Midterm Fantasy - ตอนที่ 176
“รอน ลูกรู้จักกับผู้หญิงที่อยู่ร้านขายของชำของอาม่าดีเหรอ” พ่อถามที่โต๊ะกินข้าวในตอนเย็น
“จริงด้วยลูก เห็นลูกบอกว่าพาเขาไปฝากทำงาน รู้จักพวกเขาดีแล้วเหรอ”แม่ถาม
“ก็รู้จักประมาณนึงครับ ไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่” รอนบอก
“แบบนั้นไม่ดีนะ การที่เราจะพาคนรู้จักไปฝากทำงานที่ไหนก็ตาม เราควรจะต้องรู้จักเขาดีพอที่จะรับรองว่าเขาคนนั้นจะเหมาะสมกับงาน”พ่อบอก “คนที่รับฝากงานจากเราน่ะ เขาเชื่อใจในตัวเรา ถ้าผิดพลาดไปล่ะก็ความเชื่อใจก็จะหายไป”
“เรื่องนั้นพ่อไม่ต้องเป็นห่วงครับ ทั้งสามคนเหมาะกับงานอย่างแน่นอนครับ” รอนบอกอย่างหนักแน่นจนพ่อและแม่มองหน้ากัน
“เอ้อลูก ว่าแต่ผู้หญิงคนที่มากับลูกเมื่อตอนกลางวันน่ะ ลูกรู้จักเค้าดีแค่ไหน” พ่อเอ่ยขึ้นโดยพยายามทำสีหน้าให้ปกติ
[คุณรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังใช้ Poker Face]
รอนพยักหน้าหงึกๆ ดูเหมือนพ่อกับแม่กำลังสงสัยอะไรบางอย่างอยู่
“พี่เจนัสเหรอครับ” รอนเน้นคำว่า ‘พี่’ “พี่เจนัสเป็นคนที่ผมคุยด้วยมากที่สุดในกลุ่มพี่ๆทั้งสามคนน่ะครับ พี่เค้าเป็นคนช้าๆไม่ค่อยทันอะไร จะไปไหนก็ต้องดึงไม้ดึงมือกัน”
“อือ อย่างนั้นเองเรอะ” พ่อพูด หากแต่แม่หรี่ตาแล้วมอง
“หนูแพทรู้หรือเปล่าว่าลูกรู้จักกับผู้หญิงที่ชื่อเจนัส” แม่ถาม
“รู้สิครับ แพทน่ะเค้าก็บอกให้ผมช่วยทั้งสามคนหางาน” รอนตอบ
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว” พ่อบอก “ลูกเองก็ต้องวางตัวดีๆ อย่าลืมว่าพ่อของแพทเค้าเคยมาคุยกับพ่อกับแม่ที่นี่ รับรู้เรื่องที่ลูกไปขลุกอยู่ที่ห้องของหนูแพทเค้า จะทำอะไรก็ต้องนึกถึงผู้ใหญ่บ้าง” พ่อบอก
“เข้าใจแล้วครับพ่อ” รอนบอก “พ่อกับแม่อย่าคิดมากสิครับ พี่ๆทั้งสามคนนั้นอายุมากกว่าผมตั้ง10ปีนะครับ”
รอนใช้คำว่าพี่ๆทั้งสามคน หากแต่ในจังหวะนั้นเขากลับคิดไปถึงใบหน้าของเจนัส ขณะที่พ่อกับแม่มองหน้ากันแล้วก็พยักหน้ายิ้ม
จริงสินะ อายุต่างกันตั้งเยอะนี่
ทั้งสามคนหันไปกินอาหารต่อ รายการข่าวในโทรทัศน์ตัดภาพไปที่ข่าวต่างประเทศ แล้วก็มีใบหน้าที่คุ้นเคยโผล่ขึ้น
“เอ๊ะ นั่นมันคุณหมอเคนี่นา” รอนร้องขึ้น
“อ้าว รู้จักด้วยเหรอ” แม่บอก “พ่อเร่งเสียงหน่อยสิ”
พ่อกดเร่งเสียงขึ้น เสียงผู้ประกาศดังออกมา
“ในขณะนี้ความพยายามในการเจรจาต่อรองกับผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ยังไม่สำเร็จ โดยทางกองกำลังรักษาความสงบของรัฐบาลยังไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้ ทำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจำนวนหนึ่งยังตกค้างในพื้นที่ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นนายแพทย์ที่มาจากประเทศของเรา” ผู้ประกาศบอก “ทั้งนี้ผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ยื่นคำขาดให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั้งหมดเดินทางออกไปโดยทิ้งวัคซีนที่นำเข้าไปทั้งหมดเอาไว้”
“สำหรับปัญหาการต่อต้านวัคซีนในภูมิภาคนี้เป็นปัญหามานานแล้ว เนื่องจากมีความคลางแคลงไม่เชื่อใจ หลายครั้งจะมีข่าวลือว่าหน่วยแพทย์ที่เข้าไปฉีดวัคซีนนั้นมีสายลับที่แฝงตัวเข้าไปสืบข่าว ทำให้ผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในพื้นที่ใช้เป็นเหตุผลในการขัดขวางการเข้าไปของหน่วยแพทย์ ทางเราก็ขอเอาใจช่วยให้คุณหมอกลับมาได้เร็วๆนะครับ” ผู้ประกาศข่าวสาวบอก
ทั้งสามคนมองดูข่าวนั้นจนจบไป แล้วแม่ก็เอ่ยขึ้นเป็นคนแรก
“คงไม่มีอะไรมั้ง คนเห็นเป็นหน่วยแพทย์ก็คงไม่ทำอะไรล่ะมั้ง” แม่ว่า “มันจะมีที่ไหนที่สายลับแฝงตัวไปกับหน่วยแพทย์”
“ก็ไม่เชิงหรอกครับ ความจริง CIB ของประเทศ UA เคยปลอมตัวเป็นหน่วยแพทย์เข้าไปตรวจรักษาคนในพื้นที่ จากนั้นก็แอบเก็บตัวอย่างDNAของคนในพื้นที่นั้นจนเจอคนใกล้ชิดของหัวหน้ากลุ่มผู้ก่อการร้าย” รอนบอก “จากนั้นก็ใช้ข้อมูลที่ว่าส่งทีมมือสังหารเข้าไปฆ่าผู้ก่อการร้ายครับ”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ” พ่อร้องขึ้น
“ครับ มีทำเป็นสารคดีเลย หลังจากนั้นทีมแพทย์ที่จะเข้าไปฉีดวัคซีนหรือเข้าไปช่วยเหลือก็เลยถูกต่อต้านเป็นพิเศษ เพราะผู้ก่อการร้ายในพื้นที่ไม่มั่นใจว่าทีมที่เข้ามาคือตัวจริงหรือสายจาก CIB ทุกปีจะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ถูกยิงตายเรื่อยๆครับ” รอนบอกขณะที่ตนเองก็กังวล คุณหมอเคจะเป็นไรไหมนะ แต่ว่าข่าวออกแบบนี้คงมีคนไปช่วยแล้วล่ะมั้ง
ตู๊ดๆๆ ตู๊ดๆๆ โทรศัพท์ของรอนดังขึ้น
“รอนใช่ไหม นี่แพรวนะคะ แฟนคุณหมอเคค่ะ”
“คุณพยาบาลแพรว!” รอนนึกออกทันที จริงสินะ หมอเคบอกว่าจะให้เบอร์ของเขาไว้กับแฟนนี่นา
“ช่วยคุณหมอด้วยค่ะ ช่วยเค้าด้วย”
“ใจเย็นๆนะครับ ผมเห็นข่าวแล้ว เป็นข่าวขนาดนี้แล้วคงไม่มีใครกล้าทำอะไรหรอกครับ”
“ไม่ค่ะ เมื่อกี้แพรวเพิ่งคุยกับคุณหมอเค ดูเหมือนจะเกิดเรื่องอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาออกมาไม่ได้” แพรวบอก “ช่วยเขาด้วยนะคะ หมอเคบอกกับแพรวว่าถ้าหากเกิดอะไรขึ้นมารอนจะต้องช่วยเขาได้แน่ๆ”
“ใจเย็นๆก่อนครับ” รอนพยายามปลอบ
“ต้องช่วยให้ได้นะคะ แพรวขอร้อง ไม่อย่างนั้นเด็กในท้องคนนี้จะต้องเกิดมาโดยไม่มีพ่อแน่ๆ”
“อ๊ะ!” รอนร้องขึ้น “คุณแพรวท้องเหรอครับ”
ทั้งพ่อกับแม่หันขวับเมื่อได้ยิน
“อะไรนะลูก”
“เปล่าครับพ่อเปล่าครับแม่”
รอนรีบปฏิเสธแล้วลุกออกจากโต๊ะอาหารขึ้นไปที่ห้องนอนท่ามกลางสายตาสงสัยของพ่อแม่
“หมอเคบอกว่ารอนรู้จักกับคนในวงการนักเลงต่างชาติ ถ้าหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็น่าจะพอช่วยเหลืออะไรกันได้บ้าง” แพรวพูดต่อ
“ใช่ครับ” รอนบอก “ว่าแต่ผมจำได้ว่าคุณหมอเคเดินทางไปพร้อมกับคนคุ้มกันของบริษัทเอกชน คุณแพรวพอจะทราบชื่อบริษัทไหมครับ เผื่อผมจะได้ไปเริ่มค้นหาข้อมูลสถานที่จากทางนั้นได้”
“ค่ะ ชื่อบริษัทรุ่งโรจน์คุ้มภัยซีเคียวริตี้ค่ะ”
“ห๊ะ!”
