สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 97 เศษเสี้ยวเรื่องราวที่สาม ซาตาน (2)
“หมายความว่าไงคะ? ที่ว่าจะตาย…”
“ฉันมองเห็นอายุขัยของมนุษย์”
“ถึงขนาดซาตานมาพูดเองแบบนี้ก็แสดงว่าแย่แล้วสินะคะเนี่ย…”
ก็แย่จริงๆนั่นแหละ แต่ในเมื่อผมตัดสินใจไปแล้ว ก็เรียกว่าต้องหาทางให้ได้
ผมพูดกับเธอ
“ฉันจะช่วยแกเอง”
ผิดกฎแล้วทำไม? ผมตัดสินใจไปแล้ว ผมอยากช่วยผู้หญิงคนนี้ ต่อให้จะมีทัณฑ์จากเบื้องบนก็เรื่องของมัน
ขณะผมคิดนั่นเอง เด็กสาวก็พ่นลมหายใจ
“เห็นเรียกแก แก แก มาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ลืมไปว่ายังไม่แนะนำตัวกันเลยนี่คะ ถึงไม่รู้ตอนนี้เรื่องนี้จะสำคัญรึเปล่าก็เถอะค่ะ…”
ถูกต้อง มีเรื่องที่สำคัญกว่าแนะนำตัวมาจ่อตรงหน้าแล้วนี่นะ
“ถึงงั้นก็เถอะ ไม่เห็นเป็นไร ฉันชื่อคริสโตเฟอร์”
“ดิฉันพลอยค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณคริสโตเฟอร์”
…จากนั้นผมก็พาพลอยกลับมาห้องสภา ตอนนี้ไม่ใช่แค่ทรายที่อยู่ ผีไร้หัวกับกระหังก็อยู่ด้วย
ทันทีที่ผมพาพลอยเข้ามา ทรายก็ตาโตทันที
“หา!? ชวนได้จริงๆด้วย!?”
ผมปฎิเสธทันที
“พลอยยังไม่ได้เข้าสภา แค่พามาเพราะมีเรื่องนิดหน่อย จะบอกว่าเธอเป็นลูกเคสก็ได้”
“นี่คริส ฉันให้นายไปหาคนมาเพิ่มนะ ไม่ใช่ให้หางานมาเพิ่ม …แต่ฉันก็ว่าอะไรไม่ได้ด้วยสิ สภาต้องช่วยเหลือนักเรียนนี่นา ใช่มั้ย? น้องพลอย”
ทรายหันไปถามพลอยแบบนั้น
“ใช่ค่ะ …เอ แต่ยังงี้จะเหมือนหนูกำลังเอาเปรียบอยู่รึเปล่าคะเนี่ย?”
“ไม่หรอกน่า! อีกอย่าง พึ่งเคยเห็นคริสนึกอยากช่วยคนอื่นโดยฉันไม่ต้องสั่งเป็นครั้งแรกด้วย ไหนๆ มีเรื่องอะไรบอกให้พี่สาวคนนี้ฟังซิ๊~”
ผีไร้หัวกับกระหัง…พี่น้ำกับพี่ต้นก็มองด้วยความสนใจเช่นกัน
ผมพาพลอยมานั่งโซฟา เนื่องจากฝั่งคุณพี่ๆเขายึดโซฟาอีกตัวไปหมด ผมเลยต้องมานั่งข้างพลอย
ต้องเล่าตั้งแต่ตรงไหนกันนะ…
ผมไตร่ตรองสักพักและพูดขึ้น
“ช่วงนี้ความเป็นซาตานฉันพุ่งสูง ส่งผลให้อาคมมองอายุขัยใช้งานแบบไม่สนความคิดของฉัน”
“““หา?”””
“ตอนนี้ก็เห็นอายุขัยของพวก…”
จู่ๆพี่น้ำก็แทรกขึ้นมา
“จะบอกว่าน้องคริสมีดวงตายมทูตงั้นเหรอคะ!?”
“ไม่ได้เรียกกันแบบนั้นนะ?”
