สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 86 เคสที่ 41 ลงคะแนน (1)
ดูเหมือนการหาเสียงของผมในครั้งนั้น จะได้ผลตอบรับดีเกินคาด
หลังลองอ่านหนังสือพิมพ์โรงเรียนที่ยัยคนสวมแว่นเป็นคนเขียน เธอก็เขียนอวยผมแค่สามสิบเปอร์เซ็นต์พอดีเป๊ะแบบไม่ขาดไม่เกิน
ซึ่งแค่นั้นก็เพียงพอ อย่างไรก็เป็นถึงหนังสือพิมพ์โรงเรียน ด้านอิทธิพลในการสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจก็สูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เรียกว่าผมค่อนข้างจะได้เปรียบเลยล่ะ
อีกทั้งนโยบายบ้าๆบอๆที่ผู้สมัครบางคนคิดขึ้นมา จากการหาเสียงของผม ทำให้นักเรียนรู้ว่าของบางอย่างก็แค่ลมปากทำไม่ได้จริง
กระนั้น…สิ่งสำคัญอีกอย่างสำหรับการเลือกตั้ง แท้จริงอาจไม่ใช่นโยบายสวยหรูหรือวิสัยทัศน์ดีๆ แต่อาจเป็นว่าพวกเขาชอบผู้ลงสมัครมากแค่ไหน
ตามจริงผมควรจะเสียเปรียบในเรื่องนั้นเพราะเป็นซาตาน แต่ก็อย่างที่ว่า หัวหน้าชมรมข่าวช่วยผมไว้มากพอดู
ทำให้คนที่ชื่นชอบผมเพิ่มมากขึ้น ช่วงนี้ระหว่างเดินตามตึกเรียนก็มีคนเข้ามาทักบ่อยมากขึ้น
…ยังวางใจไม่ได้มากเท่าที่ควร เพราะถ้าไม่นับผู้ลงสมัครคนอื่นๆ ก็ยังมีเอ็มอีกคนที่เดาว่าคงกวาดคะแนนไปได้หลายเสียง เนื่องจากสร้างความนิยมไว้ด้วยศาลาพักใจ นี่ยังไม่นับเรื่องที่มันเป็นเทวทูตอีกนะ
คนประเทศนี้ก็ชอบบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ลืมหูลืมตาอยู่แล้ว ถึงในกรณีของเอ็มจะไม่เชิงบูชาแต่เป็นนับถือก็ตามแต่
และวันแห่งโชคชะตาก็มาถึง
วันลงคะแนนหรือวันเลือกตั้งสภานักเรียน
การลงคะแนนจะเปิดช่วงพักกลางวัน จะมีเก็บตกอีกทีช่วงเย็น และจะประกาศผลด้วยการนับคะแนนกันแบบสดๆพรุ่งนี้
ในเมื่อวันนี้ไม่มีอะไรสำคัญ งั้นจะขอข้ามไปพรุ่งนี้ตอนที่นับคะ…
“ประธานคะ!”
สงสัยคงต้องรอไปก่อนแฮะ
ผมหันไปหาพลอยที่ขัดจังหวะด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจ
“ว่าไง?”
“ยังจะว่าไงอะไรอีกล่ะคะ!? นี่ใช่เวลามานั่งเฉยๆที่ไหนกัน!”
ตอนนี้คือช่วงพักกลางวัน หรือก็คือเริ่มการลงคะแนนอย่างเป็นทางการ สมาชิกที่อยู่ในห้องสภาตอนนี้ได้แก่ ผม พลอย แล้วก็เรย์
ส่วนคนอื่นๆจะไปไหน เอาจริงผมก็ไม่รู้หรอก แต่ยังไงเวลาทำงานหลักของสภาก็ช่วงเย็นอยู่แล้วอะนะ
“ก็ไม่มีเคสให้ทำนี่นา ถึงที่พูดไปตอนนั้นจะได้ความนิยมเพิ่ม แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้เรางานยุ่งเท่าศาลาพักใจซะเมื่อไหร่”
พลอยเท้าเอวและหันไปทางเรย์
“น้องเรย์ก็ช่วยพูดอะไรบ้างสิคะ!?”
