุดต่างๆดำเนินไปเรื่อยๆจนถึงตอน5ทุ่มครึ่ง ตอนที่รอนขอตัวไปเข้าห้องน้ำ
รอนถือเป้เข้าห้องน้ำ จากนั้นเปิดม้วนเวทออก กดแกนมอนสเตอร์ลงไปกระตุ้นใช้
“[Might] [Gale] [Stealth]”
แสงวาบออกมาครั้งหนึ่ง แล้วร่างของรอนก็ค่อยๆจางหายไป เด็กหนุ่มเปิดประตูห้องน้ำออกส่องกระจก เมื่อแน่ใจว่าล่องหนแล้ว เขาก็เปิดประตูห้องน้ำออก วิ่งไปที่ชั้นสามแล้วเปิดหน้าต่างกระโดดออกไป รอนกระโดดข้ามรั้วโรงพยาบาลกระโดดข้ามถนน ปีนเนินเขาเล็กๆข้างโรงพยาบาล ก่อนจะวิ่งข้ามแนวถนนทางด่วนตัดตรงไป จุดหมายคือท่าเรือที่อยู่เบื้องหน้า
ในใจออกจะกังวล เพราะคุณหลิวลี่จงและหยางเทียน หวังหลินนั้นจู่ๆก็ขาดการติดต่อไป
“พวกแกเป็นใครกันแน่ แล้วอาวุธพวกนี้มันมีที่มายังไง” ตำรวจตรงหน้าตบหน้าหลิวลี่จงไปครั้งหนึ่ง
“พวกเราขอไม่พูด จนกว่าตัวแทนกงศุลจะมาถึง ถุด!” หลิวลี่จงถุยน้ำลายปนเลือดออก หันหน้าที่แก้มบวมเป่งกลับไปจ้องมองตำรวจนายนั้น
“ถึงพวกแกจะใหญ่มาจากไหน แต่ถ้ามาทำเรื่องผิดกฎหมายที่นี่แกก็ต้องไม่รอดแน่นอน เตรียมตัวเตรียมใจไว้เถอะ” นายตำรวจบอก “เฮ้ย กงศุลวานาซูเอเล่ยังไม่มาอีกเหรอ”
“ยังครับท่าน กงศุลแจ้งมาว่าเพิ่งจะออกเดินทาง จากถนนว่านไฉ่มาที่นี่ตอนนี้ก็คงเลยเที่ยงคืน” ตำรวจอีกนายบอก
และที่เบื้องหลังของทุกคน ประตูตู้คอนเทนเนอร์ถูกเปิดอ้าอยู่ เผยให้เห็นของที่อยู่ภายใน ด้านนอกสุดเป็นของเล่นอาวุธปืนพลาสติกสำหรับเด็ก แต่ว่ากล่องที่อยู่ด้านในเข้าไปนั้นล้วนแล้วแต่เป็นอาวุธยุทธภัณฑ์
มีทั้งโล่กันกระสุน เกราะกันกระสุน หมวกกันกระสุน อาวุธปืนสงครามอัตโนมัติและกระสุนมากมาย
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเครื่องยิงจรวด ทุ่นระเบิดสังหาร กับระเบิดผีเสื้อ !!!
