สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 95 เคสที่ 46 ระลึกความหลัง (2)
“จิ๊บ จุจิ๊บ จิ๊บ! (ความหลังของดิวกับคริสโตเฟอร์นี่ สุดยอดมากๆเลยน้า ขนาดเค้าที่เห็นกับตายังไม่อยากเชื่อเลย!)”
เจี๊ยบว่าแบบนั้น
“…งั้นให้เจี๊ยบเล่า?”
“จิ๊บ! จุ๊บ! (ไม่เอา! ขี้เกียจ!)”
ที่จริงฉันก็ขี้เกียจเหมือนกัน แต่ฝั่งโน้นก็อุตส่าห์เล่าเรื่องของตัวเองมาแล้วด้วย…
เอ็มเอ่ย
“เอ่อ…ผมก็ไม่ได้กะให้คุณปอบเป็นคนเล่าสักหน่อย บอกแล้วนี่ว่าถ้าให้คุณปอบที่พูดไม่เก่งเล่าน่าจะลำบากน่ะ?”
“…งั้น…จะให้ทำไง?”
“ก็ที่ผมจะทำก่อนหน้านี้ไง แต่พอดีคุณปอบให้ผมเล่าเรื่องเสียก่อน”
พูดแล้วก็เหมือนเมื่อกี้เอ็มกำลังจะทำสักอย่างจริงๆล่ะนะ
“…จะทำอะไร?”
“อืมๆ การตรงเข้าคำถามแบบไม่อ้อมค้อมก็ถือเป็นข้อดีของคุณปอบสินะครับ”
“…”
พึมพำอะไรของเขาก็ไม่รู้
“ถ้าอย่างคริสโตเฟอร์จะเป็น ‘คำสาป’ สำหรับผมจะเป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘พร’ แทน”
““…อือ?/จิ๊บ?””
“ทั้งสองอย่างถ้าว่ากันตามภาษาบ้านๆแล้ว มันก็คืออาคมนั่นแหละครับ แค่มันจะมีความเฉพาะนิดนึง อย่างไรก็ตาม พรของผมก็มีความสามารถหลายแบบอย่างที่คริสโตเฟอร์ทำได้นั่นแหละครับ”
“…ฉันยังไม่รู้เลยว่าคริสโตเฟอร์ทำอะไรได้บ้าง”
“การจะตีกรอบความสามารถของเทวทูตกับซาตานมันก็ยากพอๆกับงมเข็มในมหาสมุทรนั่นแหละครับ คิดเสียว่ามีเยอะจนไม่ต้องใส่ใจก็พอ”
“…อืม?”
ถ้าขนาดเจ้าตัวยังว่าแบบนั้น ก็คงแบบนั้นล่ะมั้ง?
เอ็มพูดต่อให้ฉันที่ยังคงสงสัย
“หนึ่งในความสามารถของผมคือดูอดีตของมนุษย์ครับ”
“…”
เป็นความสามารถที่เสียมารยาทสุดๆ…
“ถึงจะไม่ได้อ่านใจ แต่คงคิดว่าเสียมารยาทอยู่สินะครับนั่น…แต่นี่ไม่ใช่อะไรที่พลการเหมือนอ่านใจหรอกครับ คือถ้าอีกฝ่ายไม่ยินยอมก็ดูไม่ได้น่ะ”
“…เหรอ”
“ไม่มีผลข้างเคียงครับ”
“…ยังไม่ได้ว่าอะไร”
“แหม บางคนกลัวอะไรแบบนั้นนี่ครับ ยังไงในจุดยืนของผมแล้วก็ต้องบอกให้ฟังก่อนนั่นแหละ”
ว่าแล้วเอ็มก็ผายมือ
“งั้นขอรบกวนให้คุณปอบนึกถึงวันที่เจอกับคริสโตเฟอร์ให้หน่อยแล้วกันครับ”
ฉันทำตามที่เอ็มว่า ยังไงถ้าเขาได้รู้เรื่องโดยที่ไม่ต้องพูดสักคำล่ะก็ จะได้กินขนมต่อ
วงแหวนบนศีรษะของเขาส่องสว่าง พร้อมกันนั้นที่สติของฉันค่อยๆดับลง
…แบบนี้ก็กินขนมไม่ได้น่ะสิ
ฉันคิดเช่นนั้นก่อนภาพวันที่เจอกับคริสโตเฟอร์ค่อยๆโผล่ขึ้นมา…
+ +
ฉันอยู่โรงอาหาร ขณะรับประทานอาหารกลางวันที่มีจำนวนเยอะกว่าคนอื่นๆอย่างเทียบไม่ติด แค่จำนวนจานบนโต๊ะก็เกือบสิบยี่สิบจานเข้าไปแล้ว
ช่วงแรกที่ย้ายมา ฉันโดนคนอื่นมองแปลกๆเรื่องจำนวนอาหารที่มากมาย แต่พอช่วงนี้ คนส่วนใหญ่ก็มองว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้ว…
“จิ๊บ! (เมื่อไหร่จะมีเพื่อนกินข้าวเนอะ!)”
