Midterm Fantasy - ตอนที่ 134
“เรื่องอาม่านี่น่าสงสัยจริงแต่ก็ปล่อยไปเถอะ แกก็ดูแปลกๆงงๆอย่างนี้แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว” รอนบอก “ว่าแต่ตอนนี้ที่นี่ก็สงบสุข การสอบที่โลกเราก็เรียบร้อยดีแล้ว ต่อจากนี้ไปพวกเราจะทำอะไรดีล่ะ”
“เอ่อ รอน เป็นแบบนี้อีกแล้วนะ” แพทบ่น “ถามเราทำไม เธอไม่ได้วางแผนไว้แล้วเหรอ ไหนบอกว่าจะขยายกิจการสาขาร้าน ARMAMENT ไง”
“ไม่ใช่ๆ เรื่องขยายร้านนั่นเราก็ทำตามเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแผน” รอนบอก “เราหมายถึงว่า ตอนนี้แผนทั้งหลายมันเข้ารูปเข้ารอยแล้ว ชาวบ้านที่นี่ก็รันระบบเรื่องการทำอาหารและการปลูกพืชแล้ว คุณกลาสก็ดูแลการกระจายสินค้าและการผลิตแล้ว ท่านโซล่าก็ดูแลเรื่องการลงทุนกับการป้องกันพื้นที่แล้ว ตอนนี้พวกเราสองคนก็ไม่มีอะไรทำแล้วไง”
“งั้นก็อ่านหนังสือเตรียมส…อ๊ะ” แพทนึกขึ้นได้จนชะงักไป
“ใช่ไหมล่ะ พวกเราเหลือแค่เตรียมสอบไฟนอล แต่ว่าตอนนี้เราอ่านกับทำข้อสอบเก่าของม.3จบไปตั้งหลายรอบแล้ว ของม.ปลายก็อ่านจบไปแล้ว แล้วจะอ่านอะไร” รอนบอก
“งั้นก็ขยายฐานสินค้าสิ เอาของจากโลกมาเพิ่ม”
“แพท อย่าลืมสิว่าตอนนี้พวกสินค้าแพ็คใหญ่ๆน่ะเหลือเราคนเดียวที่ขนมาได้ ส่วนของเธอน่ะช่วยขนไม่ได้อีกแล้ว” รอนเตือน “เอาแค่ตอนนี้เราคนเดียวก็ขนสินค้าใหม่ๆมาไม่ทันความต้องการแล้ว ขืนเปิดตัวสินค้าใหม่อีกมีหวังขนของมาเพิ่มไม่ทันแน่ๆ”
แพทนึกขึ้นมาได้ว่าช่วงนี้พ่อสั่งให้ลุงบัวมารับส่งแบบเกาะติดมากกว่าปกติ ทำให้ไม่มีช่วงเวลาเป็นส่วนตัวกับรอนเหมือนเมื่อก่อน แถมจะขนของอะไรจากโลกมาที่โลกนี้ ก็ทำได้แต่ของชิ้นเล็กๆ
และด้วยเหตุการณ์ที่ลุงบัวประมือกับรอนที่รั้วบ้านด้านห้องของเธอ เลยทำให้พ่อติดกล้องวงจรปิดและจ้างยามมาเพิ่ม ทำให้รอนแวะเอาของมาส่งให้ช่วยขนตอนกลางคืนไม่ได้แล้ว
“งั้นเธอลองไปที่เมืองหลวงดูไหม ลองไปพบกับพระราชาดู เผื่อจะมีงานอะไรให้ทำ” แพทเสนอ
“เอ่อ … แพท อุตส่าห์ว่างแล้วทั้งที ถ้าไปที่นั่นมีหวังพระราชาให้ช่วยทำงานขึ้นมาก็แย่น่ะสิ” รอนบอก
เด็กสาวกำลังจะบ่นว่าไม่ว่าจะเสนออะไรรอนก็ไม่เอาสักอย่าง แต่แล้วเธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
จริงสิ หรือว่า…
