Midterm Fantasy - ตอนที่ 250
เช้าวันรุ่งขึ้น บทสนทนาของเด็กนักเรียนไม่น้อยมุ่งไปที่คลิปลึกลับที่ออกมาเมื่อวานนี้
“คลิปที่เป็นไวรัลเมื่อวานนี้มันอะไรกันน่ะ” นักเรียนคนนึงถามขึ้น
“เหมือนว่าคนในคลิปจะเป็นรุ่นน้องม.3 นะ” นักเรียนอีกคนบอก “แต่ก็แปลกนะ ม.3ไปเข้าค่ายอยู่นี่นา แล้วจะไปโผล่ที่ต่างประเทศได้ยังไง”
“แล้วก็คลิปแปลกๆที่ว่าหายตัวได้ , คลิปที่ว่าคลิปข่าวต่างประเทศเป็นของปลอมนั่นอีก”
การพูดคุยเป็นไปในเชิงสงสัย คลิปที่ออกมาไม่ได้ให้ข้อมูลอะไร และความไม่ให้ข้อมูลอะไรนี่แหละที่ทำให้ทุกคนสงสัยมากขึ้น ยิ่งตอนหลังคลิปหายไปจนหมดเลยทำให้คนพูดถึงมากกว่าเดิม
“เฮ้ย พวกเราดูนี่”
นักเรียนคนนึงพูดขึ้น ยกมือถือเปิดยูทูปให้เพื่อนๆดู
“อะไรวะ”
“ช่อง Sun Light Scripture บริษัทสุริยภิธาน บริษัทอะไรวะไม่เคยได้ยินชื่อ”
คลิปค่อยๆสว่างขึ้น เป็นภาพของชายหญิงวัยกลางคนอยู่ในบ้าน ทุกอย่างดูธรรมดาเหมือนชีวิตประจำวัน ทั้งสองคนนั่งอยู่บนโซฟา
จากนั้นก็สวมหมวกกันน็อคสีดำลงไปบนศีรษะ
“อะไรวะ ไม่เห็นมีอะไรเลย”
“ชู่ว์ ไม่เห็นเหรอ ยอดคนดูเกินแสนแล้ว รอดูเถอะน่า”
ภาพตัดไปเป็นบริเวณโกดัง คนในชุดเกราะปราบจลาจลนับร้อย ถือโล่กันกระสุนขนาดใหญ่ยืนกระจายกันล้อมผู้หญิงคนเมื่อครู่ เพียงแต่ว่าตอนนี้หญิงผู้นั้นสวมชุดจอมเวทและถือคทาเวทมนตร์อันใหญ่อยู่ในมือ
“เฮฮฮฮฮฮ”
คนในชุดเกราะสีดำร้องขึ้นและดาหน้ากันเข้าไป กระบองในมือนับร้อยกวัดแกว่งเหนือศีรษะ
“[Teleport]”
ร่างของหญิงคนนั้นหายวับไปกับตา กล้องแพนซ้ายขวาแล้วซูมไปที่ที่เสาไฟ ปรากฎร่างของจอมเวทผู้นั้นกำลัง ยกคทาและร่ายเวท ส่วนหมู่คนในชุดเกราะเบื้องล่างต่างหันไปมองและวิ่งกลับเข้าไปหา
“[Blizzard]”
แท่งน้ำแข็งนับร้อยก่อตัวในอากาศก่อนจะพุ่งโจมตีลงไป คนเบื้องล่างยกเกราะกันกระสุนขึ้นป้องกัน แท่งน้ำแข็งที่กระแทกส่งเสียงแตกหักดังเปรื่อง
จอมเวทหญิงยกคทาขึ้นอีกครั้ง แต่ว่าก็กระโดดหลบ เนื่องจากมีรถยนต์ถูกขว้างเข้ามา
“เท็นสไควร์!”