“…ก็มีเจี๊ยบแล้วไง”
“จิ๊บจิ๊บ! จิ๊บจุ๊จั๊บ (ไม่ๆ! เค้าหมายถึงเพื่อนกินข้าวจริงๆต่างหาก)”
“…แล้วเธอไม่จริงเหรอ?”
“จิ๊บ…”
อันที่จริงแค่นี้ก็ใช้พื้นที่โต๊ะจนล้นแล้ว ต่อให้มีคนมากินด้วยก็ยากอยู่ดี พื้นที่วางจานมันไม่พอนี่นา
ฉันพึ่งขึ้นมอสี่ และนี่ก็เปิดมาได้สักพักแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเพื่อนกินข้าวเลยสักคน
“…ปอบนี่นะ”
“จิ๊บ?”
ฉันพึมพำกับตัวเองจนเจี๊ยบสงสัย
ปึง!
เสียงจานข้าวกระแทกที่ฝั่งตรงข้ามจนฉันสะดุ้ง ตามมาด้วยเสียงพูดไม่สบอารมณ์
“คนมันจะเยอะบ้าอะไรทุกวันเนี่ย ตอนนี้ยัยนั่นอยู่สภาด้วย…”
เด็กหนุ่มที่พูดอยู่นั้น มีเส้นผมสีชมพูเด่นสะดุดตา เครื่องแบบชุดเบลเซอร์
มองแค่นั้นก็รู้ได้ทันทีเลยว่าใคร…
คริสโตเฟอร์ วิลเลี่ยม สายเลือดซาตานที่มีตำแหน่งเป็นรองประธานนักเรียนของสภานักเรียน …ค่อนข้างจะเป็นคนดังอยู่นะ แต่ก็ไม่ใช่ทางที่ดีนักหรอก
“…ง่ำๆ”
ฉันจ้อง เมื่อเขาสังเกตก็เลิกคิ้วว่ามาแบบนี้
“หือ? เออ ขอนั่งด้วย ที่มันเต็ม”
“…อืม”
“อะไรของแก? ไม่พอใจเรอะ? ต่อให้โรงอาหารจะกว้างแค่ไหนแต่เล่นยึดโต๊ะมานั่งมันใช้ได้ที่ไหนกัน?”
“…ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”
“งั้นก็ขอบคุณซะด้วย โอกาสที่มนุษย์ธรรมดาจะได้ร่วมโต๊ะกับฉันสักมื้อมันหายาก”
“…”
น่าตบสักทีจริงๆ…
ถึงว่าทำไมชื่อเสียงไม่ค่อยดี เพราะทำตัวหัวสูงแทบยังปากสุนัขไม่รับประทานแบบนี้นี่เอง…
“เฮ้ย? พกสัตว์มาโรงเรียนด้วยเรอะ?”
