สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 87 เคสที่ 41 ลงคะแนน (2)
ในที่สุดก็ได้เวลาเสียที
หลังจากที่เมื่อวานไปปั้นหน้ายิ้มอย่างไร้แก่นสาร วันนี้ก็มาถึงจนได้ วันนับคะแนนที่เกิดขึ้นได้เพราะเหล่านักเรียนออกมาใช้เสียงกันอย่างเต็มเปี่ยม
ไม่งั้นจะโดนหักคะแนนจิตพิสัยนี่นะ
เอาเถอะ อาจจะมีบางคนที่มาใช้เสียงตัวเองมั่วๆแบบ…ใครอยากจะเป็นก็เป็นไปสิ …คงได้แต่หวังว่าการใช้เสียงมั่วๆที่ว่า จะบังเอิญกาไปที่ชื่อผมล่ะนะ
“แล้วก็ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอย! วันนี้พวกเราจะได้รู้แล้วว่าใครจะได้ตำแหน่งประธานนักเรียนคนต่อไป!!!”
ดูเหมือนหัวหน้าชมรมข่าวจะได้รับหน้าที่เป็นพิธีกร ซึ่งมองแล้วรู้สึกว่าเกินความจำเป็นไปหน่อย ของแบบนี้ไม่น่าจะให้อารมณ์เหมือนเป็นเกมโชว์ไม่ใช่เหรอ?
“ในช่วงที่ผ่านมา ผู้สมัครทั้งหมดห้าคนก็ได้เผยถึงความทุ่มเทต่อโรงเรียนในแง่มุมต่างๆ! คราวนี้จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราว่า เสียงของพวกเราจะส่งใครขึ้นไปยังตำแหน่ง! ฉันในฐานะที่เป็นหัวหน้าชมรมข่าวจะขอเป็นพิธีกรเอ๊ง!!!”
จบประโยคก็โพสท่าและให้ลูกน้องจากชมรมข่าวถ่ายรูปจนมีเสียงชัตเตอร์ดังหลายเสียง คงอยากได้รูปไปใช้ในพอร์ตโพลิโอ้เผื่อกรณีเข้าสอบมหาลัยไหนสักที่
“ประธานครับ”
“ว่าไงเรย์”
เรย์ที่มาดูการนับคะแนนพร้อมผมเอ่ยทัก ผมตอบไปด้วยเสียงราบเรียบก่อนเรย์ถามออกมา
“พี่หัวหน้าชมรมข่าวคนนั้นสนิทกับประธานสินะครับ?”
“จะว่างั้น…ก็ใช่อยู่หรอก ทำไมเหรอ?”
“แบบว่า…ให้คนที่สนิทกับผู้ลงสมัครบางรายเป็นการส่วนตัวเป็นคนนับคะแนนแบบนี้ ผมกลัวว่าคนอื่นจะมองว่าอาจมีการตุกติกน่ะครับ”
“ไม่เป็นไร ฝั่งที่คิดว่าสนิทคงมีแค่ยัยนั่นนั่นแหละ คนอื่นไม่คิดงั้นหรอก”
ระหว่างอยู่ในโรงเรียน ผมไม่ค่อยได้คุยกับใครมากมาย ต่อให้เป็นหัวหน้าชมรมข่าว จังหวะที่จะได้คุยออกรสออกชาติก็มีแต่ตอนที่เธอลากปัญหามาให้สภานักเรียนทั้งนั้น
ดังนั้น ไม่มีใครในโรงเรียนนี้คิดว่าผมกับเธอสนิทกันหรอก
“งั้นก็ค่อยโล่งอกหน่อย ผมกลัวบัตรเขย่งนะครับ”
“เขย่ง? พูดถึงอะไรอยู่น่ะ?”
“ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรครับ”
ถึงจะไม่เข้าใจ แต่แสดงว่าต่อให้ผมหาวิธีตุกติกมาได้จริงๆ อย่างเรย์ก็คงไม่เอาด้วยสินะ
สมแล้วจริงๆ…
“เข้าใจนะคะประธาน ต่อให้ผลจะออกมาเป็นอย่างไร ก็ถือว่าพวกเราทำเท่าที่ทำได้จนไม่มีอะไรให้เสียใจแล้วนะคะ?”
