สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 342 แยกย้ายกันเคลื่อนไหว
หลังจากอุโมงค์ทางเดินอยู่ตัวแล้ว เข็มทิศก็ร่วงหล่นลงในอุ้งมือของเฝิงตง
เขาหันมามอบเข็มทิศให้กับซือหม่าโยวเย่ว์พลางเอ่ยว่า “เจ้าหุบเขาน้อย เปิดอุโมงค์ทางเดินเรียบร้อยแล้วขอรับ”
ซือหม่าโยวเย่ว์รับเอาเข็มทิศมาพลางพยักหน้าให้เฝิงตง ก่อนจะทะยานร่างเข้าสู่อุโมงค์ทางเดิน
เป็นดังเช่นที่เฝิงตงพูด มิติอุโมงค์ทางเดินแห่งนี้มิได้มั่นคงนัก เธอเกิดความรู้สึกอยู่ตลอดเวลาที่เดินทางอยู่ภายในนั้นว่าอุโมงค์ทางเดินแห่งนี้อาจจะพังทลายลงมาได้ตลอดเวลา
“โครม…”
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ซือหม่าโยวเย่ว์จึงร่วงออกมาจากมิติอุโมงค์ทางเดินแล้วหล่นลงไปในน้ำ
“ซ่า…”
ซือหม่าโยวเย่ว์โผล่ขึ้นมาจากน้ำแล้วบ้วนน้ำในปากออกมา ก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำบนใบหน้า นึกถึงเรื่องเมื่อครู่แล้วในใจก็ยังหวั่นกลัวอยู่บ้าง
“คิดไม่ถึงว่าห้วงมิติอุโมงค์ทางเดินนี้จะพังทลายลงที่ทางเลี้ยวสุดท้าย ยังดีที่เรามาถึงตรงทางออกแล้ว ไม่อย่างนั้นอาจจะบี้แบนไปแล้วก็ได้”
เธอเงยหน้าขึ้นมองไปรอบทิศ ก็พบว่าที่นี่คือทะเลสาบเล็กๆ แห่งหนึ่ง ขนาดไม่ใหญ่นัก เธอจึงว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง
เมื่อขึ้นไปบนฝั่งและแน่ใจว่าบริเวณรอบด้านไม่มีคนแล้ว เธอจึงหายตัวเข้าไปภายในเจดีย์วิญญาณ
เมื่อทุกคนที่คอยอยู่ภายในเจดีย์วิญญาณได้เห็นซือหม่าโยวเย่ว์เข้ามาพร้อมเสียงสวบสาบ ต่างก็ตกตะลึงกันอยู่บ้าง
หรือว่าเมื่อครู่เธอต่อสู้กับใครที่ภายนอกนั่น
“โยวเย่ว์ เหตุใดเจ้าจึงเปียกปอนไปทั้งตัวเช่นนี้เล่า” ซือหม่าโยวหลานปิดปากหัวเราะแล้วเอ่ยถามขึ้น
“ตอนที่เข้ามาสู่โลกย่อส่วน ก็หล่นลงไปในน้ำทันที” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ข้าขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน หลังจากนั้นค่อยพาพวกเจ้าออกไปแล้วกันนะ”
เพียงไม่นานเธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าออกมา แล้วพาทุกคนออกจากเจดีย์วิญญาณ
คนที่มาในคราวนี้นอกจากพวกเว่ยจือฉีและสี่พี่น้องซือหม่าโยวหมิงแล้ว ยังมีพวกซือหม่าโยวหลินทั้งสี่คนอีกด้วย
“ที่นี่คือโลกย่อส่วนหรือ ดูแล้วคล้ายคลึงกับภายนอกเลยทีเดียว!” ซือหม่าโยวหยางมองไปรอบด้าน ก็มิได้พบว่ามีสิ่งใดพิเศษเลย
“ปราณวิญญาณเข้มข้นกว่าอยู่พอสมควร” ซือหม่าโยวหลินพูด
“นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าพืชพรรณภายในนี้ค่อนข้างมีอายุมากอีกด้วย” ซือหม่าโยวหลานพูด “แล้วข้ายังรับสัมผัสสมบัติฟ้าดินได้อีกด้วย ที่นี่จะต้องมีสิ่งล้ำค่าอยู่มากมายแน่นอน”
“พี่สาว ข้าก็รู้สึกได้เช่นกัน ที่นี่มีสิ่งล้ำค่าอยู่มากมายเลยล่ะ!”เสี่ยวถูพูด
“อันที่จริงแล้วโลกย่อส่วนแบบนี้มีความคล้ายคลึงกับดินแดนบรรพบุรุษของตระกูลซือหม่าเป็นอย่างยิ่ง ทั้งคู่ต่างก็เป็นห้วงมิติอีกแห่งหนึ่ง เพียงแต่ว่าดินแดนบรรพบุรุษนั้นคงที่ ทว่าโลกย่อส่วนพรรค์นี้มีชีวิต ว่ากันว่าเคลื่อนไหวได้ตามกาลเวลา พวกเรามีเวลาหนึ่งปีสำหรับเสาะแสวงหาสมบัติล้ำค่าและยกระดับพลังยุทธ์ภายในนี้” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“มีเวลาเพียงหนึ่งปีเท่านั้นเองหรือ! ถ้าหากครบหนึ่งปีแล้วพวกเราไม่ออกไปเล่า” ซือหม่าโยวหยางถาม
“ถ้าหากไม่ออกไป ก็คงได้แต่ติดอยู่ที่นี่ไปชั่วชีวิต” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “นอกจากนี้ยังไม่รู้ว่าชั่วชีวิตนี้ เมื่อใดที่มันจะมาเชื่อมต่อกับโลกใบนี้อีกครั้งด้วย เป็นไปได้ว่าชั่วชีวิตนี้อาจจะไม่มีใครเข้ามาที่นี่อีกแล้วก็ได้ ถ้าหากเจ้าอยากจะเป็นคนบ้านป่าเมืองเถื่อนอยู่ที่นี่ไปชั่วชีวิต ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะ”
ซือหม่าโยวหยางสั่นสะท้านไปทั้งร่างแล้วเอ่ยว่า “ช่างมันเถิด ข้ายังชื่นชอบโลกอันดารดาษข้างนอกมากกว่าอยู่ดี”
“ตรงนี้ดูอะไรไม่ออกเลย พวกเราลองเดินกันสักทิศทางหนึ่ง ดูว่าจะหาของดีอะไรพบบ้างหรือไม่” ซือหม่าโยวหรานพูด
“ดีเลย โยวหลานรับสัมผัสได้ว่าที่ใดมีสมบัติฟ้าดินอยู่บ้าง” ซือหม่าโยวหยางพูดอย่างเห็นด้วย
ซือหม่าโยวหลานหลับตาลงรับสัมผัสครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทิศทางนั้นมีสิ่งใดอยู่ แต่ระลอกคลื่นค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว ข้าว่าของสิ่งนั้นจะต้องไม่เลวแน่!”
“เช่นนั้นพวกเราไปดูทางนั้นกันดีกว่านะ” ซือหม่าโยวเย่ว์เรียกตัวเจ้าวิหคน้อยออกมา
“ทางด้านนั้นก็มีเช่นกัน” ซือหม่าโยวหลานชี้ไปยังอีกทิศทางหนึ่ง
“ดูเหมือนว่าทุกหนแห่งในนี้จะมีสิ่งล้ำค่าเต็มไปหมดเลยสินะ” ซือหม่าโยวเล่อพูด
“ในเมื่อพวกเรามีคนตั้งมากมาย มิสู้แยกย้ายกันเคลื่อนไหวดีกว่า” ซือหม่าโยวฉิงกล่าว
“ก็ได้นะ” ซือหม่าโยวหลินพยักหน้า
พวกเขามีกันทั้งหมดสิบสี่คน แบ่งออกเป็นสองกลุ่มแล้วแยกย้ายกันไปแสวงโชคได้อย่างสบายๆ
“ไม่เลวนะ ถึงอย่างไรพลังยุทธ์ของพวกเราในตอนนี้ก็ไม่อ่อนแอแล้ว หากพบคนดินแดนอื่นก็คงจะไม่ลำบากมากนักหรอก” ซือหม่าโยวหยางพูด “ถ้าหากแยกย้ายกัน ไม่แน่ว่าอาจจะหาสิ่งล้ำค่าพบมากขึ้นก็เป็นได้”
ซือหม่าโยวหลานไม่เห็นด้วยอยู่บ้าง จึงเอ่ยว่า “แต่พวกเรามีเวลาเพียงปีเดียวเท่านั้นนะ ถ้าหากถึงเวลาแล้วพวกเรายังไม่พบกันอีก คนอื่นๆ ก็ไม่ต้องติดอยู่ที่นี่ไปตลอดกาลหรอกหรือ”
“ข้ามีวิธี” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางหยิบเอาก้อนหยกที่ดูเหมือนหยกมันแพะออกมาสองชิ้นพลางพูดว่า “นี่คือสิ่งล้ำค่าที่ข้าขุดออกมาจากตัวศิษย์พี่ เพียงแค่พวกเราหยดโลหิตลงไป ก็จะเห็นทิศทางและระยะห่างของอีกฝ่ายได้แล้ว พอถึงตอนนั้นพวกเราก็ใช้ของสิ่งนี้มาหาอีกฝ่ายแล้วกันนะ”
“ของสิ่งนี้มีประโยชน์หรือ” ซือหม่าโยวเล่อถาม
“ลองดูก็รู้แล้วนี่นา” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
เธอหยดเลือดลงไปด้านบนหยดหนึ่ง แล้วให้ซือหม่าโยวหลินหยดเลือดอีกหยดลงไป เลือดทั้งสองหยดค่อยๆ ซึมซาบเข้าไป หลังจากนั้นจุดสีแดงสองจุดจึงปรากฏบนพื้นผิวของก้อนหยก
“โยวหลิน เจ้าลองถอยไปไกลๆ ดูหน่อยสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
ซือหม่าโยวหลินพยักหน้าแล้วลุกขึ้นเหินทะยานออกไป
“ไม่มีความเคลื่อนไหวเลย” ทุกคนมองดูก้อนหยกบนมือซือหม่าโยวเย่ว์ เมื่อเห็นว่าจุดแดงไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด จึงรู้สึกว่าวิธีการนี้ไม่น่าจะใช้ได้
“เอ๊ะ มีจุดแดงจุดหนึ่งขยับแล้วนี่นา” ซือหม่าโยวฉิงร้องออกมาในทันใด
ทุกคนพากันมองดู ก็เห็นว่าจุดแดงจุดหนึ่งกำลังเคลื่อนไหวไปยังทิศทางหนึ่งอย่างช้าๆ
ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบหินแม่ลูกออกมาติดต่อกับซือหม่าโยวหลิน ถามเขาว่าไปไกลแค่ไหน ซึ่งเขาแจ้งให้ทราบว่าเหินทะยานออกไปไกลหลายสิบลี้
“ระยะทางไม่กี่สิบลี้ก็ไม่นับว่าไกลนะ พอถึงเวลาจะต้องหาอีกฝ่ายเจออย่างแน่นอน” ซือหม่าโยวหมิงพูด
“เช่นนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันเดินทางได้แล้วล่ะ” ซือหม่าโยวฉิงเอ่ย
เพียงไม่นานซือหม่าโยวหลินก็กลับมา ซึ่งทุกคนได้แบ่งกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว
ซือหม่าโยวเย่ว์ไปกับเป่ยกงถัง เว่ยจือฉี โอวหยางเฟย เจ้าอ้วนชวี เสี่ยวถู และซือหม่าโยวเล่อ เป็นกลุ่มที่หนึ่ง ส่วนซือหม่าโยวฉิง ซือหม่าโยวหลาน ซือหม่าโยวหยาง ซือหม่าโยวหมิง ซือหม่าโยวฉี ซือหม่าโยวหราน และซือหม่าโยวหลินเป็นอีกกลุ่ม
“ในเมื่อแบ่งกลุ่มกันเรียบร้อย ทุกคนก็แยกย้ายกันเดินทางได้แล้วล่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “หินแม่ลูกนี้ก็แบ่งให้พวกเจ้าเรียบร้อยแล้ว ทุกคนต้องคอยติดต่อกันอย่าให้ขาดนะ ถ้าหากพบอะไรเข้าจะต้องติดต่อผู้อื่นด้วยล่ะ”
“ได้”
ไม่นานหลังจากนั้น คนทั้งสองกลุ่มก็เหินทะยานแยกย้ายกันไปตามทิศทางที่ซือหม่าโยวหลานบอก
กลุ่มของซือหม่าโยวเย่ว์นั่งอยู่บนหลังเจ้าวิหคน้อย เพียงไม่นานก็มาถึงภูเขาขนาดมหึมาแห่งหนึ่ง
“น่าจะเป็นที่นี่แหละ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด เธอตบหลังเจ้าวิหคน้อย เจ้าวิหคน้อยจึงพาพวกเขาร่อนลงบนพื้นดิน
“ตรงนี้เคยมีคนมาก่อนแล้วนี่” เว่ยจือฉีเอ่ย
พวกซือหม่าโยวเย่ว์มองไปตามสายตาของเขา ก็เห็นว่ามีรอยเท้ามนุษย์อยู่จริงๆ ทั้งยังมีร่องรอยของการเดินทางอีกด้วย ดูจากความสดใหม่ของร่องรอยนี้แล้ว คนเหล่านั้นน่าจะเพิ่งมาถึงที่นี่ได้ไม่นานนัก
“พวกเราไปดูในภูเขากันดีกว่า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
ร่างจำแลงของเจ้าวิหคน้อยร่อนลงบนบ่าซือหม่าโยวเย่ว์ จากนั้นพวกเขาจึงเดินมุ่งหน้าเข้าไปในภูเขา
เดินอยู่ครึ่งวัน หลังจากข้ามผ่านภูเขาหลายลูก เสี่ยวถูก็ดึงชายเสื้อของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วเอ่ยว่า “พี่สาว ทางนั้นมีสิ่งล้ำค่าอยู่”
“เจ้าก็รับสัมผัสสิ่งล้ำค่าได้เช่นกันหรือ” เจ้าอ้วนชวีมองเสี่ยวถูอย่างตกตะลึง
เสี่ยวถูพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ข้าได้กลิ่นหอมตลบอบอวลอย่างยิ่งเลยละ”
“พวกเราเข้าไปดูกันดีกว่า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
พวกเขาเดินไปตามทิศทางที่เสี่ยวถูชี้ครู่หนึ่ง ก็เห็นดอกจื่อซวีที่กำลังเบ่งบานดอกหนึ่งอยู่ที่ก้นหน้าผา
“พี่ใหญ่ มีดอกจื่อซวีอยู่!” พวกเขายังไม่ทันเอ่ยวาจา น้ำเสียงหยาบกระด้างเสียงหนึ่งก็ดังมาจากด้านหลังพวกเขา