“อะ เอ่อ…ประธานก็พูดถูกแล้วนี่ครับ ใช่ว่าพวกเราจะไปจับมือให้ใครลงคะแนนให้เราได้สักหน่อย?”
“รบกวนอย่าอ่านหนังสือการ์ตูนในเวลาทำงานด้วยค่ะ”
“เฮ้ย!? พอเห็นผมไม่เข้าข้างก็เล่นกันงี้เลยเหรอครับ!?”
นั่นสิ เรย์ที่ว่างๆเลยมานั่งอ่านการ์ตูนฆ่าเวลารอเข้าเรียน ซึ่งก็เห็นแบบนี้มาแล้วบางวัน ตามปกติพลอยไม่เคยดุด่าหรือตักเตือนเลยสักครั้ง
ผมปัดมือ
“อย่าไปพาลใส่เรย์แบบนั้นสิ …ฉันจะช่วยฟังให้ก็ได้ ไหนๆ เธออยากให้ฉันทำอะไร? ใช้อาคมให้นักเรียนลงคะแนนให้เรอะ?”
“แบบนั้นก็โดนเอ็มจับได้น่ะสิคะ!!!”
ปัญหาอยู่ที่กลัวจะโดนจับได้หรอกเหรอ ไอ้ประเด็นนั้นน่ะ…
พลอยชี้นิ้ว
“ที่ดิฉันต้องการคือให้ประธานไปยืนแถวๆที่ลงคะแนนต่างหากล่ะคะ!!!”
“เพื่อ?”
ถึงจะถามไปงั้น แต่พลอยก็ฟังเป็นว่าผมอยากได้ความเห็น เธอจึงตอบกลับมา
“นี่ไงคะ ก็อารมณ์แบบ…ต่อให้ใครจะลงคะแนนให้หรือไม่ พวกเราก็จะไปยืนให้กำลังใจ พลางพูดว่าขอบคุณที่มาใช้เสียง…อะไรแบบนั้นไงคะ”
ด้วยสีหน้าเพ้อฝันจนผมเผลอถอนหายใจตอบ
“เสแสร้งชะมัด”
“เรียกว่าเป็นมารยาทค่ะ”
“ก็คืออยากให้ฉันไปยืนเป็นหัวหลักหัวตอ ปั้นหน้ายิ้มใส่ทุกคนที่เดินออกมาจากจุดลงคะแนน โดยที่ไม่รู้ว่าคนคนนั้นลงคะแนนให้ฉันรึเปล่าเนี่ยนะ?”
“ใช่ค่ะ!”
“ฝากเธอจัดการด้วย”
“จะบ้าหรือไงค้า!!!!!”
เสียงดังเสียจนรู้สึกว่ากำแพงสะเทือน
พลอยต้องการให้ผมทำหน้าที่ราวกับการบริการหลังการขาย แต่นี่ไม่ใช่การขายของ อีกทั้งการเลือกตั้งครั้งนี้ก็มีการแจ้งกติกาไว้อย่างชัดเจน ให้นักเรียนทุกคนมาร่วมลงคะแนน ในกรณีที่ไม่ทำจะโดนหักคะแนนความประพฤติ
ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องไปให้กำลังใจหรือขอบคุณคนที่มาใช้เสียง และถ้าจะขอบคุณจริงๆ ก็ไว้ทำหลังจากจบการเลือกตั้งก็ยังทัน
ผมปัดมือ
“ไม่ต้องหรอกน่า เปลี่ยนเป็นพวกเรานั่งกันเฉยๆ รอรับเคสที่อาจจะบังเอิ๊ญบังเอิญเข้ามาพอดีจะยังมีประโยชน์กว่า”
“ไม่มีเคสให้ทำเป็นอาทิตย์แล้ว ยังจะกล้าแถยังงั้นอีกนะคะ…”
ถึงตรงนั้นเรย์ก็วางหนังสือการ์ตูน
“ผมว่า…เอาตามที่พี่พลอยว่าก็ไม่แย่นะครับ ยังไง ‘ของแบบนี้’ ก็อาศัยการเสแสร้งอยู่แล้วด้วย”
“ไอ้ ‘ของแบบนี้’ ที่ว่านี่หมายถึงอะไรหา?”
