Midterm Fantasy - ตอนที่ 154
“โอเคน้องสุธน งั้นตามนี้แหละ” รอนตอบทางโทรศัพท์ “ถ้าทำไฟล์เสร็จแล้วส่งมาได้เลยนะ ค่าจ้างงานนี้ 20000”
รอนวางสายไปแล้วอย่างโล่งอก งานเสร็จไปอีกเปลาะหนึ่ง
ตอนที่รอนคุยกับกัปตันกอร์ดอนแห่งแหล่าทหารม้าองครักษ์ พบว่าข้อเสียของระเบิดสตันเวทมนตร์ของเขาคือมันลูกใหญ่ไปและต้องใช้การขว้าง ถ้าหากเบากว่านี้ ก็จะขว้างได้ไกลขึ้น
นั่นทำให้รอนจุดประกายความคิดได้ ถ้าเขาทำระเบิดเวทมนตร์ที่ขนาดเท่ากับลูกแก้วขนาดสัก 2-3 ซม. แล้วใช้ไม้ง่ามยิงหนังสติ๊กในการยิงส่ง ก็จะได้อาวุธยิงระยะไกลขึ้นมา
เมื่อสักครู่ที่คุยกับสุธนดู สุธนบอกว่าขนาดของมันจำกัดด้วยอะไรหลายอย่าง ถ้าลดขนาดลง พลังความรุนแรงก็น่าจะลดลงเหลือแค่ 1 ใน 3 แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว เพราะรอนคิดว่าเวลาใช้จริง คงเป็นการใช้ยิงพร้อมกันจำนวนมาก ใช้ปริมาณทดแทนพลังที่ลดลงไปได้
ที่เหลือก็แค่หาทางผลิตให้ได้จำนวนมากๆและขนส่งไป
น่าเสียดายที่แหวนเก็บของต่างมิติของแพทไม่สามารถใช้ขนของข้ามไปโลกโน้นได้
ถ้าขนไปไม่ได้ ก็ต้องเอาไปผลิตที่โลกฝั่งโน้นสินะ
เด็กหนุ่มกดโทรศัพท์มือถือ
“คุณหลิวลี่จงสวัสดีครับ ผมรอนเอง” รอนพูด “ว่างไหมครับ”
“ว่างครับๆ คุณรอน มีธุระอะไรให้ผมจัดการเหรอครับ” พี่ใหญ่หลิวรับ
“ผมอยากจะหาซื้อเครื่องพิมพ์สามมิติ 3D Printer แบบครั้งที่แล้วครับ แต่ว่าคราวนี้อยากจะระบุลงไปอีกว่าให้เป็นเครื่องที่ประกอบเสร็จแล้วอย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไป ถ้าอยู่ในลังบรรจุมาแล้วนานๆยิ่งดี และขอซื้อตัวพลาสติกขึ้นรูปสำหรับพิมพ์ปริมาณมากๆด้วยเงื่อนไขเดียวกันคือต้องอยู่ในภาชนะบรรจุเดียวกันอย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไป”
“ได้ครับ ผมจะสั่งลูกน้องให้จัดการให้” เขาบอก “คุณรอนต้องการอะไรเพิ่มอีกไหมครับ”
“แล้วที่ที่ผมจะเอาเครื่องนี้ไปใช้ มันไม่มีไฟฟ้า ไม่มีเครื่องปั่นไฟ คุณหลิวพอจะหาทางให้ได้ไหมครับ”
“มีเงื่อนไขเรื่องของต้องแพ็ครวมกันเกินหนึ่งเดือนไหมครับ”
“ใช่ครับ”
“แบบนั้นอาจจะยากนิดนึงครับ ไม่ค่อยมีใครเอาแบตเตอรี่ไปรวมไว้ในภาชนะบรรจุเดียวกัน แต่ในวงการมีร้านที่ทำแบบนี้อยู่ เดี๋ยวผมจะลองติดต่อดูครับ” หลิวลี่จงรับคำอย่างไม่อิดออด อีกฝ่ายเป็นถึงคนที่มอบเงินให้ 600 ล้านมาก่อตั้งบริษัท โดยไม่ได้ทำสัญญาใดๆ มีบุญคุณกับคนของเขามากล้น เรื่องแค่นี้สบายอยู่แล้ว
