Midterm Fantasy - ตอนที่ 105
“รอน … เด็กคนนั้นชื่อรอน” หมอเคพูดออกมาเรียบๆ
“เอ๊ะ” เจนอุทานออกมา เธอไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะยอมง่ายๆแบบนี้
“แกไม่ได้หลอกพวกเราแน่นะ” เจนัสหรี่ตามอง
“เอาแบบนี้ พวกเธอลองไปที่โต๊ะพยาบาลจากนั้นเอาสมุดทะเบียนมาดูได้ เด็กคนนั้นบาดเจ็บมาเย็บแผลและมาทำแผลหลายครั้ง เช็คชื่อจากในนั้นได้
“แจน ไปเอามา” เจนัสสั่งแล้วหันกลับมาหาหมอ “ทำไมแกยอมบอกง่ายขนาดนี้ หลอกอะไรพวกเราอยู่หรือเปล่า”
“โอย พวกเธอนี่คิดดูดีๆ ถ้าผมไม่ตอบ พวกเธอคิดจะทำอะไรต่อ”หมอหนุ่มถาม
“ซ้อมแกจนกว่าแกจะยอมบอก” เจนัสบอก
“แล้วถ้าผมยังไม่ยอมบอกอีกล่ะ”
“ก็ตบนังนั่นจนกว่าแกจะยอมบอก” เจนัสชี้ไปที่พยาบาลที่ชื่อแพรว”
“นั่นไง ซึ่งผมก็ต้องบอก”
“อุ้ย” เจนัสอุทาน
“นั่นไง” เจนร้อง
ขณะที่แก้มของพยาบาลสาวแดงเรื่อขึ้นด้วยความอาย แจนก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับสมุดทะเบียนและเวชระเบียนของรอน
“ใช่จริงๆค่ะ เจ้าเด็กนั่นชื่อรอนจริงๆ แต่ในนี้ไม่มีที่อยู่ของมันค่ะ” แจนบอก “มีแต่โรงเรียน”
สามสาวแห่งแก๊งค์เมษาหันไปมองหน้าหมอเคพร้อมๆกัน
“ไม่ต้องมองผมแบบนั้น ก็ตอนนั้นที่เด็กนั่นมา เขาบาดเจ็บมาจากโรงเรียน ดังนั้นที่อยู่ในแผ่นเวชระเบียนก็เลยเป็นที่อยู่โรงเรียนของเขา” หมอเคบอก “แต่เรื่องนั้นไม่ต้องคิดมากหรอก เพราะตอนมาทำแผลผมถามเขาเรื่องที่อยู่เผื่อจะต้องส่งใบรับรองแพทย์ไป ผมพิมพ์ที่อยู่ไว้ในเวชระเบียนอิเล็คโทรนิกส์ที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์แล้ว”
“เปิดดูซิ” แจนบอกพยาบาลที่นั่งเหงื่อแตกที่โต๊ะ พยาบาลกด HN ของรอน ชื่อและภาพของรอนโผล่ขึ้นมาบนหน้าจอ จากนั้นกดไปที่ช่องประวัติ ที่อยู่ของรอนในคอมพิวเตอร์ปรากฎขึ้นมา
เจนยกกล้องมือถือถ่ายรูปหน้าจอเอาไว้ เจนัสยิ้มอย่างพึงพอใจ
“ดูเหมือนหมอจะอยู่เป็นนะ” เจนัสชม
หมอเคถอนหายใจเล็กๆไม่พูดอะไร
“ไปกันพวกเรา ไปหาเจ้าเด็กนั่นกัน”
“ที่อยู่มันห่างจากที่นี่แค่10นาทีเองค่ะพี่เจนัส” แจนบอกหลังจากคีย์ลงไปในโปรแกรมแผนที่
“ดี ไปกันเลย”
สามสาวเดินออกจากห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว คนไข้และเจ้าหน้าที่ในนั้นต่างค่อยๆถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนที่หลายสายตาจะหันไปมองที่หมอเคอย่างตำหนิ
“น่าขายหน้า ไร้จรรยาบรรณ เปิดเผยประวัติคนไข้เพื่อเอาตัวรอด” เสียงชายคนหนึ่งพูดขึ้นจนคนหลายคนหันไปมองหน้าหมอเคอย่างไม่ค่อยพอใจ
ขณะที่พยาบาลและเจ้าหน้าที่อื่นๆในห้องนั้นมองไปที่ชายคนนั้นด้วยสายตาที่เกรี้ยวกราด
“หุบปากไปเลย ก็เพราะคุณไม่ใช่เหรอที่พาผู้หญิงสามคนนั้นเข้ามา วันนี้หมอเคทำเรื่องลาไปแล้วด้วยซ้ำ” แพรวบอกขณะใช้ผ้าซับเลือดที่ปากของหมอ “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณโกหกว่าแม่เคยรักษากับหมอเค แล้วต้องการให้หมอเคมาเขียนสรุปประวัติการรักษาให้โดยด่วน หมอเคก็ไม่ต้องย้อนกลับมาให้เจอสามคนนั่นบีบให้พูด”
สายตาอื่นๆมองกลับไปที่ชายคนนั้นอีกครั้งก่อนที่เขาจะเดินออกไป
ธนัทหงุดหงิดเป็นที่สุด เขาถูกสามสาวแก๊งค์เมษาโทรเรียกบีบให้มาที่โรงพยาบาลและหาทางทำให้หมอเคย้อนกลับมาโดยไม่ให้สงสัย เขาไม่มีทางเลือกสักหน่อย เขาเป็นแค่นักข่าวธรรมดาเท่านั้น
ยิ่งคิดเขายิ่งละอายแทนที่หมอเคเปิดเผยข้อมูลของรอนออกไปโดยไม่สนใจจรรยาบรรณ
คนเดี๋ยวนี้เป็นอะไรกันไปหมด!
ธนัทหัวเสียเดินไปตามถนนที่มืดมิด เหลือบมองดูนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาเที่ยงคืนพอดี
ขณะเดียวกันรอนและแพทวาร์ปข้ามไปที่หมู่บ้านโอลเซ่นเช่นเคย
ช่วงวันที่สอบแข่งขันหลายวันมานี้ รอนไม่ได้ปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆ แต่ละวันเขาจะขนอาวุธที่ซื้อมาจากหลิวลี่จง หรืออีกชื่อคือ SleeplessInCanton
ก่อนหน้านี้เขาขนได้เพียงครั้งละสองลังเท่านั้น แต่พอหลังจากที่เขาแสดงความต้องการจะขนของมาขายอย่างจริงจัง แพทก็อาสาช่วยขนลังอาวุธด้วยคน ทำให้ของที่ขนข้ามมาได้เพิ่มเป็นวันละ 4 ลัง
ทีแรกเขาไม่คิดว่าเด็กสาวรูปร่างผอมบางอย่างแพทจะยกของหนักขนาดนั้นได้ไหว หากแต่เมื่อให้ทดสอบเอาจริงๆแล้วปรากฎว่าแพทยกของได้หนักกว่าเขาเสียอีก!
ยิ่งคิดรอนยิ่งอิจฉา ดูเหมือนศิลานักปราชญ์ที่แพทใช้จะเจ๋งกว่าของเขา ทั้งใช้เวทมนตร์ได้ ทั้งมีพลังเวทมนตร์ แถมตัวเธอยังมีพลังการคาดการณ์ที่แม่นยำอีก
ในทางกลับกัน
“โอยๆๆ Bonus stat หมดแล้ว” แพทบ่น “นี่ขนาดเอาที่เหลือไปใส่ที่ช่อง STR จนหมดยังยกของได้แค่ข้างละ 150 กิโลเอง”
“แต่จะว่าไป ทำไมศิลานักปราชญ์ของรอนถึงพลังน้อยจัง ทำไมBonus statน้อยกว่าของเราอีก”
แพทไม่รู้ว่ารอนยังไม่ได้ใช้Bonus Stat
ส่วนรอนก็ไม่รู้ว่าเจ้าเลข300กว่าๆที่มุมด้านขวานั่นคืออะไรต่อไป
“ท่านรอนท่านแพท ตื่นแล้วเหรอครับ” เบรเซอร์ทัก
“ครับคุณเบรเซอร์ ขบวนส่งสินค้าออกเดินทางหรือยังครับ”
“ยังครับ ตอนนี้ทุกคนรอของอีกสี่ลังที่คุณรอนบอกว่าจะมาเพิ่ม”
“ดีครับ งั้นพวกเราไปกันเลย”
รอนกับแพทหิ้วลังไม้4ลังเดินตามพ่อเฒ่าหัวหน้าหมู่บ้านเดินไปที่โรงไม้
“สวัสดีครับคุณเรย์” เด็กหนุ่มทักกัปตันแห่งกองทหารม้า เรย์โบมือทักทายตอบ
“คุณรอน นั่นคือของที่ว่าใช่ไหมครับ”
ลังอาวุธ 4 ลังถูกวางลง กลาสที่ทำหน้าที่ผู้จัดการร้าน ARMAMENT ตรวจสิ่งของอีกรอบหนึ่งก่อนจะสั่งคนให้ยกขึ้นรถไป
“นี่คือทองคำตามที่ตกลงกันไว้ครับ สำหรับสินค้า 12 ลัง” กัปตันเรย์สั่งทหารให้ยกหีบเหรียญทองให้รอน “ส่วนสินค้า 4 ลังนี้เราจะจ่ายให้กับคุณกลาสเมื่อกลับไปถึงเมืองนะครับ”
รอนพยักหน้า เงินค่าสินค้า 4 ลังนี้จะเป็นค่าใช้จ่ายให้กับร้าน ARMAMENT ในการดำเนินงานและขยายสาขาไปยังเมืองต่างๆ
รอนมองดูกัปตันเรย์ควบม้าออกไป พู่หมวกสีแดงของผู้นำกองทหารม้าค่อยๆลับไปจากสายตา ตามด้วยกองคาราวานขนส่งสินค้า และกองทหารราบที่ใช้อาวุธใหม่เอี่ยมของร้านARMAMENT ที่เดินปิดท้าย
ของที่ขายไปในครั้งนี้12ลัง
มีหัวหอก 6 ลัง 6000 หัว หัวหอกซัด 3ลัง 6000 หัว มีดยาว 3 ลัง 12000 เล่ม
พอหัก50%ที่จะช่วยเหลือท่านโซล่าในการปรับปรุงเมือง เงินที่ได้ก็คิดเป็นเหรียญทอง 18000 + 9000 + 12000 เหรียญทอง ก็คิดเป็นเงิน 39000 เหรียญทอง
ที่ขายอาวุธได้มากขนาดนี้เป็นเพราะท่านโซล่าที่ปรับปรุงกองทหารด้วยอาวุธชุดใหม่แล้วส่งข่าวกลับไปที่เมืองหลวงของแอสคาลอนว่ามีร้านค้าที่นำเข้าสินค้าจำนวนมากและพร้อมจะขายให้เจ้าเมืองของอาณาจักรแอสคาลอนอื่นๆ และหลังจากท่านโซล่าส่งตัวอย่างอาวุธไปให้เจ้าเมืองอื่นๆดูแล้ว ผลก็คือ เจ้าเมืองทั้งหลายต่างสนใจอย่างเป็นที่สุด
หัวหอกโอริค่อน ที่แข็งแกร่งแวววาวทนทาน
หัวธนูที่คมกริบทั้งแข็งแกร่งและเนื้อเหนียวเจาะหนังมอนสเตอร์ได้
มีดขว้างที่ทั้งคม แข็งแกร่ง และน้ำหนักกระจายตัวอย่างน่าอัศจรรย์
อาวุธที่แข็งแกร่ง ทนทาน สม่ำเสมอได้มาตรฐานรูปร่างสมมาตรได้สัดส่วน เทียบเท่าฝีมือของช่างโลหะคนแคระระดับกลาง หากแต่ราคาถูกกว่าครึ่งต่อครึ่ง แถมยังมีให้ซื้อได้ในปริมาณมากอีก ทำให้เจ้าเมืองทั้งหลายต่างพรีออเดอร์กันเป็นแถว
รอนเดินตามพ่อเฒ่าเบรเซอร์กลับไปที่บ้านของพ่อเฒ่า จากนั้นแบ่งเงินจำนวน 7000เหรียญทองให้พ่อเฒ่าแอบเก็บไว้ จากนั้นก็คุยกับพ่อเฒ่าเพื่อเตรียมการอะไรบางอย่าง
แผนพัฒนาหมู่บ้านที่รอนคิดเอาไว้ต้องใช้เงิน และนี่คือเงินที่จะใช้ในการพัฒนาหมู่บ้านให้ปลอดภัยยิ่งๆขึ้นไป
“ว่าแต่ 3 วันมานี้ไม่เห็นโรล่าเลยนะคะ” แพทถามขึ้น “ตั้งแต่เหตุการณ์เสือดำครั้งนั้นแล้ว มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“จริงด้วย วันก่อนเหมือนกับจะเห็นโรล่าแวบๆ แต่ได้คุยกับแป๊บเดียวเอง” รอนบอก
“จะว่าไปมันก็ใช่ สามวันนี้โรล่าไม่ได้กลับมาพักที่บ้านนี้เลย ก็ตั้งแต่กลับมาเห็นว่าต้องดูแลเสือดำแม่ลูกอ่อนตัวนั้นน่ะ”เบรเซอร์บอก “ข้าเองก็ไม่ค่อยได้คุยด้วยเหมือนกัน แค่ทักทายกันตอนเช้าเท่านั้นเอง”
รอนพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะขอตัวออกกลับออกมาพร้อมกับแพท
“ตอนนี้ไม่มีสอบแล้ว ต่อไปเราทำอะไรต่อดีล่ะ”
“ฝึกอาวุธสิรอน อย่าลืมสิ เดี๋ยวพอคืนนี้เธอวาร์ปกลับไปที่โลกเธอต้องทำอะไรต่อ” แพทเตือน “แน่ใจนะว่าไม่ให้เราช่วย”
“ไม่ต้องหรอกไม่ต้อง” รอนปฏิเสธก่อนจะมองไปข้างหน้า “เอ๊ะ นั่นโรล่านี่นา” โรล่าเป็นไงบ้าง
“คุณรอน!” เด็กสาววิ่งตรงมาหารอนทันทีด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม “เห็นว่าขนส่งสินค้าให้พวกคุณเรย์เหรอคะ”
“ใช่ เพิ่งส่งให้เมื่อกี้นี้เอง” เขาตอบ “เมื่อกี้เพิ่งจะคุยกับคุณเบรเซอร์อยู่เองว่าไม่ค่อยเห็นหน้าโรล่าเลย”
“อ๋อ ช่วงนี้ชั้นต้องดูแลเสือดำแม่ลูกน่ะค่ะ จัดที่ให้มันอยู่แล้วก็จัดการหาอาหาร กับพาแม่เสือออกไปล่ามอนสเตอร์ เลยยุ่งๆหน่อย” เด็กสาวตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
แพทลอบมองใบหน้าอันยิ้มแย้มนั้นด้วยความรู้สึกโล่งอก ตอนแรกเธอนึกว่าเพราะเหตุการณ์ในวันนั้นจะทำให้โรล่าเกิดความรู้สึกเกร็งไม่กล้าสู้หน้าคนอื่นๆจนต้องหลบหน้าซะอีก
แต่เอ๊ะ ไม่ได้สิยัยแพท เธอจะมาโล่งอกกับเรื่องนี้ไม่ได้นะ เธอต้องตระหนกสิ
“คุณแพทเป็นอะไรหรือเปล่าคะ สีหน้าไม่ดีเลย” โรล่าถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นแพททำหน้าตาบอกไม่ถูก
“อ้อ เปล่าๆๆๆ ไม่มีอะไรค่ะ ว่าแต่พวกเราไปเยี่ยมดูแม่เสือลูกเสือได้ไหมคะ” แพทรีบตอบ
โรล่าสะดุ้ง แล้วมีสีหน้าแข็งขึ้นทันที
“มะ ไม่เหมาะมั้งคะ คือเจ้าเสือนี่มันยังไม่ค่อยคุ้นคน ถ้าคนไปดูมากๆมันจะเครียดเอาได้ค่ะ เอ่อ โรล่าขอตัวก่อนนะคะ”
เด็กสาวขอตัวและรีบเดินไปทันทีท่ามกลางความแปลกใจของแพทและรอน
“เค้าเป็นอะไรของเค้ากันนะ”
“แปลกจริง แต่ช่างเถอะ รอน วันนี้มาฝึกอาวุธกัน”
“โอเค”
วันนั้นทั้งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดเที่ยงคืนเขาก็วาร์ปกลับมาที่โลก เด็กหนุ่มปรับสายตาให้เข้ากับความมืดภายในโกดังริมท่าน้ำ จากนั้นกดเปิดไฟฉาย ล้วงเอาม้วนเวทเพิ่มความเร็วและม้วนเวทโกเลมออกมาจากกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง
“เครื่องรางรักษา พร้อม กำไลเพิ่มพลัง พร้อม โล่เหล็กพร้อม หอกซัด ….”
เขาฉายไฟฉายไปที่กำแพง หอกซัดวางเรียงกันอยู่ในถุงสะพาย 20 กว่าเล่ม
“หอกซัด พร้อม”
กิ๊ง
{คุณรับรู้ได้ถึงจิตสังหาร}
{คุณรับรู้ได้ถึงจิตสังหาร}
{คุณรับรู้ได้ถึงจิตสังหาร}
“มากันแล้วเรอะ”เด็กหนุ่มพูดกับตนเอง “สามคน หวังว่าที่เตรียมการไว้คงพอนะ”
แล้วรอนก็สวมชุดป้องกัน หยิบโล่และหอกก่อนจะเดินออกไปนอกโกดัง