สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 94 เคสที่ 46 ระลึกความหลัง (1)
…วันนี้แปลกกว่าทุกวัน
ถึงฉันจะมาถึงสภาแล้ว แต่ในสภากลับไม่มีใครอยู่เลย
“จิ๊บ?(คริสโตเฟอร์ไม่อยู่เหรอ?)”
“…เหมือนจะใช่นะ”
ปกติถ้าไม่คริสโตเฟอร์ก็พลอยต้องมาถึงสภาก่อนแท้ๆ …ไม่ค่อยอยากกินขนมคนเดียวเงียบๆเท่าไหร่เลย เสียงพวกเขาทะเลาะกันฟังแล้วขนมอร่อยขึ้น…
แม้จะไม่ชอบใจ สุดท้ายฉันก็หยิบขนมที่นำมาทิ้งไว้ห้องสภาตั้งแต่เช้าขึ้นมากินเหมือนอย่างทุกวัน …ไม่ได้แตะขนมรับแขกในห้องเก็บของ ไม่อย่างนั้นคริสโตเฟอร์จะโกรธเอา ฉันถึงต้องแวะร้านสะดวกซื้อทุกเช้าและซื้อมาด้วยตัวเอง
“จุ๊จิ๊บ…(คิดถึงคริสโตเฟอร์จัง)”
“…อีกเดี๋ยวก็มาแหละ คิดว่านะ”
เจี๊ยบค่อนข้างจะถูกใจคริสโตเฟอร์มากพอดู ส่วนใหญ่จะชอบหยอกกันเล่นตลอด บางทีเจี๊ยบก็ชอบพูดให้ฟังว่าเวลาคุยกับคริสโตเฟอร์เหมือนคุยกับเด็กเล็กๆเลยสนุกดี
…คงเพราะไม่เคยอยู่สภาคนเดียวมาก่อน ถึงจะมีบ้างตอนคนอื่นออกไปทำเคส แต่แค่วันนี้มันแปลกกว่าทุกวัน ส่งผลให้ฉันเริ่มจะรู้สึกแปลกๆ
“…เล่นไพ่กันมั้ย? เจี๊ยบ”
“จิ๊บ~จิ๊บ~ (เล่นก็เล่นได้แหละ~ แต่ดิวจะสู้เราไว้เร้อ~)”
ที่เจี๊ยบพูดก็ถูก ลองเจี๊ยบไม่อ่อนให้ ฉันก็ไม่เคยชนะเจี๊ยบเลยสักครั้ง ต่อให้เป็นไพ่ที่ใช้แค่ดวงอย่างป๊อกเด้งหรือแบล็คแจ็ค ฉันก็แพ้เจี๊ยบตลอด
กระนั้น ฉันก็ไม่คิดยอมแพ้ ลองถ้าเล่นไปทุกวัน ไม่วันใดวันหนึ่งจะต้องมีฝีมือทัดเทียมเจี๊ยบได้สักวัน…
จังหวะที่ลุกขึ้นจะไปหยิบสำหรับไพ่นั่นเอง ที่ประตูห้องสภาเปิดออกเสียก่อน
คริสโตเฟอร์? พลอย? หรือว่าจะเป็นลูกเคส?
ตัวฉันคงอย่างให้เป็นสองอย่างแรก เรื่องเคสปล่อยเป็นหน้าที่คนอื่นดีกว่า
“…?”