“มองอายุขัยคนอื่นได้นี่ แบบในเรื่องสมุดโน้ตกระชากวิญญาณไง! น่าตื่นเต้นจังเลยเนอะต้น!”
พี่ต้นรับคำของพี่น้ำด้วยการถอนหายใจ
“อายุขัยไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะน้ำ อย่าเอาการ์ตูนมาปนสิ”
“พี่ทรายล่ะคะ!? คิดว่าไง!”
“คิดว่าเหมือนดวงตายมทูตเลย!”
“ใช่มั้ยล่ะคะ!”
สองคนนี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ไร้สาระชะมัด
ทรายชี้นิ้ว
“อย่าบอกนะว่าที่มองเหนือหัวฉันก่อนหน้านี้ เพราะมองอายุขัย?”
“เออ”
“เหรอๆ? แล้วอายุขัยฉันเหลือเท่าไหร่”
จากที่ดู…
“ไม่ต้องห่วง”
“ไม่ต้องห่วงของนายนี่น่าห่วงชะมัด”
“ก็น่าห่วงน้อยกว่าของพลอยแล้วกัน”
“จริงสิ ตกลงเรื่องของน้องพลอยก็คืออายุขัยน่ะเหรอ?”
“เออ เหลืออีกสามวัน”
กรอบเวลานั้น ทำเอาสภานักเรียนทั้งสามคนแสดงสีหน้าไปคนทิศคนละทาง
ทรายครางในลำคอก่อนพูดขึ้น
“ฟังดูแย่สุดๆเลยแฮะ แต่อายุขัยนี่…นายเคยบอกว่านายห้ามยุ่งเกี่ยวกับความเป็นความตายของมนุษย์ไม่ใช่เหรอ?”
พลอยที่ได้ฟังก็หันมาทางผมพลางถามว่า เป็นยังงั้นเหรอคะ?
ผมตอบออกไป
“ตามจริงก็ยุ่งไม่ได้หรอก แต่ว่าไงดีล่ะ…ฉันตัดสินใจแล้วว่าอยากช่วย”
“จะดีเหรอ? คริส กฎของนรกมันร้ายแรงไม่ใช่เหรอ?”
“ช่างฉันเถอะน่า”
ถึงผมจะบอกแบบนั้น
“ได้ที่ไหนล่ะคะคุณคริสโตเฟอร์!”
“พลอย?”
“ถ้าคุณต้องลำบากเพราะมาช่วยฉันล่ะก็ คิดว่าฉันจะยอมเหรอคะ!?”
“อย่างมากฉันก็โดนทางนรกลงโทษ ถึงโทษมันจะหนักก็เถอะ แต่แกมีสิทธิ์ปฎิเสธด้วยเรอะ? จะตายเอานะ”
“ถะ…ถึงอย่างงั้นก็เถอะ…”
พลอยลังเล
เป็นคนจิตใจดีจริงๆนั่นล่ะ ขนาดเป็นเรื่องความเป็นความตายของตัวเอง แต่ถ้ามันสร้างปัญหาให้คนอื่นก็ยอมรับไม่ได้
…แต่ผมไม่อนุญาตให้ปฎิเสธหรอก ผมมีเหตุผลของตัวเองที่ทำแบบนี้เหมือนกัน
“ไม่ต้องเถียง ฉันจะช่วยเอง รอขอบคุณเอาอย่างเดียวก็พอ”
“แต่ว่า…”
ไม่ทันที่พลอยจะได้เถียง ทรายก็แย้งขึ้นมา
“ถ้าคริสพูดแล้วก็ไม่ต้องไปห้ามหรอก หมอนี่เคยตัดสินใจแล้วล้มเลิกซะที่ไหน น้องพลอยก็ยอมให้คริสช่วยเถอะ”
“ค่ะ…”
แม้จะยังดูตัดสินใจไม่เด็ดขาดก็ตาม ผมก็ไม่สนความเห็นของพลอยแล้ว
พี่น้ำจ้องมาที่ผมกับพลอย
“นี่มัน…หรือว่าจะเป็นคู่แข่ง?”
