สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 326 เข้าสู่พื้นที่อันตราย
ซือหม่าโยวหลินคิดไม่ถึงว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะยอมรับแล้ว ในขณะนั้นหัวใจของเขาก็สั่นสะท้านน้อยๆ
เขารู้ได้อย่างไรน่ะหรือ เมื่อเห็นเธอถามอย่างสงสัย เขาจึงได้แต่บอกว่า “เดาเอาน่ะ”
ก่อนหน้านี้มิใช่แค่ครั้งเดียวที่เขาคิดว่าซือหม่าโยวเย่ว์เป็นผู้หญิง ไม่อย่างนั้นเหตุใดพวกซือหม่าโยวหรานถึงได้คอยปกป้องเธออยู่ทุกครั้ง ไม่ยอมให้บุรุษสัมผัสตัวเธอเลย
แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงแค่การคาดเดามาโดยตลอด จนกระทั่งตอนที่กอดเธอเอาไว้เมื่อครู่นี้ทำให้ทั้งคู่ได้สัมผัสแนบชิด เขาอยู่ติดกับซอกคอของเธอแล้วได้กลิ่นหอมของหญิงสาว จึงมั่นใจกับความคิดของตน
“เจ้าช่างเดาเก่งเสียจริงนะ” ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่เคยเปิดเผยต่อหน้าซือหม่าโยวหลินอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจะต้องคาดเดาเอาเองแน่ พร้อมกันนั้นก็แอบชื่นชมอยู่ในใจว่าเจ้าคนผู้นี้ช่างเฉียบแหลมยิ่งนัก
“เหตุใดเจ้าจึงต้องปลอมตัวเป็นบุรุษด้วย” ซือหม่าโยวหลินมองใบหน้าเล็กของเธอพลางคิดอยู่ในใจโดยสัญชาตญาณว่าถ้าหากเธอแต่งกายเป็นหญิงแล้วจะน่าตื่นตะลึงสักเพียงใดกัน
“ตอนที่ท่านพ่อข้ายกข้าให้กับท่านปู่ก็ได้กำชับเอาไว้เช่นนี้ ท่านปู่ของข้าจึงให้ข้าแต่งกายเป็นบุรุษมาตลอดหลายปีนี้ แต่ข้าเองก็ไม่รู้เหตุผลเช่นกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เจ้าอย่าแฉเรื่องข้าออกไปล่ะ”
“อื้ม” ซือหม่าโยวหลินพยักหน้า
“ที่นี่คือที่ไหนกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นเขารับปากแล้วก็ไม่กังวลเรื่องนี้อีกต่อไป จึงเริ่มต้นประเมินบริเวณที่พวกเขาอยู่
“ดูเหมือนจะอยู่ที่ลาดเขานะ” ซือหม่าโยวหลินพูด “ไม่อย่างนั้นก็อยู่ใต้ดิน”
ทั้งสองคนต่างรวบรวมปราณวิญญาณเป็นลูกไฟส่องสว่าง ทั่วบริเวณที่ลูกไฟไปถึงล้วนเป็นกำแพงทั้งสิ้น เช่นนั้นก็เป็นได้แค่ใต้ดิน หรือไม่ก็ในภูเขาแล้ว
ในขณะนี้เอง เจ้าไก่ฟ้าก็ถ่ายเสียงมาหาซือหม่าโยวเย่ว์จากภายในเจดีย์วิญญาณ
ซือหม่าโยวเย่ว์เรียกตัวเจ้าไก่ฟ้าออกมาแล้วถามว่า “เจ้าไก่ฟ้า ทำไมหรือ”
เจ้าไก่ฟ้าพูดด้วยสีหน้าไม่น่าดูอย่างยิ่ง “ข้าเคยมาที่นี่”
“เจ้าเคยมาอย่างนั้นหรือ หรือว่าที่นี่คือ…” สีหน้าของซือหม่าโยวเย่ว์นิ่งขรึมไปในทันใด หวังว่าตนจะคิดผิด
แต่เจ้าไก่ฟ้าก็พยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ใช่แล้ว นี่ก็คือสถานที่ที่สะกดเจ้าสัตว์ร้ายนั่นเอาไว้ ข้าเคยมาที่นี่แล้ว”
“ให้ตายเถอะ เป็นที่นี่จริงๆ เสียด้วย” ซือหม่าโยวเย่ว์โอดครวญ
“ที่นี่คือที่ไหนหรือ” ซือหม่าโยวหลินไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจู่ๆ ซือหม่าโยวเย่ว์จึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองใหญ่โตเช่นนี้
เจ้าไก่ฟ้ามิใช่สัตว์อสูรเหนือเทพหรอกหรือ เหตุใดจึงมีสีหน้าเช่นนี้ด้วยเล่า
“โยวหลิน ที่นี่ก็คือสถานที่ที่เจ้าไก่ฟ้าได้รับบาดเจ็บเมื่อคราวก่อน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างขมขื่น “แม้กระทั่งเขาก็ยังเกือบจะเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ คราวนี้พวกเราแย่แล้ว”
