Midterm Fantasy - ตอนที่ 226
ที่หมู่บ้านโอลเซ่น รอนเดินออกมาจากบ้านพักของตนในตอนเช้าตรู่ คฤหาสน์ที่สร้างใหม่ของเขาเสร็จได้สักพักแล้ว เหลือเพียงแต่ขั้นตอนการตกแต่งและเอาเฟอร์นิเจอร์มาลงซึ่งก็ไม่ได้จำเป็นอะไรมากนักเนื่องจากเวลาที่รอนอยู่ที่โลกฝั่งนี้เขาไม่จำเป็นต้องนอนหลับแต่อย่างใด
“ท่านรอนสวัสดีครับ”
“ท่านรอนตื่นแต่เช้าเลย”
พวกเด็กๆที่มารับจ้างทำงานต่างทักทายรอนจากโต๊ะอาหารที่สนามหน้าคฤหาสน์
“อือ ทุกๆคน วันนี้ก็พยายามทำงานเข้านะ” รอนยิ้มให้
“ครับ/ค่ะ”
เด็กๆทั้งหลายต่างขานรับอย่างยินดีก่อนจะรีบกินอาหารตรงหน้า
รอนเดินไปทางลานด้านข้าง กังหันปั่นไฟกำลังหมุนติ้วปั่นไฟฟ้าเข้าใส่แบตเตอรี่ที่อยู่ในโรงเก็บ ที่ใกล้กัน เครื่องพิมพ์สามมิติ20เครื่องกำลังเดินเครื่องอยู่ภายใต้การดูแลของเด็กๆ
“โอ้ นี่ก็เช้าแล้วนะ ไม่หยุดพักก่อนเหรอ กลุ่มที่มาเปลี่ยนเวรมากันแล้วนะ” รอนทักไป
“สวัสดีครับ/ค่ะท่านรอน” เด็กๆร้องทักทาย
“อีกกลุ่มยังไม่มารับเวร พวกเราน่าจะทำกันได้อีกคนละชิ้นสองชิ้นค่ะ”เด็กหญิงคนนึงบอก
รอนยิ้มให้ไม่ว่าอะไร เด็กๆเหล่านี้ได้ค่าจ้างตามจำนวนชิ้นของระเบิดที่ผลิตได้ ระเบิดเวทมนตร์ที่ผลิตด้วยการพิมพ์วงแหวนเวทถูกผลิตออกมาอย่างไม่ขาดสายก็ด้วยฝีมือของเด็กๆในหมู่บ้านที่ผลัดเปลี่ยนกันมาเฝ้าเครื่องนี้กันเวรละ8ชั่วโมง ผลัด3กะ ตลอด24ชั่วโมง
ด้วยความที่งานนี้เป็นงานที่ไม่ต้องการทักษะมากนักทำให้เด็กๆสามารถมาคุมเครื่องได้ และด้วยความเป็นเด็กที่ว่างไม่ต้องทำอะไรมาทำให้พวกเขาผลัดกันมารับงานที่ได้เงินดีนี้กัน
แน่นอนว่าอีกเหตุผลนึงที่รอนเลือกเด็กก็เพราะว่าจะได้ควบคุมเรื่องความปลอดภัยได้ง่าย ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นสายลับหรือสมาชิกแก๊งที่จะมาลักเอาระเบิดเวทมนตร์ไป
“กัปตัน ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะครับ” รอนทักกัปตันของกองทหารที่อยู่เวรบริเวณนั้น
“เรียบร้อยครับท่านรอน” กัปตันทหารม้าตอบ
รอนเดินตัดไปทางโบสถ์ โรล่าดูกำลังง่วนกับการตัดต้น “มันสำปะหลังใบแคบ” เอาไปตากแห้งแล้วมัดรวมเป็นฟ่อน จนตอนนี้วางซ้อนเป็นกองโตที่ข้างโบสถ์เต็มไปหมด เด็กหนุ่มเดินผ่านไปโดยไม่ทักโรล่า เพราะทุกครั้งที่เขามาทักโรล่าระหว่างทำงานนี้โรล่าจะร้องแล้วหนีเข้าไปหลบในเรือนกระจกทุกที