“ก็…หน้าตาทางสังคมอะไรแบบนั้นน่ะครับ”
เจ้าพวกนี้มันสายมารชัดๆ ไม่รู้ควรจะรู้สึกนับถือหรือกังวลดี
ฟังมาถึงตรงนี้ก็ยังไม่เก็ทว่าเป็นความคิดที่ดีอย่างที่ว่าหรือไม่ แต่ในเมื่อมีสมาชิกสภาถึงสองคนช่วยกันแนะนำมาอย่างนั้น ทำไปคงได้ผลดีมากกว่าผลเสีย
เมื่อพิจารณาได้แบบนั้น ผมลุกขึ้น
“ลงคะแนนที่โรงอาหารใช่มั้ย?”
พลอยพยักหน้าตอบ
“ใช่ค่ะ โรงอาหารโรงเรียนเรากว้างใหญ่และยังมีพื้นที่ใช้สอยมากมาย การที่จะใช้บริเวณนั้นในการทำกิจกรรมต่างๆ อย่างเช่นการลงคะแนนเลือกตั้งหาประธานนักเรียนคนใหม่ก็มิใช่เรื่องแปลกค่ะ”
“ไม่ต้องสาธยายขนาดนั้นก็ได้”
“เอ…ตกลงจะไปเหรอคะ?”
“? ก็เธออยากให้ทำไม่ใช่เหรอ?”
พลอยขมวดคิ้วพลางส่ายศีรษะไปมา
“อยากก็อยากอยู่หรอกค่ะ… แต่แอบเคืองๆตรงที่เหมือนประธานจะยอมเอาด้วย เพราะเห็นว่าน้องเรย์พูดน่ะสิคะ?”
ถึงจะสงสัย แต่พลอยก็เดินตามมาพร้อมยังคงกุมคางครุ่นคิด
เรย์ตามมาด้วยเช่นกัน
“ไม่หรอกครับพี่พลอย ประธานยอมเอาด้วยเพราะพี่พลอยนั่นแหละครับ”
“จะเป็นงั้นแน่เหรอคะ…”
อยากคิดอะไรก็คิดกันไปเถอะ วัดที่ผลลัพธ์ผมก็ยอมแบกหน้าไปให้อย่างที่ต้องการแล้วไงเล่า จะเอาอะไรอีกฮึ?
…โรงอาหาร
“คนเยอะกว่าปกตินะ”
““ก็เลือกตั้งนี่ครับ/ค่ะ””
ผมหรี่ตามอง โรงอาหารของจิตตฯแม้จะกว้างขวางเพียงพอต่อนักเรียนในโรงเรียน แต่วันนี้ผู้คนกลับเนื่องแน่นกว่าปกติจนน่าอึดอัด
ระหว่างไปยังจุดลงคะแนน ผมเอ่ย
“ที่ฉันต้องทำคือยืนอยู่ตรงทางออก แล้วพูดขอบคุณด้วยหน้ายิ้มปลอมๆสินะ?”
“ก็อย่าให้รู้ว่าปลอมสิคะ เป็นซาตานทั้งที แค่ปั้นหน้ายิ้มอย่างจริงใจมันยากหรือไงคะ?”
“ถ้าใช้คำว่าปั้น ก็หาความจริงใจไม่ได้แล้วต่างหาก”
“แล้วจะเป็นซาตานทำไมล่ะคะนั่น?”