คริสโตเฟอร์จ้องไปยังเจี๊ยบที่กำลังแทะอาหารนกอย่างเอร็ดอร่อย
“จิ๊บ?”
“ถึงกฎจะไม่ได้ห้ามไว้ก็เถอะ สัตว์เลี้ยงมันตัวแพร่เชื้อโรค ถ้าไม่รักษาความสะอาดให้ล่ะก็ อาจจะเป็นตัวแพร่โรคติดต่อให้โรงเรียนต้องปิดชั่วคราว”
“…เจี๊ยบสะอาดนะ”
“อ๋อเรอะ?”
เหมือนเขาแค่อยากพูดไปเรื่อย ไม่ได้สนใจจริงๆว่าฉันจะตอบรับยังไง
“จุ๊ จิ๊บ (มารยาทแย่สุดๆเลยนะ เจ้าซาตานนี่)”
“…อย่างน้อยก็มีเพื่อนกินข้าวอย่างที่เธอต้องการแล้วไง”
“จิ๊บ~ (อย่างน้อยก็อยากได้คนดีๆหน่อยล่ะน้า~)”
…ฉันที่กินเสร็จแล้ว ไม่รู้ว่าควรวางตัวยังไงเมื่อมีคนร่วมโต๊ะด้วย ครั้นจะให้ลุกไปเฉยๆก็คงไม่ดี…คิดว่านะ
ผลจากการคิดแบบนั้นฉันเลยนั่งมองเขากินข้าว ไม่สิ…ส้มตำมากกว่า
ส้มตำสีแดงออกส้มๆ ใส่พริกเยอะน่าดู
คริสโตเฟอร์กระดกน้ำคำส้มตำคำ
“…นาย”
“เออ?”
“…กินเผ็ดไม่ได้เหรอ?”
พอเขาได้ยินคำถาม ก็วางช้อนส้อมลง
“ไม่รู้ทำไมถึงได้ถาม… แต่ก็ตามนั้น เครื่องเทศที่ใส่เพื่อให้เผ็ดเนี่ยนะ? ขอทีเถอะ มีแต่คนสติไม่สมประกอบเท่านั้นแหละที่กิน”
“…ฉันว่าเผ็ดๆก็อร่อยนะ”
“งั้นแกก็ไม่สมประกอบเหมือนกัน แล้วฉันก็ไม่ได้ขอความเห็น”
ฟังไปฟังมาก็เริ่มจะชินไงไม่รู้ ว่าไงดีล่ะ…ถึงคำพูดจะไม่น่าฟัง แต่รู้สึกได้จากคำพูดว่าเขาก็ไม่ได้คิดอะไร…
“…นิสัยไม่ดีแต่กำเนิด?”
“ได้ยินนะเฮ้ย”
“…หูดีจัง”
“แกพูดดังต่างหาก ช่างเหอะ ไม่กินแล้ว”
คริสโตเฟอร์เลื่อนจานออกด้วยใบหน้าเซ็งๆ
จากปริมาณที่หายไป ไม่น่าใช่ปริมาณที่เด็กชายมัธยมปีที่สี่จะกินแล้วอยู่ท้องไปได้ถึงเลิกเรียนแน่ๆ
ฉันล้วงกระเป๋าเสื้อฮู้ด หยิบเสบียงสำรองออกมาส่งให้เขา
เขาทำหน้างงๆ
“อะไร?”
“…ให้ ไม่เผ็ด”
“ฉันไม่รับของฟรี เท่าไหร่?”
“…ไม่ได้ฟรี แต่ให้”
คริสโตเฟอร์อึกอัก แต่สุดท้ายก็กระชากขนมปังไปจากมือฉัน
“ฉันไม่ได้ติดหนี้อะไรแก เข้าใจนะ?”
“…ทำไมต้องกินส้มตำ”
“หา?”
“…มันเผ็ด …กินอย่างอื่น”
“…แค่อยากซึมซับความเป็นไทยน่ะ พูดถึงประเทศนี้ก็ต้องส้มตำใช่มั้ย?”
