สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 72 เคสที่ 35 สมาชิกใหม่ (2)
พึ่งเคยรู้สึกดีใจที่เห็นหน้าสไปรท์เป็นครั้งแรก ช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่ดีจริงๆ
“โว้ว อยู่กันครบเลย! แต่ขาดพี่น้ำแฮะ เดี๋ยวหนูไปตามดีฟ่า!”
ผมรีบกระชากสไปรท์ที่จะวิ่งไปตามพี่น้ำที่ไหนไม่รู้เอาไว้ ก่อนจะกระซิบเธอเบาๆ
“…เธอมาก็ดี ช่วยอะไรฉันหน่อย”
“ช่วยไรนิ?”
“…คือปีก่อนพี่ต้นกับเรย์เคยต่อยกันทีนึงน่ะ แล้วทีนี้ฝั่งเรย์เลยยังไม่ค่อยวางใจพี่ต้นเท่าไหร่”
“อือหื๊ออ?”
“ต่อให้พี่ต้นจะยอมรับได้ก็เถอะ แต่เข้าใจใช่มั้ย? ฉันเป็นประธาน ครั้นจะปล่อยให้สมาชิกสภาสองคนไม่ถูกกันก็กระไร”
“พูดไรยาวจัง เข้าใจยากด้วย แต่เอาง่ายๆคืออยากให้พี่ต้นกับเลย์สนิทกันใช่ม้า?”
บางทีการเข้าใจอะไรง่ายๆ วัดกันที่ผลลัพธ์แบบที่สไปรท์คิด อาจจะทำให้ทำอะไรต่ออะไรง่ายขึ้นก็ได้
“ใช่ อยากให้ทั้งสองคนสนิทกัน”
“ช่วยก็ได้อยู่ร้อก~ แต่ว่าน้า ถ้าเป็นพี่คริสโตเฟอร์ไม่ใช่ต้องพูดว่า ‘ใครจะอยากคิดยังไงก็เชิญ ขอให้งานออกมาดีไม่มีปัญหาก็พอ’ ไม่ใช่เหยอ?”
ที่จริงก็ใช่นั่นแหละ เรย์จะมองพี่ต้นยังไง พี่ต้นจะปฎิบัติตัวกับเรย์ห่างเหินเช่นไร ถ้างานสภาหรือก็คือการทำเคสไม่มีปัญหา ผมจะยังไงก็ได้ทั้งนั้น
…เนื่องจากสมาชิกสภาไม่เคยมีความบาดหมางกันมาก่อน เป็นเมื่อก่อนผมคงพูดแบบนั้น…
แต่พอมาเจอเข้าจริงๆ ในฐานะที่เป็นประธานแล้ว …ยังไงก็ควรให้สนิทกันไว้ดีกว่า
“เข้าสภาด้วยเหรอ? สไปรท์?”
เรย์ขมวดคิ้วถาม
“วันนี้นายเข้างานวันแรกนี่นา! เค้าที่เป็นรุ่นพี่ก็ต้องมาต้อนรับซิ๊!”
“…แต่เราอยู่มอสี่เหมือนกันนะ”
“แต่เค้าอยู่สภามาก่อนนี่?”
“อืมๆ”
จากความรู้สึก วันนี้ไม่น่ามีลูกเคสมาแฮะ เอาล่ะ…ไหนๆสไปรท์ก็มาพอดี งั้นก็…
“เลย์เข้างานวันแรก! รับน้องอะอยู่ไหนรับน้อง!”
นั่นแหละ ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร สไปรท์ก็จัดแจงให้เรียบร้อย
“รับน้องอะไรบ้าเปล่า? ตอนนี้ก็ถือว่าฉันเป็นสภานักเรียนแล้วนะ แล้วรับน้องมันเป็นระบบเน่าเฟะของสังคมมหาลัยที่เอาไว้กดขี่คนเข้าใหม่…”
“นายไม่ต้องลงลึกขนาดนั้นก็ได้…”
ผมรีบเตือนเรย์ก่อนจะเข้าไปแตะในประเด็นที่ไม่ควรแตะ …เอ หรือแตะไปแล้วกันหว่า ช่างเถอะ
สไปรท์โบกนิ้ว
“ไม่ได้ๆ เข้าใหม่ก็ต้องรับน้องสิ ขนาดเค้ายังเคยโดนเลย”
“สภานักเรียนมีประเพณีแบบนั้นด้วยเหรอครับ…”
เรย์หรี่ตาด้วยแววตาผิดหวัง
ผมปัดมือรัวๆ
“เดี๋ยวๆ! ไม่มีสักหน่อย! ว่าแต่สไปรท์! เธอไปโดนรับน้องตอนไหนหา!? ฉันไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย!”
