สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 76 เคสที่ 37 เคสแรกอย่างเป็นทางการ(?)ของเรย์ (1)
- Home
- สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ
- ตอนที่ 76 เคสที่ 37 เคสแรกอย่างเป็นทางการ(?)ของเรย์ (1)
หลังการตอบคำถามรับน้องที่พึ่งผ่านไปเมื่อวาน ผมจึงได้เป็นสภานักเรียนเต็มตัว
แม้ประธานจะยังหาตำแหน่งลงให้ผมไม่ได้ แต่จะใครต่อใครก็รู้ว่าตำแหน่งในสภาที่ว่านั่นแทบไม่มีความหมาย คนที่ให้ความหมายกับมันมากที่สุด อาจจะมีแค่ประธานกับพี่พลอย
อย่างไรก็ตาม ไม่มีตำแหน่งแล้วทำไม ผมไม่ใส่ใจเรื่องนั้นหรอก ที่ต้องการก็แค่อยากช่วยเหลือนักเรียน และอยากทำเคสสนุกๆเหมือนที่ประธานเคยพาไปครั้งก่อน …นั่นแหละ พอจบเรื่องมาได้ด้วยดีโดยสรุปมันก็คือสนุกล่ะนะ
จะว่าใช้ชีวิตวัยรุ่นเต็มที่ก็ได้ ที่เห็นตามการ์ตูนมันก็ประมาณนี้แหละ…
“โห! จริงอะ! ไม่อยากจะเชื่อ!”
เสียงของนักเรียนคนหญิงที่ต่อให้จะเลิกเรียนแล้วก็ไม่มีความคิดจะเข้าสภาดังขึ้น ที่จริงก็ดังมาได้สักพักแล้วล่ะ
ผมเท้าคางมองสไปรท์กับกลุ่มเพื่อนนักเรียนหญิงที่สนิทกัน อีกทั้งยังเสียงดังทั้งวันไม่ว่าจะเป็นช่วงพักเบรก ช่วงเลิกเรียน หรือกระทั่งตอนเรียนก็ไม่เว้น
…ไหนๆก็อยู่สภาเหมือนกันแล้ว บางทีผมอาจจะสนิทกับสไปรท์ขึ้นกว่าเดิมก็ได้
ไม่ดิ สไปรท์ไม่เข้าสภานี่หว่า เลิกคิดว่าจะได้บรรยากาศประมาณเดินไปสภาพร้อมกันไปได้เลย
ผมที่คิดถึงตรงนั้นก็ถอนหายใจ ถึงจะเข้าสภามาด้วยเหตุผลเรื่องรักๆใคร่ๆ แต่ผมก็มีความรับผิดชอบมากพอที่จะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย สไปรท์จะเข้าสภาหรือไม่ ผมก็ไม่มีความจำเป็นต้องตำหนิหรืออะไรทั้งสิ้น
และหน้าที่ตอนนี้ก็คือเก็บกระเป๋าและไปหาประธานที่ห้องสภา
ขณะคิดเช่นนั้นพร้อมหยิบกระเป๋ามาสะพายนั่นเอง…
“เลย์! มาหาเค้าโหน่ย~”
เมื่อโดนเรียกชื่อที่ไม่เคยจะเรียกถูกเลยสักครั้งแบบนั้น ผมก็ดีใจเล็กน้อย
ทว่า ผมไม่แสดงสีหน้าหรืออารมณ์ออกไป การแอบชอบมันก็อะไรประมาณนี้แหละ
ผมเดินไปหาสไปรท์และกลุ่มเพื่อนของเธอ
“อะไร? ฉันต้องไปสภาแล้วนะ”
“เห…สไปรท์สนิทกับเรย์เหรอ?”
หนึ่งในเพื่อนสาวว่าแบบนั้นพร้อมหรี่ตามอง
สไปรท์หัวเราะร่า
“วะฮะฮ่า! สนิทสิ เพราะพวกเราอยู่สภานักเรียนเหมือนกันไงล่า!”
“ฉันก็คิดมาสักพักแล้วนะ สไปรท์ยังอยู่สภานักเรียนเหรอ?”
“แอ๊ะ?”
โดนยิงคำถามทันควันทำเอาสไปรท์ไปต่อไม่ถูก
เพื่อนสาวพูดต่อ
“ก็แบบว่า…ถ้าไม่มาเล่นกับพวกฉันก็เห็นแจ้นไปชมรมนั้นทีชมรมนี้ที ฉันเลยคิดว่าสไปรท์อาจจะลาออกจากสภานักเรียนแล้วรึเปล่า?”
