สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 79 เคสที่ 38 ผู้มาเยือน (1)
ช่วงเช้า ทันทีที่มาถึงโรงเรียน ไม่รู้ว่าเจ้าครูนั่นแอบมองจากตรงไหน แต่ก็นั่นแหละ ทันทีที่ถึงโรงเรียน ผมถูกเรียกเข้าพบ
“มาแล้วรึ? คริสโตเฟอร์”
ครูใหญ่สมศักดิ์กล่าวทักทายให้ผมที่พึ่งเปิดประตูเข้ามา
“ปกติไม่เคยเห็นเรียกมาตอนเช้านะครับ?”
เมื่อได้ยินคำถาม เขาก็ปัดมือหัวเราะ
“พอดีคิดว่าต้องบอกเธอไว้ก่อนน่ะ แล้วเธอก็เป็นประธานนักเรียนด้วย ถึงก่อนหน้านี้จิตตฯของเราจะไม่เคยมีกรณีแบบนี้ แต่ครูคิดว่ายังไงก็ต้องให้ประธานนักเรียนเป็นคนช่วยจัดการน่ะ”
“ถ้าเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวกับโรงเรียนก็คงต้องงั้นแหละครับ ประธานนักเรียนมีไว้ใช้งานแบบนั้นอยู่แล้ว”
ผมคิดว่างั้นนะ
ครูใหญ่หัวเราะอีกครั้ง
“ฮะฮะ เข้าใจล่ะๆ”
ผมนั่งลง
“แล้ว…มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”
ไม่เคยมีกรณีแบบนี้ …แสดงว่าต้องเป็นเรื่องแปลกๆชวนปวดหัวอะไรสักอย่าง
ครูใหญ่คลี่ยิ้ม
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะมีเด็กจิตตฯจากสาขาอื่นมาเรียนด้วยสักพักน่ะ”
“สาขาอื่น?”
“สาขาสอง จิตตฯไม่ใช่มีแค่ที่นี่ที่เดียวสักหน่อย”
“เรื่องนั้นผมรู้ครับ”
กับยุคนี้ที่มีภูตผีอยู่เยอะเช่นนี้ โรงเรียนสำหรับภูตผีอย่างจิตตฯมีแค่สาขาเดียวมันพอที่ไหนกัน อีกอย่าง โรงเรียนนี่ก็ใช้ชื่อสาขาหนึ่งมาตั้งแต่แรก จะใครก็ต้องอนุมานได้ว่ามีสาขาอื่นอีก
ผมพูดต่อ
“ครูหมายถึง…นักเรียนแลกเปลี่ยนเหรอครับ?”
“เกือบใช่ …ที่จริงฝั่งผู้บริหารแค่ส่งคนมาตรวจความเรียบร้อยของที่นี่เท่านั้นแหละ แต่ไม่รู้นึกยังไงถึงได้เอาเด็กจากสาขาอื่นมาตรวจสอบ ทั้งที่ปีก่อนๆส่งมาแค่พวกแก่ๆไม่รู้ความ ที่แค่เอาผักชีโรยหน้าก็ผ่านแล้วแท้ๆ …บัดซบจริงๆ”
“อย่าสบถต่อหน้านักเรียนสิครับ”
ตรวจสอบความเรียบร้อย…
…แถมยังส่งนักเรียนจากสาขาอื่นมาตรวจสอบเสียด้วย แต่ก็พอจะเข้าใจได้ ให้คนแบบที่ครูใหญ่ว่า มาตรวจสอบก็ไม่ได้เห็นบรรยากาศทั้งหมดของโรงเรียน อีกทั้งถ้าครูใหญ่ใช้วิธีผักชีโรยหน้าแบบที่ว่ามา แสดงว่าการที่ฝั่งผู้บริหารจะใช้วิธีส่งเป็นนักเรียนมาตรวจสอบแทนก็ถือว่ารัดกุมสุดๆ
และยังบอกว่าเรียนที่นี่สักพัก เท่ากับเป็นการตรวจสอบระยะยาวเพื่อประเมินผลหลังจบการแลกเปลี่ยน…
และถ้าพูดถึงการแลกเปลี่ยน
“แสดงว่าโรงเรียนเราก็ต้องส่งเด็กไปตรวจสอบสาขาอื่นด้วยสินะครับ?”