“ไม่ต้องพูดตอนนี้ก็ได้ น้ำ”
ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่พี่ต้นกับพี่น้ำจะเข้าใจกันแค่สองคน คู่แข่งอะไรล่ะนั่น?
…อย่างแรกก็ต้องหาตัวการที่แทรกแซงความตายของพลอยให้เจอ …ถ้ามีฤทธิ์ถึงขั้นนี้ เดาว่าคงเป็นวิญญาณร้ายสักตัว แต่ต่อให้รู้แบบนั้น ก็ไม่รู้ว่าคือวิญญาณที่ไหนหรือใครอยู่ดี
“แกอยู่ชมรมอะไรนะ?”
“อย่าเรียกคนอื่นว่าแกสิ”
ผมโดนทรายตำหนิ จึงแก้คำพูดที่พูดกับพลอย
“เธออยู่ชมรมอะไรนะ พลอย”
“ชมรมนาฏศิลป์ค่ะ”
นาฏศิลป์?
ผมสงสัย
ทรายเลิกคิ้ว
“ชมรมที่เฮี้ยนๆนั่นน่ะเหรอ?”
“แหม ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะพี่ทราย แค่เครื่องดนตรีก็ต้องมีครูใช่มั้ยล่ะคะ? จะว่ามีวิญญาณอยู่เยอะก็ไม่แปลก”
“นั่นสิน้า พอใช้มุมมองของจิตตฯดูแล้วก็ไม่แปลกนี่นา ไม่ไหวเลยแฮะชมรมข่าวเนี่ย ชอบเขียนข่าวให้ดูน่าสนใจเกินจริงอยู่เรื่อยเล้ย~ ไว้พี่สาวคงต้องไปดุสักหน่อย”
ทรายพึมพำกับตัวเอง
“ว่าแต่นายถามน้องพลอยเรื่องนี้ทำไม?”
…เฮี้ยน …วิญญาณในเครื่องดนตรี
ดูเหมือนจะตรงประเด็นแฮะ
“เฮ้? คริส ได้ยินฉันมั้ยเนี่ย?”
“พลอย ตามฉันมา”
“อ๊ะ? คะ? คะ???”
“นี่นายเมินฉันเหรอหา!? คริส!”
“หนวกหูชะมัด! วันนี้ฉันขอตัวก่อน จะไปจัดการเรื่องของพลอยด้วย”
“เอ้า? จะทิ้งพวกฉันไว้งี้เลยเหรอ?”
“พี่ต้นกับพี่น้ำไม่น่าช่วยอะไรได้ ส่วนเธอเอาไปก็มีแต่หนวกหูซะเปล่าๆ”
“พูดกับประธานงี้ได้ไงยะ!? ไม่สนแล้ว! น้องน้ำน้องต้น! วันนี้กลับบ้านได้เลย! เดี๋ยวฉันขอตัวไปดูหมอนี่ทำงานหน่อย!!! ให้พักต่อได้!”
พี่น้ำกับพี่ต้นมองหน้ากัน พี่ต้นเป็นคนพูดขึ้นมา
“ที่จริงก็อยากอยู่ช่วยนะครับ …แต่เป็นเรื่องความเป็นความตายแล้ว ผมคงช่วยไม่ได้อย่างที่น้องคริสโตเฟอร์บอกนั่นแหละ งั้นผมขอตัวกลับก่อนแล้วกันครับ”
“งั้นหนูก็ขอตัวด้วยค่ะ ไว้เจอกันนะคะพี่ทราย น้องคริสกับน้องพลอยก็สู้ๆนะ!”
และแล้วทั้งสองคนก็กลับบ้านไปทั้งๆแบบนั้น คิดถูกแล้วล่ะ นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ควรให้คนธรรมดามายุ่ง…
“ส่วนเธอก็กลับไปสักทีเหอะ ไม่อ่านหนังสือสอบเข้ามหาลัยหรือไง?”
“ทีงี้ล่ะมาไล่! เอ้า! จะไปไหนก็ไปสักทีสิ! ฉันจะตามพวกนายไปยังงี้แหละ!”