“ฮ่าๆๆ อารย่า วันนี้แหละข้าจะเผด็จศึกท่านให้ได้”
ร่างของชายสวมหน้ากากพุ่งเข้าหา โจมตีด้วยท่าหมัดและเท้าอันว่องไว ประกายเวทมนตร์กระจายไปทั่ว ขณะที่อีกฝ่ายใช้กระสุนเวทมนตร์และม้วนเวทเข้าต่อต้าน
นักเรียนนั่งดูคลิปอย่างตื่นตาตื่นใจ
“นี่มันอะไร CGเหรอ”
“โคตรสมจริงเลย”
“มุมกล้องห่วย ภาพห่วย บทห่วย เพลงประกอบห่วย ห่วยหมดทุกอย่าง ยกเว้นCGโคตรสมจริงเลย”
จอมเวทอารย่าและเท็นสไควร์ต่อสู้ระยะประชิดอย่างติดพัน แล้วกล้องก็แพนไปอีกทาง รอนเดินถือสมุดการบ้านเดินแทรกกลุ่มคนในชุดปราบจลาจลเข้ามา
“คุณพ่อคุณแม่ครับ ผมทำการบ้านเสร็จแล้ว ขอออกไปเล่นนอกบ้านก่อนนะครับ”
ภาพตัดกลับมาที่บ้าน ชายหญิงวัยกลางคนทั้งสองคนถอดหมวกVRออก
“ได้สิลูก” แม่บอก
“ได้สิลูก” พ่อบอกพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะมองรอนที่เดินออกจากห้องไปแล้วก็หันกลับไปมองไปหาแม่
“ลูกไม่อยู่แล้ว วันนี้แหละ ข้าจะเผด็จศึกท่านให้ได้”
“คนบ้า”
ภาพตัดไปก่อนจะขึ้นโลโก้
[Zealandia Saga]
“ซีแลนเดียซาก้า? นี่มันอะไร หนังหรือเกม?”
“เกมอะไรจะภาพชัดขนาดนี้ ต้องเป็นหนังสิ”
“แต่สองคนเมื่อกี้หน้าคุ้นๆนะ แล้วเด็กที่แสดงเป็นลูกนั่นด้วย”
ทุกคนนึกช้าๆ
“รอน น้องม.3นั่นนี่หว่า”
“นั่นมันพ่อกับแม่ของน้องแพทม.3นี่นาเราจำได้ พ่อเค้าเคยมาโรงเรียนบ่อยๆ”
ทั้งหมดซึมซับเอาภาพคลิปเมื่อครู่เข้าไปก่อนจะเข้าใจทุกอย่าง
“ที่แท้ก็เป็นแผนไวรัลวิดีโอนี่เอง” นักเรียนคนแรกบอก
“ฉากที่teleportเมื่อกี้นี้หายตัวแวบไป เหมือนกับในคลิปที่รอนกับแพทหายตัวไปแวบนึงเลย” นักเรียนอีกคนเสริม
ไม่เพียงแต่นักเรียนกลุ่มนี้ แต่นักเรียนและคนทั่วไปอื่นๆที่เห็นคลิปก็เข้าใจคล้ายๆกันว่าเป็นแผนการโปรโมทเกมหรือหนังโดยการปล่อยคลิปน่าสงสัยออกมาให้คนติดตามก่อน
แต่ก็มีคนอีกกลุ่มที่ไม่ได้คิดเช่นนั้น
“น น นี่มันอะไรกัน”
“สองคนนั้น พ่อแม่ของเจ้าเด็กผู้หญิงที่ชื่อแพท ตกลงมันคือหน้ากากดำกับนังแม่มดที่ปรากฎตัวเมื่อสามสิบปีก่อนรึเนี่ย”
“แล้วพวกมัน ใช้ความสามารถเหนือมนุษย์นั่นถ่ายทำคลิปออกมา แต่ทุกคนดันเชื่อว่าเป็นการโปรโมทเกมเนี่ยนะ”
ผู้เฒ่าลิมูลัสทั้ง7แห่งแก๊งเมษาต่างผงะ
ก่อนที่จะเข้าใจขึ้นมา
พวกมันใช้ความคลุมเครือ ทำให้คลิปของรอนกับแพทกลายเป็นไวรัลจนคนสนใจว่าทำไมถึงมีความสามารถเหนือมนุษย์