“ที่จริงก็ควรจะอย่างนั้นแหละ…แต่ว่าไงดีล่ะ สาขาที่หมิ่นเหม่จะโดนลดงบประมาณเพราะปัญหาเยอะสุดๆก็คือสาขาของพวกเรานี่แหละ”
“คือสาขาอื่นไม่มีตรงไหนต้องห่วง ฝั่งผู้บริหารจึงใช้วิธีตรวจตราตามปกติ แต่กับสาขาเราจะเน้นเป็นพิเศษสินะครับ…”
ถึงขั้นเอานักเรียนจากสาขาอื่นมาเลยด้วย
ครูใหญ่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เห้ออออ ตามนั้นเลย น่าเหนื่อยใจจัง”
ผมครุ่นคิดขณะที่ครูใหญ่เอาหน้าแนบกับโต๊ะ
“ผมเข้าใจแบบนี้ …คือผมต้องเป็นพี่เลี้ยงนักเรียนคนที่ว่าจนกว่าการตรวจสอบจะจบลงสินะครับ?”
“สมเป็นคริสโตเฟอร์ แบบนี้ครูค่อยวางใจได้หน่อย ขอล่ะ…ถ้าไม่ผ่านการประเมินขึ้นมาไม่รู้ครูจะโดนอะไรบ้าง ไม่รู้ด้วยว่าจิตตฯของพวกเราจะโดนปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์รึเปล่าด้วย…”
“จะไปยากอะไร? แค่ทำให้เจ้านักเรียนนั่นเข้าใจว่าที่นี่ไม่มีตรงไหนผิดปกติก็พอ”
“อืม~ ถึงจะบอกว่าวางใจแล้วก็เถอะ …คิดๆแล้วก็ยังน่ากังวลอยู่ดี”
การประเมินจากผู้บริหารมันเครียดขนาดนั้นเลยเรอะ?
ผมค่อนข้างสนิทกับครูใหญ่ จากมุมมองผมแล้ว เขาก็เป็นมนุษย์ธรรมดาที่น่าคบหา…แค่จะบอกว่าพอเห็นครูใหญ่กังวลแบบนี้ ผมก็อยากช่วยให้ผ่านการตรวจสอบบ้าบอนี่ไปให้ได้ด้วยดี
ให้ตายสิ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวคงได้แหละ แถมฝั่งโน้นก็ไม่ใช่นักเรียนที่นี่ด้วย คงไม่มีปัญหา อืม…แต่ก็เอาไว้ใช้ในกรณีสุดท้าย เผื่อเจ้านักเรียนนั่นจะเรื่องมากไม่ยอมให้ผ่านการตรวจสอบก็แล้วกัน
ผมเอ่ยเพื่อให้ครูใหญ่สบายใจ
“ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ…ผมจะใช้อาคมกับเขาครับ”
“หืม? ไม่ใช่ว่าคริสโตเฟอร์เลี่ยงไม่ใช่อาคมกับนักเรียนหรอกเหรอ?”
“ฝั่งนั้นไม่ใช่นักเรียนโรงเรียนเราแต่เดิมสักหน่อย”
“ระ…หรือว่า! คริสโตเฟอร์กลัวครูลำบากเลยยอมตระบัดสัตย์งั้นรึ!?”
