Midterm Fantasy - ตอนที่ 155
ครืดดดดดดด
เสียงเลื่อนของกล่องลังอันหนักอึ้งไถลลงไปตามบันไดพุ่งใส่หญิงสาวที่อยู่ด้านหลัง เธอร้องอุทานเพียงครั้งเดียวก่อนจะตั้งสติออกแรงยันไว้ หากแต่น้ำหนักที่พุ่งเข้ามาทำให้เธอรู้ว่าในอีกเสี้ยววินาทีถัดไปเธอจะต้องโดนมันไหลลงมาทับแน่
เจนัสตัดสินใจใช้มือผลักลังนั้น ยืมแรงจากลังที่ไหลลงดีดร่างพุ่งกลับไปด้านล่าง หญิงสาวพุ่งลงไปถึงด้านล่างและเตรียมกระโดดหลบต่อ แต่แล้วก็ต้องเจ็บแปลบที่ข้อเท้า
“อ๊ะ”
หญิงสาวล้มลงที่เชิงบันได กล่องลังใบใหญ่ไหลพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ระวังครับ!”
ร่างของรอนพุ่งข้ามลังใบนั้นลงมาที่พื้น รวบกอดร่างของเจนัสหมุนหลบออกนอกทิศทางพุ่งชนของลัง ร่างของทั้งสองหมุนกลิ้งกอดไปตามพื้นถัดไปเล็กน้อย
ตึง!
ลังพุ่งเข้าชนกับผนังก่อนจะหยุดนิ่ง พลาสติกที่หุ้มไว้ปริออกมาเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับขาดหลุด เด็กหนุ่มมองแล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เมื่อกี้ถ้าเขาใช้วิธีดึงลังจากด้านบน หรือเอาตัวเข้าไปขวาง มีหวังลังที่หุ้มพลาสติกไว้ต้องฉีกขาดของไหลออกมาแน่และถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็เอาข้ามไปโลกโน้นไม่ได้
“เอ่อ” เสียงของเจนัสดังขึ้นจากใต้ร่างของรอน ทำให้เด็กหนุ่มหันหน้าขวับอย่างไม่ทันคิด “อ๊ะ!!!!”
ตาสองตาประสานกัน ลมหายใจอุ่นๆของหนุ่มสาวทั้งสองรดใบหน้าของกันและกันที่ระยะห่างไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร แล้วรอนก็รู้สึกได้ว่าเขากำลังนอนทับ … นอนทับร่างของเจนัสอยู่
“ขอโทษครับ อ๊ะ!” รอนพยายามยกตัวขึ้นแต่ทำไม่ได้ ตอนที่กอดร่างของหญิงสาวแล้วหมุนกลิ้งมาทำให้มือทั้งสองข้างโดนร่างของเธอกดเอาไว้
ด้วยความร้อนรน หญิงสาวพยายามยกร่างขึ้นแต่แล้วก็เจ็บแปลบที่ข้อเท้าจนร้องออกมาเบาๆ รอนตั้งสติและค่อยๆหมุนร่างของตนและเจนัสกลิ้งไปด้านขวา แล้วค่อยๆเอามือที่ถูกทับออกมา รอนค่อยๆถัดตัวขึ้นนั่งขัดสมาธิแล้วจึงช่วยดึงมือของหญิงสาวให้นั่งตาม
“ขอบใจนะ” เจนัสบอก “ถ้าเธอไม่ช่วยดึงออกมา ชั้นคงโดนลังกระแทกแย่แน่ๆ”
“ไม่เป็นไรครับ” รอนตอบออกไป “ว่าแต่เมื่อกี้คุณร้องออกมา เจ็บตรงไหนไหมครับ”