แปลกใจเหมือนกันที่ตอบมาง่ายๆ แต่ฉันก็แย้งออกไป
“…ต้มยำกุ้ง?”
“โรงเรียนเรามีขายซะที่ไหน”
“…อืม?”
“ลองกินมาหลายวันแล้ว เผ็ดไม่รู้จะเผ็ดยังไง จนตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจเลยว่ากระเดือกลงไปได้ยังไง…”
พูดแล้วเขาก็เหลือบมองไปยังโต๊ะอีกฝั่งที่เหมือนจะกินส้มตำกันทั้งโต๊ะ
“…จิ๊บ? (ทำไมไม่สั่งไม่เผ็ดกันนะ?)”
“…เจี๊ยบถามว่าทำไมไม่สั่งป้าเขาว่าไม่เผ็ด?”
“หา? นี่แกคุยกับลูกเจี๊ยบรู้เรื่องด้วยเรอะ?”
“…อืม”
“เฮ้อ พูดจาเลอะ…เดี๋ยว ขอประโยคเมื่อกี้ใหม่อีกทีซิ?”
คริสโตเฟอร์ขมวดคิ้วและขอให้ฉันทวนที่พูดไปอีกครั้ง
ฉันก็ทำตามนั้น
“…อืม”
“นี่แกปัญญาอ่อนใช่มั้ยเนี่ย?”
“…ก็บอกให้ทวนประโยคเมื่อกี้?”
“หมายถึงที่ไอ้ลูกเจี๊ยบพูดเมื่อกี้ต่างหาก”
“…เจี๊ยบถามว่าทำไมไม่สั่งป้าเขาว่าไม่เผ็ด?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น คริสโตเฟอร์ก็กุมคางครุ่นคิดด้วยสีหน้าคร่ำเครียดอย่างถึงที่สุด…
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นถาม
“ทำแบบนั้นได้ด้วย?”
“…อืม”
“แสดงว่าจะไม่มีพริกแล้ว?”
“…อาจมีติดก้นครกนิดหน่อย”
“งั้นถ้าให้ป้าเขาล้างครกล่ะ?”
“…ก็น่าจะไม่มีแล้วนะ”
คริสโตเฟอร์ลุกขึ้นทุบโต๊ะจนฉันสงสัย
“…?”
“จะไปสั่งอีกรอบ”
“…โชคดี?”
สุดท้ายเขาก็ลุกออกจากโต๊ะไปทั้งอย่างนั้น ทิ้งให้ฉันฉงนอยู่กับเจี๊ยบว่าที่พูดกันไปเมื่อกี้มันเป็นความคิดบรรเจิดขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?
ฉันมองแผ่นหลังเขาที่เดินดุ่มๆ จู่ๆเขาก็ชะงักและเดินกลับมาที่โต๊ะ
“มอสี่ใช่มั้ย? แกน่ะ”
“อืม?”
“ที่จริงก็ไม่ได้สนใจหรอกว่าจะมออะไร …สนใจเข้าสภานักเรียนมั้ย?”
โดนชวนมาแบบนั้น
ฉันเอียงคอถามกลับ
“…ต้องทำอะไร?”
“ปีนี้ไม่มีไรมาก แต่ปีหน้าฉันจะขึ้นเป็นประธาน แกค่อยเริ่มทำงานจริงจังตอนนั้นก็ได้”
“…งั้น…กินข้าวที่ห้องสภา?”
“หะ? อะ เออ ได้ แต่ฉันไม่แนะนำหรอก ตอนเที่ยงยัยนั่นอยู่สภาตลอด เสียงดังน่ารำคาญ”
“…ยัยนั่น?”
“ประธานนักเรียนน่ะ”
“…อืม?”
“เอาไง จะเข้ามั้ย?”