“เว่อร์ไปๆ …ก็แค่พยายามหลีกเลี่ยงเพราะไม่อยากให้คนอื่นมองว่าผมชอบใช้อาคมควบคุมจิตใจเฉยๆ แต่กับเด็กสาขาอื่นแล้ว พูดตรงๆว่าผมไม่สน”
ผมจะทำให้ดีที่สุดในการเป็นพี่เลี้ยง และถ้ายังเกิดปัญหาขึ้นมา ผมจะใช้วาจาจากอาคมเพื่อควบคุมฝั่งตรงข้ามให้ผ่านการประเมิน
ครูใหญ่ก็ควรจะโล่งใจได้แล้ว ถึงจะเป็นวิธีที่ขี้โกงไปหน่อย…
ทว่า ครูใหญ่กลับถอนหายใจเป็นรอบที่สอง
“ขอบคุณที่หวังดีนะคริสโตเฟอร์ …ครูก็ไม่คัดค้านอะไรหรอก โกงนิดโกงหน่อยจะเป็นไรไป? พวกตาเฒ่านั่นดันมาจี้โรงเรียนเราแบบนี้ จะใช้วิธีของคริสโตเฟอร์ครูก็ไม่เกี่ยง”
“…งั้นปัญหาคือ?”
“คริสโตเฟอร์ใช้อาคมกับเด็กคนนั้นไม่ได้น่ะสิ”
“หา? ไอ้นักเรียนนั่นเป็นวิญญาณเหรอครับ?”
วาจาของผมใช้กับวิญญาณไม่ได้
ครูใหญ่ส่ายศีรษะ
“ไม่ๆ ก็คนที่มีเชื้อสายภูตผีนั่นแหละ แต่เอ…พูดแบบนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียวแฮะ”
ถ้าเป็นคนเป็น ต่อให้จะมีเชื้อสายภูตผีหรือไม่ ผมก็ควบคุมได้หมด…
…มันจะมีข้อยกเว้นอยู่กรณีเดียว
“ฝั่งผู้บริหารรู้ถึงขั้นว่าผมมีอาคมควบคุมจิตใจเลยเหรอครับ?”
“ไม่รู้สักหน่อย ต่อให้จะรู้ว่าที่นี่มีประธานนักเรียนเป็นลูกซาตาน แต่ก็ไม่ถึงขนาดจะรู้อาคมที่คริสโตเฟอร์ใช้ได้หรอก …แค่การเล่นตลกของตาเฒ่าเท่านั้นแหละ”
“…”
ครูใหญ่ผสานมือ
“…พวกเขาจะมาเข้าเรียนตั้งแต่วันนี้ และจะอยู่ไปอีก…เห็นตอนแรกบอกว่าเดือนนึง แต่ถ้าการตรวจสอบยังไม่เรียบร้อยก็จะยืดเวลาต่อไปอีก เรียกว่าเป็นศึกระยะยาวเลยล่ะ และยังไว้ใจนักเรียนที่ส่งมาสุดๆถึงขั้นให้เป็นคนชี้ขาดการประเมินเองเลยด้วย”
“เข้าใจแล้วครับ…คงรู้ใช่มั้ยครับว่าจะไปเรียนห้องไหน? ผมจะได้ตามตัวถูก”
“แหม ครูเป็นครูใหญ่ก็ต้องรู้อยู่แล้วสิ …เรื่องนี้ก็น่ากังวลเหมือนกัน”
“หืม?”
ครูใหญ่ถอนหายใจอีกครั้ง
“นักเรียนที่ส่งมามีสามคน มอสี่ มอห้า มอหกอย่างละคน และยังยื่นเรื่องขอให้ส่งไปเรียนห้องที่มีสภานักเรียนสักคนเรียนอยู่ด้วย”
“หา???”
นอกจากจะจี้โรงเรียนนี้แล้ว ไอ้แบบนี้มันคือจี้สภานักเรียนเต็มๆเลยไม่ใช่เรอะ?