“เจ็บตรงข้อเท้านิดหน่อยค่ะ ท่าทางจะข้อเท้าพลิก” เจนัสตอบพลางรู้สึกแปลกๆ ทำไมเวลาคุยกัน สายตาของเขาถึงมองไปที่ด้านหลังของเธอแบบนั้น หรือว่า…
หญิงสาวหันหลังขวับทันที เพ่งมองไปด้านหลังที่มีเพียงแสงมืดสลัว ข้างหลังของเธอไม่มีอะไรแต่อย่างใด
“เห?” เจนัสเอ่ยเบาๆ ไม่มีอะไรนี่นา เธอหันกลับมาอีกครั้งและพบว่ารอนยังคงหลบสายตาเธอและมองข้ามหัวไหล่เธอไปอีกครั้ง หญิงสาวหันขวับไปอีกทีเพื่อพบกับความว่างเปล่า
“มีอะไรตรงนั้นเหรอคะ” เจนัสถามแบบหวาดๆ เพราะดูท่าทางของรอนเหมือนอึดอัดสายตาล่อกแล่ก แล้วเธอก็สังเกตว่าในสายตาที่พยายามมองข้ามไหล่ของเธอไปนั้น มีการกระตุกมองลงเล็กน้อย
เจนัสเหลือบมองลงข้างล่างแล้วหน้าแดงก่ำด้วยความอาย เพราะเจ้ากระดุมสองเม็ดบนของเสื้อที่เธอสวมอยู่นั่นมันขาดออกไปแล้ว น่าจะเป็นด้วยเสื้อเก่าเก็บแถมยังตอนที่กลิ้งเมื่อครู่นี้อีก
หญิงสาวเลื่อนมือลงไปที่เสื้อของตน จากนั้นค่อยๆดึงให้เสื้อทบปิดส่วนเนินอกที่เผยออกมา นึกว่าตัวเองถ้ารู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้เมื่อเช้าไม่น่ารีบซักชุดชั้นในไปตากไว้ก่อนเลย เมื่อยิ่งนึกก็ยิ่งอาย เพราะเมื่อครู่ตอนที่กอดกลิ้งกันมานั้น ร่างของเด็กหนุ่มทับกดลงมาบนตัวของเธอเต็มๆ มีเพียงเสื้อบางๆของทั้งสองคนกั้นเอาไว้แค่2ชั้นเท่านั้น
ทั้งเจนัสและรอนต่างหน้าแดงไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่นั่งเงียบๆ
“เดี๋ยวพักสักครู่นึงก่อนแล้วกันครับ ถ้าเริ่มดีขึ้นเดี๋ยวผมช่วยพยุงขึ้นข้างบนเอง” รอนพูดขึ้นทำลายความเงียบ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวช่วยเรียกรุ่นน้องของชั้นลงมาจากข้างบนก่อนก็ได้ แล้วเดี๋ยวให้สองคนนั้นพาชั้นขึ้นข้างบนเอง” เจนัสบอกอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมนั่งรอก่อนแล้วกัน”
“คะ?”
“คือเมื่อกี้ผมก็เจ็บข้อเท้าน่ะครับ เดี๋ยวผมพักสักครู่แล้วกัน”
“อ้าว เจ็บข้อเท้าหรอกเหรอคะ” เจนัสอุทาน “งั้นเหยียดขาออกมาดีกว่าค่ะ นั่งขัดสมาธิแบบนี้เดี๋ยวยิ่งเจ็บกว่าเดิมหรอก”
ในการฝึกของมือปืนแก๊งค์เมษาต้องมีการเรียนรู้เรื่องร่างกายเพื่อเวลาบาดเจ็บจะได้รักษาเบื้องต้นได้ และเธอก็รู้ดีว่าการนั่งขัดสมาธิจะยิ่งดัดข้อเท้าทำให้บาดเจ็บมากขึ้น หญิงสาวพยายามเอื้อมมือจะไปตรวจข้อเท้าของรอนหากแต่เขาเลื่อนมือมาปัดไว้