พลอยเอ่ยเช่นนั้นจนผมขมวดคิ้วถาม
“ไอ้การพูดเหมือนปักธงแพ้นั่นมันอะไรหา?”
“แหม…แค่เผื่อไว้ก่อนน่ะค่ะ”
ถ้าจะมีเรื่องให้เสียใจ ก็คงเป็นเรื่องที่ขนาดเราทำงานมาได้ตั้งเกือบจะปี กลับมาแพ้ใครที่ไหนไม่รู้ที่ไม่เคยมีผลงานอะไรเลยนั่นแหละ
แต่ถ้าแพ้ขึ้นมาจริงๆ ก็ถือว่าโรงเรียนนี้พลาดแล้วล่ะ
มันจะมีใครหน้าไหนดีเท่าผมได้กันเล่า?
“ไงคริสโตเฟอร์”
“ส่วนแกฉันไม่นับ”
ผมพูดใส่เอ็มที่เข้ามาทักทายแบบนั้นทันที
“ผมอ่านใจคริสโตเฟอร์ไม่ได้นะ ก่อนจะพูดอะไรก็ให้มันมีบริบทหน่อยได้รึเปล่า?”
“เอาเป็นว่าไม่เกี่ยวกับแกแล้วกัน”
“เข้าใจแล้วๆ …อ๊ะ? สวัสดีตอนบ่ายนะครับ คุณผีนางรำ เรย์ก็ด้วย”
เอ็มหันไปทักทายทั้งสองคนแบบนั้น
““สวัสดีครับ/ค่ะ””
เรย์ยกมือไหว้ ส่วนพลอยก็ผงกศีรษะอย่างเรียบร้อย
เอ็มยิ้มให้พลอยก่อนหันหน้าไปทางเรย์
“ฮะฮะ ไม่ต้องไหว้กันก็ได้ ถึงมันจะถือว่าเป็นการทักทายรุ่นพี่อย่างมีมารยาทก็เถอะ แต่ในกรณีของผมไม่ค่อยชอบการที่มีคนมาไหว้น่ะ ไม่ว่าจะทางไหน”
“เพราะไม่อยากโดนมองว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหรอครับ?”
“งี่เง่าใช่มั้ยล่ะ? ทั้งที่เป็นเทวทูตแท้ๆ”
“คราวหน้าผมจะยกมือเฉยๆแล้วกันครับ”
“ขอบคุณนะ แต่ผมว่าอย่างนายก็คงกรณีไม่ต่างกับผมนักหรอก”
“อ่า…ครับ…?”
ผมถอนหายใจแทรกกลางการสนทนาของทั้งสอง
“ทักทายเสร็จรึยัง? จะไปไหนก็ไป”
“หืม? จะให้ผมไปไหนล่ะเนี่ย? ผมก็เป็นผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งนะ ถึงจะไม่คิดว่าเพื่อนคริสโตเฟอร์จะโกงก็เถอะ แต่ยังไงก็ขอดูการนับคะแนนสดๆดีกว่า”
“ฉันหมายถึงให้ไปยืนที่อื่น”
“ก็ผมอยากลุ้นพร้อมคริสโตเฟอร์นี่?”