“เกี่ยวซะที่ไหน”
“คนที่ลงสมัครมากันเยอะเหมือนกันนะครับนั่น… เดี๋ยวนะ…นอกจากพี่เอ็มก็มากันหมดเลยนี่น่า”
ผมมองตามสายตาเรย์ที่ส่องไปท่ามกลางฝูงชน
จำยัยผีแม่นากได้ล่ะคนนึง แต่ผู้สมัครคนอื่นอีกสองสามคนผมไม่เคยเจอมาก่อน เห็นหน้าผ่านๆแค่ในโปสเตอร์โปรโมตก็เท่านั้น
“…นี่นาย ถ้าลงคะแนนให้ฉันล่ะก็ ไปรับขนมกับเพื่อนฉันที่อยู่ทางออกได้เลยนะ สองคนนั้นน่ะ”
แถมยัยผีแม่นากกำลังซื้อเสียงแบบไม่อายฟ้าอายดินจนคู่สนทนาทำหน้าลำบากใจสุดๆ
พลอยชี้นิ้ว
“ทางออกอยู่ทางนั้น พวกเราก็ไปประจำที่กันเถอะค่ะ”
“ฉันไม่ได้เอาอะไรติดมือมาเลย”
“ดิฉันไม่ได้จะให้ทำเหมือนเธอเสียหน่อย แค่ยิ้มให้ทุกคนก็พอแล้วค่ะ”
โดนว่ามาแบบนั้น ผมก็ไปยืนตรงทางออก ที่มีเหล่าผู้สมัครมารอกล่าวขอบคุณนักเรียนที่มาใช้เสียง
เด็กสาวผมดำคนนึงเอ่ยทัก เธอยืนอยู่ด้านข้าง
“อะ เอ่อ สวัสดีค่ะ”
ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนของยัยผีแม่นาก ส่วนอีกคนข้างๆก็ผมสีทองมาแต่ไกล อีกทั้งยังถือตะกร้าขนมไว้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีค่า! อดีตประธานนักเรียน!”
มองแล้วรู้สึกว่าทั้งสองหน้าตาคุ้นๆไงชอบกล อาจจะเคยเจอที่ไหนสักที่ แต่หลักๆคือไม่รู้จักชื่อ เพราะงั้นมองว่าเป็นรุ่นน้องแปลกหน้าที่ไม่เคยเจอมาก่อนก็ได้ล่ะนะ
ผมพยักหน้าให้
“สวัสดี แล้วก็ไม่ใช่อดีตประธาน การเลือกตั้งยังไม่จบ ฉันเลยยังถือว่าเป็นประธานนักเรียน”
“อ่าหะ~?”
เด็กสาวผมทองเอียงคอยิ้มด้วยใบหน้ามึนๆ
“อีกเรื่องก็ไปบอกเพื่อนแม่นากเธอด้วยว่าถ้าจะซื้อเสียงก็ทำให้มันเนียนๆหน่อยเถอะ มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าทำอะไรอยู่”
“ไม่ใช่ซื้อเสียงค่า แค่ของสมนาคุณที่ยอมออกมาใช้เสียงแค่นั้นเอง!”
สงสัยเด็กสาวคนนี้จะไม่ได้ยินที่แม่นากพูดกับนักเรียนสินะ ดูยังไงก็ซื้อเสียงชัดๆ
จังหวะนั้นเองที่พลอยกระซิบ
“ปกติดิฉันก็ดูไม่ค่อยออกหรอกนะคะ แต่รอยที่คอของน้องคนนี้ชัดมากเลยล่ะค่ะ น่าจะเป็นกระสือนะคะ?”
ผมเหลือบมองที่ลำคอขาวเนียนของเด็กสาวผมทอง พบว่ามีรอยแผลสีแดงรอบต้นคออย่างที่พลอยว่าจริงๆ
กระสือที่ผมเคยเจอ แม้จะถอดศีรษะได้ แต่จังหวะที่ทั้งสองส่วนต่อกัน จะสามารถปิดรอยแผลได้สนิท ไม่เหมือนเธอคนนี้
ช่างประไร จะกระสือหรือกระหัง ไม่เห็นสำคัญ
ขนาดเด็กสาวผมดำที่อยู่ข้างๆ ที่กำลังยืนทำตาละห้อยเหมือนอยากกลับบ้านเต็มทนนางนี้ นอกจากไม่มีพลังวิญญาณ สัมผัสที่หกยังน่าจะเป็นศูนย์เลยด้วย
หรือก็คือเป็นคนธรรมดาที่มาเรียนในจิตตฯได้ยังไงก็ไม่รู้ นับที่ความน่าสนใจ ยังน่าสนใจกว่ากระสือผมทองเสียอีก…
“ฝน? ง่วงรึเปล่า?”
“อ๊ะ อ๋อ เปล่าหรอก…แค่เพลียๆน่ะ”
“งั้นกลับกันเถอะ!”
“เดี๋ยวสิ ยังแจกขนมไม่เสร็จเลยนะ”
“เอาน่า! เธอไม่ว่าอะไรหรอก เหลือเยอะแบบนี้พวกเราก็กินเองได้ด้วยไง!”