รอนไปจนถึงจัตุรัสกลางหมู่บ้าน ไปที่ตึกใหม่ที่สร้างขึ้นใกล้กับบ้านของพ่อเฒ่าเบรเซอร์ ตึกนั้นมีหอคอยสูง30เมตรที่ตั้งตระหง่านอยู่ รอนเดินเข้าไปในหอคอยและค่อยๆเดินขึ้นไปตามบันไดเวียน
ที่ลานสังเกตการณ์ของหอคอย แพทกำลังยืนมองออกไปด้านนอก
“มาฝึกใช้แผนที่อีกแล้วเหรอ” รอนถาม
“ใช่” แพทตอบ “เธอล่ะไม่ฝึกเหรอ”
“เราปิดแผนที่ไปแล้ว” รอนบอกยิ้มๆ “เธอก็รู้นี่ว่าเราปิดแล้วเปิดแผนที่ใหม่เองไม่ได้”
“ขี้โกงนี่นา” แพทค้อนก่อนจะเดินเข้าไปหา “หลับตาเลย”
รอนหลับตาอย่างว่าง่าย เด็กสาวเดินเข้าไปใกล้ๆจากนั้นจุ๊บเบาๆไปที่ริมฝีปากของเด็กหนุ่ม
[Mana +0.5]
“เปิด Battle map” รอนบอกก่อนจะหันไปหาเพื่อนสาวอีกครั้ง ชี้ที่ริมฝีปากของตนเอง “อีกทีนึง”
แพทค้อนขวับๆแต่ก็เดินเข้าไปและจุ๊บอีกครั้ง
[Mana +0.5]
“โอนBonus stat ที่เหลือไปที่ Str” รอนสั่ง แล้วก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่นซ่านขึ้นมา รอนดูสถานะพลังของตนที่เด้งมาพร้อมกัน
HP [1200/1200]
Str : 520 พละกำลัง
Int : 50 ความสามารถในการวิเคราะห์จดจำ
Agi : 78 ความเร็ว
Mana : N/A ไม่มีมานา
[ขณะนี้ทุกสกิลถูกตั้งลิมิตไว้ที่20]
[สกิลสิ่งมีชีวิตศึกษาถูกปิดเอาไว้]
[Bonus stat : 0]
ที่เหลือเป็นสกิลทั่วๆไปอื่นๆที่รอนไม่ได้สนใจเท่าไหร่แล้ว หลังจากผ่านการต่อสู้มาหลายครั้งรอนก็พบว่าตัวเลขเหล่านั้นไม่จำเป็น สิ่งที่จำเป็นคือการนำออกมาใช้จริงให้ได้ในสถานการณ์นั้นๆ
เพื่อให้ฝึกฝนได้จริงอย่างดีที่สุด รอนเลยปิดลิมิตของสกิลเอาไว้ เพื่อที่จะได้ฝึกทุกอย่างได้อย่างที่ควรจะเป็น
“รอน วันนี้ไม่ต้องปิดแผนที่เลยนะ” แพทบอก”วันนี้ถ้าปิดก่อนแล้วล่ะก็เราไม่ช่วยแล้วด้วย”
“เข้าใจแล้วล่ะ” รอนตอบรับ
ทุกครั้งที่มีการจูบกับแพท(เท่านั้น โรล่าและเจนัสไม่เกี่ยว) เขาจะได้รับมานามา 0.5 แต่ถ้าปิดแผนที่แล้วเปิดใหม่ก็ต้องไปจุ๊บใหม่ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าเขาไม่มี “แกนเวทมนตร์” ที่ใช้เก็บมานาในร่างกาย
รอนตั้งใจมองแผนที่ ทดลองปรับคำสั่งต่างๆ เขาปรับดูภูมิประเทศ ความสูง และสำรวจดูสัตว์และมอนสเตอร์ที่วิ่งไปมาในพื้นที่