“เออๆ”
ผมตอบขอไปที ว่าแต่ไอ้บ้านี่มันรู้ด้วยเหรอว่าผมสนิทกับหัวหน้าชมรมข่าวน่ะ
…จากนั้น พวกผมก็ยืนดูการนับคะแนนที่น่าเบื่อกว่าที่คิด ดูเหมือนฝั่งหัวหน้าชมรมข่าวเองที่บิ้วต์อารมณ์มาอย่างดีก็พึ่งจะรู้ตัวว่า ไอ้การหยิบบัตรคะแนนของนักเรียนหลายร้อยมาคลี่พร้อมขีดคะแนนลงบนไวท์บอร์ดด้านหลังนั้นน่าเบื่อเพียงไหน
“เหลืออีกเยอะแค่ไหนเนี่ย…”
“หัวหน้า เปิดไมค์อยู่นะครับ…”
“เฮ้ออออ”
หัวหน้าชมรมข่าวเผยความเบื่อหน่ายอย่างไม่เก็บอาการ อีกทั้งผมยังได้ยินเสียงเรย์หาวอยู่ข้างๆด้วย
สำหรับผมแล้ว มันก็ไม่ได้น่าเบื่อมากนัก การได้มองชื่อตัวเองโดนขีดเส้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนแซงหน้าคนอื่นๆแบบนี้ เท่ากับยิ่งเข้าใกล้การที่ผมจะได้ตำแหน่งประธานนักเรียนอย่างสมศักดิ์ศรีในอีกไม่ช้า
แต่ก็อย่างที่คาดไว้ ถึงผู้สมัครคนอื่นจะคะแนนห่างจากผมแบบไม่เห็นฝุ่น แต่กับเอ็มแล้ว คะแนนกลับสูสีกันน่าดู
“อืม…น่าเป็นห่วงเหมือนกันนะ?”
เอ็มกุมคางมองคะแนนพลางพึมพำเช่นนั้น
“กลัวแพ้เรอะ?”
“หือ? เปล่าๆ ที่ผมพูดเพราะห่วงคริสโตเฟอร์น่ะ นี่ไม่ใช่การแข่งขันของพวกเราเสียหน่อย จำการประเมินได้มั้ยเนี่ย?”
“จำได้ ถ้าฉันไม่ชนะก็ถือว่าประเมินไม่ผ่านใช่มั้ย?”
“ตามนั้นแหละ ไม่รู้ว่ายังเหลือคะแนนในนั้นอีกเยอะมั้ย แต่กลัวว่าผมจะชนะเอาน่ะสิ”
“ถ้าแกชนะจริงๆ…จะเกิดอะไรขึ้น?”
เดิมทีเอ็มไม่ได้เรียนอยู่สาขานี้ ครั้นจะให้นักเรียนจากสาขาอื่นมารับหน้าที่ประธานนักเรียนที่มีเฉพาะในสาขาหนึ่งก็น่าจะทำได้ยาก
เอ็มครุ่นคิด
“นั่นสินะ ผมไม่ได้คิดไว้เหมือนกัน”
“บัดซบจริงๆ”
“ที่ผมไม่คิด ก็เพราะคิดว่ายังไงคริสโตเฟอร์ก็ไม่น่าจะแพ้ผมนี่นา …ความนิยมของสภานักเรียนตกต่ำกว่าที่ผมคาดไว้ไปไกลเลยแฮะ”
นั่นก็เพราะแกทำอะไรบ้าๆโดยอาศัยอารมณ์เข้าว่านั่นแหละ อยากพูดไปแบบนั้นอยู่หรอก แต่ที่บอกว่าสภานักเรียนตกต่ำนั่น ทำผมเถียงไม่ออก
“ที่แน่ๆคือ จะถือว่าคริสโตเฟอร์ไม่ผ่านการประเมิน สภานักเรียนจะถูกยุบไปตามระเบียบ ส่วนครูใหญ่จะอยากก่อตั้งสภานักเรียนขึ้นใหม่ก็คงยากหน่อยล่ะนะ พวกผู้บริหารคงเอาเรื่องนี้มาเล่นนั่นแหละ”
ตอนนี้ก็ยังนึกสงสัยว่าทำไมพวกผู้บริหารถึงได้มีปัญหากับเรื่องที่ผมเป็นลูกซาตานขนาดนั้น