“ม ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมนั่งอีกซักพักก็หาย”
รอนพูดแล้วก็ค่อยๆขยับตัวหันไปทางอื่น แก้มและหูแดงเรื่อขึ้นกว่าเดิม
“อ๊ะ! ” ถึงตอนนี้เจนัสก็อุทานขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอรู้แล้วว่าที่รอนนั่งไม่ยอมลุกขึ้นเป็นเพราะอะไร ทั้งการสัมผัสจากแรงกดทับลงร่าง กับเสื้อส่วนบนที่กระดุมสองเม็ดบนขาดเปิดออก ทำให้รอนอยู่ในสภาพที่ลุกยืนต่อหน้าเธอไม่ได้
“ขอโทษครับ” รอนพูดเสียงอ่อยๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นอุบัติเหตุแถมก็เป็นเพราะการเข้ามาช่วยชั้นด้วย” เจนัสบอก
แล้วเจนัสก็นั่งนิ่งๆไม่พูดอะไรต่อเพื่อเปิดโอกาสให้รอนได้สงบสติอารมณ์ เด็กหนุ่มนั่งนิ่งๆอีกพักนึงแล้วจึงค่อยลุกขึ้นแล้วก็นั่งลงใหม่
“พี่เจนัส พี่เจนัส” เสียงดังมาจากประตูบันไดด้านบน
“แจน เจน พี่อยู่นี่” เจนัสร้องตอบขึ้นไป
แล้วทุกอย่างก็เงียบไปแป๊บนึง
“พี่เจนัส เป็นอะไรหรือเปล่า”
“พี่เท้าพลิกน่ะ”
“งั้นเดี๋ยวเจนกับแจนลงไปนะ”
หญิงสาวมองหน้ารอนที่ยังดูไม่พร้อมแล้วก็เผลอตอบออกไปโดยไม่ทันคิด
“อย่าเพิ่งลงมา แป๊บนึงนะ”
หญิงสาวรอจนกระทั่งรอนพยักหน้าว่าพร้อมแล้วจึงตะโกนกลับขึ้นไป แล้วหญิงสาวอีกสองคนก็ค่อยๆเดินลงมา
“เท้าเป็นยังไงบ้างพี่” เจนถาม
“ไม่น่าหักนะ น่าจะพลิก” เจนัสตอบ “โอ๊ย แจนบีบแรงอย่างนั้นทำไม เจ็บนะ”
“อ้าว พลิกจริงนี่นา” แจนเอ่ยอย่างแปลกใจ
“ก็พลิกจริงสิ” เจนัสพูดเคืองๆ
แจนรีบโบกมือเป็นพัลวัน “ก็เห็นตะกี้พี่เจนัสบอกให้เรารอข้างบน ก็นึกว่า…”
“ยัยแจน!” เจนัสหน้าแดงร้องขึ้น “เมื่อกี้พี่ทำของหล่นแล้วมันไถลลงมา ข้อเท้าพลิก คุณรอนเค้ามาช่วยพี่ไว้ก็เลยเจ็บขาต้องนอนพักอยู่ พี่เลยบอกให้พวกเรารออยู่ก่อนรอให้คุณรอนเขาลุกขึ้นนั่งให้เรียบร้อยน่ะไม่มีอะไรทั้งนั้นอย่าคิดอะไรไปเองก่อนสิพวกเธอจริงไหมคะคุณรอน”
“จะ จริงครับ” รอนพยักหน้าหงึกๆอย่างมีพิรุธสุดขีด แล้วก็นึกได้
“อ้อ คุณรู้จักชื่อผมด้วย อาม่าคงบอกพวกคุณไปสินะครับ ผมแนะนำตัวแบบเป็นทางการแล้วกัน ผมชื่อรอนนะครับบ้านผมอยู่ในซอยข้างๆนี่เป็นลูกค้าประจำร้านอาม่า ส่วนพวกคุณสามคน…”
“เอ๊ะ!” / “อ้าว!” / “อุ๋ง!”
