Midterm Fantasy - ตอนที่ 220
“อ้วกกกกก แหวะ แหวะๆ” รอนโก่งคออ้วกอยู่ที่ในเต็นท์พยาบาล โดยมีเจนัสยืนอยู่ข้างๆลูบหลังให้
รอนยิ่งคิดยิ่งสยดสยอง ตอนที่เปิดใช้ฟังก์ชั่นนักรบคลั่งนั้น ความคิดของเขาเหลือเพียงแต่การเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้ และในเมื่อเขาไม่ได้นำเอาอาหารติดตัวไปด้วยเพื่อฟื้นฟูพลัง พอฆ่าศัตรูได้ก็เลยกินหัวใจศัตรูเข้าไปเพื่อเพิ่มพลังชีวิตของตัวเอง เขาทำลงไปได้ยังไงกัน
“อ้วกกกกก” รอนโก่งคออ้วกต่อ เจนัสเดินออกไปเพื่อหยิบขวดน้ำมาให้
“รอนล่ะคะ” แพทที่ยืนรออยู่ด้านนอกถาม “กำลังอ้วกอยู่ค่ะ น่าจะเพราะเมื่อกี้เค้ากิน ….” เจนัสชะงักแล้วพูดเสียงเบาลง “หัวใจคนเข้าไป” แพทพยักหน้ารับโดยไม่แสดงสีหน้าตกใจหรือแปลกใจมากนัก ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่รอนมีสภาพแบบนี้ คงต้องใช้เวลาสักพัก
เจนัสถือขวดน้ำเดินกลับเข้าไปข้างใน ส่วนแพทยืนรีรออยู่ด้านนอก หรือเธอจะลองแบบครั้งก่อนๆที่รอนสติแตกแบบนี้ ทุกครั้งที่เธอปลอบเขาด้วยจุมพิตและอ้อมกอด เขาก็จะค่อยๆสงบลง
เสียงอาเจียนเว้นช่วงลงอีกครั้ง แพทเปิดผ้าใบเต็นท์เข้าไปแล้วก็ชะงัก รอนในตอนนี้ถูกดึงเอนศีรษะเข้าไปซบในอ้อมกอดของเจนัส หญิงสาวกอดและลูบศีรษะเบาๆ ปากพูดปลอบให้จิตใจของเด็กหนุ่มสงบลง
แพทค่อยๆเลื่อนผ้าใบปิดลง รู้สึกจี๊ดขึ้นมาในหัวใจเมื่อเห็นคนที่ตนรักอยู่ในอ้อมกอดของผู้หญิงอีกคน
เด็กสาวสับสนไม่รู้จะทำอย่างไร แน่ล่ะ เธอไม่ต้องการให้ใครมาแบ่งเอาความรักไป แต่ว่าเจนัสก็รักรอนอย่างจริงใจ รักถึงขนาดที่สละชีวิตตนเองเพื่อช่วยเหลือเธอ เพราะเห็นว่าเธอเป็นคนที่รอนรัก
“คุณหนู” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นปลุกให้แพทตื่นจากภวังค์
“ลุงบัว!” แพทขานรับ
“คุณหนูปลอดภัยดีนะครับ”
“ค่ะ ปลอดภัยดี แล้วนี่ลุงบัวมานี่ได้ยังไงคะ”
“หลังจากที่สัญญาณโทรศัพท์ดับไป คุณผู้ชายเลยส่งผมมาที่นี่ให้มาคุ้มกันคุณหนูครับ นึกไม่ถึงเลยว่าที่นี่จะถูกโจมตียับเยินขนาดนี้” ลุงบัวบอกด้วยใบหน้าที่ไม่สบายใจ “ผมน่าจะมาให้เร็วกว่านี้ ถ้าไม่ใช่ว่าติดขัดระหว่างทางล่ะก็…”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตอนนี้แพทก็ปลอดภัยดีแล้ว” เด็กสาวบอก
ผู้กองเฌอมาลย์เดินเข้ามา
“คุณแพท สวัสดีค่ะ รอนอยู่ไหมคะ” ผู้กองสาวถาม
“อยู่ค่ะ แต่ตอนนี้พักฟื้นอยู่ข้างใน ยังไม่หายช็อคจากเหตุการณ์เท่าไหร่” แพทตอบ “นี่ผู้กองบาดเจ็บเหรอคะ”
“นิดหน่อยค่ะ นี่ยังดีที่ได้คุณบัวดำช่วยไว้ ไม่งั้นคงแย่แน่” ผู้กองกล่าว แพทหันไปมองอย่างแปลกใจ
“คือที่ผมมาช้าเพราะว่าระหว่างทางไปเจอผู้กองกับตำรวจคนอื่นกำลังยิงต่อสู้กับแก๊งเมษาอยู่ ผมเลยช่วยจัดการไปน่ะครับ”
“จัดการ?”