“มีอีกอย่างก็คือคงสภานักเรียนไว้และให้ผู้ที่ได้รับการลงคะแนนมากสุดดำรงตำแหน่งต่อ …แต่ก็อย่างที่เห็นว่าถ้าไม่ใช่คริสโตเฟอร์ชนะก็เป็นผมที่ชนะ”
พูดแล้วเอ็มก็มองไปยังกระดานคะแนนด้วยสีหน้าละเหี่ยใจ ก่อนจะส่ายศีรษะ
“ผมย้ายสาขาถาวรไม่ได้ ที่ทำได้คงต้องแต่งตั้งให้คนอื่นมาดำรงตำแหน่งแทนผมล่ะนะ แต่ไม่รู้แบบนั้นนักเรียนที่ลงคะแนนให้จะยอมรับกันรึเปล่านี่สิ”
“…”
“หรือผมจะควรยกตำแหน่งให้คริสโตเฟอร์อย่างเป็นทางการดี? ถ้าได้รับการยืนยันจากผมในเชิงนั้น นักเรียนก็คงไม่ว่าอะไรด้วย …แต่มันก็ติดตรงที่ว่าคริสโตเฟอร์ไม่ผ่านการประเมินไปแล้วนี่สิ”
“วุ่นวายซะจนเข้าขั้นน่ารำคาญแล้วนะนั่น…เปลี่ยนเป็นดูการนับคะแนนนี่ให้จบแล้วค่อยว่าอีกทีเถอะ”
“ฮะฮะ ก็ได้อยู่หรอก ยังไม่แน่เลยว่าคริสโตเฟอร์จะแพ้นี่เนอะ”
ถึงตรงนั้น คะแนนก็ถูกนับไปเรื่อยๆ แลกกับการที่เหล่าไทยมุงหายไปทีละคนสองคน สงสัยจะทนรับความน่าเบื่อไม่ไหวจนพาลคิดกันไปว่า ‘ใครจะชนะก็ชนะไปเถอะ’
ดูเหมือนฝั่งเอ็มจะทิ้งห่างผมไปราวสิบเสียง นับว่าสูสี แต่ก็ไม่แน่ใจว่าในกล่องนับคะแนนยังเหลืออีกแค่ไหน ถ้าน้อยกว่าสิบขึ้นมาก็อย่าว่าแต่เสมอเลย เรียกแพ้ไปเรียบร้อยเลยด้วยซ้ำ
“ประธานคะ แบบนี้คือแย่แล้วรึเปล่าคะ?”
“ยังไม่แย่หรอกน่า”
“ก็…นี่ก็น่าจะใกล้หมดกล่องแล้วนะคะ? ถ้าคะแนนยังตามเอ็มอยู่แบบนี้คง…”
ราวกับเป็นสัญญาณเตือน ที่หัวหน้าชมรมข่าวควานหาใบคะแนนในกล่องก่อนจะพูดออกไมค์ด้วยเสียงประหลาดใจเล็กๆ
“อ้าว? ใบสุดท้ายแล้วนี่นา ไหนดูสิ…อ่า คริสโตเฟอร์ได้คะแนน”
ต่อให้เป็นแบบนั้น แค่คะแนนของผมก็ไม่ได้ชนะเอ็ม แพ้แบบห่างกันเกือบยี่สิบเสียง
หัวหน้าชมข่าวเผยสีหน้าลำบากใจก่อนจะเหลือบมาที่ผมและหันหน้าหนีไป
“สรุปแพ้จริงๆเหรอเนี่ย?”
“ทำไมถึงนิ่งได้ขนาดนั้นล่ะคะ!?”
“แหม…ถึงฉันจะพยายามแล้วก็เถอะ แต่ดูจากความนิยมของสภากับศาลาแล้วก็คงงี้แหละ”
จะบอกว่าไม่ผิดหวังเลยก็คงโกหก แต่เรียกว่าอย่างน้อยก็ไม่ได้อยู่เหนือการคาดคะเนเท่าไหร่ ที่จะแย่ต่อจากนี้ก็คือสภานักเรียนโดนยุบ แล้วไม่รู้ว่าครูใหญ่จะโดนผู้บริหารเล่นเรื่องอะไรบ้าง…
“น้องเรย์ล่ะคะ! ไม่มีอะไรจะพูดหน่อยเหรอคะ!? …น้องเรย์…”
เมื่อพลอยเรียกแล้วเรย์ไม่ตอบรับ ผมจึงใช้ศอกกระทุ้งเรย์เบาๆจนอีกฝ่ายสะดุ้งตื่นในท่ายืน
“อ๊ะ! ถึงเวลาเข้าเรียนแล้วเหรอ!?”
“ใช่ที่ไหนเล่า แล้วใครใช้ให้นายมายืนหลับกัน?”
“นับคะแนนมันน่าเบื่อนี่ครับ …หว๋าย ประธานแพ้พี่เอ็มเขาเหรอครับเนี่ย”
เรย์ผิดหวังเล็กน้อย
ผมก็พูดกับเอ็มที่ไม่ยอมพูดอะไรมาตั้งแต่รู้ผลว่า
“ได้ตามที่หวังแล้วนะแก ฉันไม่ผ่านการประเมิน สภานักเรียนโดนยุบ คงพอใจแกแล้วสินะ”
ผมพูดเชิงประชดประชัน น่าแปลกที่เอ็มกลับไม่ตอบกลับมา
“เอ็ม?”
เมื่อชะโงกหน้ามองสีหน้าของเทวทูต ก็พบว่ามันกำลังตาเบิกโพล่งพลางเอามือปิดปากด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ชิ*หายแล้วไงครับ”
“เป็นเทวทูตอย่าพูดคำหยาบดิเฮ้ย”
“ผะ ผะ ผมไม่คิดว่าคริสโตเฟอร์จะแพ้ผมจริงๆนะเนี่ย ถึงมันจะมีมูลเหตุให้แพ้อยู่จริงๆก็เถอะ แต่สภานักเรียนที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปีที่แล้วกลับมาแพ้ศาลาพักใจที่พึ่งก่อตั้งได้ไม่กี่สัปดาห์แบบนี้ นี่เจ้าลูกซาตานนั่นมันบริหารยังไงของเขากัน!”
ดูจากท่าทางแล้ว หมอนี่ไม่ได้สนใจเลยว่าพวกผมกำลังคุยด้วยหรือทำอะไรอยู่ ได้แต่พึมพำอยู่คนเดียวเหมือนคนป่วยจิต
แถมปกติจะเรียกผมว่าคริสโตเฟอร์ไม่ก็นาย แต่กลายเป็นหลุดเรียกว่าลูกซาตานด้วยเสียงไม่สบอารมณ์ไปแล้วอีกต่างหาก
พอมันงืมงำอยู่สักพักก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาสีทองลากมาทางผม
“คริสโตเฟอร์ทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย?”
“แกต่างหาก คิดว่าใครไปคนคิดไอ้การเลือกตั้งบ้าบอนี่ขึ้นมากันหา?”
“ผมคิดขึ้นมาเพื่อให้การประเมินสภานักเรียนผ่านไปได้ด้วยดี โดยที่จะไม่โดนพวกผู้บริหารแสดงความกังขาได้ต่างหากล่ะ ไม่ใช่อยากให้คริสโตเฟอร์ไม่ผ่านการประเมินสักหน่อย!”
“ฟังแล้วไม่เข้าใจเลยว่าอยากช่วยหรือไม่กันแน่…”
“ก็ต้องอยากช่วยอยู่แล้วสิ! ผมไม่ใช่ยักษ์มารที่ไหน แค่เพื่อนที่อยากช่วยเพื่อนแค่นั้นเอง!”
ทีแรก ผมคิดว่าที่มันทำเรื่องบ้าๆบอๆต่างๆนามาก็เพื่อแกล้งผมโดยเฉพาะ แต่ดูจากสีหน้าตื่นตระหนกของมันตอนนี้แล้ว ดูเหมือนจะอยากช่วยผมจริงๆ…มั้ง?
