Midterm Fantasy - ตอนที่ 172
“เริ่มได้”
สิ้นคำสั่ง หญิงสูงวัยเดินไปที่หน้าธนาคาร จากนั้นก็ทำท่าทรุดล้มลง
“โอ๊ย”
ยามของบริษัทรุ่งโรจน์เดินเข้าไป
“คุณผู้หญิงเป็นอะไรมากไหมครับ อยู่นิ่งๆสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมจะตามคนมาช่วย” เขากดวิทยุสื่อสาร “ธนาคารชั้นใต้ดิน ผู้มารับบริการหกล้มข้อเท้าพลิก”
“นี่ยาม ห้องน้ำไปทางไหน”
“ชั้นจะมาเปิดบัญชีใหม่ต้องทำยังไง”
“โอ๊ย เจ็บเท้าจริงๆ นี่ใจคอจะไม่ช่วยอะไรกันหน่อยเลยรึไง”
ยามคนนั้นมองสลับไปมา ก่อนที่จะบอกออกไป
“ขออภัยด้วยครับ ตอนนี้คุณผู้หญิงท่านนี้บาดเจ็บ ผมต้องดูแลเธอก่อนต้องขออภัยในความไม่สะดวก” เขายกแขนทำสัญญาณมือ ยามอีกคนเดินมา “เดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่มาช่วยดูคุณทั้งสองให้ รอสักครู่นะครับ”
ยามอีกคนเดินเข้ามาเตรียมรับหน้าคนทั้งสอง แต่แล้วก็มีเสียงเด็กร้อง
“หนูจะหาแม่ หนูจะหาแม่”
หัวหน้าทีมที่ยืนอยู่ด้านในสุดกวักมือ ยามอีกคนเดินไปดูเด็ก จังหวะนั้นเองที่ชายคนนึงทำท่าจะเดินเข้าไปที่หลังหญิงอีกคนแล้วล้วงมือไปที่กระเป๋า
“ขอโทษครับ ขอเชิญตัวคุณไปด้านข้างสักครู่ครับ คุณผู้หญิงครับ ชายคนนี้กำลังจะล้วงกระเป๋าของคุณ ขอเชิญคุณสักครู่นะครับ ทางเราจะติดต่อตำรวจและเรียกวงจรปิดให้” ยามคนนั้นบอก
“ตอนนี้แหละ ไปที่เคาน์เตอร์” เสียงคำสั่งในหูฟังดังขึ้น ชายอีกสองคนทำท่าจะเดินเข้าไปตรงเคาน์เตอร์เงิน แต่ก็ต้องชะงักเพราะมียามคนนึงเดินมาแตะหลัง
“ขอโทษนะครับ ตรงนี้ห้ามเข้าครับ” ยามบอก
“เฮ้ย เราล่อเจ้าคนนี้ให้ออกไปดูเด็กหลงทางแล้วนี่นาทำไมมันกลับมาได้”
“โธ่เว้ย เจ้าคนนี้มันไม่ได้พาเด็กออกไป มันพาเด็กไปให้หัวหน้ายามดูแลแล้วเดินกลับไปตำแหน่งเดิม”
ผู้คุมการทดสอบทุบกำปั้นอย่างหัวเสีย
การทดสอบที่ทำขึ้น จะดูการตอบสนองต่อสถานการณ์ และจะมีจุดสำคัญก็คือจะมีจุดสำคัญ 2 จุดที่จะต้องมียามคอยเฝ้าไว้เสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
คิดไม่ถึงว่าขนาดสร้างสถานการณ์ติดๆกันขนาดนี้ ยามรักษาความปลอดภัยทั้งหมดยังทำหน้าที่ได้
“หัวไวดีจริง แทนที่จะดูแลเด็กตรงด้านนอก กลับพาเด็กเข้าไปด้านใน จะได้เฝ้าพื้นที่ไปด้วยและดูแลเด็กไปด้วย” เสี่ยจรัญชมขณะที่ดูทางวงจรปิด “ดูเหมือนคนของคุณทุกคนจะทำงานประสานกันได้ดี ใช้สัญญาณมือสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องพูดให้เสียบรรยากาศภายในธนาคารนะ”
“แต่เมื่อครู่นี้ก็เกือบเปิดช่องว่างให้คนเดินเข้าไปในเคาน์เตอร์นะครับเสี่ย” สุริยะแย้ง
“นั่นมันก็จริง แต่ก็ช่วยไม่ได้นะเพราะมีเหตุพร้อมๆกัน” เสี่ยจรัญพูดแล้วก็หรี่ตา “จะว่าไป ผมว่าเหตุจำลองที่เกิดที่ธนาคารบริษัทรุ่งโรจน์ดูแลนี่มันเกิดถี่ผิดปกติมากเลยนะคุณว่าไหม”
เสี่ยจรัญหรี่ตามองดูสุริยะที่ทำท่าไม่รู้เรื่อง ขณะที่หลิวลี่จงมองหน้าจออย่างใจเย็น
สถานการณ์จำลองเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หมาหลุด แมวหลุด เด็กหลง คนอาเจียน คนเมา ท่อน้ำรั่ว สารพัดประดังประเดเข้ามา ขณะที่ผู้จัดการธนาคารยืนหน้าถอดสีถือป้าย “ซ้อมรักษาความปลอดภัย”
ซ้อมบ้านบิดาท่านเถอะ!