แต่ทั้งสามตัวเลือกกลับผิดทั้งหมด อันที่จริงคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็เป็นบุคคลที่ฉันไม่คิดว่าจะเป็นตัวเลือกแรกๆที่จะโผล่ขึ้นมาในความคิด…
“สวัสดีครับ คุณปอบ”
เอ็ม เด็กสาวชั้นมอห้า เทวทูตที่ไม่ค่อยถูกกับคริสโตเฟอร์
เร็วๆนี้ก็พึ่งทะเลาะกันจนห้องข้างๆพังไป
“อืม…”
หน้าตาหล่อเหลากว่ามาตรฐานทั่วๆไป แต่ที่จริงแล้วเป็นเด็กสาวหน้าหวานที่ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมถึงต้องแกล้งทำตัวเป็นผู้ชาย
ต่อให้ฉันจะไม่คิดอะไร ก็ยังรู้สึกขัดใจนิดหน่อย
“แหม…เจอหน้าก็มองกันถึงเพศสภาพแล้ว ไม่นึกว่าอย่างคุณปอบที่เป็นคนเงียบๆ จะคิดอะไรแนวๆนี้ด้วย”
“อืม…?”
เป็นคนอ่านสีหน้าเก่งน่าดูเลย ขนาดฉันยังไม่พูดอะไรยังรู้ขนาดนั้น…
“ไม่มีใครอ่านได้ขนาดนั้นหรอกครับ พูดไปก็กระไร พอดีผมเป็นเทวทูตเลยพอจะอ่านใจมนุษย์ได้นิดหน่อยน่ะครับ”
เป็นความสามารถที่เสียมารยาทสุดๆ…
“ฮะฮะ ไม่ยั้งกันเลยนะครับ เอาเป็นผมจะเลิกใช้ไปก่อนแล้วกัน ที่จริงผมก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ด้วย ยังไงการพูดคุยก็ต้องอาศัยการออกเสียงกันทั้งสองฝ่ายนี่นะ”
ว่าแล้วเอ็มก็เข้ามาในสภา ก่อนจะเดินผ่านโซฟาและไปนั่งที่โต๊ะของคริสโตเฟอร์ซะอย่างนั้น
“เฮ้อ…ทั้งที่คนที่ผมอยากอ่านใจให้ได้คือคริสโตเฟอร์แท้ๆ แต่เพราะเป็นซาตาน อะไรที่นับเป็นการโจมตีทางจิตเลยใช้กับเขาไม่ได้ผล”
“……”
แล้วก็บ่นให้ฉันฟังแบบนั้น
“เอ่อ…คือผมไม่ได้ใช้อ่านใจแล้วน่ะครับ”
คงเพราะเห็นฉันเงียบเลยว่ามาเช่นนั้น แต่ที่จริงเมื่อกี้ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรเป็นพิเศษ
ฉันชี้นิ้ว
“…คริสโตเฟอร์ไม่ชอบให้คนอื่นนั่ง”
“หวงที่หวงทางตายไปจะเป็นเปรตเอานะครับ นี่ผมกำลังช่วยคริสโตเฟอร์อยู่นะ”
“…ต้องหวงน้ำต่างหาก”
รู้สึกตายไปปากจะเท่ารูเข็ม อืม…ความเชื่อโคมลอยแบบนั้น เอาจริงคงต้องไปถามคริสโตเฟอร์นั่นล่ะ แต่อย่างเขาคงไม่บอกหรอก
เอ็มหัวเราะบางๆด้วยใบหน้าเขินอาย
“ขอโทษทีครับขอโทษ ผมยังไม่ค่อยเข้าใจระบบโลกหลังความตายของประเทศนี้เท่าไหร่ ถ้าคุณปอบว่าแบบนั้นก็คงแบบนั้นแหละครับ”
“…ทำไม…”
“หืม?”
เอ็มสงสัย
ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้อ่านใจแล้ว คำถามคาใจก็ต้องถามด้วยตัวเอง
“…ทำไมต้องแทนตัวเองว่าผม …ทำไมต้องลงท้ายด้วยครับ …ทั้งที่เป็นผู้หญิง?”
“คำถามเสียมารยาทสุดๆเลยนะครับนั่น?”
“…เหรอ?”
ก็สงสัยนี่
เอ็มครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะตอบออกมา
“มันค่อนข้างจะเป็นเรื่องส่วนตัวนิดนึง จะว่าเป็นปมวัยเด็กก็ได้”
“…ฉันพร้อมฟังนะ?”
“ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้นหรอกครับ รู้สึกศาสตร์การเล่นแร่แปรธาตุจะมีสิ่งที่เรียกว่า การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม อยู่สินะครับ?”
“…?”
“ก่อนผมจะบอกเรื่องของผม คุณปอบต้องบอกเรื่องของคุณปอบมาก่อนครับ”
“…”
กลายเป็นแบบนั้นไปซะได้
“คุณอาจจะมองว่าจู่ๆก็เข้ามาแล้วพูดบ้าอะไรไม่อยู่ แล้วยังจะมาอยากรู้ความหลังคนอื่นอีก สินะครับ?”
“…อืม”
“ยังไม่ได้บอกเป้าหมายที่ผมมาเลยนี่นะ คือที่จริงวันนี้ผมไม่ได้มาหาคริสโตเฟอร์หรอก เขาโดนครูใหญ่เรียกคุยน่ะ อีกสักพักคงกลับมา ผมเห็นว่าได้โอกาสเลยรีบคว้าไว้”
“…โอกาส?”
ฉันทวนคำ
เอ็มคลี่ยิ้ม
“โอกาสที่จะได้ทำความรู้จักกับคุณปอบไงล่ะครับ”
ว่าแล้วก็ลุกจากโต๊ะคริสโตเฟอร์และมานั่งโซฟา
“ว่าไงครับ? พอมีเวลาคุยเรื่อยเปื่อยกับเทวทูตสักหน่อยมั้ยครับ?”
ก่อนหน้านี้ ถึงจะได้ยินชื่อเอ็มบ่อยเพราะหลายเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังไม่เคยคุยด้วยเป็นชิ้นเป็นอัน …อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมคริสโตเฟอร์ถึงได้แสดงท่าทีไม่สบอารมณ์เวลาเจอเขา
ลองคุยสักหน่อยก็ได้
ฉันตัดสินใจแบบนั้นพลางเคี้ยวขนมจ้อง
“ขอบคุณมากครับ …สำหรับเรื่องของพวกเราเอาไว้ทีหลังก็ได้ ผมอยากรู้เรื่องนึงอยู่น่ะ คริสโตเฟอร์จะไม่รู้ตัวก็ไม่แปลก แต่คุณปอบที่เป็นคนสนิทด้วยแล้ว อยากรู้ว่าเป็นยังไงมายังไงน่ะครับ”
“คนสนิท…เหรอ?”
หมายถึงฉันสนิทกันใครกันนะ? พลอยรึเปล่า? หรือว่า…
เอ็มผายมือมาที่ไหล่ของฉัน
“ทำไม ‘พญาครุฑ’ ถึงมาอยู่กับคุณปอบได้น่ะครับ”
ฉันเอื้อมคอมองผ่านไหล่ เจี๊ยบที่อยู่ตรงนั้นก็ทำเหมือนกัน และสิ่งที่อยู่ปลายสายตาก็คือกำแพงห้องสภาเปล่าๆ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
“ผมหมายถึงคุณเจี๊ยบน่ะ…”
“จิ๊บ!?”
พอเอ็มว่า เจี๊ยบก็เอาปีกปิดปาก เป็นท่าทางแสดงความประหลาดใจ
ฉันขมวดคิ้ว
“เจี๊ยบเป็นลูกเจี๊ยบ…”
“แต่ก็เป็นพญาครุฑด้วย คนอื่นอาจจะมองไม่ออก แต่อย่างผมที่มีศักดินาเทพแล้ว กับตัวตนแบบนี้ รู้ตั้งแต่ทีแรกที่เห็นแล้วน่ะครับ”
ฉันก้มคอถามเจี๊ยบ
“…เธอเป็นพญาครุฑเหรอ?”