หัวรั้นจนน่าหงุดหงิดจริงๆ
พวกผมสามคนมุ่งหน้ามายังห้องชมรมนาฏศิลป์ เมื่อเปิดเข้ามาก็พบกับเครื่องดนตรีมากมาย อีกทั้งยังมีหุ่นลองเสื้อที่สวมใส่ชุด…เอ่อ…
“นั่นเรียกว่าชุดอะไร?”
“ชุดนางรำค่ะ”
“เหรอ”
“ว่าแต่คุณคริสโตเฟอร์ให้ดิฉันพามาที่นี่ทำไมเหรอคะ?”
“อายุขัยของเธอมันผันแปรเพราะมีบางอย่างแทรกแซงน่ะสิ ฉันเลยมาจัดการต้นตอ”
แม้อายุขัยของมนุษย์จะไม่ตายตัว จะผันแปรไปตามการดำเนินชีวิต แต่ในกรณีของพลอยนั้น ที่มีการผันเปลี่ยนไปมาจนเห็นได้ชัดเช่นนี้ เพราะการแทรกแซงจากภายนอก…
…ไม่อยากลงลึกรายละเอียดเท่าไหร่นัก เอาเป็นว่าผมรู้ดีว่าสิ่งที่พลอยกำลังเจออยู่คือเกิดจากบางสิ่งที่หวังจะดับอายุขัยของพลอยด้วยเหตุผลบางประการ
วิญญาณที่อาศัยอยู่ในเครื่องดนตรีสินะ…ดูเหมือนจะเป็นแค่สิ่งที่นักเรียนคิดกันไปเอง เพราะผมไม่รู้สึกถึงวิญญาณที่ว่ามาเลยสักนิด
เว้นเสียแต่
“เธอเคยใส่ชุดนั้นรึเปล่า?”
“เคยสิคะ ฉันเป็นนางรำของชมรมนี่นา”
“ได้ชุดมาจากไหน?”
“เอ…เห็นคนที่เอาชุดมาบอกว่าได้จากคณะละครสักที่นึงน่ะค่ะ”
คงจะอย่างนั้น ถ้าเป็นชุดซื้อใหม่ไม่มีทางจะแพร่ออร่าแบบนั้นออกมาแน่ ของมีประวัติสินะ
ทรายด้อมๆมองๆจากหน้าประตู
“คนอื่นไปไหนล่ะเนี่ย? ยังไม่หมดเวลาชมรมเลยนะ?”
“พอดีอีกสามวันจะถึงงานแสดงใหญ่แล้วน่ะค่ะ หลังซ้อมเสร็จเลยแยกย้ายกลับไปพักผ่อน เอ๊ะ…พอพูดๆไปแล้วก็…”
ผมแค่นหัวเราะ
“สามวันสินะ เวลาเป๊ะเลยนี่หว่า”
พริบตาถัดมา ประตูห้องชมรมก็ปิดลงทันที ทรายที่ติดอยู่ข้างนอกก็เคาะประตู
“คริส! น้องพลอย! เกิดอะไรขึ้นน่ะ!?”
“…มาแล้วรึ”
ผมแสยะยิ้มใส่ชุดนางรำที่ราวกับเห็นว่าหุ่นจำลองเริ่มขยับไปมาอย่างช้าๆ บรรยากาศเย็นลงเล็กน้อย ก่อนจะมีเสียงกระซิบข้างหู
“อยู่ห่างๆเด็กนี่ซะ ซาตาน”
เป็นถ้อยคำที่แฝงอารมณ์โกรธและยังเย็นเฉียบจนน่าขนลุก
พลอยก็ได้ยินเช่นกัน
“สะ เสียงใครคะเนี่ย!?”
“วิญญาณที่ติดมากับชุดนั่นไง? ดูเหมือนจะถูกใจเธอน่าดู”
ผมเหล่มองพื้น
เงาดำคืบคลาน มองเห็นรอยเงารูปร่างฝ่ามือกรงเล็บยาวไหลขึ้นจากพื้นสู่ลำคอ ในตอนนั้นเองที่ลำคอถูกบีบ
“คุณคริสโตเฟอร์!”
