Midterm Fantasy - ตอนที่ 245
เที่ยงวันที่หมู่บ้านโอลเซ่น ร่างของรอนปรากฎขึ้นภายในคฤหาสน์ของเขา เด็กหนุ่มเปิดประตูห้องออกมาพบกับแพทที่เปิดประตูห้องของตนออกมาเหมือนกัน
ทั้งคู่อยู่ในชุดลูกเสือและเนตรนารี
“ไม่มีใครสงสัยอะไรใช่ไหม” แพทถาม
“อือ ของเราอยู่ระหว่างเดินทางไกล เราเลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำในพงหญ้า ไม่มีใครเห็นหรอก” รอนตอบ “แล้วของเธอล่ะ”
“เหมือนกัน ไม่มีใครเห็น”
ทั้งสองคนระมัดระวังไม่ให้ใครเห็นจังหวะที่วาร์ปมาโลกนี้ เพราะจะมีช่วงสั้นๆที่ร่างกายจะหายไป ขืนคนเห็นคงเป็นเรื่องแน่ๆ
ทั้งคู่ออกจากคฤหาสน์ ทักทายเด็กที่ผลิตกระสุนเวทมนตร์ด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติ ตรวจกิจการผลิตไฟฟ้า(ด้วยการให้นักผจญภัยมาวิ่งสายพานปั่นไฟ) ทักทายชาวบ้านที่กำลังแพ็คตั๊กแตนทอดส่งขาย ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่หน้าประตูทางออกหมู่บ้าน
ที่นั่น เจ้าชายดีโอกำลังคุยกับทหารและชาวบ้านที่ทำหน้าที่อยู่เวรยาม
“คุณแพท คุณรอน” เจ้าชายทักเมื่อเห็นทั้งสอง
“สวัสดีครับ/ค่ะ” รอนและแพทตอบ
เจ้าชายหันกลับไปคุยต่อกับทหารและชาวบ้าน จับใจความได้ถึงเรื่องการป้องกันเมืองด้วยอาวุธและการจัดเวรยาม
เมื่อเจ้าชายคุยเสร็จ ทหารและชาวบ้านก็แยกย้ายกันไป
“ข้ากำลังสั่งการเรื่องการป้องกันหมู่บ้านน่ะ ที่ครั้งนั้นข้ากับคุณแพทถูกโจมตีโดยอีกฝ่ายใกล้ๆหมู่บ้าน ตอนนั้นกว่าคนในหมู่บ้านจะรู้ก็ผ่านไปนานมาก” เจ้าชายบอก “นี่เลยสั่งรื้อระบบการป้องกันทั้งหมด และติดตั้งอาวุธประจำกำแพงหมู่บ้านให้อานุภาพสูงขึ้น
รอนและแพทมองขึ้นไป ข้างบนกำแพงมีการติดตั้งเครื่องยิงธนูยักษ์บอลลิสต้าเรียงรายเอาไว้หลายเครื่อง ส่วนที่หลังกำแพงมีการขีดเส้นวาดพื้นที่ที่จะติดตั้งเครื่องยิงหินเอาไว้
“ข้าให้คนติดตั้งเครื่องมือเวทมนตร์สื่อสารระยะไกลไว้ที่ที่ทำการหมู่บ้านแล้ว ต่อไปหากมีเหตุด่วน ที่นี่ก็จะติดต่อกับเมืองใหญ่ได้ทุกแห่ง” เจ้าชายบอก
“เจ้าชายเตรียมการแบบนี้ หรือว่าเจ้าชายจะกลับเมืองหลวงคะ” แพทถาม
“ถูกต้องแล้ว ข้ากำลังจะกลับเมืองหลวง” เจ้าชายตอบ “การเกิดโรคระบาดและฝูงแมลงระบาด เป็นสัญญาณว่านักรบมังกรแห่งความมืดเตรียมตัวลงมือแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานสงครามจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ข้าต้องกลับไปเตรียมกองทัพให้พร้อม”
ทั้งสามคนเดินออกไปนอกกำแพง ทหารองครักษ์เพรเตอร์เรี่ยนกำลังเก็บของขึ้นรถม้า
