Midterm Fantasy - ตอนที่ 189
“ชื่อแซ่เหรอคะ”
เจนัสทวนคำพูด
ชื่อของเธอถูกแก๊งเมษากำหนดขึ้น ส่วนชื่อจริงเดิมเป็นสิ่งต้องห้ามที่มิให้พูดถึง ซ้ำการที่ต้องอยู่ต่างแดนเป็นเวลานานทำให้แทบไม่ได้ใช้ชื่อนั้น หญิงสาวค่อยๆนึกเค้นมันออกมา
“เฉินอิ้งเยวี่ย ค่ะ” เจนัสบอก “ส่วนชื่อไทยหนูจำไม่ได้”
หญิงสาวตอบไปอย่างไม่มั่นใจเพราะเป็นเธอไม่ได้ใช้ชื่อนั้นมานานมากแล้ว
“แล้วอาเจนัสมีญาติพี่น้องบ้างไหม พอจะนึกอะไรออกไหม แม้แต่ชื่อนามสกุลก็นึกไม่ออกเลยเหรอ” อาม่าถาม
หญิงสาวส่ายหน้า
“จำไม่ได้จริงๆค่ะ เด็กที่ถูกแก๊งจับเข้าไปเป็นนักฆ่า จะถูกล้างสมองด้วยการให้อดหลับอดนอนนานๆ แล้วสะกดจิตใส่ข้อความชื่อนามสกุลจำนวนมากเข้าไป ให้ดูภาพสถานที่ต่างๆแล้วบอกว่าเป็นบ้าน ให้ดูภาพพ่อแม่ปลอมแล้วบอกว่าเป็นพ่อแม่จริง ทำแบบนี้หลายเดือนจนความทรงจำที่เหลืออยู่นั้นไม่อาจบอกได้ว่าอันไหนคือความจริง อันไหนคือของปลอม”
“อย่างเดียวที่เหลืออยู่คือชื่อจีน พวกนั้นเห็นหนูเป็นคนไทย ก็เลยล้างสมองด้วยข้อมูลไทย ไม่ได้แตะต้องกับข้อมูลชื่อแซ่จีน” เจนัสบอก “ของเจนกับแจนแย่หน่อย เพราะจำอะไรไม่ได้เลย”
“แล้วเจนัสไม่ลองหาจากชื่อจีนดูล่ะ” อาม่าถาม
“อาม่าคะ แซ่เฉินนะคะ” เจนัสพูดย้ำ
แล้วอาม่าก็นึกได้ แซ่นี้เป็นแซ่ขนาดใหญ่มาก ถ้าเจนัสจะหาด้วยข้อมูลแค่นี้คงเป็นไปไม่ได้
“นึกไม่ออกจริงๆเหรอว่าเรามีญาติพี่น้องอะไรอีกไหม”อาม่าย้ำ
“เหมือนว่าคุณพ่อจะมีน้องชายค่ะ หนูเคยไปบ้านคุณอากับอาสะใภ้ครั้งนึง จำได้รางๆว่าถนนก่อนจะเข้าซอยมันใหญ่มาก มีคลองตรงกลางว่างโล่งมาก เหมือนว่าวันนั้นที่หนูไปบ้านคุณอา หนูจะออกมาเดินเล่นเด็ดลูกตะขบกินแล้วคุณแม่คุณพ่อหาตัวไม่เจอวุ่นวายพักใหญ่เลย” เจนัสบอก “ความทรงจำที่หนูมีก็ไม่ค่อยปะติดปะต่อค่ะ เหมือนว่าจะเหลือแค่นี้จริงๆ ถามทำไมเหรอคะอาม่า”
หญิงชราดูเหม่อไปพักนึงไม่พูดอะไร ขณะที่หญิงสาวที่ถูกถามเรื่องส่วนตัวก็ให้รู้สึกว่ากำลังคุยกับญาติผู้ใหญ่ใจดีที่ให้คำแนะนำได้ทุกเรื่อง เจนัสค่อยๆเอ่ยปากถามในสิ่งที่รบกวนจิตใจของตนออกมา
“อาม่าคะ อาม่าคิดว่าถ้าหากคนอย่างหนูที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่มีที่มาที่ไป ถ้าหากไปรักชอบกับผู้ชายสักคนนึง แถมเป็นผู้ชายที่อายุอ่อนกว่าหลายปี คนเป็นพ่อเป็นแม่ของฝ่ายชายจะรับได้ไหมคะ” เจนัสถามพลางบิดมือไปมา
“อาเจนัสหมายถึงอารอนใช่ไหม” อาม่ายิงคำถามกลับ
“แอร๊ยะ! อาม่ารู้ได้ไงคะ” หญิงสาวตกใจที่อาม่ารู้ในแวบเดียว
“เด็กโง่ ก็อารอนน่ะเค้าฝากฝังพวกเธอกับอาม่า ดูท่าทางก็มีแต่เค้านี่แหละที่ใกล้ชิดพวกเธอมากที่สุด แล้วแต่ละครั้งที่พูดคุยกันอาม่าก็พอจะดูออกว่าเธอมองเจ้าหนูนั่นยังไง” อาม่าบอก “ว่าแต่เราคิดดีแล้วเหรอ มั่นใจแล้วเหรอ”
“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายยังไงค่ะ แต่ตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยมีใครที่ทำให้หนูรู้สึกแบบนี้มาก่อน จนกระทั่งหนูได้เจอกับเค้า เค้าปกป้องพวกหนู ให้ความช่วยเหลือครั้งแล้วครั้งเล่า ในสถานการณ์ที่คิดว่าต้องแย่แล้วแน่ๆก็เข้ามาช่วยทุกครั้งไป” เจนัสบอก “คุยกันเข้าใจกันถูกคอ และถึงแม้ว่าเขาจะมีเงินทอง มีกำลัง แต่เขาก็ไม่เอาเปรียบและซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกต่อคนที่เขารัก”
“หืม? ยังไงนะ” อาม่าถามอย่างงงๆ
“คือตอนนั้นเราคุยกันเรื่องการคบหาชอบพอ รอนเค้าบอกว่าเขาไม่รังเกียจเรื่องอายุหรือที่มาที่ไปของหนูค่ะ แต่เขาไม่สามารถมาคบกับหนูเพราะว่าเขาชอบหนูแพทอยู่ หนูไม่เคยเจอผู้ชายที่ไหนที่บื้อขนาดนี้มาก่อนเลย” เจนัสบอก
[ไอ๊หยา!!!]