นั่นแหละคำจำกัดความของตัวตนที่ชื่อสไปรท์
งานสภาไม่เข้า ไม่เล่นกับเพื่อนก็ไปเล่นกับชมรมอื่นแบบทั่วถึง เป็นคนที่ใช้ชีวิตวัยรุ่นได้คุ้มเกินพอดี
“พะ พี่คริสโตเฟอร์บอกว่าให้เข้าอาทิตย์ละครั้ง…”
“จะโกหกก็ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นประธานก็อยากให้เข้าสภาทุกวันนั่นแหละ”
“เลย์จะไปรู้อะไร! พึ่งเข้ามาได้เมื่อวานแท้ๆ!”
แค่ความรับผิดชอบ จะเข้าก่อนเข้าหลังมันก็ไม่เกี่ยวมั้ย…
เพื่อนสาวคลี่ยิ้ม
“โอเคๆ ตกลงก็ยังอยู่สภาเนอะ เรย์ก็พึ่งเข้าสภาสิเนอะ?”
“อ่า…ใช่ เมื่อวานน่ะ”
“เหรอๆ น่าจะรู้จักเราแล้วสิเนอะ? เราชื่อมะเฟืองนะ”
“รู้สิ ก็อยู่ห้องเดียวกัน แถมเธอเป็นหัวหน้าห้องด้วย”
มะเฟืองเป็นหัวหน้าห้อง ถึงจะเรียนเก่งแต่ก็แปลกใจที่สนิทกับสไปรท์ที่ผลการเรียนไม่เอาอ่าวแถมชอบทำตัวไร้สาระ …พูดแล้วรู้สึกว่าสอบครั้งที่แล้วคะแนนสไปรท์ดีขึ้นนี่นา? หรือว่ามะเฟืองจะช่วยติวให้?
ส่วนกลุ่มเพื่อนของสไปรท์คนอื่น ผมก็รู้จักชื่อดี…
พวกเธอกำลังจดๆจ้องๆมองผมเหมือนเห็นของแปลกยังไงยังงั้น
“อยู่สภาก็ต้องเจอเจ้าลูกซาตานแล้วสิ?”
“ใช่ๆ! เป็นไงบ้าง เห็นเขาว่ากันว่าชอบแอบกินเลือดในสภาด้วย!”
พวกเธอว่าแบบนั้น
ผมถอนหายใจตอบ
“ประธานไม่ใช่แวมไพร์สักหน่อย เขาเป็นซาตาน”
“ต่างกันด้วยเหรอ?”
“นั่นสิ?”
มีคนแยกความต่างระหว่างซาตานกับแวมไพร์ไม่ออกด้วยเหรอเนี่ย…
“ต่างกันน้า แวมไพร์ก็คือผีดูดเลือด ส่วนซาตานก็อารมณ์เจ้านรกอะไรแบบนั้นไง”
มะเฟืองอธิบายให้เพื่อนๆฟังแบบพอสังเขป
จากนั้นก็หันมาทางผม
“คริสโตเฟอร์สิเนอะ ถึงจะมีบางคนไม่คิดอะไร แต่ส่วนใหญ่ก็กังวลเรื่องที่เขาเป็นลูกซาตาน …เรย์ไม่เป็นแบบนั้นเหรอ?”
“แรกๆก็ใช่อยู่หรอก แต่พอคุยๆไปก็นิสัยดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลย”
“อืมๆ แถมยังหล่อด้วยเนอะ?”
“ประธานเป็นคนต่างชาตินี่? จะหน้าตาดีก็ไม่แปลก”
“ต่างชาติ…เรย์ก็ลูกครึ่งญี่ปุ่นนี่นา? ไม่เห็นจะหล่อเลย”
“ไม่ต้องย้ำก็ได้น่า”
ผมตอบอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
มะเฟืองที่เห็นดังนั้นก็รีบปัดมือ
“เราล้อเล่นๆ! อย่าคิดมากสิ เรย์ก็หล่อดีออก”
คิดๆแล้วก็พึ่งเคยคุยกับกลุ่มเพื่อนของสไปรท์ขนาดนี้ครั้งแรก แม้มะเฟืองจะเป็นหัวหน้าห้อง แต่ก็ไม่มีครั้งไหนเลยที่จะได้คุยเรื่อยเปื่อยกับเธอแบบนี้ แถมยังพูดจาดีน่าดู ไม่แปลกที่พวกผู้ชายถึงได้พากันชอบ
ผมเข้าประเด็น
“ว่าแต่เรียกฉันมาทำไม? สไปรท์ บอกไปแล้วนะว่าฉันต้องไปสภา”
สไปรท์ที่กำลังเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ก็เงยหน้าขึ้น
“อื๋อ? นั่นจิ เรียกมาทำไมอะ?”