“เจ้าชายต้องดูแลตัวเองให้ดีนะคะ” แพทบอก
“แน่นอน ข้ายังอยากพบหน้าท่านอยู่นี่” เจ้าชายดีโอบอก “ข้ามีของที่จะมอบให้กับคุณแพทด้วย เป็นชุดเกราะสำหรับจอมเวทที่สั่งตัดโดยเฉพาะสำหรับท่าน ตอนนี้ชุดเกราะอยู่ในกระโจมนั่น ท่านจะลองสวมให้ข้าดูสักหน่อยได้ไหม”
“ค่ะ”
แพทเดินไปที่กระโจมและเข้าไป รอนหันมองเจ้าชาย
“เจ้าชายมีอะไรจะคุยกับผมหรือเปล่าครับ” รอนถามเมื่อเห็นว่าเจ้าชายจงใจให้แพทแยกออกไป
“ข้ามีเรื่องอยากจะขอคุณรอน อยากจะให้คุณรอนรับปากโดยไม่บอกคุณแพท” เจ้าชายตอบ
“เรื่องอะไรครับ” เด็กหนุ่มไม่รับปากในทันที
“สงครามครั้งนี้อาจจะหนักหนากว่าครั้งที่แล้ว ข้าไม่มั่นใจว่าอาณาจักรแอสคาลอนจะรับมือไหว” เจ้าชายดีโอบอก
“เอ๊ะ ทำไมเจ้าชายคิดแบบนั้นล่ะครับ ผมเคยอ่านประวัติศาสตร์ของที่นี่ สงครามครั้งที่แล้วมันใหญ่กว่าครั้งนี้อีกนี่ครับ” รอนถามกลับ “ครั้งนี้มีนักรบมังกรฝ่ายตรงข้ามไม่กี่คน ราชาอันเดทก็ไม่มีแล้วด้วย แถมอาวุธทั้งหลายก็พร้อมกว่าครั้งก่อนอีก”
“ครั้งที่แล้ว ราชาอันเดทนำกำลังพลแยกเป็นหลายทัพ โจมตีสองทวีปพร้อมๆกัน และกำลังพลส่วนใหญ่ยกออกไปในทุ่งหญ้าของเผ่าสัตว์เพื่อไปทำการรบขั้นตัดสิน กลุ่มที่โจมตีแอสคาลอนในครั้งนั้นมีจำนวนไม่ถึง1ใน4ของกำลังทั้งหมด อาณาจักรมนุษย์ทั้งสามระดมกำลังพลทั้งหมดร่วมมือกับเอลฟ์ คนแคระ และเผ่าสัตว์ ในการต่อต้าน และเรามีเวลาฝึกนักรบมังกรเพื่อเพิ่มเลเวลล่วงหน้าอยู่หลายปีก่อนที่จะเกิดสงคราม”
“ส่วนครั้งนี้ เรามีเวลาฝึกเพิ่มเลเวลให้นักรบมังกรไม่ถึงครึ่งปี อีกทั้งฝ่ายโน้นทำการดึงเอามอนสเตอร์ออกจากพื้นที่ของมนุษย์ ทำให้เรายิ่งฝึกนักรบมังกรของเราได้ยากขึ้น” เจ้าชายบอก “และพอไม่มีมอนสเตอร์โจมตีอาณาจักรไหนเลย ทุกอาณาจักรก็เลยทำได้แต่เตรียมกำลังทหารในเมือง เราได้แต่รอให้มันยกทัพออกมาแล้วจึงเคลื่อนไปช่วย”
“ถ้าหากเกิดสงครามขึ้นมาจริงๆ และเมืองกาล่าถูกตีแตก ผมอยากจะให้คุณรอนพาคุณแพทกลับไปที่โลกของพวกคุณ จากนั้นปิดการเชื่อมต่อกับโลกทางนี้ครับ” เจ้าชายบอก
“เอ๊ะ? แต่มันคงไม่ร้ายแรงขนาดนั้นหรอกมั้งครับ ที่นี่คงไม่ใช่สนามรบใหญ่”รอนแย้ง
“คุณรอน ในแอสคาลอนตอนนี้มีจุดยุทธศาสตร์สองจุด จุดแรกคือเมืองหลวงวาเลนเทียที่มีปราการเข้มแข็งที่สุด จุดที่สองคือหมู่บ้านโอลเซ่นแห่งนี้ คุณรอนอย่าลืมสิว่าตอนนี้เราได้ตั้งลูกแก้วไพล่อนไว้ที่หมู่บ้านนี้แล้ว” เจ้าชายบอก “หากเกิดสงคราม กองทัพข้าศึกจะต้องโจมตีวาเลนเทียและเมืองที่ตั้งลูกแก้วไพล่อนเพื่อป้องกันไม่ให้เราเปิดประตูมิติขอกำลังเสริมจากอาณาจักรอื่นได้ ดังนั้นถ้ามันรู้ว่าเราย้ายลูกแก้วมาที่นี่ ที่นี่ก็จะกลายเป็นสนามรบทันที”
“ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของแอสคาลอน เราใช้ตัวเมืองกาล่าเป็นฐานในการเปิดประตูมิติทุกครั้ง ครั้งนี้พวกมันคงระดมกำลังโจมตีเมืองตั้งแต่แรกแน่ๆ และลูกแก้วไพล่อนต้องใช้เวลา 3 วันในการชาร์จพลังเปิดประตูมิติ การโจมตีของมันจะต้องหนักหน่วงอย่างแน่นอน เผลอๆอาจจะหนักกว่าที่จะโจมตีเมืองหลวงด้วยซ้ำ” เจ้าชายบอก “และเมื่อไรที่มันพบว่าในเมืองไม่มีลูกแก้วไพล่อน มันต้องสงสัยหมู่บ้านนี้อย่างแน่นอน”
“คุณรอนสัญญากับผม ว่าจะปกป้องคุณแพท และจะพาคุณแพทหนีถ้าหากเหตุการณ์คับขัน” เจ้าชายพูดกับรอนอย่างตั้งใจ
เด็กหนุ่มมองหน้าอีกฝ่าย และก่อนที่จะได้ตอบอะไรออกไป เสียงของแพทก็ดังออกมา
“เป็นยังไงบ้าง ใส่แล้วพอดูได้ใช่ไหมคะ”
เด็กสาวเดินตรงมาที่คนทั้งสอง ชุดเกราะสีขาวนวลปกคลุมลำตัวและแขนขารับกับเรือนร่าง กระโปรงสีขาวผ้าลายลูกไม้ดูงดงาม แต่แฝงความพิเศษด้วยอักขระเวทที่เย็บติดเอาไว้
ความสดใสน่ารักของเด็กสาวทำให้ทั้งสองคนจ้องมองอย่างลืมตัว
“คุณรอนคงรู้แล้วใช่ไหมว่าข้ารู้สึกกับคุณแพทยังไง” เจ้าชายถาม
“ครับ ผมก็รู้สึกกับแพทไม่ต่างจากที่เจ้าชายรู้สึก” รอนตอบ “ผมรักแพทเหมือนกับเจ้าชาย”
เจ้าชายพยักหน้า
“ถ้าเช่นนั้น…”
“ผมรับปากครับว่าจะปกป้องแพทอย่างเต็มกำลัง ผมจะไม่ให้เธอเจอกับอันตรายเด็ดขาด”รอนให้สัญญา
@@@
โรล่าเข้าไปพบเจ้าชายที่กำลังจะออกเดินทาง
“เจ้าชายไม่พาคุณแพทไปเมืองหลวงด้วยเหรอคะ” โรล่าถาม
“ไม่ล่ะ ข้าคิดว่าตอนนี้ไม่ว่าที่ไหนๆก็ไม่ปลอดภัย มีที่หมู่บ้านนี้เท่านั้นที่ปลอดภัยที่สุด” เจ้าชายบอก
“แต่ถ้าให้คุณรอนอยู่กับคุณแพทแบบนี้ เจ้าชายก็ยิ่งไม่มีโอกาสใกล้ชิดสิคะ หรือถ้าที่เมืองหลวงไม่ปลอดภัยไม่อย่างนั้นทำไมเจ้าชายไม่อยู่ที่นี่ หรือจะยอมแพ้แล้วหรือ” โรล่าถาม
“ข้าไม่ได้ยอมแพ้หรอก แต่ข้าเองมีหน้าที่ต้องทำ ต้องนำทัพในสนามรบ ถ้าข้าอยู่ที่นี่ก็เท่ากับผิดต่อหน้าที่” เจ้าชายตอบ “แต่จะให้ข้าพาคุณแพทกลับไปด้วยก็เท่ากับพาเธอไปอยู่ในพื้นที่อันตราย ข้าทำไม่ได้เหมือนกัน ให้อยู่กับรอนนี่แหละ รอนเค้าต้องปกป้องแพทได้อย่างแน่นอน”
โรล่าทำท่าคิดเหมือนจะไม่เข้าใจ เจ้าชายจึงบอกต่อ
“ก็นึกง่ายๆ ถ้าคุณรอนต้องอยู่กับเจ้า ไม่ได้อยู่ใกล้คุณแพทแล้วต้องเสี่ยงอันตรายมากขึ้น กับให้คุณรอนกับคุณแพทอยู่ด้วยกันโดยเจ้าออกมาไม่ได้อยู่ด้วย แต่สองคนนั้นจะปลอดภัย เจ้าจะเลือกแบบไหน” เจ้าชายถาม
“ข้าเข้าใจแล้วค่ะ” โรล่าตาเป็นประกาย