เด็กสาวใจเต้น แก้มทั้งสองร้อนวูบอุ่นขึ้นมา พยายามบังคับสีหน้าให้เป็นปกติและพูดด้วยเสียงที่อ่อนลง
“แล้วเธอคิดว่ายังไงดีล่ะ”
“อืม เอาอย่างงี้ดีไหมแพท คือ ตอนนี้หมู่บ้านกำลังขยายพื้นที่ เราสองคนก็ไปปลูกบ้านกันหลังนึงแยกเป็นสัดส่วนไปต่างหาก” รอนเสนอ “แล้วอาศัยช่วงเวลาที่สงบๆแบบนี้ เที่ยวบริเวณรอบๆ ศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ของคนในโลกนี้กันดีไหม ยังไงพวกเราสองคนก็ต้องอยู่แถวนี้อีกนานอยู่แล้ว”
ทั้งสองคนจ้องตากันโดยไม่พูดอะไรอยู่อึดใจหนึ่งก่อนที่แพทจะพยักหน้าตอบรับ
“ก็ดีเหมือนกัน ยังไงพวกเราก็ต้องอยู่ที่นี่กันอีกนานนี่นะ ทำความคุ้นเคยเอาไว้ก่อนดีกว่า”
“งั้นดีเลย เดี๋ยววันนี้เราว่าจะไปวัดพื้นที่เอาไว้ก่อน ที่จริงเราเล็งไว้แล้วว่าจะเลือกพื้นที่ตรงใกล้ๆโบสถ์ ถ้าต่อไปมีคนมาสร้างบ้านมากขึ้นจะได้ไม่จอแจหรือมีเสียงรบกวนมาก” รอนบอก “หรือแพทจะไปดูพร้อมกันไหม”
“ไม่ได้หรอก เรานัดกับคุณโยฮันเอาไว้ให้ช่วยฝึกการใช้ดาบสองมือ รอนไปเลือกเถอะเราโอเคหมดแหละ”
รอนรับคำและเดินออกไป แพทมองตามหลังไปจนสุดสายตาพึมพำเบาๆ
“ตาบ้าเอ๊ย ที่แท้ก็คิดไว้หมดแล้ว ยังจะทำเป็นมาถามความเห็นเราอีก”
เด็กหนุ่มเดินออกจากบ้านพักไปตามถนน ทักทายกับผู้คนที่เดินผ่านไปมา จนกระทั่งไปถึงบริเวณโบสถ์ ตอนนี้ที่โบสถ์นั้นเงียบสงบเนื่องจากไม่มีนักบวชประจำทำให้ไม่มีใครผ่านไปผ่านมามากนัก แถมตอนนี้โรล่าเอาแม่เสือดำมาเลี้ยงไว้ในพื้นที่นี้อีก เลยทำให้ไม่มีใครกล้ามามั่วสุมอยู่ในนี้
รอนเดินตัดผ่านพื้นที่โบสถ์เพื่อไปยังพื้นที่ที่หมายตาไว้ จากนั้นลงมือกะบริเวณและปักเสาพื้นที่ ความจริงเขาขอคุณเบรเซอร์ไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่ขอความเห็นจากแพทเท่านั้น แต่ดูจากท่าทีของแพทเมื่อกี้นี้ แพทจะยังไม่ได้นึกสงสัยอะไรสินะ
“หืม นั่นมันอะไรน่ะ”
รอนเอ่ยกับตนเองขณะกำลังจะเดินพ้นเขตโบสถ์ เขาเห็นโรล่ากำลังเดินเข้าเดินออกจากเรือนกระจกปลูกต้นไม้ของโบสถ์ ในมือหอบเอากิ่งไม้ใบไม้แห้งๆออกมาวางไว้
“โรล่า มีอะไรให้ช่วยไหม”
“ว๊ายยยย” โรล่าร้องอย่างตกใจปล่อยใบไม้แห้งในมือกระจายไปทั่ว
“ผมเอง รอนไง” รอนตรงเข้าไปช่วยเก็บกิ่งไม้ใบไม้แห้งที่กระจายอยู่ “กำลังตัดต้นไม้ในเรือนกระจกเหรอครับ ให้ผมช่วยไหม”