“ส่วนของมอห้า เขาบอกว่า ‘ขอเป็นห้องที่มีซาตาน’”
เริ่มจะแปลกๆล่ะ
ผมกลืนน้ำลาย
มอสี่ ห้องที่มีสภานักเรียนอยู่มีแค่ห้องสี่ ไม่ต้องห่วงเพราะในนั้นมีเรย์อยู่ด้วย
มอห้า เจาะจงมีที่ห้องเรียนของผมหรือก็คือมอห้าทับหนึ่ง
ที่จะน่าห่วงสุดคือมอหก เพราะพี่ต้นกับพี่น้ำอยู่คนละห้อง เลยไม่รู้ว่าหวยจะไปลงตรงไหน ขอให้ไม่ใช่อย่างหลัง…
…เสียงออดเรียกเข้าแถวตอนเช้าดังขึ้น ผมกับครูใหญ่หันมอง
ครูใหญ่กระแอม
“ก็ตามนั้นนะคริสโตเฟอร์ ไว้ช่วงพักเที่ยงหลังจากที่ได้รู้จักกันแล้ว ฝากบอกสมาชิกสภาที่อยู่มอสี่กับมอหกให้เป็นพี่เลี้ยงเด็กจากสาขาสองด้วยล่ะ โทษทีที่ฉุกละหุก ฝั่งนั้นก็คงกลัวพวกเราจะมีเวลาเตรียมตัวล่ะมั้ง?”
ผมต้องเป็นพี่เลี้ยงให้นักเรียนเปลี่ยนมอห้า ส่วนมอสี่ฝากให้เรย์ มอหกไว้วัดดวงกันอีกที
เพราะยังไงให้คนที่อยู่ห้องเดียวกันจับคู่กับนักเรียนสาขาอื่นก็ง่ายกว่าอยู่แล้ว
…พักเที่ยงต้องเรียกเรย์แล้วก็พี่ต้นกับพี่น้ำมาคุยสินะ…
กำหนดการเรียบง่าย แต่ก็แฝงความกังวลหลายอย่าง
แถมดูทรงเหมือนจะซวยแล้วด้วยสิ ตอนเช้าผมก้าวเท้าออกจากบ้านผิดข้างหรือไงนะ?
…หลังจากเข้าแถวเรียบร้อย เมื่อมาถึงห้องผมก็พบว่าโต๊ะเรียนถูกจัดระเบียบใหม่ อีกทั้งยังเพิ่มโต๊ะขึ้นมาตัวนึงอีกด้วย ไว้ให้สำหรับนักเรียนแลกเปลี่ยนคนนั้น
นักเรียนบางคนที่พึ่งมาถึงโรงเรียน หลังเข้าแถวก็ออกอาการงงงวยกับสภาพโต๊ะที่เปลี่ยนไป ส่วนคนที่มาก่อนเข้าแถวคงแปลกใจกันไปแล้ว
เมื่อทุกคนนั่งประจำที่กันเรียบร้อย สังเกตว่ามีโต๊ะข้างผมตัวนึงที่ยังว่างอยู่ …เว้นที่ไว้รอเลยสินะ
ครูประจำชั้นเคาะกระดานพลางเอ่ย
“วันนี้จะมีเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนเข้ามาเรียนกับพวกเรา…”
“เอ๋!? นักเรียนแลกเปลี่ยน!?”
“ผู้ชายหรือผู้หญิงครับ!?”
จู่ๆทั้งห้องก็วุ่นวายขึ้นมาทันที ผมได้แต่หรี่ตามอง
ครูประจำชั้นพยักหน้า
“ทำตัวดีๆกับเพื่อนใหม่ด้วยล่ะ ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆแค่เดือนเดียว แต่ก็สนิทสนมกันไว้”
เดือนเดียวก็แย่แล้วเถอะ นั่นมันแค่ขั้นต่ำเท่านั้นแหละ เผลอๆจะยืดการประเมินไปอีกจนจบเทอมนี้เลยก็ยังได้ …เอาเถอะ
“เข้ามาได้เลย”
สิ้นเสียง ประตูห้องก็เปิดออก
เส้นผมสีขาวสว่างปลิวสะบัด
สวมเสื้อเบลเซอร์พร้อมด้วยเนคไทสีน้ำเงิน
ดวงตาสีทองมองกวาดไปทั่วห้องก่อนจะยิ้มบางๆ
“สวัสดีครับ ผมเป็นนักเรียนจากจิตตฯสาขาสอง จะมาศึกษาอยู่ที่นี่สักพักครับ”
พร้อมด้วย ‘วงแหวน’ ที่ลอยอยู่เหนือศีรษะ
“กริ๊ดด!!!”
