Midterm Fantasy - ตอนที่ 116
“กรี๊ดดดดด”
“มีคนฟันกัน”
ทหารกรูกันเข้ามา ดาบถูกชักออกจากฝัก
“หยุดอยู่ตรงนั้นเดี๋ยวนี้”
“กล้าดียังไงมาใช้อาวุธในสถานที่เช่นนี้”
รอนค่อยๆยกมือขึ้นสูงชูให้เห็นว่าไม่มีอาวุธใดๆ และกำลังเอามือเอื้อมไปที่คอ
“ทหาร อย่าให้มันถอดสร้อยออก สร้อยนั่นเป็นสร้อยเก็บของต่างมิติ มันเอามีดออกมาจากสร้อยนั่น”
ทหารยามตรงเข้าไปช้าๆขณะที่รอนไม่ได้ขัดขืนอะไร ทหารค้นตัวคร่าวๆดูว่าไม่มีอาวุธซุกซ่อนอยู่จึงพูดขึ้น
“ขอมือด้วยครับ ขออนุญาตใส่กุญแจมือก่อน”
ทหารยามพูดอย่างสุภาพ แขกที่มาร่วมงานแบบนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีเกียรติ ถ้าหากเผลอไปลงมือรุนแรงเข้าอาจจะเกิดเรื่องภายหลังได้ ดังนั้นทุกการกระทำจึงเต็มไปด้วยความสุภาพ
รอนยื่นมือให้ จากนั้นทหารยามก็ดึงเอาห่วงเชือกห่วงหนึ่งมาสวมเข้าที่ข้อมือของเด็กหนุ่ม และถอดเอาสร้อยเก็บของเปื้อนเลือดที่สวมที่คอออก
“เชิญทางนี้ครับ”
ทหารยาม4นายเดินคุมตัวรอนไป ขณะที่โซล่าเองพยายามเจรจาหากแต่หัวหน้าทหารยามไม่ยินยอม
“ต้องรอการสอบสวนก่อนครับ ยังไงท่านโซล่าใจเย็นๆก่อน”
ท่านโซล่าได้แต่ยอมทำตามสิ่งที่หัวหน้าทหารยามบอก แม้เขาจะเป็นเจ้าเมืองแต่ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นในงานเลี้ยงของพระราชา คงไม่เหมาะหากเขาจะยื่นมือเข้าไปขัดขวางในตอนนี้
ว่าแต่เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ท่านโซล่าคะ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ยังไงรอนก็ไม่ผิดอยู่แล้ว” แพทบอก “เมื่อครู่นี้เจ้านั่นบอกว่ารอนใช้สร้อยเก็บของต่างมิติ แต่ว่าด้วยสถานะของรอน ยังไงเขาก็ใช้อุปกรณ์พวกนี้ไม่ได้อยู่แล้ว”
“โอ้ จริงด้วย ข้าลืมไปเสียสนิท” โซล่านึกขึ้นได้
ในเมื่อรอนไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ ปราศจากมานาในร่างกาย ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่สามารถใช้สร้อยเก็บสิ่งของต่างมิติที่ต้องใช้มานาในการเปิดอยู่แล้ว
“ถ้าเช่นนั้นก็ดีเลย ข้าจะกราบทูลเรื่องนี้ต่อพระราชา”
“ค่ะ ขอแค่ว่าไม่เกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้เท่านั้น”
แพทบอกและมองตามไปอย่างกังวล
รอนถูกพาไปตามทางเดินแคบๆ ไปจนถึงส่วนที่เป็นห้องขัง ห้องขังนี้อยู่ที่ส่วนนอกสุดของพื้นที่คุมขังในปราสาท สภาพแวดล้อมนับว่าดี แสงสว่างพร้อม อากาศถ่ายเทสะดวก เครื่องใช้ในห้องก็นับว่าคุณภาพใช้ได้ ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรมากเพราะคนที่จะมาปราสาทแล้วก่อเรื่องจนเจอขังต่างก็ต้องมียศตำแหน่งพอสมควร
จะมีที่ทำให้รู้ว่าเป็นห้องขังก็คือแท่งซี่ลูกกรงและประตูโลหะนั่นเท่านั้น
“เชิญครับ” ทหารยามบอกเตรียมจะปลดเชือกล่ามมือ แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อรอนส่งเชือกม้วนนั้นให้
“เอ๊ะ”
“ทำไมเหรอครับ” รอนถาม
“ป เปล่าครับ ไม่มีอะไร” ทหารยามรับเอาเชือกเวทมนตร์ไปมองอย่างงงๆ ปกติเชือกนี้จะดูดมานาในร่างคนที่ถูกสวมไว้และจัดการรัดไว้อย่างแน่นหนา แล้วทำไมหนุ่มคนนี้ถึงถอดออกได้
หรือว่าเชือกจะเสีย?