“เห…จะจัดการตัวจุ้นจ้านอย่างฉันสินะ? ไม่ไหว อารมณ์ผีไทยนี่ถูกใจใครก็จะลากไปอยู่ด้วยตลอด น่ารังเกียจชะมัด”
“ตายซะ”
วิญญาณตัวนี้คงถูกใจพลอย จนอยากได้เธอไปอยู่ด้วย สมแล้วจริงๆ ผีไทยเนี่ย โคตรจะไร้สาระ
“ที่จริงจะรอจัดการเอาอีกทีตอนวันที่ถึงเส้นตายก็ได้แหละนะ แต่ว่าในเมื่อแกรู้การมีอยู่ของฉันแล้ว คงจะเร่งให้พลอยตายเร็วขึ้นใช่มั้ยล่ะ?”
กับวิญญาณร้ายไม่จำเป็นต้องลังเล อันที่จริงอาจจะมีเส้นเรื่องที่อีกสามวันจะถึงการแสดงละครของชมรมนาฏศิลป์ แล้วพลอยที่ขึ้นแสดงจะตายเอาวันนั้นก็ได้
แต่ก็อย่างที่พูด ไม่มีความจำเป็นต้องลังเลหรือเสียเวลากับวิญญาณ
ต้องจบเคสให้ได้วันนี้
“ปล่อย ไอ้วิญญาณ”
“ตายซะ!”
“อาคมสูงน่าดูเลยนะ ถึงขั้นจับเนื้อต้องตัวฉันในตอนนี้ได้ …แต่โชคร้ายหน่อยที่ต้องมาเจอฉันช่วงนี้”
เชื้อสายฝั่งซัคคิวบัสโดนกลบจนมิด เท่ากับว่าตอนนี้ผมคือซาตาน ไม่มีสิ่งใดเจือปน
อาคมต่างๆรุนแรง
“ด้วยนามแห่งข้า ปล่อยมือซะ”
รุนแรงถึงขนาดวาจาที่แต่เดิมใช้ได้เพียงกับคนเป็น สามารถใช้กับวิญญาณได้ด้วย
แรงบีบที่กำลำคอหายไป ปรากฎร่างวิญญาณหญิงสาวที่ใบหน้าซีดเซียวอีกทั้งน้ำตายังไหลเป็นเลือด ผีนางรำสินะ…
“ด้วยนามแห่งข้า…ลืมไป ตอนนี้ไม่ต้องขึ้นนำนี่นะ”
อยู่ในภพนี้ผมไม่ได้ใช้นามแท้ ก่อนสำแดงอาคมต้องขึ้นนำด้วยนามแห่งข้า เพียงแค่ตอนนี้อาคมผมสูงเกินไปจนไม่มีข้อจำกัดนั้น
ผมวิ่งเข้าใส่และกระชากคอวิญญาณด้วยกำมือ ออกแรงบีบพร้อมแสยะยิ้ม
“แก! ไอ้ปีศาจ!”
“โทษที งานเร่งว่ะ ลงนรกไปซะเดี๋ยวนี้เลยแล้วกัน เฮลล์ไฟ…”
“คุณคริสโตเฟอร์!!!”
ผมถูกเสียงตะโกนของพลอยห้ามเอาไว้
“อะไร?”
“จะฆ่าเหรอคะ!?”
“ฆงฆ่าอะไรเล่า ไอ้นี่มันเป็นวิญญาณอยู่แล้ว แค่ส่งมันไปนรกเท่านั้นแหละ”
“แต่ว่า…น่าสงสารนี่คะ”
“หา???”
พูดบ้าอะไรของเธอ นี่วิญญาณที่จะฆ่าเธอเลยนะ? จะสงสารมันเพื่ออะไรกัน
ผมเผยสีหน้าไม่เข้าใจให้เด็กสาว
“เธอเป็นเพียงวิญญาณที่ทำตามความต้องการของตัวเอง…ไม่เห็นต้องส่งเธอไปนรกเลยนี่คะ…”
“วิญญาณที่ห้ามความต้องการของตัวเองไม่ได้จนมาระรานคนเป็นมันก็สมควรลงนรกอยู่แล้ว”
“อึก…!”