รอบหอคอยนี้รัศมี 400 เมตร เป็นกำแพงชั้นใน เป็นพื้นที่ของหมู่บ้านโอลเซ่นเดิม คนที่อาศัยในนี้คือชาวบ้านที่อาศัยอยู่เดิม
ถัดออกไปอีก 700 เมตร เป็นกำแพงชั้นนอก พื้นที่ระหว่างกำแพงชั้นในและนอกนี้เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างเกิดใหม่มากมาย ทั้งร้านค้าบ้านเรือน มีพ่อค้า มีนักผจญภัย มีผู้อพยพ ที่เข้ามาอาศัยจำนวนมาก
กำแพงชั้นนอกกำลังถูกก่อสร้างขึ้นอย่างเต็มเหยียด กำแพงและหอคอยสูง10เมตรสร้างไว้ให้เพียงพอที่จะป้องกันการโจมตีจากมอนสเตอร์ระดับโทรล
ตอนนี้หมู่บ้านโอลเซ่นไม่ใช่แค่หมู่บ้านเล็กๆที่มีคนไม่กี่ร้อยคนอีกต่อไป หากแต่เป็นเมืองขนาดเล็กที่มีคนอาศัยถาวรหลายพัน มีพ่อค้า นักผจญภัย และคนที่ผ่านไปมาหลักหมื่นคน มีทั้งมนุษย์ครึ่งสัตว์เผ่าต่างๆที่ผ่านทางมาเพื่อมาซื้อวัตถุดิบและอาหารที่ทำจากเครื่องเทศที่หาไม่ได้ในทวีปซีแลนเดีย ไปจนถึงพ่อค้าแม่ขายที่มาเพื่อซื้อสินค้าจากร้าน ARMAMENT
ร้าน ARMAMENT ที่ตอนนี้อยู่ในช่วงไว้ทุกข์ ไว้ทุกข์ไว้ให้กับผู้ก่อตั้งที่เพิ่งจากไป
รอนกวาดสายตาไปบน Battle map จุดสีต่างๆแสดงให้เห็นว่ามีคนจำนวนมากในเมืองทั้งที่เป็นมิตรหรือเฉยๆกับเขา และมีบางจุดที่เป็นสีแดงที่หมายถึงศัตรู
แน่ล่ะว่าการที่รอนทำให้หมู่บ้านพัฒนามาจนถึงขนาดนี้ได้ย่อมต้องมีคนที่ไม่ชอบ แต่เขาก็ไม่คิดใส่ใจอะไรมาก เพราะคนพวกนั้นไม่ได้อยู่ในบริเวณชั้นในของหมู่บ้าน ไม่มีโอกาสได้เจอเขาอยู่แล้ว
เขาเลื่อนความสนใจไปที่นอกเมือง Battle Map แสดงให้เห็นไร่นาด้านนอก
ไร่ฝ้ายGMOอันเริ่มออกดอกอีกไม่นานก็จะได้เวลาเก็บเกี่ยว
ไร่ข้าวโพดGMOตอนนี้ติดฝักแล้ว ประมาณการณ์ผลผลิตเป็น 10 เท่าของที่หมู่บ้านโอลเซ่นเคยทำได้ใน1ปี
ไร่ผักกาดหัว แรดิช แครอท มันมู่ มันเทศพืชให้ผลผลิตเร็วปลูกไว้เพื่อเพิ่มผลผลิตอาหาร ขณะนี้เริ่มส่งช่วยเหลือพื้นที่รอบๆได้ และเมล็ดพันธุ์ก็ถูกส่งต่อไปให้หมู่บ้านรอบๆในเขตเมืองกาล่า
สุดท้ายคือไร่เครื่องเทศและผักไทยๆ อันกินพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด ตอนนี้พืชหลายชนิดให้ผลผลิตแล้ว ผลผลิตที่ได้ถูกนำมาเตรียมขายหรือนำไปทำเป็นอาหาร และลูกค้าที่สำคัญก็คือเหล่ามนุษย์ครึ่งสัตว์ที่ชอบอาหารเหล่านี้เป็นพิเศษ