“ครับ พวกมันทิ้งสไนเปอร์ซุ่มยิงไว้ตามตึกต่างๆ ผมเลยเสียเวลาไล่เคลียร์ทีละคน เลยมาช้าไปหน่อยน่ะครับ”
ผู้กองเฌอมาลย์ริมฝีปากกระตุกทีนึง ลุงบัวพูดแบบธรรมดาง่ายๆ แต่ว่าในความเป็นจริงลุงบัวเอาปืนไรเฟิ่ลจากตำรวจมาซุ่มยิงเก็บมือปืนฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายตรงข้ามที่ซุ่มโจมตีตำรวจจนเคลื่อนกำลังไม่ได้ หนำซ้ำ มือปืนบางคนที่ซุ่มอยู่โดยยังไม่เริ่มโจมตี แต่ก็ยังเจอลุงบัวหาตัวเจอตามไปเก็บจนเรียบ
ถ้าไม่ใช่ลุงบัวจัดการ ตอนนี้อาจจะมีตำรวจตายไปอีกมาก
รอนเดินออกมาจากเต็นท์ สีหน้าดูดีขึ้น
“ลุงบัวมาเหรอครับ” รอนเอ่ยขึ้น “ความเสียหายของเราเป็นยังไงบ้างครับ”
“พวกเราตาย 91 ทีมสีเหลืองหนักที่สุด คนที่มาเดินห้างตายไป 10 กว่าคน” ลุงบัวตอบ “ส่วนฝ่ายตรงข้ามตายอย่างน้อย 400 กว่าคน จับเป็นได้ 52 คนตัวเลขยังไม่นิ่ง ส่วนของตำรวจผมไม่ทราบ”
ผู้กองเฌอมาลย์ไม่ตอบอะไร เพราะตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้ตัวเลขที่ชัดเจน แต่ที่แน่ๆก็คือจำนวนตัวเลขความสูญเสียของที่ห้างนี้ต่ำกว่าจุดที่เกิดความไม่สงบอื่นๆแน่นอน
ยามพวกนี้นี่ฝึกกันมายังไงกันนะ!
“คุณรอนครับ ตอนนี้นายท่านให้คุณพ่อคุณแม่ของคุณหลบออกจากบ้านก่อน” ลุงบัวรายงาน “ตอนนี้ทั้งสองท่านอยู่ที่โกดังบริษัทรุ่งโรจน์”
“ขอบคุณครับ”
รอนเดินออกมาด้านนอก เหล่ายามที่พักเหนื่อยอยู่ลุกขึ้นแสดงความเคารพ สายตามองไปที่ท่านประธานตรงหน้าอย่างเคารพเทิดทูนจนรอนรู้สึกได้
“ทำไมทุกคนถึงได้ทำหน้าแบบนี้กันครับ …” รอนกระซิบถามงงๆ
“ตอนที่ผมมา ผมบอกทุกคนที่นี่ว่าไม่ต้องเป็นห่วงว่าครอบครัวจะถูกโจมตี และปลอบทุกคนว่าแม้แต่พ่อแม่ของคุณรอนก็ไปอยู่รวมกับครอบครัวของพวกเขาโดยให้กำลังที่เหลืออีก 7 กองร้อยของบริษัทคุ้มครองอยู่” ลุงบัวบอก
เหล่ายามทั้งหลายล้วนแล้วแต่เป็นชาวแก๊งมาก่อน พวกเขาหันเหเข้าสู่เส้นทางนี้เนื่องจากความจำเป็นและทำเพื่อครอบครัว ดังนั้นครอบครัวจึงสำคัญที่สุด
ท่านประธานไว้วางใจ ถึงกับให้พ่อแม่ไปอยู่กับครอบครัวของพวกเขา ไม่แบ่งแยกกำลังที่จะคุ้มครองครอบครัวพวกเขาออกไป ไม่แยกกำลังเพื่อยกมาช่วยที่นี่ บ่งบอกว่าเป็นผู้นำที่เห็นแก่ลูกน้อง ไม่เสียทีที่พวกเขาติดตามและมอบชีวิตให้
แถมคุณรอน ยังกล้าหาญเข้มแข็ง ด้วยตัวคนเดียวสู้กับศัตรูได้นับร้อย บุกฝ่าขึ้นไปช่วยคุณเจนัสด้วยตัวคนเดียวและจับเชลยได้อีกมากมาย
ไม่เสียทีที่ติดตาม!