วิญญาณผีนางรำกัดฟันแน่น สีหน้าเคียดแค้น
พลอยเข้ามารั้งแขนผม
“ปล่อยมือก่อนเถอะค่ะ! ถ้าได้คุยกันต้องเข้าใจแน่!”
“นี่เธอเข้าใจมั้ยว่าฉันกำลังช่วยเธออยู่น่ะ!?”
“ถ้าจะช่วยฉันจริงๆก็ฟังที่ฉันพูดสิคะ!!!”
เป็นแค่มนุษย์แต่มาสั่งผมงั้นเรอะ? อวดดีเป็นบ้า
ผมขบริมฝีปากแน่น และสุดท้ายก็ถอนหายใจพลางปล่อยมือจากวิญญาณ ยัยใส่ชฎานี่มันมีอาคมในคำพูดหรือไงกันเนี่ย…
วิญญาณลงไปคุกเข่า
พลอยพยักหน้าให้ผม
“ขอบคุณนะคะ คุณคริสโตเฟอร์”
และลงไปคุกเข่าเช่นกัน
“คุณพี่นางรำคะ…คือหนูยังมีสิ่งที่อยากทำอยู่อีกน่ะค่ะ”
“…”
“เพราะงั้น ช่วยละเว้นหนูไปได้มั้ยคะ? ต่อให้ไม่ต้องเอาหนูไปอยู่ด้วย แต่หนูก็จะเอาชุดสวยๆของคุณไปโชว์ให้คนอื่นเห็นไงคะ? อีกอย่างพวกเราก็เป็นเชื้อสายเดียวกัน ต่อให้จุดยืนจะแตกต่าง แต่ก็น่าจะปรับความเข้าใจกันได้นี่คะ?”
คำพูดของพลอยทำวิญญาณนิ่งไปครู่หนึ่ง
ก่อนที่จะ…
หมับ!
“ไม่! นังหนู! เจ้าต้องมาอยู่กับข้า!”
“แค่ก! แค่ก…!”
บีบคอพลอยโดยหวังเอาให้ตาย
“เชื้อสายเดียวกันงั้นรึ!? อย่าเอาข้าไปเทียบกับผีนางรำระดับต่ำเช่นเจ้า!”
“…อึก!”
“ข้าคือผีนางรำ! ไม่จำเป็นต้องให้ค่าคำพูดของเจ้า! เจ้าต่างหากต้องทำตามที่ข้าสั่ง! นังหนู!”
ซึ่งผมเดาไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ วิญญาณมันคุยด้วยรู้เรื่องซะที่ไหน
“อย่าเอามือสกปรกมาแตะผู้หญิงของฉัน”
ผมจับข้อมือวิญญาณ อาคมหลั่งไหล
“เดดเรล์ม (ดินแดนแห่งความตาย)”
รอบข้างกลายเป็นสีดำสนิท พื้นที่ที่ไร้ซึ่งแสงสว่าง
ทันทีอาคมแผลงฤทธิ์จบ วิญญาณผีนางรำก็หายไป ทิ้งไว้เพียงพลอยที่กำลำคอพลางไอค่อกแค่ก
“มะ เมื่อกี้คือ…”
“พื้นที่ที่จะดึงเป้าหมายลงนรก… เธอคงมองไม่เห็นนั่นแหละ เข้าใจว่ามันไปอยู่ที่ที่มันควรอยู่ก็พอ”
แม้วิญญาณจะถูกจัดการ แต่พลอยก็ยังทำสีหน้าปั้นยาก
ผมขมวดคิ้วถาม
“รู้สึกผิดเรอะ?”