กลับกันรอนออกคลิปแสดงความสามารถเหนือมนุษย์แบบไม่แอบซ่อน จนกระทั่งคนไม่คิดมากเข้าใจว่าเป็นเกม
“แล้วพวกหนังสือพิมพ์ที่เราส่งคลิปไปล่ะ ตอบมาว่ายังไงบ้าง”
“ด่ากลับมาเปิดเปิงเลยครับ” โปรแกรมเมอร์คนนั้นตอบ “พวกมันบอกว่าเราหลอกส่งคลิปไวรัลโปรโมทเกมไปเพื่อให้พวกมันลงฟรีๆ”
เหล่าผู้เฒ่าลิมูลัสต่างเซ็งแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั้น ทั้ง7จึงเลิกล้มความตั้งใจที่จะเล่นงานรอนกับแพทโดยไม่ได้สนใจอะไรเรื่องนี้อีก
โดยไม่รู้ตัวว่าจริงๆรอนน่ะลืมแก๊งเมษาไปแล้ว
และการกระทำครั้งนี้ต่างหากที่นำไปสู่การกวาดล้างแก๊งเมษาจนสิ้นซาก
****
“พี่รอน คลิปนั่นตกลงเป็นคลิปโปรโมทเกมหรือหนังกันแน่ล่ะ” สุธนโทรถามอย่างสงสัย
“หนังน่ะ” รอนตอบ
“อ้าวทำไมงั้นล่ะพี่ ก็ทีแรกบอกว่าเกม แถมให้ผมทำวงแหวนเวทตั้งเยอะแยะ” สุธนถาม
“คืองี้นะสุธน ทีแรกน่ะคลิปนั่นเป็นคลิปที่จะใช้โปรโมทเกม … นายก็เห็น ในนั้นน่ะเป็น Engine ของเกม…”
“ห๊ะ นั่นคือEngineของเกม ภาพขนาดนั้นเนี่ยนะครับ”
“ใช่ นายคิดว่าเทคนิกการถ่ายทำธรรมดาจะทำได้ขนาดนั้นหรือไง” รอนถาม
“ก็จริงครับ” สุธนพยักหน้า CG ขนาดนั้นมันไม่ใช่ทำได้ง่ายๆ
“แต่บริษัทต้นทางน่ะมีปัญหาภายใน คนในนั้นที่ไม่พอใจก็เลยปล่อยคลิปโปรโมทออกมา แล้วพอดีพี่กับแพทเป็นตัวแทนโปรโมทของประเทศไทย พวกนั้นก็เลยอาศัยจังหวะที่พี่กับแพทออกข่าวทีวีในการปล่อยคลิปออกมาหวังสร้างความปั่นป่วน” รอนบอก “ทีนี้บริษัทแม่เกิดแตก บริษัทในไทยเลยซื้อสิทธิบางส่วนมา ตอนนี้อย่างมากก็ทำเป็นหนังได้ แต่ถ้าให้ทำเป็นเกมอาจจะต้องใช้เวลารวมข้อมูลสักพัก”
“อ่อ ผมเข้าใจละ ถึงว่า เลยมีวงแหวนเวทที่ผมออกแบบอยู่ในคลิปด้วย ที่แท้ก็เป็นคลิปโปรโมทของไทย” สุธนบอกแล้วก็นึกอะไรได้ “แต่จะว่าไปลูกบอลวงแหวนเวทในคลิปนั่น มันเป็นวงแหวนเวทที่ผมเพิ่งส่งให้พี่รอนเมื่อสัปดาห์ก่อนเองนี่ครับ”
“ใช่แล้วล่ะ คือคลิปนี่น่ะทำไว้นานแล้ว แต่ว่าตัวเอฟเฟก์บางอย่างเพิ่งใส่เข้าไป พี่เห็นว่าเวทอันนี้มันโอเคดีก็เลยให้เค้าใส่ลงไปน่ะ” รอนใช้ Poker Face อย่างไหลลื่น “โอเค งั้นแค่นี้ก่อนนะ”
รอนวางสาย ตรงหน้าพ่อของแพทนั่งอยู่
“ทางนั้นสงสัยไหม” พ่อของแพทถาม
“ไม่ครับ ทางนั้นเชื่อสนิท” รอนตอบ
“ดีแล้ว นี่โชคดีที่ได้คนๆนี้ช่วย ไม่งั้นเราคงไม่มีเวลาเตรียมคลิปอันนั้นทัน” คุณวิทวัสบอก “ว่าแต่จะหลอกเค้าไปได้อีกนานแค่ไหน เธอจะไปหาเกมออนไลน์แบบนั้นมาได้ยังไง”