“นั่นสิคะ น้องสไปรท์ พี่ก็จำได้ว่าพวกพี่ไม่เคยรับน้องมาก่อนเลยสักครั้งนะคะ?”
ที่จริงสไปรท์อาจจะพูดเพื่อให้เลย์หลงกลก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นตอนนี้แผนคงเหลวไปเป็นที่เรียบร้อย ทว่า…ผมมองจากสีหน้าสไปรท์แล้ว นอกจากจะไม่ได้โกหก ยัยนี่อาจจะโกหกไม่เป็นตั้งแต่แรกแล้วด้วย
“อื๋อ? ก็ตอนนั้นไง วันที่หนูเข้าสภาวันแรกอะ?”
“ฉันจำได้แค่ว่าเธอหายไปทั้งวันแค่นั้น…”
“ก็แย่แล้วเถอะพี่คริสโตเฟอร์ นั่นไง! วันนั้นหนูเข้าไปนอนในห้องเก็บของ แล้วพวกพี่ก็แอบล็อคประตูจนหนูติดอยู่ในโรงเรียนทั้งคืนไม่ใช่เหยอ?”
หะ…
“วะฮะฮ่า! แต่ว่าอ่อนหัด! ดันขังหนูไว้ในห้องที่มีของกินเพียบ! หนูเลยไม่สะทกสะท้านเลยไงล้า!”
หลังหมดเวลาชมรม ผมกับพลอยจะล็อคประตูห้องสภา โดยที่ก่อนหน้านั้นจะล็อคประตูห้องเก็บของจากด้านนอกด้วย…
ซึ่งก็ทำเช่นนั้นมานานนม ไม่มีผิดพลาดสักวัน
พอยืนครุ่นคิดกับพลอยไปสักพัก…
“ไม่ได้รับน้อง!!! พวกฉันแค่ไม่รู้ว่าเธออยู่ข้างในต่างหาก!!!”
อ๋อ ตอนนั้นเองสินะ! ผมจำได้ว่ามีอยู่ครั้งนึงที่นอกจากสไปรท์จะเข้าสภาแล้ว ยังถึงห้องสภาเร็วกว่าผม …ใช่ๆ ผมเจอเธอเดินออกมาหลังจากผมปลดล็อคห้องเก็บของนั่นแหละ!
ไอ้เราก็นึกว่าเข้าไปหาอะไรในนั้น ที่ไหนได้ ยัยนี่โดนพวกผมขังไว้ทั้งคืนเลยหรอกเรอะ!?
ก็ว่าทำไมถึงได้รู้สึกแปลกๆ ทำไมผมที่พึ่งปลดล็อคห้องถึงได้เจอสไปรท์เดินออกมาจากข้างใน
ที่แท้คือไปเผลอหลับอยู่ในนั้นจนโดนขังนี่เอง!
สไปรท์อ้าปากค้าง
“จะบอกว่าหนูโดนลืม…ไม่ใช่โดนรับน้องหรอกเหยอ…?”
“พูดแบบนั้นก็ดูโหดร้ายไปหน่อย แต่ใช่…ตามนั้นแหละ”
“พี่คริสโตเฟอร์เผลอล็อคห้องเก็บของ แล้วไม่รู้ว่าหนูนอนอยู่ในนั้น…?”
“ใครใช้ให้ไปนอนห้องเก็บของแต่แรกกันเล่า …แล้วก็นะ คนล็อคอาจจะไม่ใช่ฉัน อาจเป็นพลอยก็ได้”
“ไม่ต้องมาโบ้ยกันเลยนะคะ!? คนที่ทำอย่างนั้นต้องเป็นประธานอยู่แล้ว! ดิฉันตรวจเช็กทุกอย่างก่อนล็อคประตูค่ะ!”