นี่มันไม่ใช่ซ้อมแผนแล้ว! นี่มันหายนะชัดๆ! อะไรมันจะเกิดเรื่องถี่ขนาดนี้
“เจน นี่ไงธนาคาร” แจนบอก
“โอ้ ในที่สุด ในที่สุดเราก็เจอธนาคาร” เจนร้องออกมา
สองสาวเดินหลงทางอยู่ในห้าง 1 ชั่วโมงครึ่ง กว่าจะหาทางลงมาที่ชั้นใต้ดินนี้จนเจอธนาคาร
ทั้งสองเดินไปกดบัตรคิวแล้วออกมานั่งรอเรียก
จังหวะนั้นเองที่ผู้จัดการธนาคารยกป้ายชูป้ายใหม่และประกาศออกไมค์
“เรียนท่านผู้มาใช้บริการทุกท่าน อีกสักครู่ทางธนาคารจะมีการซ้อมแผนการปล้นธนาคาร ขอให้ทุกท่านอยู่ในความสงบ เราจะใช้เวลาซ้อมประมาณ 10 นาทีครับ ขอบคุณครับ”
ป้าย [ซ้อมแผนปล้นธนาคาร] ถูกชูขึ้น จากนั้นชาย 5 คนในชุดลายพราง สวมหมวกถุงน่องก็เดินตรงมาถือ ปืนลูกซอง และปืนพก เดินผ่านกำแพงกระจกหน้าธนาคาร
“เฮียสุ่ย เห็นเหมือนผมไหม” ยามคนนึงร้อง
“ปืน แล้วก็ในกระเป๋านั่นด้วย” เฮียสุ่ยบอก “อาหง!”
“ครับ” อาหงกดโทรศัพท์มือถือทันที
ตู๊ดๆๆๆ
“ไง” หลิวลี่จงรับสาย
“พี่ใหญ่ครับ ข้างนอกนั่น พวกนั้นใช้อาวุธจริงครับ” อาหงรีบบอก
“เอ๊ะ เสี่ยจรัญ ทีมที่มาทดสอบใช้อาวุธจริงด้วยเหรอ ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องมาก่อน” หลิวลี่จงร้องถาม
“คุณพูดอะไรของคุณ”
“ไม่ได้การแล้ว รีบแจ้งตำรวจเร็ว มีโจรปล้นธนาคารจริงๆ” หลิวลี่จงตะโกนลั่น
อาหงกดวางสายแล้วหันไปที่ทางเข้า โจรทั้งห้ากำลังเดินเข้ามา
ปัง!
เพล้ง!
กระจกเพดานแตกกระจาย เศษกระจกกระเด็นถูกลูกค้าธนาคารหลายคน
“แง๊!!!!!”