เรื่องคือตำรวจกลุ่มนี้กำลังตามจับแก๊งโจรอยู่ และบังเอิญไปได้ข่าวว่าหลิวลี่จงและพวกกว้านซื้ออาวุธปืนสงครามจากแก๊งทั้งหลายในราคาสูงมาก จึงได้ติดตามมาเงียบๆจนกระทั่งพบเข้ากับคอนเทนเนอร์อันนี้เข้า
“ปากแข็งดีนัก พวกเรา กระจายกำลังกันไว้ อย่าให้ใครเข้ามาได้” นายตำรวจบอก “หน่วยสนับสนุนมาแล้วหรือยัง”
“ยังครับ ทางกรมแจ้งมาว่าผู้บังคับการจะเดินทางมาพร้อมกับกงศุลวานาซูเอเล่” ตำรวจบอก “ยังดีที่เฮียเฉลียวใจ นักข่าวที่เราติดต่อไปก็จะมาด้วยกัน”
เผียะ! หลิวลี่จงหน้าหันไปอีกครั้งจากแรงตบ
“แกอย่าหวังเลยว่าจะกดดันพวกเราได้ เดี๋ยวพอข่าวอาวุธสงครามหลุดรั่วออกไป ไม่ว่าแกจะเป็นนักธุรกิจมีชื่อหรือมีแบ็คดีแค่ไหนแกก็ต้องจบแค่นี้แหละ”
หลิวลี่จงเงยหน้าที่เปื้อนไปด้วยเลือดขึ้น เหลือบมองไปที่ตู้คอนเทนเนอร์ที่เปิดอยู่ กล่องลังที่วางอยู่มีรอยยวบลงไปเหมือนมีคนเหยียบลงไป ขณะที่ตำรวจที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าตู้คอนเทนเนอร์นั้นไม่ทันสังเกตเห็น
หลิวลี่จงลอบยิ้มที่มุมปาก
ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!
“พี่ใหญ่หลิว” หวังหลินร้อง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ รอกงศุลมาก่อนไม่ได้หรือไงทำไมต้องรุนแรงกันด้วย” หยางเทียนบอก
“พวกเราเกลียดนัก เจ้าพวกค้าอาวุธสงคราม เจ้าคนที่ทำเงินจากความตายของคนอื่น ถ้าไม่ใช่เพราะพวกแก คนที่นี่คงไม่ต้องตายกันมากมาย” นายตำรวจขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ปี๊บๆ ปี๊บๆ
“เที่ยงคืนแล้ว ทำไมยังไม่มากันนะ…” นายตำรวจพูดขึ้น “อ้า มีรถมา ทุกคนระวัง”
ตำรวจ30กว่าชีวิตต่างหลบเข้าที่กำบัง โดยเฉพาะตำรวจที่เฝ้าหน้าคอนเทนเนอร์ที่เฝ้าระวังอย่างไม่ให้ใครเข้าใกล้ได้ ทั้งมดเฝ้ามองอย่างตึงเครียดก่อนจะคลายใจเมื่อรถจอดและเห็นว่าคนที่ลงจากรถคือผู้บังคับการตำรวจ
“ท่านผู้บังคับการ!” นายตำรวจตรงเข้าไปหา
“นี่มันอะไรกันสารวัตรเฉิน คุณบอกว่าจับพวกค้าอาวุธ มีอาวุธสงครามข้างในมากมาย” ผู้บังคับการถาม “แล้วนั่น คุณ คุณซ้อมผู้ต้องสงสัยเรอะ”
นักข่าวกรูไปที่ตู้คอนเทนเนอร์ ถ่ายรูปรอบๆอย่างฉับไว
“ไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยครับ นี่เป็นผู้ต้องหา หลักฐานชัดเจน” สารวัตรเฉินบอก “ผมเปิดตู้ดูแล้ว ข้างในเป็นอาวุธสงคราม มีเครื่องยิงจรวด กับระเบิด ชุดเกราะมากมาย”
“เป็นไปไม่ได้ คุณหลิวลี่จงเป็นนักธุรกิจมีชื่อในประเทศวานา….” กงศุลเหงื่อแตกพยายามพูด แต่สารวัตรเฉินยกมือห้าม
“เครื่องยิงจรวดที่พบมาจากประเทศของคุณ ท่านกงศุล ผมเกรงว่าท่านต้องให้คำอธิบายกับพวกเรา” สารวัตรเฉินบอก “เอาล่ะพวกเรา ฉีกหน้ากากคนพวกนี้ซะ เอาของออกมาเลย”
กงศุลวานาซูเอเล่เหงื่อแตกพลั่ก ผู้บังคับการตำรวจหน้านิ่ว ขณะที่หลิวลี่จงแลลูกน้องทั้งสองเหลือบมองตรงไปที่ตู้
ตำรวจร่วม30นายดึงลังของเด็กเล่นที่กองตบตาเบื้องนอกออกจนหมดแล้วก็อุทานแตกตื่นออกมา
“สารวัตรครับ อาวุธ อาวุธสงครามหายไปหมดแล้วครับ”
แล้วแสงไฟแฟลชของบรรดานักข่าวก็วาบระรัวเผยให้เห็นความว่างเปล่าภายในคอนเทนเนอร์สินค้านั้น
*************
ท่ามกลางความมืดยามราตรีของเมืองวาเลนเทีย เสียงฝีเท้ากองทหารเคลื่อนตัวเป็นจังหวะพร้อมเพรียง เสียงตะโกนสั่งการดังไปทั่ว
ที่ลานกว้างหน้าปราสาท เหล่าชายหญิงจากหมู่บ้านโอลเซ่นทั้ง200คนกำลังยืนรออะไรบางอย่างอยู่ ร่างของรอนหายวับไปครู่หนึ่งก่อนที่จะแทนที่ด้วยแสงสว่างสีฟ้าแปลบปลาบ
ตูม!