รายได้ที่เกิดจากการเพาะปลูกเหล่านี้ค่อนข้างสม่ำเสมอแล้ว ตอนนี้หมู่บ้านโอลเซ่นสามารถพึ่งพาตนเองได้แล้ว จะอาศัยก็แต่เพียงเมล็ดพันธุ์ที่รอนเป็นคนนำมาเท่านั้น
จุดสีแดง10จุดวิ่งอยู่บริเวณไร่เครื่องเทศ โดยมีจุดสีน้ำเงินอีก20กว่าจุดวิ่งไล่ตาม รอนกดดูสถานะของจุดเหล่านั้น
“พวกเผ่าลิง พวกนี้ทำอะไรกันนะ”
จะว่าไปจุดสีแดงที่อยู่ในเมืองเกินครึ่งนึงก็เป็นมนุษย์ครึ่งลิง
สักพักใหญ่ๆ เสียงว้อกกี้ทอล์คกี้บนหอคอยก็ดังขึ้น
“ท่านรอนอยู่ไหมครับ ผมพอลเอง” เสียงของพอลดังมา
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคุณพอล” รอนถาม
“พวกนักพ่อค้าเผ่าลิงครับ พวกนั้นขโมยขุดเอาพืชในไร่ของพวกเราอยู่ พวกเราไล่ตามแล้วแต่ไม่ทัน” พอลบอก
“ไม่ต้องตามแล้วล่ะ ปล่อยพวกนั้นไป” รอนตอบ
“แต่พวกนั้นขุดเอาพืชที่ใกล้จะติดเมล็ดของเราไปมากมายเลยนะครับ ถ้าหากพวกนั้นเอาไปขยายพันธุ์ได้ล่ะก็…” พอลแย้ง
“ไม่ต้องตามหรอกคุณพอล พวกนั้นเอาไปขยายพันธุ์สู้เราไม่ได้หรอก” รอนตอบ
หลังจากปลูกพืชไร่เหล่านี้และดึงดูดมนุษย์เผ่าสัตว์มาได้มากมาย ก็มีความพยายามขอซื้อเมล็ดพันธุ์เพื่อนำไปปลูกบ้าง
เพราะพืช GMO ที่รอนนำมาปลูกต่อต้านศัตรูพืชได้ดีมาก และพืชผักอื่นๆ ก็ล้วนแล้วแต่ซื้อมาจากบริษัทเมล็ดพันธุ์ เป็นพืชที่ปรับปรุงสายพันธุ์ด้วยวิทยาการสมัยใหม่ของโลก ผลผลิตสูงคุณภาพดีกว่าพืชในโลกนี้2-3เท่าตัว
แต่นอกจากพริกที่รอนไม่ควบคุมแล้ว ที่เหลือรอนสั่งห้ามขายเมล็ดพันธุ์ให้เด็ดขาด ถึงอยากขายก็ขายให้ไม่ได้ เพราะว่าพืชเหล่านี้ถูกบริษัทผู้ผลิตดัดแปลงมาแล้ว เมื่อนำเมล็ดกลับไปปลูกใหม่ไปได้ 2-3 รุ่นผลผลิตจะลดลงจนใช้การไม่ได้
“แต่เราจะปล่อยพวกนั้นไปแบบนั้นเหรอครับ” พอลถามย้ำอีกครั้ง “พวกเผ่าลิงมันทำแบบนี้หลายครั้งแล้วนะครับ หลังๆมานี่ยังก่อเรื่องในหมู่บ้านอีกหลายหนด้วย”
“ไม่หรอกคุณพอล ผมจะไม่ปล่อยผ่าน” รอนตอบก่อนจะกดสวิทส์ไฟที่กำแพงหอคอย จากนั้นดึงเอาไมโครโฟนขึ้นมา “ฮัลโหล เทส หนึ่ง สอง สาม”
เสียงของรอนจากลำโพงขนาดใหญ่ดังออกจากรอบหอคอยทั้งสี่ทิศ ชาวบ้านและคนที่อาศัยในพื้นที่ต่างเงยหน้าขึ้นมอง
“ท่านรอนกำลังจะประกาศอะไรบางอย่าง พวกเราเงียบเร็ว”
“ลดเสียง ลดเสียงลงก่อนอย่าเพิ่งขายของ”
