สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 350 ประโยชน์ของมณีผลึก
ซือหม่าโยวเย่ว์มองดูพื้นดินที่แยกตัวออกจากกันแล้วจึงกลืนน้ำลายโดยสัญชาตญาณ
“เย่ว์เย่ว์ แบบนี้ใช้ได้หรือยัง” หลิงหลงถาม
พอซือหม่าโยวเย่ว์เดินเข้าไปเหยียบบนดิน พบว่าดินเหล่านั้นได้กลายเป็นผุยผงไปหมดแล้ว
“ใช้ได้แล้วล่ะ”
เธอเหยียบลงไปแล้วยื่นมือไปลูบฝุ่นดิน หลังจากนั้นจึงหยิบภาชนะออกมาบรรจุมันเข้าไปจนหมด
หลิงหลงแปลงร่างเป็นวิญญาณครวญแล้วนั่งลงบนบ่าเธอพลางถามว่า “เย่ว์เย่ว์ เจ้านำสิ่งนี้ไปทำอะไรหรือ”
“ดินนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าหินธรรมดาทั่วไปเสียอีก ข้าเก็บมันเอาไว้กลับไปถามเจ้าอ้วนว่าต้องการมันหรือไม่ ข้าว่าฝุ่นดินนี่ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่งเลย” ซือหม่าโยวเย่ว์ตอบ
หมัวซาที่อยู่ข้างๆ คิดไม่ถึงว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะเฉียบแหลมถึงเพียงนี้ ดินที่ถูกหินแก้วผลึกมนตราเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นวัสดุสำหรับหลอมวัตถุที่พบเห็นได้ยากในโลกหล้าอย่างแท้จริง
ซือหม่าโยวเย่ว์เก็บดินเหล่านั้นไปจนหมด หลุมจัตุรัสใหญ่ขนาดสิบเมตรลึกสองเมตรปรากฏขึ้นในพื้นดิน ตรงกลางหลุมมีอัญมณีผลึกสีดำสูงห้าสิบกว่าเซนติเมตรอยู่ก้อนหนึ่ง
“นี่คือหินแก้วผลึกมนตราอย่างนั้นหรือ ชิ้นใหญ่น่าดูเลยนะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์ปัดฝุ่นดินบนหินแก้วผลึกมนตราทิ้งไป จึงเผยให้เห็นลักษณะเดิมของหินแก้วผลึกมนตรา
หมัวซาก็คิดไม่ถึงว่าจะมีหินแก้วผลึกมนตราขนาดใหญ่โตเช่นนี้อยู่ด้วย ก้อนใหญ่ที่สุดที่เคยเห็นมาก็มีขนาดไม่เกินหัวคนเท่านั้น แต่ก้อนตรงหน้านี้มีขนาดเป็นสองเท่าของก้อนนั้นเลยทีเดียว
“หมัวซา ที่แท้แล้วของสิ่งนี้มีประโยชน์อย่างไรกันแน่” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“หินแก้วผลึกมนตราไม่มีประโยชน์ต่อผู้อื่น แต่สำหรับคนภพมารแล้ว นี่คือมณีผลึกที่หายากยิ่งกว่ามนุษย์อย่างพวกเจ้าเสียอีก” หมัวซาพูด
“มณีผลึกคือสิ่งใดหรือ มีประโยชน์เช่นไร”
หมัวซานึกขึ้นมาได้ว่าดินแดนแห่งนี้ไม่มีมณีผลึกใดๆ อยู่เลย จึงอธิบายให้เธอฟังด้วยอารมณ์ดีอย่างหาได้ยากยิ่ง “ที่ดินแดนโบราณ การบำเพ็ญของคนเหล่านั้นแตกต่างกับการบำเพ็ญของพวกเจ้าอยู่บ้าง สิ่งที่พวกเขาดูดซับคือพลังวิญญาณ มิใช่ปราณวิญญาณ พวกเขารับพลังวิญญาณที่ต้องการจากภายในมณีผลึกได้ เช่นนี้รวดเร็วกว่าที่พวกเจ้าบำเพ็ญโดยการดูดซับปราณวิญญาณทีละเล็กทีละน้อยมากมายนัก”
“ดูดซับมณีผลึกอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์กะพริบตาปริบๆ จินตนาการไม่ออกว่าจะมีลักษณะอย่างไร
“มีเพียงประชากรทั่วไปของดินแดนโบราณเท่านั้นจึงจะใช้ชั่งทอง ปรมาจารย์วิญญาณทั่วไปจะใช้มณีผลึกในการแลกเปลี่ยน ยิ่งระดับขั้นสูง มูลค่าก็จะยิ่งสูงตามไปด้วย มีบางคนหลังจากได้รับมณีผลึกแล้วมิได้นำมาเป็นเงินตราสำหรับซื้อขายแลกเปลี่ยน หากแต่ดูดซับพลังวิญญาณภายในนั้นเพื่อเพิ่มพูนพลังยุทธ์ของตัวเองโดยตรงเลย” หมัวซาพูด “พลังวิญญาณที่แฝงอยู่ภายในมณีผลึกหายากเหล่านั้นชวนให้คนตกใจ แค่ชิ้นเล็กๆ ชิ้นเดียวก็เทียบได้กับอันธรรมดาทั่วไปนับพันนับหมื่นชิ้นแล้ว”
“หินแก้วผลึกมนตราก็เป็นมณีผลึกหายากเช่นเดียวกัน เพียงแต่มีแค่คนเผ่ามารเท่านั้นจึงจะใช้ประโยชน์ได้อย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์เริ่มเข้าใจขึ้นมา
“ถูกต้อง” หมัวซาพยักหน้า “เมื่อข้าผสานรวมกับกายเนื้อแล้วก็จะต้องการพลังมารอย่างมหาศาล หินแก้วผลึกมนตรานี้สามารถชดเชยในส่วนนี้ให้ได้พอดี”
“เช่นนั้นหลังจากที่ท่านผสานรวมแล้ว ศิษย์พี่ของข้าจะไม่หายสาบสูญไปหรอกหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถามอย่างเป็นกังวลอยู่บ้าง
ถึงแม้ว่าอูหลิงอวี่จะมิใช่คนดีอะไร แต่ถึงอย่างไรก็เป็นศิษย์พี่ของเธอ เห็นมารเฒ่าให้ความสำคัญกับเขามากขนาดนั้น ถ้าหากเขาหายตัวไปจากโลกใบนี้จริงๆ แล้วเขาจะเสียอกเสียใจมากเพียงใดเล่า
หมัวซารู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาในทันใด จึงถามด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “เจ้าใส่ใจเขาขนาดนั้นเชียวหรือ”
“ดีร้ายอย่างไรเขาก็เป็นศิษย์พี่ของข้านี่นา” ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่รู้ว่าเหตุใดหมัวซาจึงเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหัน
“แล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่เป็นกังวลว่าข้าจะหายสาบสูญไปหรือไม่บ้างเล่า” หมัวซาไม่พอใจ ถึงแม้ว่าอีกครึ่งหนึ่งจะเป็นวิญญาณของตนเช่นเดียวกัน แต่เมื่อเห็นเธอเป็นห่วงอูหลิงอวี่โดยไม่เป็นห่วงตน ก็อยากจะผลาญทำลายเจ้าอูหลิงอวี่ วิญญาณอีกครึ่งหนึ่งยิ่งนัก
“เป็นห่วงท่านหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองหมัวซาแล้วเอ่ยว่า “พลังยุทธ์ของท่านแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ยังต้องเป็นห่วงด้วยหรือ วิญญาณของศิษย์พี่อ่อนแอเช่นนั้น แต่ตอนนี้ท่านแกร่งกล้าเพียงนี้ หากเกิดเรื่องก็จะต้องเกิดกับเขา ไม่ใช่ท่านอย่างแน่นอน”
“เจ้าเชื่อมั่นในตัวข้าขนาดนี้เลยหรือ” เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนี้ เขาก็สบายใจขึ้นมากพอสมควร
“แน่นอนอยู่แล้วสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าโดยไม่ต้องคิด
หมัวซาอารมณ์ดีขึ้นมาอีกครั้งแล้วเอ่ยว่า “พวกเราทำการผสานรวม มิใช่การกลืนกิน เจ้าวางใจเถิดนะ”
“อ้อ” ซือหม่าโยวเย่ว์รับคำเสียงหนึ่ง
เหตุใดตอนนี้เจ้านี่จึงเปลี่ยนสีหน้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าสตรีเสียอีก
“มีคนมาแล้ว” หมัวซาพูดพลางใช้หมอกดำสายหนึ่งม้วนเก็บหินแก้วผลึกมนตราขึ้นมา แล้วนำมันเข้าไปในสร้อยข้อมือม่านถัว
ไม่นานนัก คนกลุ่มหนึ่งก็เหินทะยานมาจากที่ไกลๆ
“คุณชายซือหม่า เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่” พวกกัวเพ่ยเพ่ยยืนอยู่บนหลังสัตว์อสูรบินได้พลางมองซือหม่าโยวเย่ว์ที่ยืนอยู่ในหลุม
ซือหม่าโยวเย่ว์เงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าพวกเขามากันหมด จึงโบกไม้โบกมือให้พวกเขาพลางเอ่ยว่า “ข้าไม่เป็นไร”
พวกซือหม่าโยวเล่อลงมาจากหลังสัตว์อสูรบินได้ เมื่อเห็นเธอยืนอยู่ในหลุมจึงถามว่า “หาหินแก้วผลึกมนตราพบแล้วหรือยัง”
ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบหินชิ้นเล็กๆ ที่หล่นอยู่ข้างหินแก้วผลึกมนตราเมื่อครู่นี้ออกมาพลางเอ่ยว่า “คือของสิ่งนี้อย่างไรเล่า”
“หินก้อนเล็กแค่นี้ แล้วเจ้าขุดหลุมใหญ่โตเช่นนี้ไปทำไมกันน่ะ” พวกเจ้าอ้วนชวีเข้ามาสมทบด้วย เมื่อเห็นก้อนหินสีดำในมือเธอจึงเอ่ยถามขึ้น
“มิได้ให้เจ้าขุดเสียหน่อยนี่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
เธอหยิบก้อนดินแปลงสภาพที่ยังมิได้กลายเป็นฝุ่นดินโดยสมบูรณ์ออกมาพลางเอ่ยว่า “เจ้าลองดูสิว่าของสิ่งนี้มีประโยชน์ต่อเจ้าหรือไม่”
“ไหนดูซิ” เจ้าอ้วนชวีหยิบก้อนดินขึ้นมา ทันทีที่มือสัมผัสก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่าง “ดินนี่ช่างแข็งแรงทนทานยิ่งนัก! เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามิได้จับตัวเป็นก้อนหิน แต่กลับแข็งยิ่งกว่าก้อนหินเสียอีก!”
“เจ้าลองดูหน่อยว่าทำลายมันให้แตกได้หรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ได้เลย”
เจ้าอ้วนชวีหยิบภาชนะใบหนึ่งออกมาแล้วใส่เศษดินเข้าไป หลังจากนั้นจึงเริ่มทุบตีมัน แต่ผ่านไปหลายนาทีแล้ว ก้อนดินนั้นกลับไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย ทว่าภาชนะที่เขานำมาใช้กลับพังไปเสียแล้ว
เมื่อเห็นเครื่องมือของตนพังไป เจ้าอ้วนชวีกลับไม่เจ็บปวดใจเลยแม้แต่น้อย ทว่าสองตากลับเป็นประกายแล้วเอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “นี่เป็นของดีจริงๆ ด้วย!”
คนตระกูลกัวเห็นเหตุการณ์นี้จึงเอ่ยว่า “นี่คือเศษดินอะไรหรือ จึงได้ทนทานถึงเพียงนี้!”
“ดินที่หินแก้วผลึกมนตราเหนี่ยวนำให้แปรสภาพน่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
เจ้าอ้วนชวีทดสอบดูอีกหลายครั้ง ใช้ทุกวิถีทางก็ยังมิอาจทำให้เศษดินนั้นแหลกสลายได้เลย
“โยวเย่ว์ ของสิ่งนี้ดีก็ดีอยู่หรอกนะ แต่ถ้าทำให้แตกมิได้ ก็ไม่มีประโยชน์น่ะสิ!” เขาร้องคร่ำครวญใส่ซือหม่าโยวเย่ว์
“ให้ข้าลองดูหน่อยสิ” กัวเพ่ยเพ่ยพูด
เจ้าอ้วนชวีมอบสิ่งของให้นาง นางวางมันลงบนก้อนหินใหญ่ตรงหน้า ก่อนจะโจมตีอย่างสุดกำลังภายใต้คำเตือนของซือหม่าโยวเย่ว์
“ปึง…”
ก้อนหินใหญ่ก้อนนั้นถูกโจมตีจนกลายเป็นผุยผง
ทุกคนพากันล้อมวงเข้าไป เจ้าอ้วนชวีขุดลงไปในกองฝุ่นหินหลายชั้น แล้วทุกคนก็ได้เห็นเศษดินที่ยังคงสมบูรณ์ไร้จุดบกพร่อง
“การโจมตีของจ้าววิญญาณก็ยังไร้ผลกับมันเลย!”
คราวนี้แม้กระทั่งกัวเพ่ยเพ่ยก็ยังตกตะลึงอยู่บ้าง เธอหยิบก้อนดินขึ้นมาอีกครั้งแล้วมองดูอย่างละเอียดพลางเอ่ยว่า “วัสดุในการหลอมวัตถุธรรมดาทั่วไป ข้าล้วนได้เห็นมาหมดแล้ว ทว่าแต่ไหนแต่ไรก้ไม่เคยเห็นสิ่งที่ทนทานเช่นนี้มาก่อนเลย ข้าโจมตีอย่างสุดกำลังก็ยังฝากร่องรอยเอาไว้กับมันมิได้เลยด้วยซ้ำ”
“ฮ่าๆ สิ่งล้ำค่า สิ่งล้ำค่า!” เจ้าอ้วนชวีพูดอย่างตื่นเต้น “ถ้าหากข้าใส่ของสิ่งนี้แทรกเข้าไปในปราณวิญญาณ ก็จะต้องยกระดับความแข็งแกร่งของปราณวิญญาณได้อย่างแน่นอน!”
“เจ้าต้องคิดหาวิธีการทำให้เจ้านี่กลายเป็นผงให้ได้ก่อนสิ ไม่อย่างนั้นเจ้าก็ไม่มีทางใช้ประโยชน์จากมันได้เลย” โอวหยางเฟยเอ่ยเตือนเจ้าอ้วนชวีที่ตื่นเต้นจนลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง
เอ่อ…
“ข้าก็คิดหาหนทางอยู่ตลอดนั่นแหละ!” เจ้าอ้วนชวีไม่กังวลใจเลย
กัวเพ่ยเพ่ยมองดูก้อนดินในมือ หลังจากนั้นจึงมองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วถามว่า “คุณชายซือหม่า ก้อนดินนี้ทนทานยิ่งนัก แล้วเจ้าจะจัดการอย่างไรเล่า”
…………………………………………………..