ถ้าเข้าสภา อย่างน้อยก็เอาขนมที่ต้องซื้อทุกเช้าไปทิ้งไว้ได้ จะได้ไม่ต้องขนเข้าห้องเรียนให้รุงรัง
ฉันหันมองเจี๊ยบ เจี๊ยบก็พยักหน้า
“…อืม เข้า”
“เออ งั้นตอนเย็นเอาใบสมัครเข้าชมรมมายื่นที่สภาได้เลย ไม่ต้องยื่นกับฉันก็ได้ สามคนนั้นจะใครอยู่ก็ยื่นๆไปเลย”
สภานักเรียนมีคนน้อยกว่าที่คิดไว้…
ฉันพยักหน้าให้คริสโตเฟอร์ เขาก็โบกมือลาและเดินไปสั่งส้มตำอย่างที่ตั้งใจไว้ตอนแรก
+ +
ฉันลืมตาขึ้น พบกับเอ็มที่ก็พึ่งลืมตาอยู่อีกฝั่งของโซฟา
เจี๊ยบโบกปีก
“จิ๊บ! (สุดยอดเลยใช่ม้า!)”
เอ็มตอบด้วยการยิ้มแห้งพลางว่ามาแบบนี้
“…โทษนะครับคุณเจี๊ยบ แต่ผมดูแล้วก็ไม่เห็นว่าสุดยอดตรงไหนเลยน่ะครับ…”
“จุ๊บ! จิ๊บจั๊บ! (ไม่สุดยอดได้ไง! ได้เข้าสภาเพราะความคิดสุดบรรเจิดของเค้าเลยนะ!)”
“ถ้าประเด็นนั้นผมสงสัยในความโง่ของคริสโตเฟอร์มากกว่า…”
“…อย่าว่าคริสโตเฟอร์สิ”
“อ๊ะ ขอโทษครับ พลั้งปากไปหน่อย”
ดูเหมือนการย้อนความหลังจะจบลงแค่นั้น ถึงฉันจะคิดเหมือนเอ็มว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่สุดยอดอะไร แต่เหมือนเอ็มจะพึงพอใจน่าดู
“ผมพอจะเข้าใจคุณปอบคร่าวๆแล้วน่ะครับ จะทำความรู้จักกันก็ต้องแบบนี้แหละ”
“…แล้วนายเห็นได้ไง?”
“หือ? อ๋อ ตอนใช้พร ผมจะเข้าไปในความทรงจำน่ะครับ อารมณ์เหมือนดูหนัง”
“…สะดวกดีจัง”
“ขอบคุณครับ”
“…แต่เหมือนเกินความจำเป็น”
เพราะถ้าแค่ทำได้แค่นั้น อันที่จริงฉันเล่าเองก็ได้ ถึงใจจริงจะขี้เกียจก็เถอะนะ…
เอ็มที่รู้สึกเหมือนโดนดูถูก ก็ยิ้มบางๆพูด
“แหม…ดูอดีตมันก็ประมาณนี้แหละครับ มันมีประโยชน์ด้านการจับโกหกด้วย แต่ก็อย่างที่คุณปอบว่า อันที่จริงมันก็ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่หรอกครับ”
“อืม…”
“แต่ถ้าอยากได้อะไรที่ดีกว่านี้ล่ะก็ ผมมีแนะนำอันนึงครับ พอจะมีเวลารึเปล่า?”
ฉันหันมองประตู ยังไม่มีวี่แววว่าใครจะมา
“…คริสโตเฟอร์กับพลอยยังไม่มา”
“แสดงว่ามีเวลาสินะ? งั้นก็รบกวนช่วยนอนลงหน่อยครับ”
ฉันสงสัย ก่อนจะนอนลงกับโซฟาตามที่เอ็มบอก
เอ็มเดินเข้ามาพร้อมจับหน้าผากฉันอย่างแผ่วเบา
“นอกจากดูอดีตแล้ว ผมยังมีพรที่เรียกว่า ‘ส่องอนาคต’ ด้วยน่ะครับ”
“…อนาคต?”
“สมเป็นเทวทูตมั้ยล่ะครับ?”