“แล้วเรื่องบริษัท ไปถึงไหนแล้วครับ”
“เรื่องนั้นสบายมากครับ ผมได้ทีมทนาย ทีมนักบัญชี และที่ปรึกษาการจัดตั้งบริษัทรักษาความปลอดภัยมาแล้ว” หลิวลี่จงบอก “พรุ่งนี้ 8 โมงเช้าผมและทีมกฎหมายจะไปจดทะเบียนบริษัทครับ”
“โอ๊ะ เร็วขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“ใช่ครับ” หลิวลี่จงบอก “นอกจากเรื่องใช้เงินช่วยแล้ว แก๊งค์ของเรามีลำดับชั้นการสั่งการที่เข้าได้กับระบบบริษัทรักษาความปลอดภัยพอดี ทุกอย่างเลยง่าย”
รอนพยักหน้า ที่เขาแนะนำให้อีกฝ่ายทำบริษัทรักษาความปลอดภัยก็ด้วยเหตุนี้ด้วยแหละ เพราะมาเฟียอิตาลี่ รัสเซีย เม็กซิกัน ต่างก็ใช้รูปแบบนี้ในการเปลี่ยนแก๊งค์ผิดกฎหมายให้กลายเป็นธุรกิจฟอกเงินถูกกฎหมาย … จะว่าไปที่เขากำลังทำอยู่ก็เหมือนฟอกเงินนี่นะ …. แต่ช่างเถอะ
รอนวางสายและลงไปกินอาหารเช้ากับพ่อแม่ เสร็จแล้วเขาก็หยิบหนังสือเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของมาเฟียมานั่งอ่าน
“อืม น่าสนใจ ที่แท้เค้าทำแบบนี้กันนี่เอง”
“อ่านอะไรเหรอลูก”
“อ่านเรื่องการทำธุรกิจน่ะครับ”
คุณพ่อมองดูหนังสือในมือลูกชายแล้วรู้สึกเบิกบานจิตใจ Business model of Organized C….
ตรงที่นิ้วบังอยู่คงเป็นคำว่า Corperate ที่แปลว่าบริษัทสินะ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น รอนวางหนังสือ Business model of Organized Crime ลง หนังสือตีแผ่ด้านมืดนี่มันให้ความรู้ด้านมืดได้ดีจริงๆ
“คุณรอนครับ เรื่องไฟฟ้า ผมติดต่อร้านได้มาร้านนึงครับ” หลิวลี่จงบอก “ร้านนั้นมีกังหันลมปั่นไฟพร้อมชุดต่อวงจร รวมไปถึงตัวปรับกระแสครับ ทุกอย่างอยู่ในลังเดียวกันและแพ็ครวมกันมานานเกิน 1 เดือนครับ”
“เชื่อใจได้ใช่ไหมครับว่าบรรจุมาเกิน 1 เดือน”
“ได้ครับ ร้านนี้เป็นที่รู้กันในวงการว่าจะขายของแบบแพ็คบรรจุเสร็จครับ พวกสินค้าบางอย่างอาจจะตกรุ่นไปสักหน่อย แต่เจ้าของร้านบรรจุเกิน 1 เดือนแน่นอน ร้านตั้งอยู่แถวซอย xxx 3 ครับ” หลิวลี่จงบอก
“อ๊ะ ตอนนี้ผมพักอยู่แถวนั้นพอดี งั้นเดี๋ยวผมไปที่ร้านนี้เองก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องเสียเวลากัน” รอนบอก ช่วงนี้พ่อแม่คอยมาดูเขาหลังเที่ยงคืนว่ามีแอบหนีออกไปข้างนอกไหม จะไปเอาของที่โกดังก็คงไม่สะดวก ครั้นจะให้นักเลงของแก๊งค์รุ่งโรจน์เอาของมาส่งก็กลัวพ่อแม่จะผวาแทน