“นี่ จะซ้อมแผนอะไรของพวกคุณน่ะ ดูสิ กระจกกระเด็นโดนเด็กทารกเห็นไม๊” แม่เด็กร้องขึ้นอย่างไม่พอใจ
“เงียบ ไปนั่งนิ่งๆตรงโน้น นี่คือการปล้น”
“ไม่เงียบ ชั้นจะเอาเรื่องพวกแก”
“เงียบไปซะนังโง่”
“แก๊ ”
สองฝ่ายโต้ตอบด้วยวาจา เฮียสุ่ยร้องบอก
“คุณผู้หญิงครับ ใจเย็นๆก่อนครับ อีกฝ่ายมีอาวุธครับ” เขาชูมือสองข้างขึ้นเหนือศีรษะแล้วเดินเข้าไป ขณะที่โจรที่กำลังร้อนใจเริ่มโมโหและหันปืนไปทางแม่และเด็ก
“ชั้นไม่เงียบ พวกแกมาซ้อมแผนแล้วทำลูกค้าเจ็บอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน ไอ้พวก…”
ปังปังปัง
เป้งเป้งเป้ง
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด”
โต๊ะพับโลหะถูกยกขึ้นป้องกันขณะที่เฮียสุ่ยโถมกายเอาร่างไปบังแม่คนนั้น เสียงกรีดร้องดังขึ้นทั่วธนาคาร เพราะโต๊ะเหล็กตัวนั้นมีประกายไฟวาบก่อนที่จะมีรอยบุบเกิดขึ้น
“ลูกค้าทุกคนอยู่ในความสงบครับ นี่ไม่ใช่การซ้อมครับ เรากำลังถูกปล้นจริงอีกฝ่ายมีอาวุธจริง” เฮียสุ่ยยกมือขึ้นเหนือศีรษะ “พวกเราไม่มีอาวุธ อย่าทำร้ายคนเลยครับ”
“ทุกคนชูมือขึ้น ถ้าใครใช้โทรศัพท์พ่อจะยิงไส้แตกให้หมด เฮ้ย ไอ้นั่นที่โทรอยู่โยนมือถือลงพื้นซะ”
โจรคนแรกตบหน้าชายคนนึงที่คุยโทรศัพท์ค้างไว้จนโทรศัพท์ตกแตก ลูกค้าทุกคนต่างตื่นตกใจชูมือขึ้น
โจรทั้ง 5 พยักหน้าแล้ว1คนเฝ้าทางออก 4คนตรงไปที่เคาน์เตอร์เพื่อเตรียมกวาดเงิน ขณะเดียวกันเฮียสุ่ยส่งสัญญาณมือให้ลูกทีมทั้ง 4 ยามทั้ง 4 คนค่อยๆลุกขึ้นแล้วกันลูกค้าให้หลบไปอยู่ที่มุมห้อง
นโยบายของธนาคารเวลาเจอปล้น จะไม่ให้เข้าไปสู้ เพราะถ้าเกิดการต่อสู้แล้วลูกค้าเสียชีวิต ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะมากเสียยิ่งกว่าธนาคารถูกปล้นเสียอีก หน้าที่ของยามในเวลานี้ก็คือการควบคุมลูกค้าไม่ให้ไปทำอะไรเสี่ยงๆและไม่ไปขวางทางเข้าออกเวลาโจรจะหนี
“โกยเงินมาให้หมด” โจรคนแรกสั่ง ชี้ไปที่พนักงานที่กำลังตกใจอยู่ “รีบซะ ถ้ายังไม่อยากตาย”
พนักงานสาวมือสั่นอย่างหวาดกลัว โจรมองดูเงินในนั้นแล้วขมวดคิ้ว เพราะภายในนั้นมีเงินไม่กี่ปึก
“เฮ้ย ทำไมมีแค่นี้เองวะ” โจรคำราม “เฮ้ย พวกมึงกล้างุบงิบ อยากตายรึไง”
“ธนาคารสาขาในห้าง มีเงินสดไม่เกินสองล้านบาทครับ” ผู้จัดการสาขารีบบอก