พลอยปฎิเสธเสียงแข็ง ตามที่ว่า พลอยเช็กทุกอย่างเรียบร้อยทุกครั้ง งั้นคนที่จะพลาดก็มีแต่ผมเท่านั้นแหละ แต่แหม…ไม่ค่อยอยากยอมรับเท่าไหร่เลยแฮะ
“เอ่อ ประธาน พี่พลอยครับ…”
เรย์ชี้นิ้วไปหาสไปรท์
“…ผมว่าสไปรท์ร้องไห้อยู่นะครับ”
ผมกับพลอยหันขวับ
สไปรท์ก้มหน้านิ่งพร้อมหยาดน้ำตาใสๆที่ร่วงลงพื้นทีละเม็ดๆ…
“ฮะ…ฮึก…!”
โดยที่มีพี่ต้นกับดิวทำสีหน้าลำบากใจมองมาที่พวกผม
“น้องประธานกับน้องพลอยรีบขอโทษน้องสไปรท์เถอะ…”
“…ฉันผิดหวัง”
“จิ๊บ!”
ส่วนเอ็งไม่ต้องมาผสมโรงเลยนะไอ้ลูกเจี๊ยบ
เฮ้อ…จะบ้าตาย
“…สไปรท์”
“แง…”
“หยุดร้องได้แล้วน่า ฉันขอโทษ พลอย เธอก็ต้องขอโทษด้วย”
“ค่ะๆ …ขอโทษนะคะน้องสไปรท์”
สไปรท์เช็ดน้ำตา แต่ยังก้มหน้า
“…ฟังนะ จะโกรธอะไรฉันก็เชิญ ฉันผิดเอง แต่ตอนนี้ช่วยฉันเรื่องที่คุยกันเมื่อกี้ก่อนได้มั้ย?”
“ยังงี้เองสินะ…”
อยู่ๆก็พึมพำอะไรไม่รู้
สติสตังไปหมดแล้วเรอะ?
“เฮ้ย สไปรท์ ได้ยินมั้ยเนี่ย?”
เธอไม่ตอบคำถาม ก่อนจะเงยหน้ากำหมัดแน่นทั้งที่ยังมีคราบน้ำตา
“การรับน้องคือการเอาความแค้นที่เคยโดนไปลงกับรุ่นน้องเองสินะ! ยังงี้นี่เอง! หนูเข้าใจแล้วว!!!”
ไม่ๆ หล่อนไม่ได้เข้าใจบ้าอะไรทั้งนั้นแหละ แล้วผมพึ่งเตือนเรย์ไปหยกๆว่าอย่าไปแตะประเด็นนั้นไงเล่า
สไปรท์ชี้หน้าเรย์
“เลย์ต้องโดนพวกเค้ารับน้อง! ไม่อนุญาตให้ปฎิเสธด้วย!!!”
“หา!? ประธานก็พูดอะไรสักอย่างสิครับ!”
“พี่คริสโตเฟอร์! หนูจะยกโทษให้ถ้าพี่ยอมให้หนูเป็นคนคิดว่าจะรับน้องเลย์ยังไง!”
กะทำงั้นอยู่แล้ว ยังไงที่ต้องการก็คืออยากให้พี่ต้นกับเรย์สนิทกัน ดังนั้นวิธีรับน้องของสไปรท์ที่คิดขึ้นมาด้วยสมองอันน้อยนิด ต้องเป็นไปได้ด้วยดีแน่
ผมตบไหล่เรย์
“เอาน่ะ ใช้เวลาแป๊บเดียวเท่านั้นแหละ ถือซะว่าช่วยๆฉันหน่อยแล้วกัน”
“ทำไมผมถึงได้กลายมาเป็นเครื่องมือขออภัยโทษของประธานล่ะครับ!?”
“เอาน่ะ สไปรท์มันจะคิดได้เท่าไหร่กันเชียว อาจจะสนุกกว่าที่คิดก็ได้”
“จะ ‘เอาน่ะ เอาน่ะ’ อีกกี่รอบครับเนี่ย!?”