“ข้าไปก่อนล่ะ ดูแลตัวเองดีๆด้วย”
“ค่ะ เจ้าชายเองก็ดูแลพระองค์ให้ดีด้วยนะคะ”
เจ้าชายดีโอเอามือขยี้เรือนผมสีทองของโรล่าก่อนที่จะกระโดดขึ้นหลังม้าและเริ่มออกเดินทางกลับวาเลนเทีย
“เราน่าจะขอตัวโรล่าคนนั้นไปช่วยด้วยนะครับ” องค์รักษ์กิลเลี่ยนบอกเจ้าชาย “เด็กคนนี้มีฝีมือ น่าจะช่วยเราในการรบได้”
ถ้าไม่นับรอนที่กำจัดนักรบมังกรดราซัคได้ด้วยความบังเอิญแล้ว โรล่าคือคนที่กำจัดแม่ทัพของฝ่ายมอนสเตอร์ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแม่ทัพออร์คสองตัว ก็อบลินลอร์ด หรือแม้แต่ธานอสนักรบอันดับหนึ่งของเผ่าลิง
“ไม่หรอก พลังของเด็กคนนั้นน่ะเกิดขึ้นเพราะต้องสู้เพื่อปกป้องคนที่ตนรัก” เจ้าชายบอก “อีกอย่าง การรบครั้งนี้อีกฝ่ายเป็นนักรบมังกรที่มีอาชีพอัศวินมังกร การต่อสู้กับมังกรน่ะใช้แค่มีดสั้นคู่นั้นไม่ได้หรอก”
“อืม แต่ก็น่าเสียดาย ถ้าโรล่าคนนี้ได้ไปอยู่ในสนามรบกับพวกเราก็คงจะสนุกไม่น้อย” กิลเลี่ยนบอก
“อย่าเลย ให้โรล่าอยู่ที่นี่แหละ ที่นี่เป็นบ้านของเค้า และที่นี่น่ะก็ปลอดภัยกว่าที่เมืองหลวง” เจ้าชายโบกมือและอมยิ้ม
ที่จริงคิดไปก็น่าขัน ตั้งแต่มาอยู่ที่หมู่บ้านนี้โรล่าก็มาพยายามเข้าหาเขาเพื่อเสนอทางทำให้เขากับแพทลงเอยกันให้ได้ จะว่าไปเขาเองเจอหน้าโรล่ามากกว่าที่เจอแพทเสียอีก
ยิ่งคิดถึงท่าทีใสซื่อของเด็กคนนี้แล้วก็ยิ่งอยากหัวเราะออกมา
กิลเลี่ยนมองหน้าเจ้าชายที่กำลังยิ้มอยู่ เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ทันพูดออกไป เจ้าชายดีโอเอ่ยปากต่อ
“การเตรียมรับมือกับทัพมังกรเป็นยังไงบ้าง” เจ้าชายถาม
“เราเตรียมอาวุธและรถหุ้มเกราะสำหรับต่อต้านมังกรแล้วครับ” กิลเลี่ยนตอบ
“แล้วหญ้าต้านมังกรล่ะ หาได้หรือยัง”
“ต้องขออภัยด้วยครับ ข้าส่งคนออกหาทั่วทวีปซีแลนเดียแล้วแต่ไม่พบเลย มีข่าวลือว่ามีคนพบเห็นมันในป่ามรณะของทวีปเลมูเรีย แต่คนของเราที่เดินทางไปก็ยังไม่กลับมา” กิลเลี่ยนบอก “ตอนนี้ทรอนหัวหน้านักรบมังกรแห่งความมืดเริ่มรวบรวมกองทัพเพื่อต่อสู้กับศาสนจักรเวโรน่าแล้ว พื้นที่ที่นั่นเริ่มอันตรายขึ้นเรื่อยๆครับ”
“น่าเสียดาย ถ้าเรามีหญ้าต้านมังกรล่ะก็ มังกรของเจ้าเวก้าก็จะไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเรา ไม่มีทางหาพันธุ์เลยรึ”
“น่าจะยากครับ เพราะหญ้านี้มีอีกชื่อว่าหญ้าเฮ็มพ์ปีศาจ เป็นหญ้าที่มีพิษและเสพติดจนศาสนจักรประกาศให้เป็นพืชต้องห้าม ไม่มีคนพบเห็นในซีแลนเดียมาหลายร้อยปีแล้ว”
เจ้าชายดีโอถอนหายใจอย่างเสียดาย ถ้าหากมีหญ้านี้ล่ะก็ …..