ทหารยามปิดประตูกรงลงและบอกกับรอนอย่างสุภาพ
“เมื่อข้าเปิดการใช้งานของอุปกรณ์เวทมนตร์นี้ ขอให้ท่านอยู่ที่เตียงนะครับ อาจจะมีอาการอ่อนเพลียไม่มีกำลังสักหน่อย แต่ว่าไม่ได้มีอันตรายใดๆ”
“เอ่อ ขอบคุณครับ” รอนตอบอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เขาเดินไปที่เตียงและล้มตัวลงนอนตามที่ทหารยามบอก ทหารยามนายนั้นกดไปที่สัญลักษณ์ที่หน้าประตู จากนั้นก็กดสัญลักษณ์บางอย่างแล้วก็เดินไปนั่งที่โต๊ะ
“หืม ไม่ได้ล็อคกุญแจเรอะ แปลกดีแฮะ” รอนพึมพำ แล้วก็นอนต่อ แม้จะไม่มีอาการอ่อนเพลียใดๆเกิดขึ้นตามที่อีกฝ่ายบอกแต่เขาก็ไม่ได้สงสัยอะไรด้วยว่ามันคือครั้งแรกที่เขาถูกขังในที่แบบนี้
ก๊อกๆๆ
“เฮ้ นายน่ะ มานี่หน่อยซิ” ทหารในเกราะสีดำคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาเรียกทหารยามคนนั้น ทหารยามมองอย่างสงสัยแต่ก็ลุกเดินออกไป
เพียงครู่เดียวก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา
“ฮ่าๆๆ เจ้าเด็กบ้า คงคิดไม่ถึงสินะว่าจะมาตกอยู่ในสภาพนี้” เสียงดังมาจากหน้าห้องขัง รอนเลื่อนมือไปที่กระเป๋าเสื้อก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นนั่งบนเตียง
“ฮ่าฮ่า เจ้าโง่ เป็นยังไงบ้าง รสชาติห้องขังพลังเวทเป็นยังไงบ้าง” หัวหน้าตระกูลซิลเวอร์รอนบอก “ห้องขังที่ดูดพลังเวทของผู้ถูกขังมาเพื่อใช้ล็อคประตู เจ้าคงจะไม่เคยเจอล่ะสิฮ่าฮ่าฮ่า”
“เดี๋ยวเจ้าก็จะเจอตัดสินโทษ แต่เพื่อให้โทษมันหนักชัดเจนยิ่งขึ้น พวกข้าเลยมีของขวัญมาฝากเจ้า” หัวหน้าตระกูลเซเลนิคเดินเข้ามาพร้อมกับเข็มขัดมีดสั้น จากนั้นโยนเข้าไปในห้องขังผ่านทางลูกกรง “เจ้าเตรียมตัวรับโทษได้เลย การแอบเอาอาวุธเข้ามาในวังโดยไม่ได้ลงทะเบียนถือเป็นเรื่องร้ายแรง เจ้าเตรียมตัวได้เลย”
“แต่พวกท่านก็เอามีดสั้นใส่สร้อยเก็บของมาเพื่อใส่ร้ายผมไม่ใช่เรอะ” รอนตอบกลับไป
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็คือ เมื่อรอนเดินตามหัวหน้าตระกูลซิลเวอร์รอนเข้าไปในทางเดินนั้น จู่ๆอีกฝ่ายก็ชักมีดออกมาจากสร้อยและเฉือนฟันตนเองก่อนจะเก็บมีดเข้าไป พุ่งเข้าสวมสร้อยใส่คอของเขาแล้วร้องตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว
ช่องทางเดินนี้เป็นที่โล่งไม่มีที่ให้ทิ้งสร้อย ไม่มีที่ให้หลบ และไม่มีพยาน
“เจ้าเด็กโง่ ใครจะเอาของที่ลงทะเบียนแล้วมาจัดการเจ้า ทั้งสร้อยเส้นนั้น มีดเล่มนั้น ไปจนถึงเข็มขัดมีดสั้นนี่ พวกเราเอาเข้ามาด้วยวิธีพิเศษทั้งนั้น” หัวหน้าตระกูลเซเลนิคบอก
“ฮ่าฮ่า พวกเรา ดื่ม ดื่มให้กับความพินาศของมัน” ชายหัวหน้าตระกูลทั้งสามยกแก้วเหล้าในมือขึ้นชนแก้ว และจิบดื่ม
ก๊อกๆๆ
ทหารเกราะดำคนนึงเดินลงมา กระซิบอะไรบางอย่างกับคนทั้งสาม ทั้งสามตาเป็นประกายแล้วรีบเดินขึ้นไป
“เป็นโอกาสที่ดีของเจ้าจริงๆ เดี๋ยวพวกข้าจะไปพาคนที่จะให้ข้อเสนอดีๆกับเจ้าลงมา ถ้าเจ้าตกลงก็พอจะมีโอกาสรอด”
หัวหน้าตระกูลทั้งสามเดินขึ้นบันไดไป โดยวางแก้วทิ้งไว้ รอนส่ายศีรษะเลื่อนมือไปที่กระเป๋าเสื้ออีกครั้ง เจ้าพวกนี้ยุ่งวุ่นวายกับเขาไม่เลิกรา ขนาดครั้งที่แล้วพลาดท่าเสียทีเขาจนต้องอพยพออกจากเมืองกาล่าไปครั้งนึงแล้ว ครั้งนี้ก็ยังคิดหาเรื่องเขาอีก
ยิ่งคิดยิ่งโมโห ถ้าไม่เอาคืนคงไม่สบายใจ ว่าแต่จะเอาคืนยังไงดีไม่ให้เดือดร้อนทีหลังฟะ
เด็กหนุ่มมองไปที่โต๊ะข้างนอกเห็นแก้วไวน์ทั้งสามแล้วนึกขึนได้ เขาล้วงเอายาหยอดตาออกจากกระเป๋ากางเกง ยาหยอดตาที่เหลืออีกสี่ขวดเมื่อก่อนหน้านี้ปรากฎขึ้นบนมือของเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
“ฮี่ฮี่ฮี่”
เด็กหนุ่มผลักประตูห้องขังออก ประตูเวทมนตร์ที่ต้องอาศัยมานาของผู้ถูกขังเป็นพลังงานถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย รอนเดินออกไปที่แก้วเหล้าแล้วเปิดฝายาหยอดตา บีบยาหยอดตาลงไปในแก้วทั้งสามใบอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบกลับเข้าห้องขังและปิดประตูอย่างเงียบกริบ
ตึกตึกตึก ตึกตึกตึก
เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาตามด้วยเสียงเปิดประตู ประตูไม้เปิดออกตามด้วยร่างอ้วนๆของชายหัวโล้นในโทกาสีม่วงถือแก้วเหล้าเข้ามา
“อืม เจ้าหนุ่ม คิดไม่ถึงสินะว่าตนเองจะตกอยู่ในสภาพนี้” จัสตินบอก “นี่แหละการลงโทษของหนูสกปรกที่ต้องการโงหัวขึ้นมา”
รอนขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหันไปตรงกับคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า มือจับกระเป๋าเสื้อเบาๆ
“แต่ข้ามีข้อเสนอให้เจ้า ถ้าเจ้าทำตาม นอกจากจะได้เงินทองทรัพย์สินแล้ว เจ้ายังจะสุขสบายไปอีกตลอดทั้งชีวิต”
“ยังไง?” รอนถามสั้นๆ
“เจ้าเพียงแต่ทำสัญญาว่าจะส่งสินค้าของร้านARMAMENTทั้งหมดที่จะขายในเมืองหลวงให้กับข้า แล้วข้าจะแบ่งส่วนแบ่งให้เจ้าอย่างเป็นธรรม”
“เท่าไหร่ครับ” รอนถามอย่างสนใจ
“40:60”
“นี่หมายถึงเฉพาะกำไรใช่ไหมครับ”
“เจ้าบัดซบ จากราคาขายสิ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึไง” จัสตินตวาด
รอนส่ายหน้าอย่างระอา แม้ว่าการแบ่งแบบนี้เขาจะได้กำไรอยู่ดี แต่ว่ามันเป็นการแบ่งกำไรที่ไร้สาระมาก เจ้าพวกนี้ไม่ได้ลงทุนอะไรเลยแต่คิดจะเอาเงินขนาดนั้น ขณะที่เจ้าของสินค้ากลับต้องแบกรับทั้งต้นทุนและกำไรไปด้วย”
“ไม่ตกลง กลับไปซะเถอะ”
“หนอย แก!” หัวหน้าตระกูลเซเลนิคตรงไปที่ประตูเพื่อจะเปิดเข้าไป แต่ขณะที่เขายื่นมือไปจับลูกกรงนั้นเอง
“อ๊ากกกกกกก”
ร่างของหัวหน้าตระกูลเซเลนิคถอยออกมา มือยังชาอยู่จากแรงดูดมานาของห้องขัง เสียงฉับดังขึ้นพร้อมตัวล็อคประตูที่ทำงานเมื่อได้รับมานาเข้าไป
“ไม่ต้องเข้าไป เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปก็ได้” จัสตินบอกก่อนจะดึงเอาของอย่างหนึ่งออกมาจากแหวนและโยนเข้าไปในห้องขัง “ถ้าหากเป็นแค่อาวุธก็อาจจะ
อ้างว่าพกไว้ตามปกติและหลงลืม แต่ถ้าเป็นของสิ่งนี้ล่ะก็ไม่มีทางแก้ตัวได้แน่นอน”
ขวดแก้วสีขุ่นอุดไว้ด้วยจุกไม้ตกลงไปกลิ้งบนพรมในห้องขัง
“ยาพิษ!”
“ถูกต้อง ยาพิษ เป็นชนิดที่เมื่อออกฤทธิ์แล้วจะทำให้แยกไม่ได้จากการกินอาหารผิดสำแดง คนที่กินจะเกิดอาการเวียนหัวคลื่นไส้แล้วจะมัวแต่ไปใช้เวทรักษา กว่าจะรู้ตัวว่าถูกพิษแล้วใช้เวทถอนพิษให้ถูกต้องก็อาจจะช้าไปแล้ว” จัสตินอธิบาย
“ฮ่าฮ่าฮ่า และหลังจากแกอธิบายไม่ได้ว่าเอายาพิษเข้ามาในงานเลี้ยงทำไม ต่อให้แกมีเงินมากแค่ไหนก็ช่วยอะไรไม่ได้อีกแล้ว” จัสตินหัวเราะขึ้น “พวกลูกน้องของแก รวมไปถึงแม่สาวน้อยสองคนนั่น ข้าจะขอรับเอาไว้เองฮ่าฮ่าฮ่า เอ้า พวกเรา ชนแก้ว!”
ทั้งสี่คนชนแก้วและหัวเราะขึ้นดังๆพร้อมๆกันก่อนจะดื่มลงไป รอนเฝ้ามองคนทั้งสี่กระดกแก้วขึ้นอย่างเงียบๆ มีเพียงหัวหน้าตระกูลเซเลนิคเท่านั้นที่กระดกแก้วแล้วรู้สึกแปลกๆจึงเพียงแค่จิบไปเบาๆนิดเดียว
“อ้าว ทำไมไม่ดื่ม” จัสตินขมวดคิ้วที่ลูกน้องไม่ยอมดื่มด้วย
“ครับๆ” เขารับคำก่อนจะตัดใจดื่มลงไปทั้งที่แปลกๆ
“เจ้าหนุ่มเอ๋ย แกคงคิดว่าการที่แกเลือกช่วยเหลือจัดหาอาวุธดีๆในราคาถูกให้ฝ่ายทหารและพระราชาจะเป็นผลดีกับแกสินะ” จัสตินบอกอีกครั้ง “เดี๋ยวพอเที่ยงคืน พอพระราชาหน้าโง่นั่นมาเปิดงาน พวกเราก็จะจัดการให้มันตัดสินแก ให้มันลงมือตัดสินประหารคนที่พยายามจะช่วยมันกับมือตัวเอง ฮ่าฮ่าฮ่า”
จัสตินหันหลังกลับเดินออกไป ส่วนหัวหน้าตระกูลทั้งสามก็กระหยิ่มยิ้มและหันหลังกลับจะตามขึ้นไป
รอนคิดขึ้นในฉับพลันและพูดออกไป
“ไอ้คนที่มาจับกรงเมื่อกี้นี้น่ะ อย่าเพิ่งไป” รอนเรียกหัวหน้าตระกูลเซเลนิคที่เดินรั้งท้าย จนคนทั้งสามหันกลับมา
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวทหารยามกลับมาเห็นจะยุ่ง”
“พวกท่านขึ้นไปก่อน ข้าจะดูซิว่า มันจะพูดอะไร” หัวหน้าตระกูลเซเลนิคพูดก่อนจะเดินกลับเข้ามา “ไง มีอะไรจะเจรจาก็ว่ามา”
“ในเหล้าของพวกท่านมียาพิษ”
“พูดบ้าๆ เรื่องที่จะพูดมีแค่นี้เรอะ”
รอนยิ้มที่มุมปาก “เอาเถอะ เดี๋ยวท่านก็จะรู้เอง แล้วจำคำพูดของข้าไว้แล้วกัน”
หัวหน้าตระกูลเซเลนิคมองแก้วเหล้าในมือ นึกถึงรสชาติแปลกๆเมื่อครู่แล้วก็เดินกลับขึ้นไป
รอนรอให้ทุกคนเดินขึ้นไปแล้วจึงก้มมองลงไปที่กระเป๋าเสื้อ หยิบโทรศัพท์มือถือที่เสียบในกระเป๋าเอาไว้ออกมา กดหยุดอัดคลิปแล้วกดรีเพลย์ใหม่
“ภาพชัดใช้ได้แฮะ เจ้าพวกสามตระกูลใหญ่นี่มันไม่รู้จักจำ ครั้งที่แล้วเจออัดเสียงไป ครั้งนี้ก็ยังไม่เข็ดอีก … สเตตัส”
เวลาในหน้าจอบอกว่าอีก10นาทีจะเที่ยงคืน รอนเดินไปหยิบขวดยาพิษและเข็มขัดมีดสั้น เดินค้นในห้องขังว่ามีอะไรที่จะใช้ปรักปรำเขาได้อีกหรือไม่ เมื่อเห็นแน่ชัดว่าไม่มีอะไรแล้ว เขาก็เก็บของทั้งสองชุดไว้กับตัวแล้วก็วาร์ปหายไปจากห้องขัง