“จิ๊บ~ จิ๊บบ~ (แม่สาวคนนี้ก็พูดไปเรื่อยน้านแหละ~ อย่างเค้าจะเป็นพญาครุฑไปได้ยังไง~)”
“เจี๊ยบบอกว่าเธอพูดไปเรื่อย”
เอ็มหัวเราะร่า
“ฮะฮะ ไม่ต้องแปลให้ผมฟังก็ได้ครับ …คนภายนอกฟังเป็นเสียงนก แต่ทุกถ้อยคำล้วนมีพรอยู่ ดังนั้นผมจึงสามารถเข้าใจสิ่งที่คุณเจี๊ยบพยายามจะสื่อได้เป็นอย่างดี”
“…อืม?”
“เอาแบบนี้ดีกว่า ถ้ามองตามหลักความจริง ลูกเจี๊ยบธรรมดาจะมีสติปัญญาพอจะพูดคุยกับคุณปอบรู้เรื่องได้ยังไงครับ?”
“…สมัยนี้ก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอ?”
“เฮ้อ…นั่นสินะ ผมลืมไปว่ายุคนี้มันยุคไหนแล้ว คิดถึงสมัยที่ความเชื่อต่างๆยังเป็นสิ่งงมงายจัง สมัยนั้นถ้ามีลูกเจี๊ยบสื่อสารกับมนุษย์ได้คงผิดสังเกตไปตั้งนานแล้ว”
เขาพูดเหมือนหงุดหงิดเล็กน้อย
“ทีแรกผมคิดว่าคุณปอบจะรู้เสียอีก แสดงว่าคุณเจี๊ยบปิดบังตัวตนจริงๆไว้ และรับบทเป็นลูกเจี๊ยบแสนน่ารักของสภาสินะครับ?”
“จิ๊บ (โดนชมด้วยแหละ)”
เจี๊ยบหน้าแดงแจ๋
ฉันถามออกไป
“…ฉันเจอเจี๊ยบตั้งนานแล้วนะ มีคนเอามาทิ้งไว้หน้าบ้าน…ถ้าเป็นพญาครุฑจริงก็ไม่น่าโดนทิ้งไม่ใช่เหรอ?”
เจี๊ยบมาอยู่ที่หน้าบ้านของฉัน พร้อมด้วยแผ่นกระดาษที่เขียนว่า ‘ช่วยเก็บผมไปเลี้ยงด้วยฮับ’
ฟังถึงตรงนั้น เอ็มก็กุมขมับ
“ใครเขาเอาลูกเจี๊ยบไปทิ้งหน้าบ้านคนอื่นกันเล่า…”
“แปลกเหรอ?”
“ไม่ใช่หมาใช่แมวนะครับ ขนาดหมาแมวยังปล่อยทิ้งปล่อยขว้าง เอาไปทิ้งวัดเอย ปล่อยข้างถนนเอย …แล้วอย่างลูกเจี๊ยบใครที่ไหนเขาจะทำแบบนั้นกันละครับ”
“…หมายถึงควรปล่อยแบบปล่อยนก? แต่เจี๊ยบบินไม่ได้นะ”
เป็นลูกเจี๊ยบนี่นา
เอ็มแย้ง
“ไม่ได้หมายความแบบนั้นครับ คือถ้าว่ากันตรงๆ สำหรับสัตว์เล็กแบบลูกเจี๊ยบแล้ว คนที่คิดจะทิ้งไม่มีทางทำเรื่องมีความรับผิดชอบแบบเอาไปทิ้งไว้หน้าบ้านคนอื่นเพื่อให้ดูแลต่อหรอกครับ เพราะถ้ามีความรับผิดชอบแต่แรกคงไม่ทิ้ง”
“…อืม?”
“คงต้องขอความกรุณาคุณเจี๊ยบแล้วน่ะครับ ช่วยบอกความจริงกับคุณปอบหน่อยเถอะครับ จะปิดบังไปตลอดก็ไม่ได้ใช่มั้ยล่ะครับ?”
เมื่อโดนยื่นคำมาแบบนั้น ฉันก็ก้มมองเจี๊ยบ
เจี๊ยบกอดปีกคิดไปสักพัก ก่อนจะโพล่งขึ้นมา
“จิ๊บ! จิ๊บ จิ๊บ!!! (ใช่แล้ว! เค้าเป็นพญาครุฑ ราชาของนกทั้งปวง!!!)”