ที่หมู่บ้านโอลเซ่น โรล่ากลับเข้าไปที่เรือนกระจกของโบสถ์และทำงานประจำวัน
“หนอย เจ้าต้นเฮ็มพ์ปีศาจ ที่ผ่านมาเจ้าทนทั้งน้ำเสก ทั้งเวทBlessing , High Blessing ได้โดย แต่วันนี้แหละจะเป็นวันตายของเจ้า ข้าจะใช้เวทที่เรียนมาจากเมืองหลวงจัดการกับเจ้า”
โรล่ารวบรวมพลังเวททั้งหมดที่มีและร่ายเวทออกไป
“ข้าแต่เทพไฮจีเน่ เทพวิคตอเรีย เทพซูเมเรีย เทพโซโลมอน และทวยเทพทั้งหลาย โปรดสดับฟังคำขอของข้า ข้ารับใช้ผู้ต่ำต้อย โปรดรับมานาในตัวข้า เปลี่ยนเป็นพลังแห่งการชำระล้างสรรพสิ่ง โปรดอวยพรสรรพชีวิตให้เติบใหญ่ และทำลายสิ่งชั่วร้ายให้หายไป ……..”
เมฆบนท้องฟ้าเหนือหมู่บ้านโอลเซ่นเปิดออก วงแหวนเวทขนาดยักษ์ก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้า มานาในบรรยากาศเข้ามารวมตัวกัน ก่อเกิดเป็นรูปร่างคล้ายนกพิราบสีขาวนับร้อย ที่มุมทั้งสี่ปรากฎเด็กทารกที่มีปีกสีขาวที่หลังมุมละหนึ่งคน ในมือของเทวดาตัวน้อยมีแตรสีทอง
“โอ้ นั่นมันอะไรกัน”
“วงแหวนเวท อักขระนั่นมันคล้ายของเวทBlessing”
ชาวบ้านและนักผจญภัยนับพันเบื้องล่างต่างมองอย่างตะลึง แล้วนักบวชคนหนึ่งก็ร้องขึ้นมา
“นั่น นั่นมันเวทGreater High Blessing”
“ห๊ะ ท่านคาร์ดินัล จริงหรือครับ”
“ม ม ไม่ผิดแน่ วงแหวนเวททั้งยังมีเทวดาทั้ง4เป่าแตรเช่นนี้” คาร์ดินัลพูดขึ้นอย่างตกตะลึง “แต่จะเป็นไปได้ยังไงกัน ถึงแม้จะมีบันทึกถึงการร่ายเวทนี้ที่เมืองหลวง แต่ว่าผู้ที่จะร่ายเวทนี้ได้ต้องมีจิตใจที่ใสซื่อบริสุทธิ์อย่างที่สุด … ม ม แม้แต่ธิดาเทพแห่งเวโรน่าก็ยังไม่สามารถร่ายเวทนี้ออกมาได้ … ใครกัน ใครกันที่ร่ายเวทนี้”
ทุกสายตาจับจ้องไปที่ใต้วงแหวน เทวดาทั้งสี่เป่าแตร แล้วลำแสงสีขาวก็พุ่งจากท้องฟ้า พาเอาการอวยพรแห่งเทพลงไปที่เรือนเพาะชำข้างโบสถ์ โรล่าปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกไป
“[Greater High Blessing]”
บูม!
ต้นกัญชาในเรือนเพาะชำทั้งหมดโตขยายขนาดชนกระแทกหลังคาจนหลุดออกไป แผ่ขยายต้นจนสูงใหญ่ร่วมยี่สิบเมตร คนในหมู่บ้านเห็นต้นไม้ยักษ์เพียบแวบเดียวก่อนที่ทั้งหมดจะตัดโค่นลงในพริบตา
“แก แก แก เจ้าต้นไม้ปีศาจ คอยดูนะ สักวันชั้นจะจัดการแกให้ได้”
โรล่าพูดกับตนเองด้วยเสียงหอบเหนื่อย ก่อนที่จะรีบทำลายหลักฐานด้วยการตัดย่อยต้นเฮ็พ์ปีศาจเป็นก้อนอัดแท่งแล้วกองสุมไว้ที่ข้างโบสถ์