“หล่อสุดๆเลยค่า!!!”
“แม่*เอ๊ย!? ผู้ชายหรอกเรอะ!?”
พูดบ้าอะไรกันอยู่เนี่ย? ถึงหน้าตามันจะจัดว่าดีเกินมาตรฐานคนทั่วไปก็เถอะ แต่สำหรับผมก็งั้นๆ ตื่นเต้นอะไรกัน?
…หรืออาจจะแค่เพราะผมคุ้นชินกับใบหน้านั้นอยู่นิดหน่อยก็ได้
ครูประจำชั้นรีบปรามเสียงตะโกนที่ดังลั่นห้อง
“อย่าเสียงดังสิ! เอ้า…แนะนำตัวกับเพื่อนๆหน่อย”
นักเรียนแลกเปลี่ยนผงกหัวให้ครูประจำชั้นก่อนจะนำฝ่ามือกดหน้าอกและค้อมตัวลง
“ในเมื่อส่วนใหญ่ประเทศนี้จะชอบเรียกกันด้วยชื่อเล่นอยู่แล้ว …ถ้างั้นรบกวนเรียกผมว่า ‘เอ็ม’ แล้วกันครับ”
“เอ็มมม!!!”
“FCเลยค่ะ!!!”
“เป็นแฟนผมเถอะครับ!!!”
ดูดีแบบดึงดูดได้ทุกเพศสภาพสินะ สมเป็นมันจริงๆ…
ผมเผลอเดาะลิ้น
ครูประจำชั้นพูดต่อ
“ต่อจากนี้จะให้คริสโตเฟอร์เป็นพี่เลี้ยงจนกว่าจะกลับสาขาเดิม ครูใหญ่เขาฝากมาแบบนี้ …เอ็ม ที่นั่งของเธออยู่ข้างคริสโตเฟอร์นะ”
“เข้าใจแล้วครับ”
เอ็มตอบ พร้อมกับที่อาจารย์ชี้มาที่โต๊ะว่างข้างตัวผม
“ทำไมต้องเป็นคริสโตเฟอร์ล่ะคะ!? เป็นหนูก็ได้!”
“ล้อเล่นเถอะ! ต้องเป็นฉันต่างหาก! ครูครับ! ให้ผมเป็นพี่เลี้ยงเอ็มเถอะครับ!”
หยุดเถียงกันเรื่องไร้สาระสักทีได้มั้ยเนี่ย แล้วคิดว่าตูอยากทำมากหรือไงฮึ? ถ้าไม่ติดเรื่องการประเมินจะโยนให้พวกเอ็งทำทันทีเลย
ครูประจำชั้นเกาศีรษะ
“ครูใหญ่เขาฝากมาแบบนี้นี่นา ใช่มั้ย? คริสโตเฟอร์”
“ครับ”
“โอเค…หยุดเถียงกันได้แล้ว เดี๋ยวครูต้องไปสอนห้องอื่นต่อ อย่าคุยกันระหว่างเรียนล่ะ ถึงจะตื่นเต้นที่ได้เพื่อนใหม่ แต่ก็ไว้ทำความรู้จักกันตอนพักนะ”
ว่าแล้วครูประจำชั้นก็ออกไป
ไม่แคล้วที่คำเตือนจะไม่เข้าหู ทั้งห้องรัวคำถามใส่เอ็ม
เสียงดังเสียจนฟังไม่รู้เรื่อง
แต่หนึ่งในนั้นก็มีคำถามที่ส่วนใหญ่จะถามกันในจิตตฯ นั่นก็คือ ‘เป็นตัวอะไร?’