“ได้ครับ งั้นเดี๋ยวผมส่งพิกัดร้านเข้าไปนะครับ” หลิวลี่จงบอกและวางสายไป
“พ่อครับ แม่ครับ ผมออกไปแถวนี้แป๊บนึงนะครับ” รอนบอก
“จ้า ลูก” แม่โบกทัพพีมาจากห้องครัว
รอนเดินออกจากบ้านไปทางปากซอย
“อาม่าสวัสดีครับ” รอนทักอาม่าที่กำลังนอนอยู่บนเปล
“อ้อ อารอน จะไปไหนเรอะ” อาม่าถาม มือถือพัดโบกไล่ร้อน
“จะไปซื้อของน่ะครับอาม่า คงต้องขึ้นสองแถวเข้าซอย” รอนตอบ
ตึ่งตึงตึ๊ง
เสียงโนติดังขึ้น ที่อยู่เด้งมาแล้ว รอนกดเปิดแผนที่และกดนำทาง
[เริ่มเดินทาง]
[ท่านถึงจุดหมายแล้ว]
อ๊ะ! เดี๋ยวนะ
รอนก้มมองโทรศัพท์ แล้วหันไปถามอาม่า
“อาม่าครับ เมื่อกี้มีใครโทรหาอาม่าเกี่ยวกับเรื่องกังหันปั่นไฟไหมครับ”
“มีซี่ ตะกี้มีพ่อหนุ่มแซ่หลิวโทรมา หลิวอะไรน้า นึกไม่ออก”
“หลิวลี่จงใช่ไหมครับ”
“อ้อ ใช่ ใช่ นั่นแหละ อ้าวอารอนรู้จักอีด้วยเหรอ”
“ครับ ผมฝากคุณหลิวซื้อน่ะครับ ไม่คิดว่าจะหมายถึงร้านอาม่า” รอนบอก “อาม่ามีกังหันปั่นไฟด้วยเหรอครับ”
“มีซี่ มี แต่อาม่าห่อไว้ในลังนะ แล้วไม่ได้มีแต่กังหัน แต่มันรวมหมดทั้งกังหัน ตัวแปลงไฟ อุปกรณ์ต่อ ไขควงค้อนน็อตสแปร์ประแจ อารอนจะเอาหมดหรือว่าจะเอาแยกล่ะ”
“เอาหมดเลยครับ อาม่าไว้ตรงไหนครับเดี๋ยวผมไปยกเองก็ได้”
“น่าจะอยู่ที่ห้องใต้ดินชั้น8นะถ้าจำไม่ผิด แต่อารอนไม่ต้องไปเอาเองหรอก เดี๋ยวให้เด็กๆไปเอาให้” อาม่าบอกและหันไป “เด็กๆ มีใครอยู่บ้าง”
“ค่าาาคุณยาย” เสียงใสๆดังมาจากในบ้าน ร่างของหญิงสาวโผล่ขึ้นที่ประตู เธอชะงักทันทีที่เห็นว่ารอนอยู่กับอาม่าด้วย
“บอกแล้วไงว่าให้เรียกอาม่า เรียกคุณยายมันจั๊กกะเดี๋ยมหู” อาม่าบอก “อาเจนัส เดี๋ยวลื่อไปช่วยยกกล่องกังหันที่ห้องใต้ดินมาหน่อยสิ น่าจะอยู่ที่ชั้น 8 ลองอ่านตรงประตูดูว่าเป็นกล่องไหนนะแล้วก็ยกขึ้นมา”
“ค่ะ อาม่า” เจนัสรับคำ มองรอนที่หน้าแดงหูแดงอย่างลังเล ไม่รู้ว่ารอนคุยอะไรกับอาม่าอยู่ พอเห็นเธอแล้วถึงกับทำหน้าขมึงตึงหน้าหูแดงไปหมดแบบนั้น
หญิงสาวได้แต่เก็บความไม่สบายใจไว้และไปที่ประตูห้องใต้ดิน หยิบกุญแจแล้วเดินลงไป
ขณะที่รอนรอจนเจนัสเดินไปแล้วจึงได้ถามอาม่า
“อาม่าครับ คุณเจนัสคนเมื่อครู่นี้เอาเสื้อใครมาใส่ครับ ดูไม่พอดีไซส์เลย” รอนบอก