“ตอนนี้คนของทั้งสามทีมลดลงไปมาก ลุงบัวไม่เอากำลังมาเสริมเหรอครับ” รอนถาม
“ไม่ล่ะ ที่ผมไม่เอา 7 กองร้อยนั่นมาเพราะว่าพวกที่เหลือมันไม่เคยฝึกมาก่อน อาวุธก็ไม่มี เกราะก็ไม่มี ขืนเอามาก็มาเป็นตัวถ่วงเปล่าๆ ถ้ามันเคยฝึกพิเศษมาก่อนผมก็ขนมาแล้วล่ะ” ลุงบัวกระซิบเบาๆ ท่ามกลางสายตาอันเลื่อมใสของเหล่ายามที่ไม่รู้ความจริง
ผู้กองเฌอขอตัวไปโทรศัพท์กลับบ้าน รอน แพท เจนัส เดินตรวจดูลูกน้องที่บาดเจ็บ
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง
เสียงปืนดังก้องมาจากที่ห่างไกลชุดใหญ่ รอนมองไปทางท้องฟ้าทางทิศใต้ เขาเห็นกลุ่มควันขนาดใหญ่ลอยขึ้นท้องฟ้า
ที่ไหนกันนะ
“พี่เจนัส เจ้านี่เป็นมือปืนด้ามเงินระดับบัญชาการ มันยังปากแข็งไม่ยอมบอก” เจนลากมือปืนคนนึงมา “แก บอกออกมาเดี๋ยวนี้ แผนของพวกแกคืออะไร พวกแกมากันกี่คน คิดจะทำอะไร”
มือปืนทำท่าลังเลว่าจะตอบดีหรือไม่ หากแต่มันมองหน้ารอนแล้วชะงัก เจ้าหนุ่มนี่ที่เพิ่งกินหัวใจเพื่อนมันไป
รอนมองแววตาของหมอนั่นแล้วขมวดคิ้ว ที่อาเจียนเมื่อกี้ยังมีเศษอะไรติดหน้าเขาอยู่เรอะ เด็กหนุ่มใช้นิ้วลูบปาก … ก็ไม่มีเศษอะไรติดนี่หว่า
เจ้ามือปืนสะดุ้งโหยง ลูบปากแบบนี้ จะกินหัวใจตรูอีกคนเรอะ
“บอกแล้ว บอกแล้ว ผมยอมแพ้แล้ว”
ทั้งหมดเลยได้ข้อมูลว่า มือปืนที่บุกเข้ามาในครั้งนี้มี 1500 คน 200 คนแยกย้ายกันไปตามจุดต่างๆก่อความวุ่นวายและทำให้รถติด ก่อนที่อีก 500 คนนำโดยครูฝึกหลงจิ่งและผู้คุ้มกฎสองคน จะบุกโจมตีห้าง Earth Convention อันเป็นห้างที่ขนาดใหญ่ใกล้กับกรมตำรวจ เป้าหมายเพื่อแสดงแสนยานุภาพและตอบโต้ที่ทางการกวาดล้างคนของแก๊งมัน จัดการแก๊งรุ่งโรจน์ที่แย่งพื้นที่ของมัน เพื่อแสดงให้ทั่วโลกเห็นว่าแก๊งเมษายังมีอำนาจอยู่
“แต่ตอนที่พวกแกโจมตี เห็นพวกแกบอกว่า เป้าหมายอันดับที่ 2 3 4 5 อะไรนี่ มันหมายความว่ายังไง” รอนถาม
เจ้ามือปืนคนนั้นบอกให้ล้วงสมุดออกจากกระเป๋ากางเกงของมัน รอนควักสมุดเล่มเล็กนั้นออกมาดูแล้วก็ต้องตกใจ
ในสมุดเล่มนั้นมีภาพของเขาอยู่ อันที่จริง มีภาพของเขา แพท เจนัส เจน แจน พ่อแม่ของเขา พ่อของแพท ลุงบัว และรูปของหลิวลี่จง มีรูปหนึ่งที่เป็นรูปเด็กสาวที่ในชุดนักบวชที่ได้จากร้านอาม่า หากแต่ว่าเด็กสาวในรูปนั้นไม่ใช่แพท