เสียงสิ่งของกระแทกพื้นดังลั่น กองลังสินค้าหล่นลงกองพะเนินโดยมีตาข่ายแปลกตาคลุมอยู่ แสงประกายไฟสีฟ้าแวบวาบขึ้นทั่วตาข่ายครู่หนึ่งก่อนทุกอย่างจะหายไป
รอนปล่อยมือออกจากตาข่ายอิดิปุสจากนั้นก็เก็บตาข่ายลง เขาตะโกนสั่งการ
“ทั้งสองกองร้อย ใส่ชุดเกราะแล้วเตรียมอาวุธ” รอนสั่ง “ไม่มีเวลาแล้ว ขนลังขึ้นไวเวิร์นไปให้มากที่สุด”
ชายหญิงจากโอลเซ่นทั้ง200คน เข้าไปหยิบชุดเกราะปราบจลาจลมาสวม ตามด้วยหมวกเกราะและโล่กันกระสุนสีดำ หากแต่มีหอกไพลั่ม หน้าไม้ และหอกยาวในมือที่บ่งบอกว่าเป็นกองทัพโรมัน
“เซ็นจูเรียน ที่1 ถึง 20 ขึ้นไวเวิร์นได้”
“ขนหน่วยหุ่นรบโอริค่อนขึ้นยาน”
“จอมเวทประจำไวเวิร์นขึ้นยาน”
“วิ่ง วิ่ง วิ่ง”
ฟ้าวววววว
เสียงฝูงกริฟฟินบินข้ามศีรษะของรอนไป เด็กหนุ่มมองดูนักรบทัพฟ้าเหล่านั้นก่อนจะสวมหมวกกันกระสุนลง ชูมือให้สัญญาณ
“โอลเซ่น! ขึ้นยานได้”
“หนึ่ง สอง หนึ่ง สอง หนึ่ง สอง..”
กำลังพลทั้งสองร้อยเคลื่อนมุ่งไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียง ทั้งหมดหิ้วลังไม้บรรจุอาวุธจากโลกตรงไป เบื้องหน้าที่รันเวย์ ไวเวิร์น50กว่าตัวรออยู่แล้ว โดยกว่า20ตัวอยู่เหนือคาร์โกขนส่งกำลังพล
“ไป ไป ไป”
“ขึ้นยานได้ ขึ้นยาน”
นายทหารร้องตะโกนสั่ง กองทัพโรมันเคลื่อนพลขึ้นคาร์โกขนส่งอย่างเป็นระเบียบ
“เข้าไปได้ เข้าก่อนออกหลัง เข้าให้ครบทุกคน”
“ปิดประตูได้ เปิดสนามพลังป้องกัน”
ฟ้าววววว ฟ้าวววว
กริฟฟินอีกสามฝูงบินวิ่งขึ้นจากรันเวย์
ชาวบ้านหมู่บ้านโอลเซ่นนั่งประจำที่หมดแล้ว รอนแกะลังปืนที่คุณหลิวลี่จงหามาจากฮ่องกง สอนวิธีปลดเซฟ เหนี่ยวไก และบรรจุกระสุนอีกครั้ง … ก่อนหน้านี้เขาสอนจากคลิปในมือถือไปแล้วหลายสิบรอบ จึงไม่ยากที่ทุกคนจะเข้าใจและทำตามได้
“ลังที่เหลือเป็นลังดาบClaymore หอกJavelin และดาบสั้นButterfly เราไม่รู้ว่าศัตรูจะมามากแค่ไหน อาวุธประจำกายจะพอหรือเปล่า ถ้าหมดหนทางอื่นแล้วก็จะเปิดลังพวกนั้นปจกจ่ายอาวุธ” รอนสั่ง