อาม่าเหงื่อแตกพลั่กๆ เด็กสมัยนี้มันไปไกลจนอาม่าตามไม่ทันแล้ว พูดคุยอะไรกันแบบนี้ด้วยรึเนี่ย
“เรื่องบ้านนั้นน่ะ เขาคงไม่ถือเรื่องอายุหรือฐานะหรอก รุ่นปู่ย่าของอารอน ก็คบหากันแบบไม่สนใจคำคัดค้านของพ่อแม่ ตอนที่สองคนนั่นย้ายมานี่ใหม่ๆก็เลี้ยงพ่อของรอนแบบสมัยใหม่ ส่วนพ่อของรอนก็อ่อนกว่าแม่รอนหลายปี แต่งงานแบบธรรมดา ไม่ได้ยึดธรรมเนียมอะไรมากมาย แต่…”อาม่าค้างไว้
“อาม่าไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ หนูแค่ถามเผื่อไว้เฉยๆ” เจนัสบอก “ถึงหนูจะรู้สึกยังไง แต่รอนเค้าก็จริงจังกับแพท หนู
แพทก็หวงอย่างกับอะไร กับพวกเขาสองคนที่มีบุญคุณกับเราทั้งสามคน หนูไม่มีทางเข้าไปแทรกทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาด้วยตัวเองแน่”
อาม่ารับฟังโดยไม่พูดอะไรอีก ภายในสมองครุ่นคิดถึงทางเลือกที่เป็นไปได้หลายๆอย่าง
“อาเจนัส แล้วท่าร่างเพลงมวยที่สอนไปน่ะ ทำได้แค่ไหนแล้ว”
“จำได้หมดทุกท่าแล้วค่ะ หมัดพยัคฆ์คำรณ หมัดกำราบเสือ หมัดนิลพยัคฆ์ ลูกเตะไร้เงา พลองแปดทิศ ทั้งหมดได้แล้วไม่ต่ำกว่า70%”
“ดี ดี ดี” อาม่าชม แล้วก็พูดต่อออกมา “เจนัส”
“ถ้าอาม่าจะให้เธอใช้แซ่หวง สืบทอดวิชาของบ้านอาม่าต่อ จะตกลงไหม”
“อะไรนะคะ?”
“เจนัสก็มาสืบทอดวิชาของบ้านอาม่า ใช้แซ่ของอาม่า เป็นเหมือนหลานของอาม่าอีกคนนึง ต่อไปข้างหน้าไม่ต้องกังวลเรื่องชาติกำเนิดอะไร อาม่าจะเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเราให้เอง” อาม่าบอก “ถึงแม้พวกเราจะรู้จักกันไม่นาน แต่ว่าอาม่าก็พอจะเห็นว่าพวกเธอทั้งสามคนน่ะจิตใจดี ซื่อยิ่งกว่าเด็กๆหลายคนที่อาม่าเห็นแถวนี้ซะอีก ถ้าได้มาเป็นหลานก็คงดีไม่น้อย”
เจนัสพูดอะไรไม่ออก น้ำตาคลอเอ่อขึ้นมา
“เอาล่ะ ต่อจากนี้เธอไม่ได้ชื่อว่า เฉินอิ้งเยวี่ย ต่อจากนี้ไปเธอใช้ชื่อว่า หวงอิ้งเยวี่ย เข้าใจไหม”
“ข ข ขอบคุณค่ะอาม่า”
หญิงสาวเข้าไปกอดหญิงชรา ปากพร่ำบอกขอบคุณอย่างตื้นตัน
ความรู้สึกที่เอ่อล้นขึ้นมาทำให้เจนัสลืมนึกอะไรหลายๆอย่างที่น่าสงสัย ทั้งเรื่องที่อาม่าดูไม่ได้ตกใจกับอดีตที่เธอเคยอยู่แก๊ง กับเรื่องที่จู่ๆอาม่าก็พูดถึงเรื่องอดีตของเธอขึ้นมา
หญิงสาวทั้งสามคนออกไปทำงานแล้ว อาม่าเดินช้าๆไปที่เก้าอี้โยก หยิบเอาเข็มขัดผยุงหลังมาใส่แล้วค่อยๆนั่งเอนหลังลง
“อาม่าคงช่วยเราได้แค่นี้แหละ อาเจนัส อารอน”
แล้วอาม่าก็นั่งโยกเก้าอี้อยู่ที่หน้าร้านไปคนเดียวเงียบๆ
โดยทั้งหมดนั้น ตกอยู่ในสายตาหลายสิบคู่ ที่กำลังซุ่มมองออกมาจากรถตู้สีดำที่จอดอยู่ในซอย