“ตั่วเจ๊เมษามีบัญชามา แม้ภารกิจครั้งนี้จะทำเพื่อแสดงแสนยานุภาพ แต่เป้าหมายหลักคือการจัดการกับคนในรูป ซึ่งเป็นคนที่เป็นสาเหตุของการล่มสลายของแก๊งเราในหลายพื้นที่” มันบอกต่อ “เจนัส เจน แจน คนทรยศที่ต้องถูกกำจัด , หลิวลี่จง หัวหน้าแก๊งรุ่งโรจน์ที่กล้าท้าทายแก๊งเมษา , รอน แพท หน้ากากดำและผู้ช่วย”
“แล้วสองคนนี้เกี่ยวอะไรด้วย” รอนชี้ไปที่ภาพพ่อของแพท กับภาพเด็กสาวที่เขาไม่รู้จักซึ่งอยู่ในชุดนักบวชที่แพทเพิ่งใส่ไป
“สองคนนี้คือคนที่เคยก่อความวุ่นวายให้แก๊งเมษาทั้งสาขาหลักและสาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อ 30 ปีก่อน คนผู้ชายคือหน้ากากดำคนเก่า ส่วนเด็กหญิงในภาพนั่นคืออารย่าที่เคยถล่มพวกเรามาก่อน แต่เราไม่มีข้อมูลปัจจุบันของมัน แต่พวกเราเชื่อว่าพวกแกทั้งหมดมีความเชื่อมโยงกัน เพราะเด็กแพทนี่ก็ใส่ชุดของอารย่า”
แพทอ้าปากหวอ ขณะที่รอนพยักหน้า แม้เขาจะไม่เคยรู้จักอารย่ามาก่อน แต่จะว่าไปคนในภาพนี้ทั้งหมดต่างมีความบังเอิญเชื่อมโยงอะไรบางอย่าง ไม่น่าแปลกใจที่แก๊งเมษาจะเข้าใจว่าเป็นพวกเดียวกัน
“เอ แต่นี่หน้านี้มันอันดับสอง แล้วอันดับหนึ่งล่ะ” รอนพลิกดูที่แผ่นรองปก “เฮ้ย!”
“อาม่า!”
ภาพของอาม่าสองภาพ ภาพปัจจุบัน และภาพเมื่อสามสิบปีก่อนอยู่ที่หน้าแรก ข้างใต้ระบุว่าเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของแก๊งเมษา! แล้วรอนก็ฉุกคิดได้
“เมื่อกี้แกบอกว่าแกมากัน 1500 คน ถ้าบุกที่นี่ 500 ก่อความวุ่นวาย 200 แล้วอีก 800 ล่ะ” รอนร้องออกมา
“ถูกต้องแล้ว อย่างที่คิดนั่นแหละ” มันตอบ “ความจริงทั้งหมดที่มานี่ 700 คน เป็นตัวหลอกให้ทางการทุ่มกำลังมาที่นี่”
“เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเรา คือหญิงชราคนนั้น บอสลับของพวกแก”
บอสลับ! ฉิบหายแล้ว เข้าใจผิดกันไปหมดแล้ว!
ยังไม่ทันที่รอนจะได้ตกใจไปกว่านี้ ผู้กองเฌอมาลย์ก็วิ่งกระหืดกระหอบมาจากตู้โทรศัพท์สาธารณะ เสียงปืนและระเบิดดังก้องลอยมาในอากาศไกลๆ
“แย่แล้วรอน!”
“เกิดอะไรขึ้นครับผู้กอง”
“เมื่อกี้ชั้นโทรกลับไปหาเฮียเสริฐที่บ้าน เฮียบอกว่ามีกลุ่มคนติดอาวุธเป็นร้อยๆคน รถติดอาวุธอีก7-8คัน บุกเข้าไปที่ซอยบ้านพวกเรา”
“ห๊ะ แล้วมันโจมตีที่ไหนครับ”
“ร้านอาม่า มันถล่มร้านอาม่าอยู่!”