และเอ็มเลือกที่จะตอบคำถามนั้น
“ผมก็เป็นภูตผีเหมือนพวกคุณนั่นแหละครับ ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น”
และก้าวช้าๆมาที่โต๊ะ
ระหว่างนั้นก็ส่งสายตาให้นักเรียนอย่างเป็นมิตร
จนเมื่อถึงแถวโต๊ะของตัวเอง รวมถึงแถวที่ผมนั่งอยู่
เอ็มหรี่ตา
ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างจากคุยกับนักเรียนในห้องเมื่อครู่
“ไงคริสโตเฟอร์ จากนี้ก็ขอฝากตัวด้วย”
ผมแค่นหัวเราะ
“เหอะ”
“ไม่ดีเลยนะ เป็นพี่เลี้ยงไม่ใช่เหรอ? ปฎิบัติตัวให้มันดีๆหน่อยสิ หรือต้องทำตัวแย่เพราะกลัวคนอื่นไม่รู้ว่าเป็นซาตาน”
“เงียบแล้วนั่งลงเถอะ จะเริ่มเรียนแล้ว”
“อยากน้อยก็ยังใฝ่เรียนล่ะนะ ไม่คิดเลยว่าผมจะได้เห็นซาตานเป็นนักเรียนดีเด่นแบบนี้”
“ทำไมถึงแต่งตัวแบบนั้น?”
เอ็มดึงเสื้อ
“นี่เหรอ? ผมก็นึกว่าต่างชาติต้องแต่งตัวแบบนี้ซะอีก”
“แค่ฉันคนเดียวต่างหาก”
“ได้สิทธิพิเศษเหรอ?”
“แกก็ได้เหมือนกัน”
“พูดจาดีๆแล้วมันจะตายหรือไง?”
ประกายสีทองก่อเกิดที่ดวงตาของเอ็ม
ผมก็ใช้งานวงเวทเพื่อเตรียมสั่งวาจา แม้จะใช้ไม่ได้ผลก็ตาม
“จะเอาเรอะ?”
ทันที่เห็นหน้าเอ็ม ทุกอย่างที่ครูใหญ่พูดก็เข้าเค้าขึ้นมาทั้งที
ทั้งเรื่องที่เจาะจงมาเรียนที่ห้องของผม
ทั้งเรื่องที่ผมใช้อาคมกับอีกฝ่ายไม่ได้ เอ็มคือตัวตนที่เป็นข้อยกเว้นกรณีเดียวที่อาคมของผมจะไม่มีผลอย่างเด็ดขาด กลับกัน อาคม…ไม่สิ ‘พร’ ของเอ็มก็ไม่ได้ผลกับผมเช่นกัน
ผมกับเอ็มเป็นราวกับขั้วตรงข้าม
นี่คือการเล่นตลกของฝั่งผู้บริหารที่ครูสมศักดิ์บอก
“เอ็มรู้จักคริสโตเฟอร์มาก่อนแล้วเหรอ?”
นักเรียนคนนึงถามแบบนั้นท่ามกลางบรรยากาศมาคุ
เอ็มสลายพรก่อนยิ้มตอบ
“ใช่ครับ พวกเรารู้จักกันตั้งแต่เด็กๆแล้วน่ะ”
สัมผัสได้ถึงความแปลกใจ ประหลาดใจ และความอิจฉาจากเพื่อนร่วมห้อง
“หรือว่า…เอ็มเป็นซาตานเหรอ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เอ็มก็หัวเราะร่า
“ไม่ใช่หรอกครับ เห็นวงแหวนนี่แล้วไม่รู้เหรอครับ?”
ชี้ไปเหนือศีรษะตนเองด้วยท่าทางหยอกล้อ
ผมเริ่มจะรำคาญเลยแทรกออกไป
“หยุดพูดมากแล้วนั่งที่ซะ ‘เทวทูต’”
เอ็มหันสายตากลับมา ดวงตาสีทองคมกริบตอบกลับ
“มีสิทธิ์อะไรมาสั่งผมครับ? ซาตาน”
เคสที่ 38 ผู้มาเยือน (เทวทูต) /มีต่อ