“…เจี๊ยบยอมรับแล้ว”
“สักทีนะครับ …แล้วทำไมคุณปอบไม่ตกใจเลยล่ะ…”
“…เจี๊ยบก็คือเจี๊ยบนี่?”
จะเป็นตัวอะไรไม่เห็นเกี่ยว เจี๊ยบคือเพื่อนสนิทของฉัน ต่อให้การเจอกันจะเป็นยังไง ขอแค่มีเจี๊ยบอยู่ด้วยฉันก็พอใจแล้ว
ขนาดที่ฉันเป็นปอบ เจี๊ยบยังไม่คิดอะไรเลย
เอ็มถอนหายใจ
“ตกลงคือจะเป็นคนไหนในสภา แม้กระทั่งคุณดิวก็ไม่คิดมากเรื่องที่คุณเจี๊ยบคือพญาครุฑเลยสินะครับ…”
“…ต้องคิดเหรอ?”
“ก็ควรแหละครับ แต่ดูจากการวางตัวของคุณเจี๊ยบแล้ว ผมแค่กังวลนิดหน่อย แต่ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร”
เขาออกอาการคิดไม่ตกเล็กน้อย ไม่รู้ว่ามีระบบจัดการของแดนเทพหรืออะไรสักอย่างที่คริสโตเฟอร์พูดถึงให้กังวลหรือเปล่า
อย่างว่า…ฉันที่เป็นคนธรรมดาไม่มีทางเข้าใจ
และต่อให้มีปัญหาขึ้นมา…
“…ถ้ามีปัญหา คริสโตเฟอร์ก็จัดการได้อยู่ดี”
“โห…ความเชื่อใจเต็มร้อยเลยนะครับ?”
“…ก็คริสโตเฟอร์นี่นา”
เอ็มพยักหน้า
“อืมๆ ยิ่งทำให้ผมอยากรู้เข้าไปใหญ่ ว่าคุณปอบเจอกับคริสโตเฟอร์ได้ยังไง”
“…อืม”
“ถ้าให้เล่า สำหรับคุณปอบที่พูดไม่เก่งอาจจะลำบากไปสักหน่อย งั้นเดี๋ยวผม…”
ก่อนที่เอ็มจะทำอะไรสักอย่าง ฉันยกมือห้ามไว้ก่อน
“…มีอะไรเหรอครับ?”
“จะใช้ความสามารถแปลกๆ …ฉันก็ไม่ว่า …แต่ก่อนจะรู้เรื่องของฉัน …เล่าเรื่องของเธอมาก่อน”
“แหม ผมกะว่าจะปล่อยไหลตามน้ำไปเลยนะเนี่ย คุณปอบนี่ความจำดีจัง”
“…”
เมื่อเห็นฉันดึงดันด้วยความเงียบ เอ็มก็ยักไหล่
“ก็ได้ครับก็ได้ แต่ไม่ได้น่าสนใจอย่างที่คิดหรอกนะครับ?”