“เสื้อเก่าๆของเด็กที่เคยมาพักกับอาม่าน่ะ ที่จริงอีก 2 คนก็ใส่ได้ไม่มีปัญหานะ แต่อาเจนัสอีใส่ยากนิดนึง” อาม่าบอก “แต่3คนนี่ไม่มีเงินซื้อชุด คงลำบากหน่อยล่ะ ทำไมเรอะอารอน”
“ผมว่าถ้าให้ใส่ชุดแบบนี้ สักวันต้องมีวัยรุ่นแถวนี้มาก่อกวนแน่ๆครับ” รอนบอกตามตรง เพราะเมื่อครู่ส่วนสัดทางด้านหน้าของเจนัสบีบดันจนล้นชัด เขาเองยังเก็บอาการไว้เกือบไม่อยู่
“เอางี้ครับอาม่า ผมออกเงินให้อาม่าให้อาม่าให้พวกเค้าไปซื้อชุดกับของใช้ส่วนตัว แล้วอาม่าไม่ต้องบอกเค้านะว่าผมออกให้ ไม่งั้นเดี๋ยวพวกเค้าสามคนจะไม่สบายใจ” รอนบอก
ร้านอาม่าเป็นแหล่งของอายุเกิน 1 เดือนที่สำคัญสำหรับเขา ถ้ามีคนมาก่อกวนล่ะก็ต่อไปเขาคงหาร้านแบบนี้อีกไม่ได้แน่ๆ
ยิ่งร้านมีแต่ผู้หญิงและคนชรา พวกวัยรุ่นนักเลงเดี๋ยวนี้เห็นเป็นเหยื่อให้เล่นงานอยู่แล้วด้วย
“ได้ๆ เดี๋ยวอาม่าจัดการให้ ดีเหมือนกัน เห็นว่าไม่มีชุดชั้นในเปลี่ยนอยู่ น่าจะลำบาก” อาม่ารำพึง
“เอ่อ อาม่าครับ … ไม่ต้องบอกผมก็ได้ครับ” รอนบ่นแล้วเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่ร้านอาม่านี่มีของทุกอย่างเลย เจ้าห้องใต้ดินชั้นล่างนั่นคงไม่มีหุ่นยนต์ยักษ์อยู่นะครับ”
“มี”
“เฮ้ย!”
“อาม่าล้อเล่น”
“โธ่อาม่า ผมตกใจหมด”
“ใครกันจะเอาของแบบนั้นไปใส่ไว้ที่ห้องใต้ดิน ตอนจะเอาออกมามิต้องทุบประตูทุกชั้นเลยเรอะ” อาม่าบอกอย่างจริงจัง “ที่อาม่ามีมันไม่ใช่หุ่นยนต์ เป็นโครงเกราะหุ่นแบบใช้คนสวมบังคับจากข้างใน แล้วก็ฝังเอาไว้ในกำแพงโบกปูนปิดตรงห้องครัว”
“แหม อาม่า เล่นมุกต่อเนื่องเชียวนะ” รอนแซวต่อ “ว่าแต่ทำไมไปนานจัง”
“น่าจะนานอยู่นะ เพราะว่าลังมันหนักร่วม 80 กิโลได้”
“ห๊ะ อาม่า 80กิโลเลยเหรอ” รอนร้อง “ไม่ได้การแล้ว เดี๋ยวผมลงไปช่วยยกดีกว่าครับ”
รอนรีบเดินลงไปที่ชั้นใต้ดิน เขาเดินลงไปตามห้องที่มืดสลัวจนถึงชั้น 6 แล้วก็ได้ยินเสียงหายใจหอบกระเส่าขึ้นมาตามบันได
“แฮ่กๆๆฮึบ!” ครืดดดดด ครืดดดด
รอนเตรียมจะโผล่หน้าเข้าไป แล้วนึกขึ้นได้ ในสถานการณ์แบบนี้ถ้าเขาโผล่พรวดไปช่วยมันจะต้องเกิดการตกใจจนตกบันไดแน่ๆ
ต้องเตือนก่อน จะได้ไม่ตกบันได
“คุณเจนัสครับยืนนิ่งๆไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปช่วยยก”
“ว๊าย!” เจนัสสะดุ้งตกใจเสียงเรียก เผลอทำลังหนัก 80 กิโลหลุดมือ แล้วลังนั้นก็กระแทกพื้นไหลลงไป