ถ้างั้นแสดงว่า ที่เอ็มคิดการเลือกตั้งอันสุดแสนบรรเจิดนี่ขึ้นมา เหตุผลเพราะอยากให้สภานักเรียนที่โดนเหล่าผู้บริหารมองว่ามีปัญหาเนื่องจากมีลูกซาตานเป็นประธาน ผ่านการประเมินด้วยวิธีที่สุจริตที่สุด
ในกรณีที่ทำได้ ครูใหญ่สมศักดิ์ก็จะไม่ได้หางเลข แถมสภานักเรียนจะผ่านการประเมินอย่างเป็นทางการจนไม่มีปัญหามาตามอีกแน่นอน
…ต่อให้จะพูดแบบนั้น แต่ก็นะ ผมแพ้ไปแล้วนี่นา
พลอยกระซิบข้างหู
“…ทีแรกดิฉันก็ไม่ค่อยชอบเอ็มเท่าไหร่หรอกนะคะ แต่พอเห็นแบบนี้แล้ว รู้สึกว่าเอ็มเขามีส่วนคล้ายกับประธานอยู่นิดหน่อยนะคะ?”
“คล้ายตรงไหนมิทราบ?”
“ตรงที่ทำอะไรไม่ค่อยยั้งคิดแล้วมาเสียใจกับการกระทำของตัวเองน่ะค่ะ…”
เหมือนโดนหลอกด่าไงชอบกล
จากนั้นเป็นเรย์ที่กระซิบ
“ขนาดท่าตอนคิดมากยังเหมือนประธานเป๊ะเลยนะครับ…”
ไม่ๆ ผมไม่เคยกุมหัวทำหน้าเครียดถึงขนาดนั้นสักหน่อย แล้วแกก็หยุดทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว นี่เหมือนผมเป็นต้นเหตุให้แกเครียดเลยนะนั่น ไอ้เทวทูต
หัวหน้าชมรมข่าวทำการปิดการนับคะแนนลงแค่นั้น อันที่จริงนั่นก็เป็นเพียงการนับคะแนนแบบสดๆ เผื่อในกรณีมีผู้ไม่สบายใจว่าอาจจะมีการทุจริตเกิดขึ้น ดังนั้นเมื่อเสร็จเรียบร้อย การแจ้งข่าวว่าใครได้รับตำแหน่งเป็นประธานนักเรียนคนต่อไป จะแจ้งในเว็บไซต์โรงเรียนและหนังสือพิมพ์โรงเรียนในวันพรุ่งนี้แทน
และรอบข้างก็ค่อยๆเงียบลง ก่อนที่จะเหลือเพียงพวกผมกับเอ็มอยู่ในโรงอาหารแค่สี่คน
“ได้เวลาเข้าเรียนแล้วนะคะ ประธาน”
“เข้าช้าหน่อยไม่เป็นไรหรอก”
ตอนนี้ผมกำลังสนุกเล็กน้อย พอเห็นเอ็มทำหน้าเครียดเช่นนี้แล้ว ต่อให้จะรู้ว่ามีผมเป็นต้นเหตุก็เถอะ แต่กลับสร้างความหรรษาให้ไม่น้อยเลยล่ะ
เมื่อปล่อยให้เอ็มใช้เวลาไปสักพัก ผมเอ่ยทัก
“เอ็ม…พวกฉันไปเข้าเรียนก่อนนะ”
“อ๊ะ อ๋อ …เชิญๆ อย่าแอบหลับในห้องเรียนล่ะครับ”
พวกผมก็บอกลาเอ็ม หมอนี่ไม่ได้เข้าเรียน คิดว่าต่อจากนี้คงไปอยู่ที่ศาลาพักใจนั่นแหละ
ขณะผมหันหลังให้ เอ็มก็พูดขึ้น
“คริสโตเฟอร์”
“เออ?”
“ผมคิดว่า…ผมมีวิธีแก้แล้วล่ะ อย่าลืมขอบคุณผมด้วยนะ”
“อยากทำอะไรก็ทำเถอะ อย่าฝืนก็แล้วกัน”
ไม่รู้ทำไมถึงไปให้กำลังใจมันแบบนั้น อาจจะเพราะเกิดใจอ่อนขึ้นมาตอนเห็นเจ้าเทวทูตที่ปั้นหน้ายิ้มแทบตลอดเวลาทำหน้าเครียดสุดๆกระมัง?
เคสที่ 41 ลงคะแนน /จบ