อันนี้ฟังดูสุดยอดจริงๆ ดูอนาคตมันเหนือจินตนาการไปหน่อย จนนึกสงสัยว่าเอามาใช้กับมนุษย์อย่างฉันได้โดยไม่ผิดกฎจริงเหรอ?
เอ็มเข้าใจความกังวลนั้นและพูดออกมา
“เป็นพรที่ใช้กับมนุษย์ได้ไม่ผิดกฎครับ พอดีมันจะมีผลข้างเคียงนิดหน่อย แตกต่างจากดูอดีตน่ะครับ”
“…ผลข้างเคียง”
“อนาคตที่ทำการฉายให้ดู จะถูกตัดออกจากความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของคนคนนั้นครับ”
“…หมายถึงตาย?”
“ไม่ใช่ครับไม่ใช่ อนาคตคนเรามีล้านๆรูปแบบ ผมแค่ตัดหนึ่งในความเป็นไปได้ออกไปและฉายให้คุณดิวดูเท่านั้นเองครับ”
“…งั้นก็ไม่เป็นไร ใช่มั้ย…? เจี๊ยบ”
ฉันหาการยืนยันจากเพื่อนสนิท
เจี๊ยบยกนิ้วโป้งด้วยปีก
“จิ๊บ! จิ๊บ! (มีตั้งหลายอัน! ดูสักอันจะเป็นไรไป!)”
ด้วยเหตุนั้น ฉันจึงหลับตา และเริ่มการส่องอนาคตของเอ็มด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย…
…ครั้งนี้แตกต่าง
ถ้าเป็นดูอดีต จะราวกับว่าตัวฉันได้ไปอยู่ในเหตุการณ์อีกครั้ง แต่สำหรับส่องอนาคตแล้ว ฉันมีหน้าที่เป็นเพียงผู้ชม
และสิ่งที่ฉันเห็น ก็คือห้องคอนโด อีกทั้งยังได้กลิ่นอาหารที่ลอยมาจากห้องครัว
จังหวะต่อมา ประตูเข้าห้องก็เปิดออก พร้อมด้วยตัวฉันที่สูงขึ้นนิดหน่อย…นิดเดียวจริงๆ
ตัวฉันในอนาคต
เธอเดินดุ่มไปทางกรงนกที่เปิดกว้างไม่ได้ล็อคไว้ หันซ้ายหันขวาจนสุดท้ายก็เจอสิ่งมีชีวิตตัวกลมสีเหลือง
“กลับมาแล้ว…เจี๊ยบ”
“จิ๊บ! (ยินดีต้อนรับกลับ)!”
โล่งใจที่ต่อให้โตไป ฉันก็ยังได้อยู่กับเจี๊ยบเหมือนเดิม…
…แล้วถ้าฉันพึ่งกลับถึงบ้าน แล้วใครเป็นคนทำอาหารอยู่กันล่ะ?
ขณะที่สงสัยเช่นนั้นนั่นเอง…
“กลับมาแล้วเหรอครับ?”
เสียงผู้ชายที่ฟังแล้วคุ้นหู
“อืม…”
“พี่พึ่งทำข้าวเย็นเสร็จพอดี รีบมากินกันเถอะ เจี๊ยบก็ด้วย”
“จิ๊บ! (มาแล้วจ้า!)”
ฉันพยายามขยับร่างกายเพื่อดูว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร แต่อย่าว่าแต่ขยับตัวเลย ฉันเป็นเพียงอากาศที่มีหน้าที่แค่เฝ้ามองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแบบจำกัดเท่านั้น…
…วินาทีที่ชายหนุ่มคนนั้นจะเดินออกมาจากห้องครัวนั่นเอง ที่ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเคาะประตูเสียก่อน
ฉันลืมตา และคนที่เข้ามาในห้องสภาก็คือ…
“…พะ…พี่ต้น!”