“เกมคงหาไม่ได้ครับ แต่เรื่องหนัง ผมว่าอาจจะพอได้ ตอนข้ามไปที่โลกโน้นผมจะถ่ายคลิปของมอนสเตอร์และคนที่โน่นเอามาทำเป็นหนัง น่าจะพอกล้อมแกล้มไปได้” รอนบอก “ว่าแต่คุณแม่ล่ะครับ”
“คงยังอายไม่หายน่ะ ไอ้เจ้าประโยควันนี้ข้าจะเผด็จศึกเจ้าให้ได้ที่เธอให้พ่อพูดออกไปนั่นน่ะ … จนตอนนี้แม่เค้าเลยไม่กล้าออกมาเลย” วิทวัสบอก
“หืม แค่ประโยคนั้นเนี่ยนะครับ … แต่คุณพ่อก็ไม่ได้ทำอะไรแปลกๆกับคุณแม่หลังจากนั้นสักหน่อยจะอายทำไม” รอนหน้าซื่อถาม
“เรื่องนั้น ….” วิทวัสชะงักกึกแล้วเกาแก้มแกรกๆ
“สองคนนี้คุยอะไรกัน … แล้วพ่อไปทำท่าอายแบบนั้นทำไมเด็กมันรู้หมดสิว่าเมื่อคืนเราทำอะไรไป” เสียงของอารยาที่กำลังเดินลงบันไดร้องออกมา “พ่อเนี่ย บ้าๆๆๆๆ”
แม่ค้อนขวับๆๆใส่ และไม่ใช่ค้อนธรรมดา
“[Holy Smite]”
ตูม!
[-100]
“อ้ากกก” รอนถูกค้อนแห่งแสงอัดลงไปพร้อมกับโซฟา ขณะที่วิทวัสกระโดดหลบทัน
“แม่ บอกกี่ครั้งแล้วอย่าค้อนแบบนี้” วิทวัสร้องเสียงหลง แต่ไม่ทันแล้วเพราะอารยาวิ่งหนีไปแล้วหลังจากเจอเปิดโปงกิจกรรมเมื่อคืนนี้ต่อหน้าเด็ก
“โอย ปกติคุณแม่เป็นแบบนี้ตลอดเลยเหรอครับ” รอนค่อยๆลุกขึ้นเช็ดคราบเลือด
“ก็ประมาณนี้แหละ” วิทวัสบอก
“แต่แพทไม่เห็นขี้อายแบบคุณแม่เลย” รอนหลุดปาก
วิทวัสหันควับ
ตูม! เพล้ง
[-25]
แล้วร่างของรอนก็กระเด็นออกนอกหน้าต่างบ้านกลิ้งไปบนสนามหญ้า
ยังเหลือเวลาอีกสองวันกว่าๆ กว่าที่รอนจะกลับไปที่โลกนั้นได้ ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นเวลาเตรียมตัว
วิทวัสอธิบายให้ฟังว่า สกิล Dimension Lock เป็นสกิลของนักรบมังกรอันดับหนึ่งของฝ่ายความมืด คือ ทรอน มันเป็นนักรบมังกรที่ถูกราชาอันเดทส่งไปโจมตีทวีปเลมูเรีย
สกิลที่ว่านี้สามารถล็อคให้นักรบมังกรฝ่ายความมืดติดอยู่ในมิติโลกโน้น ข้ามมิติไม่ได้
“สกิลนี้มันมีประโยชน์ยังไงกันครับ”
“คืออารย่าน่ะมีสกิลของนักบวช [Banish] ใช้ยิงให้นักรบมังกรแห่งความมืดเด้งกลับไปอีกมิติและติดอยู่อีกฝั่งได้3วัน ก็เหมือนที่เธอเด้งมาฝั่งนี้แล้วกลับไปไม่ได้นั่นแหละ ตอนนี้นักรบมังกรแห่งแสงทุกคนคงกระเด็นไปอีกมิตินึงกันหมด”
“แล้วจะแก้ยังไงครับ” รอนถาม
“ก็มีแต่ต้องกำจัดทรอนเท่านั้น” พ่อของแพทบอก “แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะถ้าเป็นแบบนี้แปลว่าเราเหลือเวลาไม่มากแล้ว”