“เฮ้อ…ก็ได้”
สุดท้ายก็จบการสนทนากันแบบนั้น ก่อนจะพากันเดินออกไปจากโรงอาหาร ถ้าวัดกันที่ผลลัพธ์แล้ว ยัยผีแม่นากที่บอกว่าจะให้ขนมคนที่มาลงคะแนนให้ตัวเองจึงกลายเป็นคนโกหกไปโดยปริยาย
…หลังจากนั้น ผมได้แต่ยืนยิ้มพลางกล่าวขอบคุณนักเรียนมากหน้าหลายตา จวนเจียนจะหมดพักเที่ยงเข้าไปทุกที ผมยังไม่รู้เลยว่าที่ทำอยู่ตอนนี้มันได้ประโยชน์อะไร
“จะเข้าเรียนแล้วนะ ไปกันได้ยัง?”
“ผมแล้วแต่ประธานเลยครับ”
“ที่จริงก็อยากอยู่ให้ถึงที่สุดก่อนแหละค่ะ แต่ในเมื่อประธานว่าแบบนั้น…”
พลอยครุ่นคิดกับตัวเองเล็กน้อย
เรย์ที่พึ่งนึกขึ้นได้ก็พูด
“จริงด้วย! พี่พลอยครับ”
“คะ?”
“เลือกตั้งคือเปิดให้นักเรียนทุกคนลงคะแนนสินะครับ? แล้วยังงี้พวกเราต้องไปลงคะแนนด้วยรึเปล่า?”
คำถามนั้นทำพลอยเบิกตากว้าง
หันซ้ายหันขวามองสลับระหว่างผมและสถานที่ลงคะแนนที่ผู้คนซบเซา
“ตะ ต้องลงด้วยเหรอคะ…?”
“เรย์มันก็พูดไปงั้นแหละ ไม่ต้องลงหรอก”
“ฟู่…ก็ว่าอย่างดิฉันไม่น่าลืมอะไรแบบนี้”
พอเห็นพลอยวางใจ ผมก็ตะโกน
“ตูประชดโว้ย! ไปลงคะแนนเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!”
จริงอยู่ว่าจิตตฯไม่เคยมีกรณีเช่นนี้ แต่ถ้าให้ว่าตามที่อื่นแล้ว ในกรณีที่รูปแบบการเลือกตั้งเป็นการหากลุ่มบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งสภานักเรียน ผู้ที่มีรายชื่อจะไม่สามารถลงคะแนนได้
แต่ว่า นี่มันไม่ใช่เลือกสภานักเรียน
เลือกประธานนักเรียนต่างหาก
พลอยหน้าแดงก่ำไม่รู้เพราะโกรธหรืออาย
“อย่ามาขึ้นเสียงกันนะคะ! หนึ่งเสียงอันมีค่าของประธานอยู่ในมือดิฉันนะคะ!? ละ…แล้วก็แค่ลืมนิดหน่อยเอง…”
“ถ้าจะเรื่องมากก็เอาหนึ่งคะแนนอัน-แสน-มี-ค่าของเธอไปลงให้คนอื่นเลยไป๊!”
“ฮึ่ม…!”
พลอยขบริมฝีปาก
เรย์หัวเราะแห้งๆ
“อะ…ฮะ…ฮะ งั้นผมขอตัวก่อน…แน่นอนว่าจะลงให้คะแนนประธาน… วะ ไว้เจอกันตอนเย็นนะครับ…”
ดูเหมือนจะเริ่มระอาที่เห็นพวกผมเถียงกันสุดๆ เรย์จึงตัดบทจากไปทั้งๆแบบนั้น
แต่พอมาคิดดูแล้ว อย่างพลอยนี่ก็ไม่น่าลืมอะไรแบบนี้จริงๆนั่นแหละ ถ้างั้น…จะมองว่าช่วงนี้กังวลเกี่ยวกับเลือกตั้งประธานนักเรียนที่ไม่มีหลักประกันยืนยันว่าผมจะได้ดำรงตำแหน่งต่อ จนเผลอลืมไปก็ได้แหละมั้ง?
คงต้องคิดแบบนั้นแหละ
เคสที่ 41 ลงคะแนน /มีต่อ