“สไปรท์แค่อยากคุยกับเรย์เฉยๆรึเปล่า? แบบว่า…เผลอเรียกโดยไม่ทันคิด?”
“ประมาณนั้นมั้ง…?”
“เราขอโทษที่คุยกับเรย์เพลินนะ เอ้า เชิญได้เลย”
“เลย์! มาคุยกันเถอะ!”
เริ่มจะไร้สาระเข้าไปทุกที
ผมโบกมือ
“ไม่คงไม่คุยอะไรทั้งนั้น ฉันขอตัวก่อนดีกว่า จะให้โดดงานตั้งแต่วันแรกก็โดนประธานด่ากันพอดี”
“ช่างเป็นสภานักเรียนที่เค้าควรเอาเป็นแบบอย่างจริมๆ!”
“…งั้นก็ตามมาซะสิ”
สไปรท์กอดอกครุ่นคิด แค่เข้างานตามหน้าที่มันต้องคิดหนักขนาดนั้นเลยเหรอ…
“อะ เอ่อ…คือว่า…”
จู่ๆเด็กสาวคนนึงก็ยกมือขึ้นสั้นๆ
คนนี้ชื่อแสตมป์ เป็นเด็กสาวที่เงียบมาตั้งแต่แรก ที่จริงเธอก็เป็นคนเงียบๆล่ะนะ
“ว่าไงแตมป์!”
สไปรท์ขานรับเสียงดัง
มะเฟืองก็คลี่ยิ้มมองด้วยความฉงน
แสตมป์เอ่ย
“…สภาจะช่วยแก้ปัญหาที่อยู่นอกโรงเรียนมั้ย…?”
“หือ? หมายความว่าไงอะ?”
“…คือ…ถ้าสไปรท์ยังอยู่สภานักเรียน พอดีฉันมีเรื่องอยากให้ช่วย…”
พูดถึงตรงนั้นเองที่สไปรท์ตาเป็นประกาย
“แน่นอนอยู่แล้ว! เค้าคือสภานักเรียนตัวจริงเสียงจริง ไม่โดนไล่ออกไปไหน! มีเรื่องอะไรอยากให้ช่วย พูดมาได้เล้ย!”
คงไม่ใช่พูดเพราะโดนมะเฟืองบอกเป็นนัยๆว่าสภาพหล่อนไม่เหมือนคนอยู่สภานักเรียนหรอกนะใช่มั้ย?
แสตมป์พยักหน้า
“…ได้ใช่มั้ย? เรย์…”
สงสัยจะเห็นว่าผมสมกับเป็นสภานักเรียนกว่าสไปรท์เลยมาขอคำยืนยันสินะ
ผมกุมคาง
“ช่วยก็ช่วยได้อยู่หรอก แต่อย่างน้อยก็ไปยื่นเรื่องให้เป็นเรื่องเป็นราวที่ห้องสภาก่อนเถอะ”
ให้ประธานรับรู้สักหน่อยก็ยังดี ผมพึ่งเข้าใหม่ ครั้นจะให้จู่ๆรับเคสด้วยตัวเองก็กระไร
สไปรท์เอาศอกกระทุ้งแขนผม
“ไม่เป็นไย! พี่คริสโตเฟอร์บอกว่ารับเรื่องให้แล้ว! แถมยังฝากให้พวกเราทำด้วย!”
“หา? เธอไปบอกประธานตอนไหน?”
“ในไลน์น่ะซิ๊~ หยุดพูดมากแล้วฟังแตมป์กันดีกว่า!”