ถึงกระนั้น ฉันก็รับฟังเรื่องราว…ปมปัญหาของเอ็มอย่างตั้งใจ
+ +
ตอนที่ฉันพึ่งจุติได้ใหม่ๆ แม้จะเป็นสิบปี แต่สำหรับแดนเทพแล้วก็ยังนับว่าไม่ประสีประสา ความคิดความอ่านยังคงไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดา อาจจะเพราะความคิดยังไม่เติบโตพอจะรับภูมิปัญญาของเทวทูตก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม ฉันที่ยังเด็ก ได้เที่ยวเล่นตามใจคิด และคงเพราะความซนที่มากเกินไป ฉันจึงหลุดไปยังอีกจังหวัดนึง จังหวัดที่ชื่อว่านรก
ในสถานที่แห่งนั้น มีแต่ความบ้าคลั่ง
ฉันเกิดกลัวขึ้นมา จึงได้แต่วิ่งหนีภาพเหล่านั้น มันช่างเป็นทิวทัศน์ที่แตกต่างจากสถานที่ที่ฉันเกิดมาหน้ามือเป็นหลังมือ
จนเมื่อวิ่งมาถึงสวนสาธารณะแห่งนึง ฉันก็พบกับเด็กชายที่อายุไล่เลี่ยกัน…
ฉันชนกับเขาเข้าเต็มแรง
“เจ็บ…”
เขาเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักสมวัย แต่ก็แฝงด้วยแววตาน่ากลัว เหมือนดังผู้คุมจังหวัดนี้
เส้นผมสีชมพู พร้อมด้วยเขาสีแดงสดเล็กๆบนศีรษะ
“ขะ ขอโทษ!”
ฉันรีบขอโทษเขา และพยายามวิ่งหนี
จังหวะนั้นที่เด็กหนุ่มจับข้อมือฉันไว้
“อย่าวิ่งไปมาได้มั้ย? บางหลุมเข้าไปแล้วมันออกไม่ได้นะ”
“…ฉันอยากกลับบ้าน”
“มีวงแหวนด้วย เทวทูตสินะ? ไม่รู้ทำไมถึงได้ลงมาที่นี่ได้ …เฮ้อ…ตามฉันมา”
ดูเหมือนเขาจะช่วยพาฉันกลับบ้าน
ระหว่างทาง ฉันถามเขา
“ทะ เธอ…”
จะบอกว่าคำถามยังไม่ได้ด้วยซ้ำ ฉันไม่กล้าพอจะถามชื่อเขาเลยด้วย
ทว่า เด็กหนุ่มกลับทราบดี
“ ‘___’ น่ะ”
แล้วบอกชื่อมาแบบนั้น ก่อนจะอุดปากตัวเองที่พลั้งเผลอ
“ลืมไป…เจ้าพ่อบ้าสั่งว่าห้ามบอกนามแท้กับคนอื่นมั่วซั่วนี่หว่า”
“…นามแท้?”
ตอนนั้นฉันยังไม่เข้าใจสิ่งที่เด็กหนุ่มหมายถึง
“แต่กับแกคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง…แกล่ะ? ชื่ออะไร?”
ฉันจึงจะบอกชื่อจริงๆของฉันให้เขา
“อะ…อะ…อะ”
แต่แค่จะพูดชื่อตัวเองยังไม่กล้า นี่ฉันกำลังอายอะไรอยู่กันนะ…อาจจะเพราะพึ่งเคยเจอเด็กผู้ชายอายุใกล้ๆกันเป็นครั้งแรกก็ได้…
“หะ?”
“อะ อะ เอมิ…”
“หา? เอ็มเรอะ? เออ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“อะ อ๊ะ!”
จะเถียงไปว่าไม่ใช่แบบนั้น ฉันยังพูดไม่จบเลยต่างหาก
ไม่ทันจะได้แก้ตัว เด็กหนุ่มก็พาฉันมาถึงทางข้ามไปยังจังหวัดบ้านเกิดของฉัน
“ส่งได้แค่นี้แหละ”
“ขะ ขอบคุณ แต่คือ…ฉันชื่อ…”
“ทีหลังอย่ามาเล่นในนรกอีกล่ะ ไม่ใช่จะโชคดีแบบนี้ทุกครั้ง เอ็ม”
“รู้แล้ว! แต่ฉันชื่อ…!”