ชาวบ้านร้องบอกกันและกัน เสียงจอแจของผู้คนค่อยๆลดลงจนเงียบสนิท รอนจึงพูดต่อ
“เมื่อครู่นี้มนุษย์ครึ่งสัตว์เผ่าลิงได้ทำการขโมยขุดเอาพืชในไร่นาของหมู่บ้านโอลเซ่นไป เมื่อรวมเข้ากับการก่อเรื่องภายในหมู่บ้านหลายครั้ง ผมจึงตัดสินใจประกาศ” รอนพูดเรียบๆ “นับแต่นี้ไป มนุษย์ครึ่งสัตว์เผ่าลิงไม่เป็นที่ต้อนรับในหมู่บ้าน ขอให้ออกจากหมู่บ้านของเราให้หมดก่อนพระอาทิตย์ตกดินเย็นนี้”
เมื่อได้ยินประกาศ คนทั่วทั้งหมู่บ้านเงียบกริบอย่างประหลาดใจ ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงฮือฮาวิจารณ์กัน รอนวางไมโครโฟนลงและดูหน้าจอ Battle Map จุดสีแดงแสดงกลุ่มพวกเผ่าลิงอันกระจายอยู่ตามจุดต่างๆของเมืองต่างออกจากที่พักและลงมารวมกลุ่มบนท้องถนน มุ่งหน้ามาที่กำแพงหมู่บ้านชั้นใน เด็กหนุ่มมองดูกลุ่มนักผจญภัยเผ่าลิงร่วม30คนที่ถืออาวุธตรงมาแล้วเขาก็หันหลังเตรียมลงจากหอคอย
“รอน พวกเราเลี่ยงไม่มีเรื่องไม่ได้เหรอ” แพทถาม
“ไม่ได้หรอกแพท ถ้าเราถอยหนึ่งก้าว พวกนั้นก็จะเดินเข้ามาสองก้าว เราจะไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องซ้ำรอยอย่างที่ผ่านมาอีกแล้วล่ะ” รอนบอกก่อนที่จะเดินกลับลงไป ขณะที่แพทได้แต่ถอนหายใจ
เด็กหนุ่มเดินตรงไปที่ประตูกำแพงชั้นใน ประตูไม้บานใหญ่ปิดอยู่ ที่ข้างประตูมีชาวบ้าน 7-8 คนยืนอยู่
“เป็นยังไงบ้าง” รอนถาม
“พวกนั้นกำลังหัวร้อนอยู่เลยครับท่านรอน” ชาวบ้านที่อยู่ยามบอก
“เปิดประตูครับ” รอนบอก
“เอ๊ะ” ชาวบ้านทัก “แต่ว่า”
“ยังไงเราก็ต้องคุยกับพวกเขา เปิดประตูเถอะครับ” รอนสั่งอย่างสุภาพอีกครั้ง
ประตูบานใหญ่ค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นกลุ่มนักผจญภัยเผ่าลิงที่กรูกันเข้าประจันหน้ากับชาวบ้านที่เฝ้ายามอยู่ด้านใน เบื้องหลังของพวกนั้นคือชาวบ้าน นักเดินทาง รวมทั้งนักผจญภัยอื่นๆที่อยากรู้อยากเห็น
“พวกแกทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง กล้าดียังไงมาขับไล่เราออกจากหมู่บ้าน” นักดาบเผ่าลิงชูดาบในมือคำรามลั่น “พวกแกเจ้าพวกมนุษย์คิดดูถูกเผ่าสัตว์ทั้งหมดใช่ไหม”
“หยุดก่อน เขตกำแพงชั้นใน ห้ามเอาอาวุธเข้ามา” ชาวบ้านที่อยู่เวรยามยกดาบในมือชี้
“หนอย เจ้าพวกมนุษย์ เอาดาบชี้หน้าข้า มันจะมากไปแล้ว”
เคร้ง เคร้ง ฉัวะ!