นั่นสินะ ผมยังไม่มีช่องทางติดต่อกับประธานเลย น่าแปลกที่สไปรท์รู้งานกว่าที่คิด สงสัยสภาจะใช้วิธีนี้ติดต่อกันกันสินะ? คงใช่แหละ เผื่อกรณีต้องรับเคสนอกห้องสภาขึ้นมา จะให้ถ่อไปถึงห้องสภาเลยก็ใช่ที…
ผมที่คิดว่าเป็นแบบนั้นก็พยักหน้า
แสตมป์หันซ้ายหันขวา เมื่อตัดสินใจได้ว่าทุกคนพร้อมฟังก็พูดออกมา
“…ช่วงนี้เรานอนไม่ค่อยหลับน่ะ”
สงสัยจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ…
“…พอดีบ้านร้างที่อยู่ข้างบ้านฉันจะส่งเสียงแปลกๆทุกคืนเลย”
ไม่เล็กน้อยนี่หว่า
บ้านร้าง คำนั้นฟังแล้วมันก็มีอยู่เรื่องเดียวที่จะตามมานั่นแหละ ไม่ผีก็วิญญาณ
“แล้วทำไมถึงมีบ้านร้างอยู่ข้างบ้านเธอได้ล่ะ?”
“เลย์อย่าแย่งถามสิ เค้ากำลังจะถามเลย …ทำไมถึงมีบ้านร้างอยู่ข้างบ้านแตมป์ได้ล่ะ?”
แตมป์ลำบากใจเล็กน้อยก่อนตอบ
“…ไม่รู้เหมือนกัน ฉันก็อยู่มาตั้งแต่เด็กๆ บ้านนั้นก็ยังมีป้ายขายมาตลอดเลย แต่ก็อย่างว่า…จนถึงวันนี้ก็ยังขายไม่ออก”
“งั้นก็แค่บ้านขายไม่ออกไม่ใช่เหรอ?”
“…แรกๆก็ใช่ แต่พอรู้สึกตัวอีกที สภาพบ้านก็ทรุดโทรมลงเรื่อยๆ ตอนนี้เลยกลายเป็นบ้านร้างแบบที่เห็นตามหนังสยองขวัญ”
บ้านขายไม่ออกที่ถูกทิ้งไว้นานวันจนกลายเป็นที่สิงสถิตของวิญญาณงั้นสิเนี่ย
ดีหน่อยที่ผมพอรู้วิธีปัดเป่าวิญญาณอยู่บ้าง ก็รู้มาจากตอนทำเคสกับประธานก่อนเข้าสภานั่นแหละ
“เสียงแปลกๆนั่น คือเสียงอะไรเหรอ?”
แสตมป์กลืนน้ำลายรับคำถาม
“…บอกว่า ‘ออกไป’ น่ะ”
ออกไป…กำลังไล่ที่อยู่งั้นเหรอ?
ผมถามต่อ
“เธอได้ยินเสียงตอนเข้าไปในบ้านร้างเหรอ?”
“…ไม่ใช่นะ ฉันไม่กล้าเข้าไปหรอก คุณแม่ก็บอกตั้งแต่เด็กๆแล้วว่าห้ามยุ่งกับบ้านหลังนั้น”
“งั้นเสียงที่ได้ยินคือหลุดเข้ามาในบ้านเธอเลยสินะ”
“…อือ ส่วนใหญ่จะได้ยินตอนกึ่งหลับกึ่งตื่น ถึงจะอยู่บ้านติดกันแต่ก็มีกำแพงกั้น แต่ว่าเสียงที่พูดนั่น…เหมือนกับกำลังกระซิบข้างหู”
“ยังไม่ค่อยเห็นภาพเท่าไหร่ คงต้องไปดูเอาหน้างานล่ะนะ”
งานไล่ผีงั้นสิเนี่ย แต่ถ้าบ้านร้างกลายเป็นสถานที่สิงสถิตไปแล้ว การจะไล่ออกไปก็อาจทำได้ยาก…
และที่สำคัญอีกอย่าง
“แสตมป์”
“อือ?”
“ถ้าอยู่จิตตฯ เธอก็เป็นผีสางไม่ใช่เหรอ? แค่เสียงพูดวิญญาณหลอกหลอนตอนนอนมันน่ากลัวจนถึงขั้นนอนไม่หลับเลยหรอ?”
“ย๊าก!!!”
เสียงกู่ร้องที่ตามมาด้วยแรงกระแทกกลางแผ่นหลังจนเกือบจะกัดลิ้น
ผมขบริมฝีปากก่อนตะโกน
“ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย!? สไปรท์!”
“พูดจาไม่นึกถึงจิตใจเพื่อนร่วมชั้น! หักสิบคะแนน!”
“คะแนนอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง!?”