“แค่สองล้าน!” พวกโจรร้องขึ้นก่อนจะทำหน้าตาบอกไม่ถูก นี่พวกมันปล้นธนาคารเป็นเรื่องใหญ่โตนี่เพื่อเงินที่แบ่งกันได้คนละไม่กี่แสนเองเหรอ ถ้าอย่างนั้นล่ะก็
“แก แกถือถุงเงินมาแบบนี้คงมีเงินเยอะแน่ เอามา” โจรชี้ปืนไป เฮียสุ่ยเหงื่อแตกตกใจ คนที่มาธนาคารไม่ได้ซ้อมเวลาเจอโจรปล้น พอเจอขู่เอาเงินในธนาคารก็จะมีไม่น้อยที่จะขัดขืน … ถ้าลูกค้าไม่ยอมล่ะก็ …
“เอาไป”
ห่อเงินถูกโยนลงไปที่พื้น ลูกค้าหญิงคนนั้นทิ้งถุงเงินและชูมือขึ้นอย่างไม่ลังเล เหล่ายามต่างแปลกใจ แต่ก็ดีแล้วแหละแบบนี้จะได้ไม่มีใครเจ็บตัว
“พี่แจน…” เจนกระซิบ “พวกมันมีห้าคน”
“อือ ปล่อยไป ถ้าเราจะจัดการต้องยิงแบบหยุดยั้ง ต้องมีคนตาย จะเป็นเรื่องเปล่าๆ” แจนตอบ
หญิงสาวทั้งสองจับจ้องมองโจรทั้ง5 ตัดสินใจไม่ทำอะไรเพื่อจะได้ไม่เกิดเรื่องตามหลัง พวกโจรรีบจี้เงินจากลูกค้าที่มาฝากเงินทีละคนอย่างเร่งร้อน
“อย่า อย่า ชั้นต้องใช้เงินนี่จริงๆขอร้องล่ะ” หญิงวัยกลางคนยื้อแย่งกระเป๋า
“พี่ แย่แล้ว ไอ้ยุทธโทรมาบอกว่าตำรวจแก่มากันแล้ว”
“เป็นไปได้ไงวะ พวกมันน่าจะนึกว่าเราซ้อมกันนี่หว่า” หัวหน้าโจรบอก มันมั่นใจว่าตั้งแต่เข้าธนาคารมา มันไม่เห็นใครโทรศัพท์เลย คนสุดท้ายที่โทรศัพท์ก็คือยามคนนึงที่โทรตั้งแต่ก่อนพวกมันจะเข้ามาด้วยซ้ำ แถมพอเข้ามาก็กดวางไปแล้ว
“อย่าเอาเงินชั้นเลย ขอเถอะ” หญิงคนนั้นยังดึงอย่างสิ้นหวัง ขณะที่โจรต่างลนลานเพราะรู้ว่าตำรวจกำลังมา
“เฮ้ยอีนี่เรื่องมากนักเหรอ จะถ่วงเวลาให้ตำรวจมาจับพวกข้าใช่ไหม” มันฟาดปืนเข้าตบหน้าหญิงคนนั้นจนล้ม “เงินนี่เงินกู มึงจะถ่วงเวลาให้ตำรวจลากกูเข้าคุก อีสารเลว เอาลูกปืนไปกิน”
ปืนพกวาดเข้าใส่หญิงคนนั้น ยามที่ชื่ออาหงโถมกายเข้าขวางให้ลำตัวของตนเองทางปืน
ปังปังปัง
“อั่ก” อาหงร้องอย่างเจ็บปวด แม้ว่าจะใส่เกราะอ่อนกันกระสุน แต่แรงอัดระยะใกล้ก็ทำให้เจ็บจนลุกไม่ขึ้น
“พวกเราไปโว้ย มึงสองคน เอานังนั่นเป็นตัวประกัน” หัวหน้าโจรบอก
“คนไหนพี่” ลูกน้องโจรร้อง
“ก็อีคนที่ยอมเอาเงินให้เราง่ายๆนั่นไงไอ้โง่” หัวหน้าโจรร้อง “ถ้ามันยอมให้เงินเราง่ายๆแปลว่ามันกลัว มันไม่กล้าสู้หรอก”
หัวหน้าโจรและลูกน้องรวมสามคนพุ่งไปที่ทางออกที่ยามเปิดทางไว้ให้ ขณะที่อีกสองคนชักปืนจี้ไปที่เจนและแจน
“มึงสองคนมานี่ ไม่งั้นมึงตาย”