“ทำไมเหรอคะ?รอนรู้จักบริษัทนี้เหรอ”
“ไม่มีอะไรครับ ผมพอจะรู้จักบริษัทนี้อยู่ เอางี้ครับเดี๋ยวผมจะติดต่อหาทางช่วยดู คุณแพรวใจเย็นๆก่อนแล้วกันครับ”
รอนวางสายลง บังเอิญขนาดนี้เชียวเหรอ แต่จริงสิจะว่าไปตอนที่มีการทดสอบของห้าง เขาไม่เห็นคุณหยางเทียนเลยทั้งๆที่เป็นงานสำคัญแท้ๆ คุณหยางเทียนคงจะเป็นคนนำทีมไปสินะ
ต้องติดต่อคุณหลิวลี่จง
ตู๊ดๆๆ
ตู๊ดๆๆ
คุณหลิวลี่จงโทรมา?
“สวัสดีครับคุณรอน ผมหลิวลี่จงเองนะครับ” หลิวลี่จงบอก “คือ..”
“เรื่องของทีมของหยางเทียนที่ไปต่างประเทศใช่ไหมครับ” รอนถามดัก
“ใช่ครับ นี่คุณรอนทราบแล้วเหรอครับ” หลิวลี่จงชะงัก
“ผมว่าจะโทรหาคุณหลิวอยู่พอดี” รอนบอก
สมกับเป็นคุณรอนแท้ๆ การข่าวดีขนาดนี้ หลิวลี่จงนึก
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้างครับ” รอนถาม “ผมได้ยินจากในข่าวว่าไปตกค้างในพื้นที่แล้วออกมาไม่ได้”
หลิวลี่จงเลยเล่าเรื่องให้ฟัง
ขบวนที่หมอเคไปด้วยมีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ไป 6 คน มีหยางเทียนและคนของบริษัทรุ่งโรจน์อีก 10 คนเดินทางไปด้วย นอกนั้นคือตำรวจคุ้มกันอีก 20 นาย
หากแต่ว่าเมื่อเดินทางเข้าพื้นที่ยึดครองของฝ่ายกบฏที่มีผู้ก่อการร้ายคุมพื้นที่ ตำรวจที่คุ้มกันต้องถอนกำลังไป ผู้นำชุมชนของพื้นที่นั้นได้มารับช่วงพาหน่วยแพทย์เดินทางต่อไปยังหมู่บ้านต่างๆเพื่อรักษาและฉีดวัคซีนก่อนที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายติดอาวุธจะมาปิดล้อมเอาไว้
“เห็นในข่าวบอกว่าเป็นคนต่อต้านวัคซีนเฉยๆนี่ครับ” รอนบอก “ก็น่าจะยอมถอยออกมาเฉยๆก็ได้นี่นา”
“ทีนี้มันไม่ใช่แค่นั้นสิครับคุณรอน” หลิวลี่จงบอก “พวกผู้ก่อการร้ายสงสัยว่าในรถขนวัคซีนจะมีอุปกรณ์ของ CIB ที่แฝงเข้ามาเพื่อค้นหาผู้ก่อการร้าย เลยต้องการเข้าไปตรวจสอบครับ”
“อย่างนั้นก็ดีสิครับ ก็แค่ยอมให้พวกนั้นยึดรถวัคซีนไปก็จบแล้ว” รอนบอก “พอมันเจอว่าเป็นแค่รถธรรมดาเรื่องก็จบแล้ว”
“ก็ถ้ามันเป็นรถวัคซีนธรรมดาก็ดีสิครับ”หลิวลี่จงบอกอย่างเซ็งๆ