ซือหม่าโยวหลินหัวใจสั่นสะท้าน สีหน้าเปลี่ยนเป็นนิ่งขรึม จากนั้นจึงถามว่า “ที่นี่ไม่มีทางออกหรือ”
เจ้าไก่ฟ้าส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “ตอนข้าอยู่ที่นี่ก็หลงทิศทางอยู่ใต้ดิน จึงไม่รู้เลยว่าทางออกอยู่ที่ใด”
“แล้วตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไรกันดีเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์มองเจ้าไก่ฟ้าและซือหม่าโยวหลินถามความเห็นจากพวกเขา
“ในเมื่อหาทางออกไม่พบ พวกเราสุ่มทิศทางเสียเลยก็แล้วกัน” ซือหม่าโยวหลินพูด
เจ้าไก่ฟ้าก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าจะนำทางข้างหน้าให้เอง พวกเจ้าตามข้ามาข้างหลังนะ”
เจ้าไก่ฟ้าเองก็รู้สึกขื่นขมอยู่ในใจ คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะไปจากที่นี่ได้ไม่นานสักเท่าใดก็ต้องกลับมาอีกครั้งเสียแล้ว
คราวก่อนได้ท่านอาจารย์ของซือหม่าโยวเย่ว์ช่วยเอาไว้ คราวนี้ไม่รู้เลยว่าจะมีจุดจบเช่นไร!
ซือหม่าโยวเย่ว์เดินตามอยู่ด้านหลังเจ้าไก่ฟ้า หัวใจที่ตื่นตระหนกค่อยๆ สงบลง เธอเอ่ยว่า “เจ้าหลี่มู่นั่นส่งพวกเรามาที่นี่ได้อย่างไรกัน เขารู้ว่าหากพวกเรามาที่นี่แล้วจะต้องตายอย่างไร้ข้อกังขาอย่างนั้นหรือ”
“ข้าเคยได้ยินท่านประมุขตระกูลพูดว่าด้านล่างของเทือกเขาหมื่นอสูรแห่งนี้คล้ายจะมีอะไรบางอย่างอยู่ นอกจากนี้เมืองวิเศษยังไม่อนุญาตให้คนนอกที่มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีเข้ามาด้วย ทั้งยังมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย ข้ายังเคยได้ยินว่าเมืองวิเศษเคยส่งจ้าววิญญาณสิบกว่าคนไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง แต่ไม่มีใครกลับมาเลยแม้แต่คนเดียว เป็นไปได้ว่าพวกเรามาถึงบริเวณที่เรียกกันว่าพื้นที่อันตรายแล้วละ” ซือหม่าโยวหลินวิเคราะห์
“เฮ้อ… พวกเรารู้อยู่ก่อนแล้วว่าข้างล่างนี้มีอสูรร้ายที่น่าหวาดกลัวอยู่ตนหนึ่ง คราวก่อนเจ้าไก่ฟ้าก็ลงมาเพื่อตรวจสอบดูเรื่องนี้นี่แหละ ผลปรากฏว่าเกือบจะเอาชีวิตมาทิ้งเสียแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “แต่สิ่งที่ข้าอยากรู้ก็คือหลี่มู่รู้จักสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร”
“เพราะพรสวรรค์ในการหลอมยาของหลี่มู่นั้นยอดเยี่ยม ดังนั้นจึงได้รับยกเว้นให้เข้ามาในเมืองวิเศษได้ตั้งแต่ยังอายุไม่ถึงยี่สิบปี” ซือหม่าโยวหลินพูด
“จะบอกว่าเขาเคยมาที่นี่แล้วอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์คาดเดา
“อย่างน้อยเขาก็รู้จักที่นี่” ซือหม่าโยวหลินเอ่ย
“ในเมื่อค่ายกลส่งตัวพวกเรามาที่นี่ได้ แสดงว่าปรมาจารย์ค่ายกลผู้นั้นจะต้องร้ายกาจมากทีเดียว จึงกำหนดสถานที่ได้เป็นอย่างดี” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ตระกูลหลี่มีปรมาจารย์ค่ายกลอยู่คนหนึ่งซึ่งด้อยกว่าท่านปู่ของข้าเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น” ซือหม่าโยวหลินกล่าว
“ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับตาเฒ่าตระกูลหลี่พวกนั้นแน่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ถ้าหากข้าออกไปได้ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะจัดการตระกูลหลี่หรอกนะ”