“ทำไมพ่อถึงว่าเหลือเวลาไม่มากล่ะครับ”
“ก็ถ้าทรอนใช้สกิลนี้ ก็แปลว่ามันต้องรู้ตัวแล้วว่าดราซัคตายแล้ว และการปล่อยสกิลนี้ออกมาก็จะทำให้นักรบมังกรแห่งแสงสว่างทุกคนเด้งไปอีกโลก 3 วัน นักรบมังกรเวก้าต้องใช้โอกาสนี้ในการโจมตีแน่ๆ”
รอนใจหายวูบขึ้นมา จริงด้วย และถ้าเป็นแบบนี้แพทก็ต้องแย่น่ะสิ
ถ้าหากพวกนั้นมันโจมตีหมู่บ้านโดยที่ไม่มีเขาอยู่ด้วยล่ะก็ต้องแย่แน่ๆ
“แบบนี้จะทำยังไงดีครับ”
“ฟังจากที่เธอเล่ามา ตอนนี้แอสคาลอนระดมกำลังอย่างเต็มที่แล้ว แต่กำลังพลของแต่ละเมืองมีเพียงแค่ 20-40 เซ็นจูเรี่ยน ทหารประจำอย่างมากแค่ 5000 คน ที่เหลือก็เป็นทหารเพรเตอร์เรี่ยน และทหารกองหนุน อย่างมากก็ระดมทหารได้ 1-2 แสนคน ขณะที่เวก้าน่ะมันน่าจะรวบรวมกำลังมอนสเตอร์ทั้งหมดรอบพื้นที่แอสคาลอน อย่างน้อยๆก็ต้องมีมอนสเตอร์ 4-5 แสนตัว” พ่อบอก “ไม่นับว่ามันสามารถปลุกอันเดทได้ หนำซ้ำตอนนี้นักรบมังกรแห่งแสงก็มีเลเวลต่ำ ไม่ใช่คู่มือของมันแน่”
“แต่ผมก็พอจะมีพลังอยู่นะครับ” รอนบอก
วิทวัสส่ายหน้า
“เธอไม่รู้อะไร ที่เวก้าอยู่รอดผ่านสงครามมาได้เป็นเพราะมันมีสกิลที่น่ากลัว” พ่อของแพทบอก “ในบรรดานักรบมังกรแห่งแสงสว่าง 12 คน มี 6 คนที่ต้องจบชีวิตเพราะมัน”
“ขนาดนั้นเลยหรือครับ” รอนถาม
“ใช่ เพราะสกิลของเวก้าก็คือ การทำให้ศิลานักปราชญ์ของนักรบมังกรแห่งแสงหลุดออกจากร่างและไม่อาจใส่กลับได้จนกว่าเวลาจะผ่านไป 24 ชั่วโมง” พ่อของแพทบอก
“เมื่อศิลานักปราชญ์หลุดออกมา พลังที่ได้จากการใส่ Bonus Stat เข้าไปจะหายไปหมด เหมือนอย่างพ่อตอนนี้แหละ ร่างกายเพียงแค่แข็งแกร่งกว่าคนปกติเล็กน้อย แต่พลังที่ได้จากระบบโบนัสหายไปจนหมด พลังในการรักษาร่างกายจากการกินอาหารก็หมดไป ความสามารถเดียวที่เหลือก็คือการมองเห็นจุด Rally point และมองเห็นศิลานักปราชญ์เท่านั้น” พ่อบอกต่อ “พอพลังหายไปหมด เวก้าก็จัดการฆ่าได้สบายๆ”
รอนนิ่งงันไป แล้วจะทำยังไงดี
“จะจัดการเวก้าได้ ต้องใช้คนที่ไม่ใช่นักรบมังกรแห่งแสงมาสู้ ก็ต้องใช้กองทัพ … แต่ตอนนี้กำลังกองทัพก็ไม่พออยู่แล้ว แล้วเราจะทำยังไงดี” รอนรำพึง
“มีอีกทาง เราต้องใช้นักรบมังกรแห่งความมืดไปต่อสู้กับเวก้า”
“เห ให้แพทไปสู้เหรอครับ” รอนถาม แพทมีศิลานักปราชญ์ของดราซัคในตัว
“ไม่ใช่แพท” วิทวัสบอก
“แต่เป็นพ่อ … นักรบมังกรเท็นสไควร์คนนี้จะไปสู้กับเวก้าให้เอง”