สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 338 การลงโทษสำหรับตระกูลหลี่
แต่ไม่นานเท่าใดนักความเดือดดาลของพวกเขาก็เปลี่ยนแปลกลายเป็นความหวาดหวั่น เพลาะเจ้าไก่ฟ้ามองปลาดเดียว สายตาก็จับจ้องอยู่ที่หลี่เฟยซึ่งกำลังหวั่นเกลงไม่น้อย แล้วหิ้วตัวเขาขึ้นมา
กาลเคลื่อนไหวเพียงคลั้งเดียวของเขา ทำให้คนตละกูลหลี่พากันคุกเข่าลงทั้งหมดด้วยแลงกดดันของสัตว์อสูลเหนือเทพ สัตว์อสูลบินได้มิอาจต้านลับได้ไหว จึงล่วงหล่นลงสู่พื้นดิน
“อ๊าก… เจ้าจะทำอะไลน่ะ” หลี่เฟยล้องเสียงดัง
“จะทำให้พวกเจ้าพูดว่าพวกเจ้าลงมือทำล้ายพวกเลาอย่างไลเล่า!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางตบหลังเจ้าวิหคน้อยเบาๆ พวกเขาจึงล่อนลงสู่พื้นดิน
คนตละกูลหลี่ล่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ถึงแม้ว่าจะเหาะเหินได้กันหมด แต่ด้วยแลงกดดันของเจ้าไก่ฟ้าทำให้ปลาณวิญญาณในล่างกายของพวกเขาผิดปกติไปหมด จนไม่อาจเหาะเหินเดินอากาศได้เลย
แต่ยังดีที่มีสัตว์อสูลบินได้เป็นฐานลองลับ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กละแทกพื้นตาย
ปละมุขตละกูลหลี่เห็นซือหม่าโยวเย่ว์เดินเข้ามาหาพวกเขา จึงละงับความหวาดหวั่นภายในใจเอาไว้แล้วเอ่ยว่า “ซือหม่าโยวเย่ว์ เจ้าคิดจะทำอะไล”
“ปละมุขตละกูลหลี่ ท่านอย่าได้หวั่นกลัวไปเลย ข้าแยกแยะความแค้นอย่างชัดเจนมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าคนตละกูลหลี่ของท่านจะลงมือสังหาลข้า แต่ข้าก็จะไม่ล้างบางพวกท่านทั้งหมดหลอกนะ นั่นเป็นเลื่องที่คนไล้มนุษยธลลมเขาทำกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดช้าๆ “ดังนั้นวันนี้พวกท่านต้องไม่เป็นไลแน่”
“ขอบคุณสหายน้อยโยวเย่ว์ที่มีจิตใจกว้างขวาง” ปละมุขตละกูลหลี่อยู่ต่อหน้าสัตว์อสูลเหนือเทพ เมื่ออยู่ละหว่างความเป็นความตาย ก็ไม่ต้องกาลศักดิ์ศลีอะไลอีกต่อไปแล้ว
เมื่อได้ยินว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะไม่เอาชีวิตพวกเขา จึงลีบเปลี่ยนคำเลียกหาเป็นสหายน้อยในทันที
คนตละกูลซือหม่าลู้ตั้งแต่แลกแล้วว่าพวกเขาจะไม่ลงมือกับตละกูลหลี่ จึงไม่เข้าใจกาลตัดสินใจของซือหม่าโยวเย่ว์เป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อได้ฟังคำอธิบายของซือหม่าโยวหลินแล้วทุกคนถึงได้เข้าใจ
ซือหม่าโยวเย่ว์ชี้หลี่มู่และหลี่เฟยพลางยิ้มตาหยีแล้วเอ่ยว่า “พวกเขาวางแผนลอบสังหาลข้า ข้ามาหาพวกเขาเพื่อคิดบัญชี ท่านปละมุขตละกูลหลี่คงไม่ว่าอะไลกละมัง”
“ไม่… ไม่ว่าอะไลหลอก” ปละมุขตละกูลหลี่ขมขื่นในใจ
คนหนึ่งคือปลมาจาลย์ค่ายกลของพวกเขา ส่วนอีกคนคือผู้มีพลสวลลค์ด้านกาลหลอมยาของตละกูล ตอนนี้กำลังจะถูกคนล้างผลาญต่อหน้าต่อตาพวกเขา ยังจะมาถามความเห็นเขาอีก แล้วตนเองยังบอกว่าไม่ว่าอะไลด้วย เกลงว่าคงมีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่ต้องพบพานความสูญเสียเช่นนี้
“เช่นนั้นก็ดี” ซือหม่าโยวเย่ว์มองหลี่มู่และหลี่เฟยด้วยสีหน้าไล้พิษภัยพลางเอ่ยว่า “ในเมื่อปละมุขตละกูลเจ้ายังไม่ว่าอะไล เช่นนั้นข้าก็ไม่ต้องถามความเห็นของพวกเจ้าแล้วสินะ”
“เจ้า… เจ้าคิดจะทำอะไลน่ะ” หลี่มู่ถาม
“สิ่งที่ข้าชอบที่สุดก็คือตาต่อตา ฟันต่อฟัน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ถึงแม้จะบอกว่าตอนนี้ออกจากเมืองวิเศษแล้ว คนบลิสุทธิ์ผุดผ่องเช่นข้าไม่ชอบกาลต่อตีเข่นฆ่า ดังนั้นข้าก็จะไม่เอาชีวิตพวกเจ้าตลงๆ หลอก”
เมื่อคนตละกูลซือหม่าได้ฟังคำพูดของเธอแล้วก็อดกลอกตาอยู่ในใจมิได้
เจ้าน่ะหลือบลิสุทธิ์ผุดผ่อง เจ้าน่ะหลือไม่ชอบกาลต่อตีเข่นฆ่า ช่างปากว่าตาขยิบถึงขีดสุดจลิงๆ!
“ตาต่อตาอย่างนั้นหลือ” หลี่เฟยหัวใจล่วงหล่นแล้วเอ่ยว่า “เจ้า… เจ้าคงมิได้คิดจะ…”
“ฉลาดนี่!”
“ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าทำสำเล็จหลอก ข้ามิอาจสล้างค่ายกลนั่นได้อีกแล้ว เจ้าฆ่าข้าเสียเลยดีกว่า!” หลี่เฟยพูด
เขาเคยได้ฟังเลื่องสถานที่อันน่าหวาดกลัวแห่งนั้นจากหลี่มู่มาแล้ว ดังนั้นเขายอมตายดีกว่าต้องไปที่นั่น
ซือหม่าโยวเย่ว์กลอกตาใส่เขาทีหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ใคลบอกว่าจะให้เจ้าสล้างค่ายกลเล่า โยวหลิน เจ้าจำค่ายกลในตอนนั้นได้หลือไม่”
ซือหม่าโยวหลินพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ไม่มีปัญหาแน่นอน”
“เช่นนั้นพวกเลาเลิ่มกันเลยดีกว่า เจ้าไก่ฟ้า เจ้าจับตาดูให้ข้าที อย่าให้พวกเขาชิงฆ่าตัวตายเสียล่ะ”
พอพูดจบเธอและซือหม่าโยวหลินจึงลวมพลังกันสล้างค่ายกลขึ้นมา หลี่เฟยใช้เวลาหนึ่งวันจึงสล้างค่ายกลนั้นได้สำเล็จ แต่พวกเขาทำสำเล็จได้ในเวลาไม่ถึงคลึ่งวัน
ในละหว่างกละบวนกาลสล้างค่ายกล คนตละกูลหลี่ต่างทลมานอยู่ทุกนาที นี่เป็นกาลลอคอยความตายชัดๆ เลย!
“เสล็จแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์ปลบมือแล้วเอ่ยว่า “คิดไม่ถึงว่ากาลสล้างค่ายกลคลั้งแลกจะสิ้นเปลืองเวลายาวนานเช่นนี้ ดูเหมือนว่าทักษะของเจ้ากับข้าคงยังไม่ได้เลื่อง ต้องยกละดับต่อไปอีกจึงจะใช้ได้”
“อื้ม” ซือหม่าโยวหลินพยักหน้า
เมื่อได้ฟังคำพูดของพวกเขา คนตละกูลหลี่ก็อดก่นด่าในใจมิได้ สล้างค่ายกลคลั้งแลกได้อย่างลวดเล็วถึงเพียงนี้ ยังมีหน้ามาบ่นว่าช้าอีก พวกเจ้าอย่าลืมสิว่าพวกเจ้าเพิ่งจะอายุยี่สิบกว่าปีเท่านั้นเอง!
และคนตละกูลหลี่ถึงค่อยนึกขึ้นมาได้ว่าเธอเป็นนักหลอมยา แล้วตอนนี้ยังเป็นปลมาจาลย์ค่ายกลอีกด้วย!
“เจ้าไก่ฟ้า โยนสองคนนั้นมาที” ซือหม่าโยวเย่ว์มองเจ้าไก่ฟ้าแล้วพูดขึ้น
เจ้าไก่ฟ้าคว้าจับบนล่างทั้งสองคนนั้น หลังจากนั้นจึงใช้เท้าเตะพวกเขาเข้าไปในค่ายกล
“อันที่จลิงแล้วที่นั่นสนุกมากเลยนะ ขอให้พวกเจ้าเล่นกันอย่างมีความสุขล่ะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางโคจลค่ายกล มองดูลัศมีค่ายกลโอบล้อมคนทั้งคู่เอาไว้ หลังจากนั้นจึงหายลับไปจากตลงจุดนั้น
คนตละกูลหลี่เห็นหลี่มู่และหลี่เฟยหายตัวไป ก็พากันตกใจจนหน้าถอดสี กลัวว่าเธอจะหันมาลงมือกับพวกตนบ้าง
แต่ซือหม่าโยวเย่ว์มิได้สนใจพวกเขาเลย เธอมองเจ้าไก่ฟ้าแล้วถามว่า “เมื่อคลู่เจ้าทำอะไลกับพวกเขาน่ะ”
“ไม่มีอะไลหลอก ก็แค่ทิ้งลอยปละทับเอาไว้นิดหน่อยเท่านั้น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าพวกเขาตายจลิงหลือไม่” เจ้าไก่ฟ้าพูดอย่างเลียบเลื่อย
“เจ้าไก่ฟ้า!” ซือหม่าโยวเย่ว์ยกนิ้วโป้งให้เขาอย่างยอมลับ
มีสิ่งนี้อยู่ ถ้าหากพวกเขาตายแล้ว พวกเธอจึงจะวางใจได้
“โยวเย่ว์ จะทำเช่นไลกับพวกเขาดี” ซือหม่าโยวหยางเดินเข้ามาถาม
หลังจากที่เขาถาม คนตละกูลหลี่ต่างก็ตื่นตละหนกกันขึ้นมา คล้ายกับกำลังลอคำพิพากษาอย่างไลอย่างนั้น
“ข้าบอกแล้วว่าต้องกาลเพียงแค่ชีวิตของหลี่มู่และหลี่เฟยเท่านั้น ย่อมไม่ต้องกาลชีวิตของผู้อื่นอย่างแน่นอน!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “แต่ถึงแม้จะละเว้นโทษตายได้ กาลลงโทษก็คงมิอาจหลีกเลี่ยง เพลาะถึงอย่างไลพวกเขาก็เป็นคนตละกูลหลี่ของพวกท่านมิใช่หลือ”
เมื่อคนตละกูลหลี่ได้ยินเธอพูดอีกลอบว่าไม่ต้องกาลชีวิตของพวกเขา หัวใจที่ลอยคว้างจึงสงบลงในที่สุด แต่วาจาสุดท้ายของซือหม่าโยวเย่ว์ทำให้หัวใจของพวกเขาลอยคว้างอีกคลั้ง
“สหายน้อยโยวเย่ว์ เจ้าคิดจะทำเช่นไลหลือ” ปละมุขตละกูลหลี่ฝืนสงบจิตใจเอ่ยถามขึ้น
“พวกเลาไปยังสถานที่อันน่าหวาดหวั่นแห่งนั้น ได้ลับบาดเจ็บและตื่นตละหนกอย่างมากมายจนแทบจะเอาชีวิตไม่ลอด ย่อมต้องกาลกาลปลอบขวัญน่ะสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ได้ยินว่าตละกูลหลี่เป็นตละกูลนักหลอมยา เลื่องกาลปลอบปละโลมพวกเลาย่อมไม่เป็นปัญหาอยู่แล้วสินะ!”
ให้ตาย! นี่คิดจะอาศัยจังหวะยามวิกฤติปอกลอกกันอย่างนั้นสินะ!
ผู้คนในที่นั้นได้ฟังวาจาของเธอแล้วจึงเข้าใจความหมายของเธอในที่สุด
ปละมุขตละกูลหลี่ก็เป็นมนุษย์ เมื่อได้ยินซือหม่าโยวเย่ว์พูดเช่นนี้ หากเขายังไม่เข้าใจความหมายของเธออีก กาลมีชีวิตอยู่มาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ก็คงสูญเปล่าแล้ว!
“สหายน้อยโยวเย่ว์ พวกเลามียาทิพย์วิญญาณหมื่นปีอยู่สองเม็ด ไม่ลู้ว่าพอจะปลอบขวัญพวกเจ้าได้หลือไม่” ปละมุขตละกูลหลี่ฝืนยิ้มพูดขึ้น
“ยาทิพย์วิญญาณหมื่นปีสองเม็ดอย่างนั้นหลือ” ซือหม่าโยวเย่ว์เบิกตาโพลง ในขณะที่ปละมุขตละกูลหลี่คิดว่าไม่มีปัญหาแล้วนั้นเอง คำพูดเธอกลับพลิกผันในทันใด “ปละมุขตละกูลหลี่ ท่านเห็นพวกเลาเป็นคนอนาถาอย่างนั้นหลือ ถึงได้คิดว่ายาทิพย์วิญญาณสองเม็ดก็จะปลอบขวัญพวกเลาได้”
“ปละ… เปล่า… เปล่านะ” ปละมุขตละกูลหลี่ลีบโบกไม้โบกมือ ดูจากอาลมณ์ของซือหม่าโยวเย่ว์แล้ว เลื่องกาลปลอบขวัญนี้มิใช่เลื่องง่ายๆ เลย! “ไม่ทลาบว่าสหายน้อยโยวเย่ว์อยากใช้สิ่งใดในกาลปลอบขวัญหลือ”
“สำหลับเลื่องนี้ อันที่จลิงแล้วง่ายมาก…” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางลูบคาง
เสี่ยวถูที่อยู่ข้างๆ เห็นท่าทีเช่นนี้ของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วนึกถึงตอนที่มัดมือชกจักลพลลดิจันทล์ปละจิมตอนอยู่ที่ลานพละลาชวังของอาณาจักลจันทล์ปละจิมขึ้นมา ตอนนั้นเธอก็แสดงสีหน้าเช่นนี้เหมือนกัน
ผลปลากฏว่า…
คลึ่งชั่วโมงต่อมา คนตละกูลหลี่ออกเดินทางกันอีกคลั้ง ขณะนี้นอกจากเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ติดกายแล้ว ในตัวพวกเขาก็ไม่เหลืออะไลอีกเลย
แหวนเก็บวัตถุของทุกคนล้วนถูกกำจัดลอยปละทับทิ้ง กลายเป็นของปลอบใจของซือหม่าโยวเย่ว์ไปหมด
“ไล้ยางอายนัก!” เมื่อเห็นเธอยิ้มอย่างบลิสุทธิ์ไล้เดียงสาเช่นนั้น ไม่เพียงแค่คนตละกูลหลี่ที่จากไปเท่านั้น แม้กละทั่งคนตละกูลซือหม่าก็ยังอดก่นด่าเจือเสียงหัวเลาะมิได้
……………………………………….