“มะ ไม่ต้องก็ได้ค่ะคุณรอน” เด็กสาวปฏิเสธ กลัวเขาจะรู้ว่าเจ้าต้นไม้ต้องสาปที่เธออาสาเอาไปทำลายตอนนี้โตขยายเต็มเรือนกระจกไปแล้ว แต่สายตาของรอนก็ไวพอที่จะสังเกตเห็นอะไๆบางอย่าง
“อ๊ะ นี่มัน” รอนร้องขึ้นเมื่อเห็นใบไม้แห้งที่ตกอยู่ชัดๆ ใบที่แยกเป็นแฉกออกไป 9 แฉก กับส่วนที่เป็นเหมือนขนปุยๆขุยๆมากมาย โรล่าตกใจสุดขีดเตรียมสารภาพออกไป
“นี่มันใบมันสำปะหลังนี่”
“ห๊ะ”
“ถึงจะแห้งแล้ว แต่ไม่ผิดแน่ ใบแฉกๆแบบนี้ต้องเป็นมันสำปะหลังแน่ๆ” รอนบอก “นี่โรล่ากำลังจะถอนต้นเหรอ ผมขอเข้าไปดูหน่อยได้ไหม”
“อ๊ะ! ไม่ค่ะคุณรอน คือโรล่าไม่ได้กำลังจะถอนต้นค่ะ พอดีต้นมันสูงเกินไปจะชนเพดานเรือนกระจก โรล่าเลยตัดออกมาแล้วตากไว้จนแห้งว่าจะเอาไปทิ้งค่ะ” เด็กสาวรีบบอก “แต่โรล่าได้ยินมาว่าใบของมันมีพิษก็เลยว่าจะมัดรวมกันแล้วเอาไปทำลายที่เดียวกันค่ะ”
“โอ้ แบบนี้เองเรอะ จะว่าไปเหมือนว่าในมันสำปะหลังก็มีไซยาไนด์เป็นพิษจริงๆนั่นแหละ” รอนบอก “งั้นผมช่วยมัดเอง โรล่าขนออกมาเรื่อยๆเลย”
รอนดึงเอากิ่งและใบแห้งเหล่านั้นมาจากมือของเด็กสาว จากนั้นโกยเอาเศษที่วางกองที่พื้นขึ้นมา ใช้กำลังเหนือมนุษย์ของตนบีบอัดใบและกิ่งก้านเหล่านั้นรวมกันเป็นก้อน จากนั้นทุบอัดจนกลายเป็นแท่งสี่เหลี่ยมเพื่อไม่ให้กินเนื้อที่มากจากนั้นมัดด้วยเชือกเอาไว้ ขณะที่โรล่าก็เข้าไปทยอยขนเอาเศษต้นไม้ที่ตัดและตากแห้งไว้ภายในออกมาเรื่อยๆ ทั้งสองคนค่อยๆทำวัชพืชอัดแท่งจนเสร็จสิ้นกว่า40แท่ง
“เรียบร้อยแล้ว งั้นเดี๋ยวผมเอาไปทิ้งให้” รอนก้มลงไปเตรียมหยิบก้อนแท่งเหล่านั้นขึ้นมา … ที่หน้าจอสเตตัสเด้งสถานะชื่อไอเท็มขึ้นมา รอนกำลังจะเหลือบไปอ่าน แต่ทว่า…
“ไม่เป็นไรค่ะคุณรอน” โรล่าเอื้อมมือเข้ามาจับแขนของเด็กหนุ่มไว้ ด้วยความร้อนรนและกะกำลังผิดไปทำให้เธอถูกแขนของรอนดึงไปข้างหน้าจนเสียหลักล้มลง รอนปล่อยของจากมือแล้วหมุนตัวรับร่างของโรล่าเอาไว้ในอ้อมแขน
“ว๊าย ขะ ขอโทษค่ะ”
ร่างแบบบางของเด็กสาวอยู่ในอ้อมแขนของเด็กหนุ่ม ผมสีทองสลวยปล่อยระลงสู่พื้น ปลิวไปตามจังหวะแรงลมจนสะท้อนแสงอาทิตย์ยามบ่าย รอนมองไปที่ใบหน้าและเรือนร่างของโรล่าโดยไม่ได้ตั้งใจ จะว่าไปโรล่าในตอนนี้ดูมีน้ำมีนวลกว่าตอนที่พบกันครั้งแรกมากนัก จากเดิมที่ผอมจนเห็นรอยนูนของกระดูกชัด แก้มผอมตอบเล็กน้อยจากการขาดอาหาร มาตอนนี้เธอดูงดงามเปล่าปลั่ง ประกายแห่งวัยสาวส่องออกมาอย่างชัดเจน
“คุณรอนคะ”โรล่าเอ่ยขึ้นเบาๆ แก้มแดงขึ้นเมื่อเห็นสายตาของรอนที่มองเลื่อนไปมาตรงกลางลำตัวของเธอ
“โอ๊ะ ขอโทษครับขอโทษ” รอนร้องออกมาอย่างนึกขึ้นได้ ถึงแม้ทั้งหมดจะเป็นการมองสำรวจว่าอ้วนท้วนสมบูรณ์ขึ้นไหม แต่หลายจุดก็ถือเป็นจุดส่วนตัวของผู้หญิง
“ขอบคุณค่ะ”
“เอ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะที่ช่วยโรล่าไว้จากออร์คตัวเมื่อเช้านี้” เด็กสาวค่อยๆทรงตัวขึ้น “ถ้าไม่ได้คุณรอนเข้าช่วยไว้ โรล่าคงบาดเจ็บไปแล้ว”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ ยังไงเราก็ต้องช่วยกันอยู่แล้ว” รอนบอก “เดี๋ยวยืนนิ่งๆก่อนครับ ใบไม้ติดผม”
เด็กหนุ่มเลื่อนมือขวาไปที่เรือนผมสีทอง เกลี่ยรูดเศษใบไม้ออกอย่างแผ่วเบา ระมัดระวังไม่ให้เศษผงร่วงหล่นเข้าดวงตา
โรล่ามองเหม่อไปที่เด็กหนุ่มตรงหน้า เลื่อนมือซ้ายขึ้นช้าๆไปจับที่มือข้างนั้น ดึงร่างของตนเข้าหา
“อ๊ะ โรล่…”
ไม่มีเสียงอื่นใดลอดออกมาจากริมฝีปากที่ประกบแนบชิด มีเพียงเสียงหายใจที่เต้นรัวของหนุ่มสาวทั้งสอง และเสียงลมที่พัดแผ่วเบาอยู่โดยรอบ เนิ่นนานเพียงใดไม่ทราบได้ เด็กสาวค่อยๆผละกายออกมาช้าๆ
“ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยโรล่าและทุกคนในหมู่บ้านโอลเซ่นที่โรล่ารักเอาไว้ ถ้าไม่มีคุณ ตอนนี้โรล่าก็ไม่รู้ว่าพวกเราจะเป็นยังไงกันแล้ว”
“เอิ่มมม”
“ขอบคุณนะคะ”
“เฮ้อ ที่แท้ก็เป็นการขอบคุณ โรล่าขอบคุณแบบนี้ผมตกอกตกใจหมด” รอนถอนหายใจออกมาดังๆ ใจเต้นไม่หาย
เด็กสาวฟังแล้วคิดขึ้นได้ เธอดึงมือของรอนอีกครั้ง ตรงเข้าไปประทับริมฝีปากอีกครั้ง เนิ่นนาน แล้วถอยออกมาอย่างแผ่วเบา พวงแก้มแดงเรื่อด้วยความอาย
“ไม่ใช่การขอบคุณค่ะ แต่เป็นการบอกความรู้สึกที่โรล่ามีให้กับคุณ”
โรล่าพูดจบก็ยิ้มออกมา ถอยหลังกลับเข้าไปในเรือนกระจกปิดประตูแน่น ทิ้งรอนที่กำลังอ้าปากค้างไว้เบื้องนอก
เด็กหนุ่มเอามือลูบไปมาที่ริมฝีปากอย่างงงงวยโดยไม่ได้สนใจกับสถานะไอเท็ม [กัญชาแท่ง1กิโลกรัม] ที่เด้งขึ้นในหน้าจอซิสเต็มแต่อย่างใด