“โอ๊ย”
“นั่นแกจะทำอะไรน่ะ”
ยามทั้งหลายร้องอย่างเคืองโกรธ ชาวบ้านที่เจอโจมตีใช้มือกุมบาดแผลที่แขน เลือดไหลเป็นทางจากแขนหยดลงสู่พื้นดิน
เหล่ามนุษย์เผ่าลิงต่างลอบยิ้มในใจ
ก่อนนี้พวกมันพยายามซื้อเมล็ดพันธุ์ขอกลับไปปลูกหวังไว้ว่าหากเพาะพันธุ์เครื่องเทศได้ก็จะเริ่มเพาะปลูกมาตีตลาดแข่งกับรอน แต่ที่ผ่านมาเด็กหนุ่มไม่ยินยอม
พวกมันเคยคิดจะแตกหักแต่ก็ไม่กล้า เนื่องจากไม่รู้หัวนอนปลายเท้าหรือผู้อยู่เบื้องหลังร้าน ARMAMENT
แต่หลังจากที่รอนประกาศออกมาว่าผู้ก่อตั้งร้าน ARMAMENT ตายไปแล้ว พวกมันเลยคิดจะหยั่งเชิงเล่นงานดู
ถ้าอีกฝ่ายอ่อนให้ มันก็จะเล่นงานไปเรื่อยๆ ดีไม่ดีอาจจะได้ผลประโยชน์เพิ่มเติม
ถ้าอีกฝ่ายแข็ง อย่างมากพวกมันก็ถอยกลับไปบ้านเกิดอีกฝ่ายตามไปไม่ได้แน่
ที่สำคัญ ยังมี “เรื่องนั้น” อีก
“เฮ้ยไอ้ลิง อย่าทำอะไรบ้าๆนะเว้ย นี่หมู่บ้านของมนุษย์นะเว้ย” นักผจญภัยเผ่าแมวยกมีดในมือชี้อย่างงงๆ
“หุบปากไปเจ้าแมว มนุษย์มันดูถูกเราขนาดนี้เจ้ายังจะเข้าข้างมันอีกเรอะ” มนุษย์ลิงด่ากลับ
รอนเดินไปดูบาดแผลของชาวบ้านคนนั้น จากนั้นตรงไปที่มนุษย์ลิง
“วางอาวุธ” รอนสั่งพร้อมกับชักดาบมาถือไว้ในมือเดินตรงเข้าหา
“ข้าไม่วาง เจ้าจะทำไมไอ้เด็กโง่” มนุษย์ลิงบอก “แกขับไล่พวกเราอย่างไม่เห็นหัว ความแค้นนี้ต้องล้างด้วยเลือดเท่านั้น”
เคร้ง!
ดาบในมือของมนุษย์ลิงหลุดลอยกระเด็นออกไป มนุษย์ลิงมองตามดาบที่หลุดมือก่อนจะหันกลับมามองหน้ารอนด้วยใบหน้าพิศวง
“ใช่ เลือดต้องล้างด้วยเลือด”
ฉัวะ!
ศีรษะของมนุษย์ลิงหลุดออกจากบ่า ร่วงหล่นลงสู่พื้น
“มนุษย์เผ่าลิงยกกำลังโจมตีชาวบ้านโอลเซ่นในพื้นที่กำแพงชั้นในจนบาดเจ็บ ตัวการที่ทำร้ายชาวบ้านได้ถูกจัดการแล้ว”
เด็กหนุ่มยกมือขึ้นชี้ไปหาพวกที่เหลือ
“คนที่เหลือ พกพาอาวุธบุกรุกพื้นที่ชั้นใน จงวางอาวุธและยอมแพ้ซะ”