“ก็…ค่ะ คิดว่าจะคุยกันเข้าใจแท้ๆ และต้องมาเห็นเชื้อสายเดียวกับตัวเองลงนรกไปต่อหน้าต่อตาอีก ตอนนี้เลยรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่…”
ถ้าเป็นผมตามปกติคงคิดว่าไร้สาระ จะไปคิดให้เปลืองสมองทำไม? กับแค่วิญญาณร้ายตัวเดียว ทว่า…ผมกลับเข้าใจสิ่งที่พลอยกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้
ผมลูบศีรษะเธอเบาๆ
“วิญญาณร้ายน่ะ ให้ใช้เหตุผลเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจกันหรอก ที่พวกเราทำก็คือการป้องกันตัว”
“…”
“แล้วถ้าจะรู้สึกผิดล่ะก็ ห้ามเด็ดขาด นั่นเป็นการตัดสินใจของฉัน …ให้ฉันรับผิดไว้คนเดียวเถอะ”
อย่างน้อย คงทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นได้บ้าง…ขอให้เป็นแบบนั้นล่ะนะ
พลอยครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะส่ายศีรษะแรงๆและเงยหน้าขึ้น
“ขะ เข้าใจแล้วค่ะ!”
“อ่า ตามนั้นแหละ”
ดูเหมือนจะพยายามฝืนปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ เธอตอบรับด้วยเสียงที่ดังขึ้น ผมเห็นท่าทีแบบนั้นก็เบาใจไปได้เปลาะนึง
พอวิญญาณหายไป ประตูห้องที่ถูกอาคมล็อกไว้ก็เปิดได้เสียที
ทรายรีบวิ่งเข้ามา
“คริส! น้องพลอย! เป็นไงบ้าง!? เมื่อกี้จู่ๆห้องก็มืดตื๋อเลย!”
“ฉันจัดการไปแล้ว”
“เอ๊ะ? คือน้องพลอยไม่ต้องตายแล้วเหรอ?”
“ใช่ที่ไหนกัน? มนุษย์ไม่ได้เป็นอมตะสักหน่อย แค่ให้ตายในจุดที่ควรจะเป็นเท่านั้น”
จะอีกกี่สิบปี สุดท้ายมนุษย์ก็ตายอยู่ดี ที่ผมทำไปก็แค่ช่วยให้เธอได้ใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น
เหนือสิ่งอื่นใด…
พลอยหลับตาเงยหน้าอย่างเหนื่อยล้า
“แต่ว่านะคะ…ถึงจะบอกว่าตายในสามวันก็เถอะ พอเรื่องจบเร็วแบบนี้เลยรู้สึกเหมือนตามไม่ทันยังไงก็ไม่รู้สิคะ…”
“หมอนี่ชอบเร่งงานน่ะ อย่าไปว่าเล้ย”
“ไม่ว่าหรอกค่ะ ยังไงก็ต้องขอบคุณอยู่ดี แค่มันปุบปับไปเยอะเลย…”
จัดการปัญหารวดเร็วมันมีอะไรให้น่าบ่นขนาดนั้นเลยเหรอ? ไม่เข้าใจแนวคิดของมนุษย์เลย
พลอยพูดมาว่า
“ขอบคุณนะคะคุณคริสโตเฟอร์ ถ้าดิฉันพอจะช่วยอะไรได้…ที่ละเมิดกฎนั่น”
“ไม่ต้องหรอก แค่ต้องกลับไปคุยกับที่บ้านหน่อย หวังว่าจะไม่โดนโทษหนักมาก คงใช้เส้นสายช่วยได้นั่นล่ะ …ขอย้ำอีกรอบ อย่าคิดว่าเป็นความผิดเธอล่ะ ที่ช่วยเธอไป ก็เพราะฉันมีเหตุผลของตัวเอง”
“เหตุผลงั้นเหรอคะ?”
พลอยเอียงคอ
…เหนือสิ่งอื่นใด…เหตุผลที่ผมช่วยพลอยก็เพราะ
ผมคลี่ยิ้มอย่างที่รู้สึกว่าไม่เคยทำมาก่อน
“ฉันอยากรู้จักเธอมากกว่านี้น่ะ”
พลอยตาค้างไปพักนึง
“จะขอดิฉันคบเหรอคะ!?”