สามสาวร้องออกมาพร้อมๆกัน เจนตั้งตัวได้คนแรกรีบถาม
“คุณรอนจำพวกเราสามคนไม่ได้เหรอคะ”
“เอ๊ะ พวกคุณ … ขอผมนึกดูก่อนนะครับ” รอนค่อยๆนึก เขามองหน้าเจนกับแจนสลับไปมาแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก จากนั้นรอนก็หันไปทางเจนัส ค่อยๆมองเพ่งพิศใบหน้า มองคิ้ว ตา ริมฝีปาก แล้วก็มองหน้าผาก
“นึกออกแล้ว คุณคือเจนัส มือปืนของแก็งค์เมษา งั้นพวกคุณสองคนก็คือเจนกับแจน ที่มาด้วยกันในคืนนั้น” รอนอุทานขึ้น
“ถถถถ ที่แท้เมื่อวานนี่คุณจำพวกเราไม่ได้” เจนอุทาน “ที่พี่เจนัสเข้าใจว่าคุณไม่เปิดเผยฐานะของพวกเราให้อาม่าฟังก็เพราะต้องการช่วยพวกเรานั่นก็พี่เจนัสคิดไปเองสินะ”
“เจน พอแล้ว” เจนัสร้องห้ามด้วยความอายเมื่อรู้ว่าตนเข้าใจผิดไปเอง “ที่พวกเรามาอยู่ที่ร้านอาม่าเป็นเรื่องบังเอิญค่ะ ตำรวจปล่อยเราออกมาเมื่อวานนี้เพราะพวกเราไม่มีประวัติอาชญากรรมร้ายแรง แต่พวกเราก็กลับแก๊งค์ไม่ได้แล้ว ไม่มีที่ไป ก็บังเอิญเจออาม่าแล้วอาม่าก็ชวนให้อยู่ด้วยน่ะค่ะ”
เจนัสรีบอธิบายทันที เพราะตอนนี้รอนจำได้แล้วว่าพวกเธอคือใคร ถ้าเกิดเขาเอาเรื่องนี้ไปบอกอาม่าจนพวกเธอสามคนไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อล่ะก็แย่แน่ๆ
แต่ขณะที่สามสาวกำลังกังวลอยู่นั้นเอง ก็สังเกตเห็นว่ารอนเหงื่อแตกพลั่กๆ
“คุณรอนคะ?” เจนัสถามขึ้นเมื่อเห็นว่ารอนมีท่าทางแปลกๆ
“ผมขอโทษพวกคุณทั้งสามด้วยครับ” รอนตอบแบบเหงื่อแตก “สำหรับเรื่องในคืนนั้น”
แล้วบรรยากาศในห้องใต้ดินก็เลิกลั่กสุดๆ เพราะทั้งสามสาวต่างนึกขึ้นได้ว่าในคืนที่พวกเธอถูกรอนจับตัวได้นั้นถูกค้นตัวกันในแบบใดบ้างจนหน้าแดงด้วยความอาย ส่วนรอนผู้ก่อเหตุก็ยิ่งอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน คืนนั้นเขาเองก็จงใจค้นตัวแบบรุนแรงเพื่อขู่ให้อีกฝ่ายกลัว แล้วตอนนี้พอมาอยู่ในฐานะที่ไม่ใช่ศัตรูแล้ว การกระทำในวันนั้นเลยกลายเป็นเรื่องน่าอับอายไปเลย
“เรื่องนั้นผ่านไปแล้วก็แล้วไปเถอะค่ะ วันนั้นพวกเรามุ่งจะเอาชีวิตคุณ ชั้นเข้าใจดีว่าที่คุณทำแบบนั้นก็เพื่อให้พวกเรากลัวและไม่กล้าขัดขืนใช่ไหมคะ”
“ค ค ครับๆๆ” รอนรีบตอบ และนึกได้ว่าวันนั้นพอเห็นสกิลสตรีศึกษาพุ่งขึ้นจากการค้นตัวแบบนั้นเขาก็กะจะค้นตัวอีกรอบให้สกิลขึ้น ถ้าไม่ใช่หยางเทียนมาก่อนเขาคงทำอะไรแย่ๆมากกว่านั้นไปแล้ว นี่ยิ่งทำให้รอนละอายใจมากไปกว่าเดิมอีก
“งั้นพวกเราขึ้นไปเถอะค่ะ อาม่าน่าจะรอ”เจนัสบอกพลางพยายามลุกขึ้น สีหน้าบ่งบอกว่าเจ็บปวด
“จริงสิ ใช้อันนี้รักษาก็ได้” รอนควักเอาม้วนเวทรักษา <High Heal> ออกมา
“อะไรคะ”
“ของที่ผมใช้รักษาแผลของพวกคุณในวันนั้นไงครับ” รอนบอก “จริงๆเรื่องนี้ผมไม่อยากให้คนอื่นๆรู้ แต่ยังไงพวกคุณเคยเห็นผมใช้มันมาแล้วในคืนนั้น ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
รอนหยิบม้วนเวทรักษาเตรียมจะเอาไปรักษาข้อเท้าที่บาดเจ็บของเจนัส หากแต่หญิงสาวจับข้อมือของรอนห้ามเอาไว้
“อย่าเพิ่งใช้ เก็บมันไว้ก่อนค่ะ”