“แล้วรถสองล้อนั่นละครับ” ชาวบ้านชี้ไปที่มอเตอร์ไซค์
“เป็นรถเคลื่อนที่เร็ว เดี๋ยวขนไปด้วยเผื่ออาจจะได้ใช้” รอนตอบ
ปึง ๆ ๆ
“รอน ลงมา ไปลำโน้น” วิทวัสเคาะประตูคาร์โก
“คุณพ่อ ผมจะไปกับพวกเขาครับ” รอนตอบ
“ไม่ได้ ไปลำนั้น” วิทวัสสั่ง
“คุณรอนไปเถอะครับ ลำนั้นปลอดภัยกว่า ยังไงเดี๋ยวพวกเราก็ไปที่เดียวกันอยู่แล้ว”
“ใช่ครับ ไปรวมกับกลุ่มนักรบมังกรคนอื่นดีกว่าครับ”
ชาวบ้านทั้งหลายบอก
ไวเวิร์นของทหาร ใช้วงแหวนเวทป้องกันระดับ 6 ติดตั้งที่คาร์โกและไวเวิร์น แต่สำหรับไวเวิร์นของนักรบมังกรนั้นติดตั้งวงแหวนเวทป้องกันระดับ 8 ปลอดภัยกว่าหลายเท่า
“โอเค แล้วเดี๋ยวเจอกัน” รอนบอกแล้วเปิดประตูลงจากยาน วิ่งตามวิทวัสไป
“<ทุกหน่วยโปรดทราบ ขณะนี้หน่วยกริฟฟินส่วนหน้ากำลังประทะข้าศึก ดึงความสนใจไว้แล้ว ขอให้หน่วยขนส่งกำลังออกเดินทางได้ ขอย้ำ ออกเดินทางได้>”
ไวเวิร์นทั้งหลายเริ่มกระพือปีก ทหารภาคพื้นปิดประตูคาร์โก ชูคบเพลิงกวัดแกว่งเป็นสัญญาณให้ไวเวิร์นยกตัวจากรันเวย์
“<ทัพใหญ่ประทะข้าศึกที่แม่น้ำออเรเรียสแล้ว กำลังโจมตีแนวต่อต้านทางอากาศอยู่ ขอย้ำ ทัพใหญ่ประทะข้าศึกแล้ว>”
“<ทุกหน่วยเคลื่อนกำลังได้ ความหวังของพวกเราทั้งหมดอยู่ที่พวกท่าน>”
เสียงดังออกมาจากwalkie talkie ประจำคาร์โกขนส่งกำลัง ลีออนให้สัญญาณทหารภาคพื้นดิน แล้วก็บังคับไวเวิร์นให้ยกตัวขึ้น ไวเวิร์นขนส่งทั้ง 21 ลำทะยานขึ้นจากรันเวย์โดยมีฝูงบินขับไล่กริฟฟินและไวเวิร์นทิ้งระเบิดบินคุ้มกัน
รอนมองออกไปนอกหน้าต่าง จากนั้นเสียงWalkie Talkie ประจำเครื่องก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“<เมืองกาล่าถูกตีแตกแล้ว ขณะนี้กองทัพมอนสเตอร์และกองทัพมังกรเคลื่อนกำลังเปลี่ยนเส้นทางกลับอย่างกระทันหัน …>”
“<เป้าหมาย หมู่บ้านโอลเซ่น คาดว่าอีก6ชั่วโมงจะเข้าถึง>”