“เอ้า โชคดีล่ะ”
…เอมิเลียต่างหาก
คำพูดส่งไปไม่ถึง ฉันถูกคริสโตเฟอร์ผลักเข้าไป จนไม่มีโอกาสได้บอกชื่อจริงๆของฉันให้เขาฟัง
+ +
“จบแล้วครับ”
ฉันฟังเรื่องเล่าจนจบด้วยสีหน้าเหม่อลอย เจี๊ยบก็เช่นกัน
“ผมแทนบางส่วนของเรื่องเล่าด้วยศัพท์ที่มนุษย์น่าจะเข้าใจน่ะครับ อาจจะฟังดูแปลกๆไปสักหน่อย”
“…เรื่องที่เล่าไม่เห็นจะเกี่ยวตรงไหน”
“หืม? นี่ก็ความหลังของผมไงครับ?”
“…ฉันอยากรู้ว่าทำไมถึงแทนตัวเองเป็นผู้ชาย…”
พอฉันถามแบบนั้น เอ็มก็หัวเราะร่า
“ฮะฮะฮะ! จริงด้วย ผมหลงประเด็นไปหน่อยสินะ …ก็ไม่มีไรมากหรอกครับ หลังจากนั้นผมก็แอบไปนรกเพื่อไปหาคริสโตเฟอร์บ่อยๆ จนมีอยู่ครั้งนึงเขาพูดมาประมาณว่า ‘ผู้หญิงนี่น่ารำคาญชะมัด ทำไมฉันต้องมีแม่เป็นซัคคิวบัสด้วยนะ’”
“…อืม?”
“ซัคคิวบัสเป็นปีศาจที่ใช้ตัณหาเล่นงานใช่มั้ยล่ะ? ผมไม่รู้นะว่าวันนั้นคริสโตเฟอร์เจอเรื่องอะไรมา แต่ผมคิดว่าถ้าเข้าหาเขาด้วยการเป็นผู้หญิงล่ะก็ อาจจะโดนรำคาญเอาก็ได้”
“…อืม??”
“ถึงไม่รู้ทำไมโดนมองออกตั้งแต่แรกก็เถอะ ทั้งที่สมัยเด็กไม่เห็นจะมองออกเลยแท้ๆ…”
“…”
ฉันคิดว่าคริสโตเฟอร์คงรู้ตั้งแต่เด็กๆแล้วนั่นล่ะ ส่วนที่เขาบ่นนั่น บางทีคงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเอ็มเลยด้วย เอ็มแค่คิดฟุ้งซ่านไปเอง
แต่…ฉันก็แค่คนนอกจะไปเข้าใจอะไร ถ้าเอ็มคิดว่าทำแบบนั้นแล้วดีกว่าก็ปล่อยเขาไปเถอะ…
“และผมก็ใช้ชื่อเอ็มมาตลอด พอได้ยินเขาพูดแบบนั้นเข้า ก็ยิ่งไม่อยากบอกชื่อจริงๆเข้าไปใหญ่ เพราะงั้นจะพูดว่าชื่อเอ็มของผม คริสโตเฟอร์เป็นคนตั้งให้ก็ไม่ผิดหรอกครับ”
“อืม …หรือจริงๆแล้ว…เธอก็ไม่ได้เกลียดคริสโตเฟอร์?”
คำถามนั้นทำเอ็มเผยสีหน้าสงสัย
“จะเป็นงั้นได้ล่ะครับ? ออกไปทางชอบเลยด้วย”
“…”
ทั้งการประเมิน การเลือกตั้ง แต่ละอย่างสร้างความปวดหัวให้คริสโตเฟอร์ไม่น้อย ฉันก็หลงคิดไปว่าเอ็มไม่ชอบขี้หน้าคริสโตเฟอร์ซะอีก
แสดงว่าก็เป็นแค่คนที่ทำเรื่องบ้าๆบอๆเพื่อเรียกร้องความสนใจ…เหรอ?
แต่จะเอาการชอบกันของมนุษย์ไปเทียบกับคำว่า ‘ชอบ’ ของเทวทูตได้งั้นเหรอ?
ไม่เข้าใจ…ช่างเถอะ
“ต่อไปถึงตาคุณปอบแล้วนะครับ ว่าเจอกับคริสโตเฟอร์ได้ยังไง”
“อืม…”
เคสที่ 46 ระลึกความหลัง /มีต่อ