มะเฟืองหัวเราะบางๆ
“นี่เรย์ ถึงพวกเราจะมีเชื้อสายผีก็เถอะ แต่เนื้อในก็เป็นแค่เด็กวัยรุ่นแหละน้า เจอเหตุการณ์เหนือธรรมชาติอย่างวิญญาณหลอนแบบนั้น จะใครก็ต้องวิตกจนนอนไม่หลับนี่เนอะ?”
“ก็พอจะเข้าใจอยู่หรอก…”
“แตมป์จะกลัวจะนอนไม่หลับก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ลองเป็นเราถ้าต้องเจอเรื่องแบบนี้ก็คงอยากให้ใครสักคนช่วยเหมือนกัน”
มะเฟืองคล้องแขนแสตมป์ที่พยักหน้าเบาๆ
“เป็นผีแล้วกลัวผีมันแปลกๆอยู่นะ…”
“อ๊ะ!? เลย์พูดจาเหมือนพี่คริสโตเฟอร์เลย!”
ปกติประธานก็พูดแบบนี้หรือเนี่ย
มะเฟืองหัวเราะอีกครั้ง
“อยู่สภานักเรียนไม่ใช่เหรอ? แถมนี่ยังเป็นคำขอของเพื่อนร่วมห้อง ช่วยกันสักหน่อยไม่เสียหายสักหน่อย? เนอะ เรย์”
“เข้าใจแล้วๆ ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะไม่ช่วย …แค่ถามเฉยๆเอง”
สไปรท์เท้าเอวอย่างหนักแน่น
“งั้นก็รับเคสเรียบร้อย! บ้านแตมป์อยู่ไหน!? ไปกันเล้ย! เล็ทโกว์!”
ว่าแล้วสไปรท์ก็ลากแสตมป์ที่ดูลำบากใจออกไป ผมก็ต้องตามไปด้วยนั่นแหละ ครั้นจะให้เสือสมิงคนเดียวไปไล่ผีก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
แต่เอ…ส่วนเราเป็นตัวอะไรยังไม่รู้เลยนี่นา
ขณะกำลังสับสนกับตัวเองพร้อมจะเดินตามสไปรท์กับแสตมป์ออกไป มะเฟืองก็กล่าวรั้งไว้ก่อน
“นี่เรย์”
“หือ? ว่าไงมะเฟือง”
“อย่าทำให้เพื่อนเราผิดหวังนะ”
“แค่ไล่ผีมันจะเท่าไหร่กันเชียว …แล้วที่ไม่อยากให้ผิดหวังนั่นหมายถึงสไปรท์หรือแสตมป์?”
มะเฟืองยิ้มกว้าง
“หมายถึงทั้งสองคนนั่นแหละ”
“อืม ฉันทำได้แน่ ไม่งั้นคนที่ผิดหวังจะเป็นประธานมากกว่า”
เคสแรกที่ทำอย่างเป็นทางการของผม ถ้าทำไม่ได้ขึ้นมาประธานคงจะผิดหวังที่ตื้อจนผมเข้าสภาล่ะนะ ไหนๆก็โดนคาดหวังซะขนาดนั้น เรื่องแค่นี้ต้องทำให้ได้
“เสียงหลอกหลอนตอนนอนงั้นเหรอ…ถ้าเราเจอแบบนั้นบ้างคงอยากได้คนมานอนข้างๆเลยล่ะ เรย์สนใจมาเป็นคนนั้นให้เรามั้ย?”
“ไว้เจอจริงๆค่อยมาถามใหม่แล้วกัน”
“คิกคิก เข้าใจแล้วๆ ไว้จะมาถามนะ”
จากนั้นผมก็โบกมือลามะเฟืองกับกลุ่มเพื่อนของเธอ ก่อนจะวิ่งตามสไปรท์ที่ออกจากห้องไปสักพัก
“สไปรท์! รอด้วย!”
“ช้ามาก! มัวแต่ยืดยาดอยู่ได้!”
“…สะ สไปรท์อย่าว่าเรย์แบบนั้นสิ”
ดูเหมือนเคสแรกอย่างเป็นทางการของผมจะเป็นไล่ผี แถมยังต้องทำเคสพร้อมสไปรท์ด้วย คิดแล้วอาจจะน่าเหนื่อยใจสุดๆเลยก็ได้แฮะ
เคสที่ 37 เคสแรกอย่างเป็นทางการ(?)ของเรย์ /มีต่อ