สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 335 อูหลิงอวี่ผู้ถูกซัดโดยไร้ความผิด
คนตระกูลซือหม่าทั้งหมดมองไปยังคนที่นั่งอยู่บนหลังสัตว์อสูรวิเศษเดินมุ่งหน้ามาหาพวกเขา ทุกคนต่างเบิกตาโพลง
ทันใดนั้นทุกคนก็ร้องขึ้นมาอย่างยินดี
“โยวเย่ว์ โยวหลิน พวกเจ้ายังไม่ตายนี่!”
“ช่างดีเสียจริง!”
ข้าบอกแล้วว่าพวกเขาไม่มีทางตายหรอก!”
พวกซือหม่าโยวเล่อวิ่งเข้ามาหา ซือหม่าโยวเย่ว์ลงมาจากหลังย่ากวง เมื่อเห็นความอ่อนล้าและความตื่นเต้นบนใบหน้าของพี่ชายทั้งสี่แล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ชายทั้งหลาย ข้ากลับมาแล้ว”
ซือหม่าโยวหมิงตบบ่าเธอพลางเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งอยู่บ้าง “กลับมาก็ดีแล้ว!”
คนอื่นๆ ในตระกูลซือหม่าก็ล้อมวงเข้ามาด้วยเช่นกัน เมื่อเห็นทั้งสองคนกลับมาอย่างสมบูรณ์ไร้รอยขีดข่วน บนใบหน้าจึงมีรอยยิ้มตื่นเต้นดีใจผุดขึ้นมา
“ขอโทษด้วยที่ทำให้ทุกคนต้องเป็นกังวล” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางพยักหน้าให้กับทุกคน
“กลับมาก็ดีแล้ว” ซือหม่าโยวหยางก้าวเข้าไปตบบ่าทั้งสองคนพลางเอ่ยว่า “ในเมื่อกลับมาแล้ว เข้าไปข้างในก่อนแล้วค่อยคุยกันดีกว่านะ”
“ดี” ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นผู้คนล้อมวงมุงดูอยู่ไม่น้อย จึงพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปพร้อมกับทุกคน
“ที่บ้านมีเรื่อง ท่านประมุขตระกูลกับผู้อาวุโสจึงกลับไปกันหมดแล้ว เหลือเพียงแค่รุ่นท่านพ่อข้ากับพวกเราเท่านั้นที่อยู่ตามหาเจ้าต่อ” ซือหม่าโยวหยางพูดไปด้วยเดินไปด้วย “แต่ท่านปู่หลินกับท่านปู่เลี่ยยังอยู่กันต่อนะ”
พวกเขาเดินเข้าไปได้ไม่ไกลก็เห็นซือหม่าหลิน เมื่อเห็นพวกเขาสองคนกลับมาแล้วจึงพูดอย่างเรียบเรื่อยประโยคหนึ่งว่า “กลับมาก็ดีแล้ว”
ซือหม่าโยวเย่ว์และซือหม่าโยวหลินเดินเข้าไปคารวะซือหม่าหลินแล้วเอ่ยว่า “ท่านปู่ พวกเรากลับมาแล้ว”
“ท่านปู่หลิน”
“มีอะไรจะพูดก็ไปว่ากันที่โถงรับแขกเถิด” ซือหม่าหลินพูด
ขณะนี้เอง เสียงของซือหม่าเลี่ยก็ดังแว่วมา “โยวเย่ว์กลับมาแล้วหรือ”
จากนั้นเงาร่างของเขาก็วิ่งมาถึงเรือนอย่างรีบร้อน เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์จึงตะคอกใส่เธอว่า “เจ้าเด็กนี่ไปเล่นที่ไหนมา”
“ข้ามิได้ไปเล่นเสียหน่อย” ซือหม่าโยวเย่ว์ปฏิเสธเสียงค่อย
“ยังจะบอกว่าเปล่าอีกหรือ” ซือหม่าเลี่ยฟาดร่างเธอฝ่ามือหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “มีหินแม่ลูกอยู่ทั้งที เหตุใดจึงไม่ติดต่อกับที่บ้านตั้งหลายวันเล่า”
ถึงแม้ทุกคนต่างก็รู้ว่าเธอมีวิธีการรักษาชีวิตอยู่มากมาย แต่เป็นเพราะไม่อาจติดต่อเธอผ่านหินแม่ลูกได้ ทุกคนจึงเป็นกังวลขึ้นมา
“ลืมไปเลยว่ามีสิ่งนี้อยู่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“เลี่ย อย่าเพิ่งโมโหไปเลย พวกเรามาลองฟังกันดูก่อนดีกว่าว่าเจ้าเด็กสองคนนี้ไปเผชิญกับสิ่งใดมา” ซือหม่าหลินพูด
“ใช่แล้ว ท่านปู่ ท่านทำเช่นนี้ น้องห้าก็ไม่มีเวลาเล่าให้พวกเราฟังเลยสิว่าไปอยู่ที่ไหนตลอดช่วงที่ผ่านมานี้” ซือหม่าโยวหรานพูด “ถ้าหากน้องห้ามิได้ไปเผชิญกับสิ่งใดจนทำให้มิอาจปลีกตัวมาได้ ก็ไม่มีทางไม่ติดต่อกับพวกเราหรอก”
ซือหม่าโยวเย่ว์รีบพยักหน้า พี่สามช่างเข้าใจเธออย่างแท้จริง!
“ไปกันเถิด” ซือหม่าเลี่ยก็แค่ร้อนรนไปชั่วครู่ เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์กลับมาจึงอดที่จะตะคอกสักหน่อยไม่ได้
เมื่อสมาชิกหลักไปยังโถงรับแขกคนอื่นๆ จึงรีบตามไปด้วย
ซือหม่าเลี่ยและซือหม่าหลินคือผู้อาวุโสสองคนที่อยู่ต่อ จึงนั่งบนที่นั่งประธาน ถัดมาเป็นสี่พี่น้องซือหม่าโยวหมิง บวกกับซือหม่าโยวหยาง สุดท้ายจึงเป็นซือหม่าโยวเย่ว์กับซือหม่าโยวหลินตัวต้นเรื่องทั้งสอง
“พี่สาม เหตุใดพวกท่านจึงต้องไปตามหาพวกเราที่เทือกเขาหมื่นอสูรด้วยเล่า” หลังจากที่ซือหม่าโยวเย่ว์เข้าไปแล้วจึงเอ่ยถามขึ้นก่อน
“เพราะสมาคมนักหลอมยาบอกว่าพวกเจ้าไปป้วนเปี้ยนที่สมาคมนักหลอมยาแล้วหลงเข้าไปในค่ายกลนำส่งของพวกเขา จนถูกส่งตัวไปยังส่วนลึกของเทือกเขาหมื่นอสูรน่ะสิ” ซือหม่าโยวหรานพูด “แท้ที่จริงแล้วพวกเจ้าไปอยู่ที่ไหนมาตลอดสิบกว่าวันนี้กันแน่”
ซือหม่าโยวเย่ว์หัวเราะอย่างเย็นชาก่อนจะเอ่ยว่า “ความจริงแล้วพวกเราถูกส่งตัวไปต่างหาก แต่มิได้ส่งไปยังส่วนลึกของเทือกเขาหมื่นอสูรหรอกนะ หากแต่ถูกส่งไปยังเบื้องล่างของเขาภาพมังกรต่างหากเล่า”
“เบื้องล่างของเขาภาพมังกรอย่างนั้นหรือ นั่นมิใช่…” ซือหม่าโยวหยางร้อง
“ใช่แล้ว พวกเราถูกส่งตัวไปยังสถานที่ที่สะกดสัตว์อสูรร้ายเอาไว้” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ก็คือสถานที่ที่เจ้าไก่ฟ้าได้รับบาดเจ็บนั่นน่ะหรือ” ซือหม่าเลี่ยหัวใจสั่นสะท้าน แม้กระทั่งเจ้าไก่ฟ้าไป ตอนกลับมายังบาดเจ็บปางตาย ถ้าหากพวกเขาถูกส่งตัวไปที่นั่นแล้วกลับมาได้ นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!
มิน่าเล่า เธอจึงไม่มีเวลาติดต่อกับพวกเขาเลย สถานที่แห่งนั้นอันตรายทุกฝีก้าว การไม่ระมัดระวังเพียงชั่วครู่อาจหมายถึงชีวิต!
“ที่แท้แล้วนี่มันเรื่องอันใดกันแน่ พวกเจ้าเล่าให้พวกเราฟังทีซิ” ซือหม่าหลินพูด
“ได้เลย”
จากนั้นซือหม่าโยวเย่ว์จึงเล่าเรื่องที่หลี่มู่วางแผนให้สาวใช้ของเหยียนลู่มาล่อลวงตนไปติดกับดัก แล้วใช้ค่ายกลนำส่งส่งตัวพวกตนไปที่ใต้เขาภาพมังกรให้ฟังรอบหนึ่ง แน่นอนว่าเธอไม่ลืมบอกว่าน่าหลานหลานก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
“ข้ารู้ว่าการจะจัดการกับสองตระกูลนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่ข้าก็ไม่มีทางปล่อยคนที่เกี่ยวข้องโดยตรงไปได้หรอก หลี่มู่กับปรมาจารย์ค่ายกลของตระกูลหลี่ รวมทั้งน่าหลานหลานและสาวใช้ของเหยียนลู่ล้วนต้องตายทั้งสิ้น!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดทิ้งท้าย
เมื่อได้ฟังเรื่องที่พวกเขาประสบมา คนตระกูลซือหม่าต่างก็เดือดดาลไม่น้อย แต่เมื่อได้ฟังวาจาสุดท้ายของเธอแล้ว สีหน้าของทุกคนก็แปลกประหลาดอยู่บ้าง
“เป็นอะไรไปหรือ พวกท่านอย่าบอกนะว่าจัดการกับคนพวกนี้มิได้เช่นกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นทุกคนมีสีหน้าผิดปกติจึงเอ่ยขึ้น
“ย่อมมิใช่อยู่แล้ว” ซือหม่าหลินพูด “ในเมื่อกล้าลงมือกับคนตระกูลซือหม่าของข้า เช่นนั้นก็ต้องเตรียมตัวรับการแก้แค้นเอาไว้ให้ดี เพียงแต่ว่า…”
“เพียงแต่ว่าอะไรหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“สาวใช้ของเหยียนลู่ได้กินยาพิษปลิดชีพตัวเองไปตั้งแต่คืนที่พวกเจ้าหายตัวไปแล้ว ส่วนน่าหลานหลาน…นางไปยังดินแดนโบราณพร้อมกับคนของตำหนักผู้วิเศษในวันรุ่งขึ้นเลย” ซือหม่าโยวหรานพูด
“ดินแดนโบราณหรือ นางขึ้นไปยังเบื้องบนกับคนของตำหนักผู้วิเศษอย่างนั้นหรือ”
“คราวนี้มีเจ้าตำหนักย่อยท่านหนึ่งของตำหนักผู้วิเศษลงมาด้วย ว่ากันว่าเขาถูกใจพรสวรรค์ของร่างกายนาง จึงต้องการให้นางไปเป็นนารีทิพย์แห่งตำหนักย่อยของตำหนักผู้วิเศษ ทั้งยังบอกว่าถึงแม้ตอนนี้พลังยุทธ์ของนางจะยังไม่เพียงพอ แต่เมื่อขึ้นไปยังเบื้องบนแล้ว ใช้เวลาไม่ถึงสองปีก็จะต้องบรรลุไปถึงระดับเทพได้อย่างแน่นอน วันต่อมาหลังจากประกาศข่าวนี้ ก็พานางจากไปทันที” ซือหม่าโยวหรานพูดอธิบาย
“หมายความว่าตอนนี้น่าหลานหลานมิได้อยู่ที่ดินแดนอี้หลินแล้วสินะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
เป้าหมายในการแก้แค้นทั้งสี่คน คนหนึ่งเรียกได้ว่าฆ่าตัวตายไป ส่วนอีกคนหนึ่งก็ไปจากดินแดนแห่งนี้เสียแล้ว มิน่าเล่าเมื่อครู่พวกเขาถึงได้แสดงสีหน้าเช่นนั้น
“น่าหลานหลานเป็นนารีทิพย์แห่งตำหนักผู้วิเศษได้ พอกลับไปจะต้องถามศิษย์พี่สักหน่อยว่าที่แท้แล้วพวกเขาเลือกนารีทิพย์กันอย่างไร!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างไม่พอใจ
“กายดอกบัวของนางเป็นกายที่ตำหนักผู้วิเศษถวิลหาแม้ยามหลับฝันเลยล่ะ” เสียงของอูหลิงอวี่ดังขึ้นมาอย่างฉับพลัน ทำเอาผู้คนในห้องตกใจจนสะดุ้งตัวลอย
จากนั้นอุโมงค์ทางเดินแห่งหนึ่งจึงปรากฏขึ้นในห้อง อูหลิงอวี่เดินออกมาจากภายในนั้น นำพากลิ่นอายของมหาสมุทรมาพร้อมกันด้วย
“ท่านกลับมาแล้วหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์จ้องมองอูหลิงอวี่แล้วเอ่ยว่า “ท่านบอกมาสิว่าท่านใช่คนที่ให้น่าหลานหลานผู้นั้นเป็นนารีทิพย์หรือไม่”
“ประมุขตำหนักมู่ก็แค่ลงมาพร้อมกันกับข้า แล้วเห็นน่าหลานหลานเข้าพอดีเท่านั้น แล้วมีใจนึกอยากรับตัวนางขึ้นมา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเลยนะ” อูหลิงอวี่มานั่งลงข้างกายซือหม่าโยวเย่ว์อย่างรู้ตัว
“ประมุขตำหนักคนหนึ่งมายังสถานที่เช่นนี้ได้อย่างไรกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “จะต้องเป็นท่านแน่นอนที่เล่าเรื่องกายดอกบัวของน่าหลานหลานให้ฟัง”
ถึงแม้ว่าอูหลิงอวี่จะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น แต่เห็นซือหม่าโยวเย่ว์ซัดเพลิงโทสะใส่ตัวเขา จึงพูดอย่างเศร้าสร้อยว่า “ก่อนหน้านี้ข้ายังไม่เคยเห็นนางเลยด้วยซ้ำ แล้วจะรู้เรื่องกายทิพย์ของนางได้อย่างไร ส่วนการที่ประมุขตำหนักมู่ลงมานั้นเป็นเพราะมีธุระ ส่วนข้าต้องไปที่พื้นสมุทร ไม่มีเวลาจัดการเรื่องนั้น เขาจึงลงมาพร้อมกันกับข้า บอกมาสิว่าน่าหลานหลานผู้นั้นกวนใจเจ้าเช่นไร”
……………………………………….