“ถึงอย่างไรตระกูลหลี่ก็เป็นตระกูลชั้นหนึ่ง การจะล้างบางตระกูลเช่นนี้จึงมิใช่เรื่องง่ายเลย นอกจากนี้พวกเขายังเป็นตระกูลนักหลอมยาอีกด้วย การจะล้างบางพวกเขาจึงยิ่งยากเข้าไปอีก” ซือหม่าโยวหลินเอ่ย
“เช่นนั้นพอถึงเวลาก็ต้องมาดูกันว่าใครจะแกร่งกล้ากว่ากัน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ถึงแม้ว่าจะไม่อาจล้างบางตระกูลพวกเขาได้ ข้าก็ต้องรักษาชีวิตผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่มีใครหน้าไหนที่คิดร้ายกับข้าแล้วจะใช้ชีวิตดีๆ ต่อไปได้หรอก”
“อืม ถ้าหากเป็นเพียงแค่การจัดการใครสักคน ก็คงไม่มีปัญหาอะไร” ซือหม่าโยวหลินเอ่ย
ขณะนี้เอง เจ้าไก่ฟ้าที่อยู่ข้างหน้าก็หยุดฝีเท้าลง
“ทำไมหรือ เจ้าไก่ฟ้า” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“เมื่อครู่พวกเราเดินผ่านตรงนี้กันไปแล้วน่ะสิ” เจ้าไก่ฟ้าพูด
“ผ่านตรงนี้ไปแล้วอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองกำแพงทั้งสองข้าง ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรพิเศษ ไม่รู้ว่าเจ้าไก่ฟ้าดูออกได้อย่างไร
“ดูเหมือนว่าทางเส้นนี้จะไม่เหมือนกับเส้นที่ข้าเดินเมื่อคราวก่อนนะ” เจ้าไก่ฟ้าพูด
คราวก่อนตอนเขามาที่นี่ ถึงแม้ว่าจะเดินบนเส้นทางเดียวกัน แต่สิ่งที่พบนั้นกลับเป็นทางแยกที่แตกต่างกัน
“ที่แท้แล้วใครเป็นคนสร้างมันขึ้นมากันแน่ ราวกับเขาวงกตเลยทีเดียว” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ระวัง!” เจ้าไก่ฟ้าหันมาอย่างฉับพลันแล้วพาตัวซือหม่าโยวเย่ว์กับซือหม่าโยวหลินถอยหลังไปสิบกว่าเมตร หมอกดำสายหนึ่งพุ่งเข้ามาถึงบริเวณที่พวกเขายืนอยู่เมื่อครู่อย่างรวดเร็ว ก้อนกรวดเล็กๆ ที่บริเวณกำแพงถูกหมอกดำกวาดผ่านจนกลายเป็นกองฝุ่นผง
“ช่างเป็นหมอกดำที่น่าหวาดกลัวนัก” ซือหม่าโยวหลินเห็นเหตุการณ์เช่นนี้แล้วอดกลืนน้ำลายมิได้
“ก็คือกลิ่นอายขุมนี้นี่เอง” เจ้าไก่ฟ้าเอ่ย
“กลิ่นอายหรือ กลิ่นอายอันใดกัน” ซือหม่าโยวหลินถาม
เจ้าไก่ฟ้าปล่อยพวกเขา ไม่ได้ตอบคำถาม
แต่ซือหม่าโยวเย่ว์รู้ว่าที่เขาพูดถึงนั้นคือกลิ่นอายอะไร ที่เขาหมายถึงก็คือกลิ่นอายที่ใกล้เคียงกับกลิ่นอายบนตัวเธอนั่นเอง
“ตอนนี้พวกเราหันหลังกลับกันดีหรือไม่” ซือหม่าโยวหลินสัมผัสได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดระหว่างเจ้าไก่ฟ้ากับซือหม่าโยวเย่ว์จึงเอ่ยปากพูดขึ้น
เจ้าไก่ฟ้าหลับตาลงรับสัมผัสครู่หนึ่ง สีหน้าก็เปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ก่อนจะลากตัวซือหม่าโยวเย่ว์และซือหม่าโยวหลินให้วิ่งกลับไปด้านหลัง
“ทำไมหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ที่ถูกเจ้าไก่ฟ้าแบกขึ้นไหล่เอ่ยถามขึ้น
“มีหมอกดำมาอีกหลายสายเลยน่ะสิ” เจ้าไก่ฟ้าวิ่งพลางพูดไปด้วย
“ฟิ้ว… ฟิ้ว…”
ซือหม่าโยวเย่ว์สัมผัสได้ว่าเบื้องหน้ามีไอเย็นขุมหนึ่งกดดันเข้ามา หมอกดำเจ็ดแปดสายไล่ตามพวกเขามา
“บ้าเอ๊ย มากมายอะไรเช่นนี้!” เธออดก่นด่าออกมามิได้ แล้วกระตุ้นให้เจ้าไก่ฟ้ารีบวิ่ง
ซือหม่าโยวหลินก็มองเห็นหมอกดำเหล่านั้นเช่นกัน เมื่อครู่นี้เพียงแค่กวาดผ่านก้อนหิน ก้อนหินก็ยังกลายเป็นผุยผง ถ้าหากถูกร่างกายของพวกเขาจะเป็นเช่นไร!
……………………………..