ฉันรีบลุกขึ้นนั่งและหยิบขนมมาเคี้ยว พี่ต้นที่เห็นดังนั้นก็ส่งความรู้สึกสงสัยมาทางฉัน
เอ็มคลี่ยิ้ม
“คุณปอบแค่ร้อนนิดหน่อยน่ะครับ แหม อากาศวันนี้ร้อนกว่าทุกที ว่ามั้ยครับ?”
“หะ อะ อืม…”
พี่ต้นอึกอัดตอบ ฉันได้แค่นั่งเงียบฟังพวกเขา
“ส่วนที่คุณปอบนอนอย่างไม่เหมาะสมเมื่อครู่ ผมขอยืนยันว่าไม่ได้กำลังทำอะไรไม่ดีแน่ครับ”
“ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย…”
“ผมก็พูดเผื่อคุณเกิดสงสัยเท่านั้นเองแหละครับ คุณกระหัง …ไม่ครับ คุณไม่ได้ขัดจังหวะอะไรเลย””
“หะ?”
“เปล่าครับเปล่า…คุณจะไปหาคริสโตเฟอร์ใช่มั้ยล่ะครับ? เขาน่าจะอยู่ตึกเรียนน่ะครับ พอดีโดนครูใหญ่เรียกคุย”
เอ็มบอก พี่ต้นนิ่งไปสักพักก่อนจะลูบต้นคออย่างที่เขาชอบทำประจำ
“งั้นน้องดิว เดี๋ยวพี่ขอตัวไปหาน้องประธานก่อนนะ”
“…ค่ะ”
เสียงปิดประตูดังขึ้น เอ็มรอให้เสียงเท้าห่างออกไปก่อนพูดขึ้น
“ผมเนียนสุดๆเลยใช่มั้ยครับ?”
“…เสียงเหมือนกันเลย”
ไม่รู้คิดไปเองหรือไม่ แต่เจ้าของเสียงที่ได้ยินจากส่องอนาคต กับเสียงของพี่ต้นนั้นคล้ายกันอย่างไม่น่าเชื่อ
หรือว่า…ฉันกับพี่ต้น
ฉันคิดไปถึงตรงนั้นก็ส่ายศีรษะแรงๆ
“ผมก็เข้าไปดูด้วยนะครับเมื่อกี้ ถึงจะเห็นไม่ชัด แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าคือพี่ต้นนะครับ”
“…แล้วทำไมฉันกับพี่ต้นถึงได้…”
“คำถามผิดไปหน่อยนะครับ ควรจะเป็นว่าดีใจหรือเสียใจที่เป็นแบบนั้นมากกว่าต่างหากครับ”
ดีใจหรือเสียใจงั้นเหรอ…
ถ้าให้ตอบตอนนี้เลยก็คงจะเป็น…
“จิ๊บ! (ดีใจฝุดๆ!)”
“เจี๊ยบตอนให้แทนแล้วนะครับ”
“อืม…”
รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว อากาศร้อนจริงๆงั้นสิ…
ฉันถามออกไป
“…ถึงจะดีใจ แต่ก็จะไม่เกิดขึ้นแล้ว?”
คำถามนั้นทำเอ็มเลิกคิ้ว ก่อนจะหัวเราะออกมา
“ฮะฮะ ก็จริงครับ แต่อย่างที่ผมบอก นั่นก็แค่หนึ่งในความเป็นไปได้ที่ถูกตัดทิ้งไป”
“…อืม”
“แต่ว่า…อนาคตที่คุณปอบจะได้อยู่กับคุณกระหังยังมีอีกเยอะเลยล่ะครับ”
“…โกหกรึเปล่า…?”
เอ็มลุกขึ้นอย่างอ่อนช้อย ดูเหมือนเขาจะหมดธุระกับที่นี่แล้ว ถึงได้เดินไปทางประตูและกำลูกบิด
ก่อนเขาจะออกไป เขาพูดกับฉันด้วยรอยยิ้ม
“ผมไม่โกหกครับ ก็เป็นเทวทูตนี่นา”
และทิ้งคำพูดไว้แบบนั้น
เคสที่ 46 ระลึกความหลัง /จบ