มืออันหยาบกร้านเถื่อนโหดกุมเข้าไปที่ข้อมืออันขาวนุ่ม มันรับสัมผัสที่มือนั้นอย่างพึงพอใจได้เพียงไม่เสี้ยววินาที ข้อมือเล็กเนียนนั้นก็รูดหลุดลง เจ้าโจรหันมองข้อมือที่หลุดออกอย่างฉุนเฉียว จนไม่ทันสังเกตว่ามืออีกข้างของหญิงสาวนั้นพุ่งเข้าหามือที่ถือปืนของมันอยู่
“เฮ้ย มึงสู้เรอะโอ๊ย”
ข้อมือและศอกถูกบิดงอจนแรงกำมือหายไป มันพยายามเหนี่ยวไกแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่านิ้วชี้ของมันไม่สามารถเหนี่ยวไกได้จากตำแหน่งข้อมือที่กระดกขึ้น
แล้วสันมือขาวๆก็พุ่งเข้าที่ปลายคาง
พล๊อค
โจรคนนั้นล้มลงอย่างมึนงง โลกรอบตัวหมุนไปหมดตามด้วยเสียงดัง
ตุ๊บ
“อ้ากกกกกก”
ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ
“โอ๊คคคคค”
เจนเตะผ่าหมากซ้ำไปหลายทีจนแน่นิ่ง ขณะที่อีกด้านนึงแจนแย่งปืนมาถือในมือได้แล้ว ส่วนโจรนั้นชักมีดมาถืออย่างเสียงขวัญ แจนชูปืนเล็งร้องตะโกน
“วางมีด! วางมีด! วางมีดเดี๋ยวนี้!” แจนร้องตะโกน
“อย่าเข้ามานะ อย่า!” มันชูมีดอย่างเสียขวัญ
“วางมีด! วาง วาง วาง!” แจนร้องไม่หยุด ตาจับจ้องที่โจรขณะที่มือซ้ายยกขึ้น นิ้วมือโบกสลับไปมาเป็นสัญญาณจนยามทุกคนเอะใจ เฮียสุ่ยหัวหน้าทีมยามอ้อมไปด้านหลังโจรคนนั้น
“วางมีด วาง วาง วาง!”
“อย่าเข้ามา กูมีมีด กูมีอั่ค!” มันร้องอย่างเจ็บปวดและจ้องมองดูมือขวา มีดในมือเมื่อครู่กระเด็นไปที่พื้นแล้ว
“สกรัม!”
ตุบตั่บตุบตั่บตุบตั่บ
ขณะที่ยามกำลังรุบกระทืบ หญิงสาวทั้งสองก็เคลื่อนตัวไปอยู่ในตำแหน่งหน้าทางเข้า
“เคลียร์!”
“เคลียร์”
“ยาม! หนึ่งคนวอแจ้งสถานการณ์ โจรสามคนพร้อมปืนมุ่งหน้าไปบันไดเลื่อนขึ้นชั้นพื้นดิน เคลียร์เส้นทางด้วย” แจนสั่ง “สองคนคุมตัวคนร้าย อีกหนึ่งคนตรวจคนเจ็บแล้วตามรถพยาบาล”
“ทุกคนถอยไปด้านในก่อนค่ะ รอจนตำรวจมาก่อน” เจนร้องบอกลูกค้า “แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เราคุมสถานการณ์ได้แล้ว”
สุริยะ เสี่ยจรัญ และหลิวลี่จงนั่งอ้าปากค้างหน้าจอวงจรปิด
“ผู้หญิงสองคนนี้เป็นใคร”เสี่ยจรัญถาม
“ส สองคนนี้คือสาวๆคู่ควงของประธานบริษัทคุณไม่ใช่เรอะ”สุริยะบอก
แล้วชายทั้งสองก็หันไปมองหลิวลี่จงพร้อมๆกัน ทำไมคู่ควงของประธานถึงได้มีฝีมือแบบนี้
“ผมลืมแนะนำไป ผู้หญิงทั้งสามคนนั้นที่ท่านประธานพามา” พี่ใหญ่หลิวบอก “ คือหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยของเราครับ”