Midterm Fantasy - ตอนที่ 123
“ทางเดินข้างหน้าไม่มีคน เดินไปได้ตลอดทางเลย”
“โอเคแพท” รอนวิ่งไปตามทางเดินอย่างเงียบเชียบ ในมือถือถุงผ้าอันใหญ่มีเสียงโลหะกระทบกันแกรกๆดังมาจากด้านใน เขาไปจนถึงตรงจุดที่เป็นทางเข้า แล้วไปหยุดอยู่ตรงที่เสาที่มีปุ่มปิดประตูหน้า
มองไปที่ด้านหน้าห่างไป 10 กว่าเมตรนั่น คนทั้งหมดที่ถือปืนอยู่ต่างนั่งสนใจไปภายนอกเพียงอย่างเดียว
รอนวางม้วนเวทเพิ่มความเร็วและเพิ่มพลังลงไปที่พื้น
“<Might> <Swift>”
แสงสว่างวาบขึ้นมาห้อมล้อมร่างของเด็กหนุ่ม จากนั้นเขาก็ไปที่ถัง200ลิตรที่ทับฝาท่อน้ำอยู่
กึง กึง กึง
“เฮ้ย นั่นทำอะไรวะ” นักเลงคนนึงร้องตะโกนมา “เบาๆหน่อย ตกอกตกใจกันหมด”
“โทษทีโทษที” รอนตะโกนกลับไปและเลื่อนถังไปด้านข้างอย่างเบาเสียงที่สุด นักเลงทั้งหมดไม่มีใครสนใจรอน มองไปด้านหน้าต่อ
ใครจะไปคิดว่าอีกฝ่ายจะบุกมาจากด้านในกัน!
กึงกึง
เด็กหนุ่มยกฝาเหล็กปิดท่อน้ำขนาดเกือบเมตรขึ้นมา แม้จะหนัก แต่ว่าด้วยกำลังข้อมือที่เพิ่มขึ้นทำให้ไม่ใช่เรื่องยากที่จะยกขยับไปมา แล้วเขาก็เดินไปที่เสา กดปุ่มปิดประตูลงไป
แอ๊ด แอ๊ด แอ๊ด
เสียงสัญญาณปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับไฟวาบสีแดงที่หมุนวนตรงประตูทางเข้า ประตูเหล็กขนาดใหญ่ค่อยๆเลื่อนลงมาช้าๆ
“เฮ้ย พวกเรา เตรียมพร้อม ทุกคนเข้าประจำที่”
“เตรียมปืน เตรียมปืน”
เสียงสัญญาณทำให้ทุกคนตื่นตัวกระโดดมาหลบที่ข้างหลังถัง200ลิตรที่เป็นที่กำบัง
ปึง ปึง ปึง
“ทุกคนระวัง อีกฝ่ายมีอาวุธ”
“อ้าก มือกู มือกู”
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น ปะปนไปกับเสียงถัง 200 ลิตรที่ดังขึ้นเหมือนกับถูกอะไรกระแทกใส่ น้ำที่ใส่ไว้ในถังพุ่งออกมาตามรูกระเซ็นปะปนไปกับเลือดของคนที่ถูกอะไรบางอย่างเข้าที่มือ
“ยิงเลย ยิงมันเลย”
ปังปังปังปังปัง
เสียงปืนในมือดังขึ้น ประกายไฟวาบจากปากกระบอก กระสุนลูกซองจากปืนนับสิบพุ่งกวาดออกไปด้านหน้า
ปึง ปึง ปึง
“อ้ากกกก เจ็บๆ”
“ขาข้า ขาข้าเจอยิงแล้ว”
“หลังช้านนนน”
“เฮียสิงห์ นี่ผมวุธที่เฝ้าทางเข้านะเฮีย ตอนนี้มันบุกพวกเราแล้ว พวกเราบาดเจ็บกันหลายคนเลย ขอกำลังเสริมด้วยครับ” ไอ้วุธตะโกนกรอกเข้าไปในโทรศัพท์อย่างขนพองสยองเกล้า เพราะถังน้ำใกล้ๆมันเพิ่งทะลุเป็นรูและมีน้ำพุ่งออกมา
“มากันกี่คนรึ? … ไม่รู้เฮีย มันยิงถล่มเราอยู่ใครจะกล้าออกไปดู” ไอ้วุธบอกก่อนจะถอยโทรศัพท์ออกห่างเพราะเฮียสิงห์ตะโกนด่ากลับเข้ามา “ไอ้แมน เอ็งดูหน่อยว่ามันมากันกี่คน”
“ไอ้บ้าวุธ สัส” ไอ้แมนด่าเพื่อน แต่ก็โผล่หัวออกไปดูก่อนจะทำหน้างง
“เฮ้ย ข้างหน้าไม่มีคนเลย ไม่มีใครเลยเฮ้ย”
ปึง ปึง ปึง
“ไอ้ห่าแมน ไม่มีคนเลยได้ไง แล้วไอ้ที่บาดเจ็บกันระนาวเจอยิงหลังยิงขานี่มันมาจากไหนวะ” ไอ้วุธร้องตะโกนด่าเพื่อน
“ไอ้เชี่ยวุธ พวกมึงหลบหลังถังเหล็กกัน ถ้ามึงเจอยิงข้างหลังแปลว่าอีกฝ่ายมาจากข้างหลังเว้ยไอ้สาสสสสสสสส” เสียงตะโกนด่าดังมาจากข้างในโทรศัพท์ ไอ้วุธกำลังจะตอบเข้าไปแต่ก็ไม่มีโอกาส เพราะโทรศัพท์ในมือแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆคามือ
โผล๊ะ! ฟู่ๆๆๆๆๆๆ
ทุกคนที่หลบหลังถังน้ำมองโทรศัพท์มือถือที่ตกไปที่พื้น แบตเตอรี่มีไฟพุ่งออกมา เปลวไฟเผยให้เห็นแท่งโลหะแบนยาวบางอย่างที่ปักคาอยู่
“ไม้กดลิ้น?”
“เดี๋ยวสิ พวกเราอยู่นี่ แล้วหมอนั่นใครวะ”
คนที่เหลืออยู่ต่างมองไปที่เพื่อนที่บาดเจ็บ แต่ละคนมีไม้กดลิ้นแบบเหล็กปักอยู่ตามจุดที่บาดเจ็บ ที่ถังน้ำที่มีรู ก็ล้วนแล้วแต่เป็นรูแบนๆ
ส่วนคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ถือฝาท่อน้ำด้วยมือซ้าย ส่วนมือขวายกขึ้นแล้วขว้างอะไรบางอย่างออกมา!
ฉึก พล็อค!
“อ้ากกก เข่ากู” ใครบางคนล้มลงพร้อมกับไม้กดลิ้นโลหะที่หั่นตัดเข้าไปที่หัวเข่า กระทุ้งดันให้ลูกสะบ้าหลุดกระเด็นออกมา
“ยิงมันเลย”
ไอ้แมนวิ่งพุ่งเข้าหา หยิบปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ของมันออกมาสองกระบอกตรงเข้าหารอนอย่างบ้าเลือด
ปัง ปัง “โอ๊ย”
มันกดกระสุนเข้าใส่รอน หากแต่เด็กหนุ่มยกฝาท่อเหล็กขึ้นบัง กระสุนลูกซองที่ยิงออกไปชนเข้ากับฝาท่อแล้วสะท้อนเข้าโดนตัวมันเอง ไอ้แมนล้มกลิ้งลงฟุบกับพื้น
“ถอยก่อน ถอยเร็ว”
“เชี่ยแล้ว จะให้ถอยไปไหน มันปิดประตูทางเข้าแล้ว อ้ากกกก มือกู”
“หลบหลังถังเร็วเข้า”
คนที่เหลืออีก 6 คนกระโดดหลบไปฝั่งตรงข้ามถัง มือแต่ละคนบรรจุกระสุนใหม่อย่างสั่นเทาและเชื่องช้า จนก่นด่ามารดาตัวเองว่าทำไมไม่ให้เกิดมาพร้อมกับมือ 4 มือ จะได้บรรจุกระสุนได้ไวกว่านี้
“เฮ้ย มันอยู่โน่น จัดการมันเร็วเข้า”
“ครับเฮียสิงห์ เฮฮฮฮฮ”
ร่างของคน 30 กว่าคนวิ่งมาตามทางเดินข้างหลังของรอน ในมือต่างถือมีดดาบยาวเฮโลเข้ามา แม้จะมีฝาท่อเป็นโล่ แต่ว่าถ้าหันกลับไปตอนนี้คงโดนยิงแน่ๆ
“ฮึบบ”
กับสถานการณ์ที่เจอล้อมด้านหน้าและหลังแบบนี้ รอนยกโล่ฝาท่อหันไปทางกลุ่มที่มีปืน จากนั้นพุ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
“ทุกคน ยิงมันเลยสาสสสสส” ไอ้วุธร้องแหกปาก จากนั้นคนทั้ง 6 ก็ลุกขึ้นพร้อมเพรียงกัน เล็งปืนไปที่รอนที่กำลังวิ่งมา
“หน้ากากดำ มึงตายยยย ยิง!”
ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
พริบตาที่ไอ้วุธตะโกนคำว่ายิง รอนกระโดดหลบฉากเข้าหลบชิดกำแพง ดังนั้นภาพที่พวกของไอ้วุธเห็นก็คือร่างของพวกของมันที่นำโดยเฮียสิงห์ ล้มกลิ้งไปกับพื้นจากกระสุนของพวกเดียวกันเอง”
“ไอ้เชี่ยยยยยย อย่ายิงโว้ย พวกเดียวกัน พวกเดียวกัน” เฮียสิงห์ตะโกนด่า แต่ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะจังหวะที่ 6 คนที่มีปืนยังตกตะลึงกันอยู่ ทุกคนก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างหวืดหวือมาในอากาศ
กรึง!ตูม!
ร่างของพวกมันที่หลบหลังถัง 200 ลิตรลอยกระเด็นไปคนละทิศละทาง สิ่งที่ไอ้วุธเห็นขณะร่างลอยอยู่ในอากาศก็คือ ฝาท่อขนาดเกือบเมตรที่ร่อนทะลวงกวาดชนทุกคนไปคนละทิศละทาง
“มันไม่มีฝาท่อเป็นโล่แล้ว เล่นมันเลย”
“เฮฮฮฮฮ อ้ากกก”
“ระวัง มันมีอาวุธลับ” เฮียสิงห์ตะโกนแล้วมองไปที่ของที่ปักที่ขาลูกน้อง “เฮ้ย ไม้กดลิ้น!”
หลังจากมองแถบพลังของพวกที่มีปืนและเห็นว่าทุกคนตกอยู่ในแถบเหลืองหมดแล้ว รอนก็เดินกลับไปเผชิญหน้ากับกลุ่มที่มีแต่มีดดาบช้าๆ ในมือถือห่อไม้กดลิ้นโลหะ 2 ห่อ พลางเหลือบมองสเตตัสสกิลที่กำลังอัพเลเวล
[Conceal weapon Lv 8 25/100]
ความจริงใช้ไม้กดลิ้นแทนอาวุธมันก็ดีตรงที่ไม่ต้องเข้าใกล้อีกฝ่าย แต่ว่าอีกฝ่ายยังเหลืออีกเป็นร้อยนี่สิ
แบบนี้คงต้องหาอาวุธอันใหม่ รอนคิดพลางขว้างไม้กดลิ้นไปข้างหน้าอย่างแรง พวกข้างหน้านี้มีมีดดาบกันเยอะแยะ เดี๋ยวจัดการเสร็จก็เลือกเอาจากพวกนี้แล้วกัน
“อ้ากกก”
“เฮียสิงห์ ช่วยด้วย”
สิงห์มองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา บอกใครไปใครเขาจะเชื่อว่าอีกฝ่ายใช้ไม้กดลิ้นกับฝาท่อน้ำแทนอาวุธได้ มันรีบกดโทรศัพท์
“เฮียโต้งครับ แย่แล้วครับ กลุ่มที่มีปืนทั้งหมดเจอกวาดไปหมดแล้ว ส่วนกลุ่มของผมตอนนี้ก็ไม่ไหวแล้วครับ ขอกำลังเสริมด้วยครับเฮีย” สิงห์ร้องบอกเข้าไป
“มันมากันกี่คน” เฮียโต้งขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“คนเดียวครับ”
“เฮ้ย คนเดียวเนี่ยนะ” เฮียโต้งร้องกรอกลงไปในโทรศัพท์ “จะเป็นไปได้ยังไง มันใช้อาวุธอะไรแล้วมันหน้าตาเป็นยังไง เป็นตำรวจหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ครับเฮียโต้ง มันใส่หมวกดำกับหน้ากากดำ แล้วมันก็ใช้ไม้กดลิ้นเป็นอาวุธ” สิงห์ร้องเข้าไปในโทรศัพท์เบิกตากว้างมองไปด้านหน้า “ชิบหายแล้ว เฮ้ย อย่า อย่า อ้ากกก”
เสียงโทรศัพท์ตกลงสู่พื้น ตามด้วยเสียงกุกกัก ก่อนจะมีเสียงเก็บขึ้นมา เสียงพูดห้วนๆดังมาในสาย “แกคือเฮียโต้งสินะ ตามที่บอกเมื่อกี้”
รอนพูดลงไปด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
“เดี๋ยวเราเจอกัน”
กริ๊ก!
เสียงแหลมเล็กเหมือนกับโทรศัพท์ถูกบดขยี้ดังออกมาจนเฮียโต้งต้องเอาหูออกห่าง มันหันมองโทรศัพท์อย่างไม่อยากเชื่อหู ที่หน้าทางเข้ามีพวกมันที่ถือปืนอยู่ 20 กว่าคน ส่วนไอ้สิงห์ก็เอาคนไป 30 คน คน 50 คน ถูกจัดการในเวลาเท่านี้เนี่ยนะ!
“เฮียโต้ง ดูท่าทางอีกฝ่ายจะไม่ธรรมดานะ”
“โอ้ ครูชัย ครูก็อยู่นี่ด้วย ได้ยินแล้วสินะ” เฮียโต้งพูดออกมาด้วยท่าทีโล่งอก “ถ้ามีนายอยู่ทั้งคนผมก็วางใจ”
หมอเคที่นั่งอยู่สะดุ้งโหยง ตรงมุมห้องอีกด้านหนึ่งมีชายร่างอ้วนยืนนิ่งอยู่
ชายคนนี้เข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเขาไม่เห็นมาก่อนเลย!
“เจ้าสิงห์บอกว่าอีกฝ่ายใช้ไม้กดลิ้นเป็นอาวุธ ดูเหมือนคู่ต่อสู้ของเราจะใช้วรยุทธได้” ชายร่างอ้วนเดินออกมาจากมุมห้อง ที่หลังมีกระบี่สั้นสะพายอยู่ “ให้เวลาผมเตรียมตัวสักนิด เฮียโต้งให้คนของเราล่อและถ่วงเวลามันไว้ ผมจะไปดักรอมันที่ห้องครัว”
“ได้ ถ้าครูชัยออกปากแบบนี้ผมก็เบาใจ” เฮียโต้งบอก “บอกพวกเราทั้งหมด ถอยกลับมารวมกันที่หน้าห้องครัว แล้วรอสัญญาณจากครูชัยล่อให้หน้ากากดำเข้าไปในห้องครัว”
“ครับ!”
หมอเคหันกลับไปทางชายร่างอ้วนนั้นแล้วก็ต้องตกใจอย่างสุดขีด เพราะชายร่างอ้วนคนเมื่อครู่หายไปจากห้องอย่างไร้ร่องรอย มีเพียงประตูที่กำลังปิดลงช้าๆ
“ฮ่าๆๆ ครูชัยเป็นผู้เยี่ยมยุทธที่มาจากสมาคม เป็นนักฆ่าที่เคลื่อนไหวเงียบเชียบ ลงมือรวบรัดหมดจด ยามออกล่าแม้เป้าหมายถูกกำจัดแล้วเป้าหมายยังไม่รู้ตัวเสมือนกับไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ” เฮียโต้งหัวเราะ “เพื่อนของแกต้องพบจุดจบก็วันนี้แหละ ฮ่าๆๆๆๆ ”
หลังการสั่งการ นักเลงที่เหลือในอาคารทั้งหมดต่างถอยมารวมกันที่หน้าห้องครัว ทั้งหมดพยายามยันเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ว่าด้วยสกิล [Edge Weapon LV 19 78/100] ของรอน การจัดการกับลูกกระจ๊อกเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดาสุดจะ OP
“หนีเร็วเข้า หนีๆๆๆ”
“พวกเรา ถอย”
นักเลงที่เหลืออยู่ 50 กว่าคนวิ่งหนีแตกฮือเข้าห้องครัว มีดดาบในมือถูกโยนเหวี่ยงทิ้งเพื่อไม่ให้รบกวนการวิ่งหนี คนทั้งหมดวิ่งกรูผ่านครัว ผ่านโต๊ะยาวตรงกลางไปยังประตูที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
เมื่อรอนเดินเข้าไป ภายในห้องครัวก็ไม่เหลือใครแล้ว มีเพียงแต่เสียงฉี่ฉี่ของน้ำที่กำลังเดือดในหม้อ4-5ใบที่เตาข้างกำแพง
รอนพูดกับแพทผ่านหูฟังบลูทูธ
“แพท เราอยู่ในห้องครัว พวกนั้นหนีไปหมดแล้ว ข้างหลังประตูนั่นเป็นอะไรรึ แล้วพวกมันแอบอยู่ตรงไหนบ้างไหม เธอช่วย….”
“รอน มีคนอยู่ในห้องนั้น กำลังพุ่งไปหาเธอ!”
เสียงของเด็กสาวดังเข้ามาอย่างเร่งร้อน จุดสีแดงในห้องครัวกำลังพุ่งเข้าหารอนอยู่คาตา
รอนกวาดตามอง ในห้องไม่มีใครนี่นา
{คุณรับรู้ได้ถึงจิตสังหาร}
“เอ๊ะ!”
รอนคว้ากระทะสีทองข้างๆขึ้นมาแล้วยกขึ้นป้องกันตามสัญชาตญาณ
เช้ง! เคร้ง!
ร่างของคนทั้งสองแยกออกจากกัน ชายร่างอ้วนถือกระบี่มองมาที่เด็กหนุ่มด้วยสายตาพึงพอใจ
“มีไม่กี่คนที่สามารถรับรู้การโจมตีจากเงามืดของข้าได้” ครูชัยพูด “และมีน้อยคนที่สามารถโต้กลับข้าได้ขณะที่หลบแบบนี้”
มันลูบลงไปที่เสื้อซึ่งขาดเป็นทางยาวจากการแทงสวนของรอน
“จงตายซะ หน้ากากดำ”
ปล. สปอยล่วงหน้า เรื่องนี้ไม่วกออกทะเลไปทางกำลังภายใน