หะ…
ผมอึ้งไปพักนึง ก่อนจะตะโกนสวนกลับไป
“ไม่ได้จะขอ! ฉันไม่สนผีไทย!”
ทรายถอนหายใจเฮือกใหญ่
“นี่นายจะพูดแบบนั้นประจำเลยเหรอ?”
“ก็ฉันไม่สนผีไทยจริงๆนี่หว่า! แล้วก็นะ! ฉันเป็นซาตาน ไม่สนความรักโง่ๆของมนุษย์หรอก!”
มนุษย์นี่นะ เอะอะอะไรก็มองเป็นความรักไปซะหมด น่าเบื่อจริง
พลอยยิ้มแห้ง
“นิสัยไม่ดีจริงด้วยค่ะ”
“ใช่มั้ยล่ะ? ถึงว่าคนอื่นเขาถึงได้ไม่ชอบ”
“แย่เลยนะคะ จะให้คนนิสัยแบบนี้ขึ้นเป็นประธานนักเรียนโดยไม่มีคนคอยช่วยได้ยังไงกันล่ะคะเนี่ย”
พลอยยื่นมือมา ผมสงสัย
“ดิฉันอยากเข้าสภานักเรียนค่ะ”
“…ก็บอกยัยทรายเอาสิ”
“บอกกับคุณคริสโตเฟอร์นั่นแหละค่ะ ปีนี้ฉันขอเต็มที่กับชมรมก่อน แต่ปีหน้าฉันจะไปช่วยเองค่ะ!”
เธอว่าเช่นนั้น ผีนางรำพลอย เด็กสาวจิตใจดีที่ตัวผมเกิดมีความสนใจในตัวเธออย่างมากจนไม่รู้เหตุผล ทั้งที่กับมนุษย์จะใครก็เหมือนกันแท้ๆ
บ้าชะมัด แค่ผีนางรำตัวเดียวทำเราเขวขนาดนี้เลยรึเนี่ย ถึงขนาดละเมิดกฎเพื่อช่วยเลยนี่นะ นึกแล้วก็ตลกตัวเองดีเหมือนกัน
แต่อย่างน้อย…ต่อจากนี้ก็จะได้ทำความรู้จักพลอยมากขึ้น
ผมจับมือเธอเอาไว้
“อ่า จะใช้งานให้หนักเลย”
“เชิญเลยค่ะ! ถือเสียว่าตอบแทนเรื่องเมื่อครู่แล้วกันค่ะ”
ทรายพยักหน้ากับตัวเองและพึมพำ
“อืมๆ จะคบกันเมื่อไหร่ก็บอกด้วยล่ะ พี่สาวรู้นะ แหมๆ~ พึ่งเจอกันวันแรกก็เป็นงี้ซะแล้ว รักแรกพบสิเนอะ~?”
“พี่ทรายอย่าพูดอะไรแปลกๆสิคะ!?”
“เฮ้อ…ไร้สาระจริ๊ง”
ผมสบถ พลอยกับทรายที่เห็นท่าทางของผมก็พากันหัวเราะร่า…
…เรื่องราวก็จบลงแบบนั้น หลังจากนั้นยัยประธานนักเรียนกับผีไร้หัวก็มานั่งบ่นผมว่าเรื่องเคสของพลอย ที่จริงแล้วควรจะจัดการในอีกสามวันตอนที่ถึงเส้นตายพอดี เพราะในการ์ตูนจะชอบทำกันแบบนั้น
ซึ่งผมก็ได้แต่ถอนหายใจ ว่าจะเอาชีวิตจริงไปปนกับการ์ตูนทำไม ในเมื่อเราสามารถแก้ปัญหาได้ง่ายๆทันที ก็ไม่รู้จะประวิงเวลาไปเพื่อ
แต่ก็…เร็วจริงๆนั่นล่ะ วิญญาณนั่นมันซวยเองที่มาเจอผมช่วงนั้นพอดีนี่นะ
เศษเสี้ยวเรื่องราวที่สาม ซาตานกับผีนางรำ /จบ