ไม่เถียงให้เสียเวลาหรอก ขอมัดมือชกทั้งแบบนี้เลยแล้วกัน เรย์ปฎิเสธคำขอของสไปรท์ไม่ค่อยจะได้อยู่แล้วด้วย คิดว่านะ
โอ้ สไปรท์ก็ดูจะร่าเริงขึ้นอีกต่างหาก
ผมกอดอก ไม่มีสมาชิกสภาคนไหนคัดค้าน ผมจึงถือว่าเอาตามที่สไปรท์ว่าได้เลย
“แล้วจะรับน้องเรย์ยังไง?”
“นั่นสิเนอะ งืม…จะให้ขังไว้เหมือนที่หนูเคยโดนก็ง่ายไป…”
“…”
เรย์มองด้วยสีหน้านิ่งๆ อารมณ์แบบ…จะทำบ้าอะไรก็ทำเถอะ มาถึงขนาดนี้แล้ว
“อ๋อ! เอาเป็นตอบคำถามดีกว่า!”
“““ตอบคำถามเหรอ?/ค่ะ?”””
ผม พลอย และก็เรย์ฉงน
สไปรท์ยกมือ
“ให้สภานักเรียนทุกคนถามคำถามเลย์! แน่นอนว่าเลย์ห้ามโกหกด้วย! ทีนี้นะ ถ้าฝั่งสภาได้ยินคำตอบแล้วคิดว่าเลย์ไม่เหมาะเข้าสภาก็ให้ลงคะแนน สมมุติฝั่งที่ไม่อยากให้เลย์เข้าสภามีมากกว่า! ก็ไล่เลย์ออกไปเลย!”
“ประธานโอเคจริงๆเหรอครับ…”
เรย์จะกังวลก็ไม่แปลก พึ่งจะได้เข้าสภาหมาดๆ ยังต้องมาตอบคำถามบ้าบอเพื่อคงสภาพการเป็นสภานักเรียนของตัวเองซะงั้น
“นี่สไปรท์ …คือฉันฟังแล้วไม่เห็นเหมือนรับน้องตรงไหน เหมือนสัมภาษณ์ก่อนเข้างานมากกว่า”
“หนูเป็นคิดหัวข้อนะ! พี่คริสโตเฟอร์! ไม่งั้นหนูไม่ยกโทษให้หรอกนะ!”
“ตามนั้นนะเรย์ ตอบอะไรก็คิดดีๆก่อนล่ะ”
“ไอ้คุณประธานว้อย!!!”
“เอาน่ะๆ”
“ถ้าประธานพูดเอาน่ะอีกทีผมชกจริงๆนะครับ!”
…แม้จะไม่คล้ายกับการรับน้องแบบที่หลายๆคนเข้าใจ แต่เป้าหมายหลักๆของผมก็คือให้พี่ต้นกับเรย์สนิทกัน เพราะงั้นการตอบคำถามของสภานักเรียนทีละคนแบบนี้ ยังไงพี่ต้นก็ต้องได้ถามคำถามเรย์
ทั้งสองคนอาจจะเปิดใจกันจากเรื่องนี้ก็ได้
ถึงจะแอบกังวลนิดหน่อยตรงที่จำนวนคนในสภาตอนนี้เป็นเลขคี่นี่แหละ ผมรับปากไปแล้วว่าจะเอาตามที่สไปรท์ว่า เพราะงั้นถ้าบังเอิญมีใครทะลึ่งให้เรย์ไม่ผ่านขึ้นมาล่ะก็ เรย์อาจจะได้กลับไปช่วยงานที่บ้านเอาในพริบตาเลย…
ผมกับพลอยไม่น่ามีปัญหา ส่วนดิวที่เหมือนจะไม่มีปัญหา แต่จริงๆแล้วก็เดาได้ยากว่าจะออกมาทิศทางไหน
สไปรท์ยิ่งแล้วใหญ่ ก่อนหน้านี้ยังเคยพูดเลยว่ากลัวเรย์แย่งงาน เกิดนึกครึ้มให้เรย์ไม่ผ่านขึ้นมาก็มีความเป็นไปได้
ส่วนพี่ต้นนี่ก็…โนไอเดีย คงต้องเชื่อใจพี่ต้นนั่นแหละ
“ใครจะเป็นคนแรกดีคะ?”
พลอยถาม ขณะที่พวกผมทั้งห้าคนยืนห่างออกมาจากโซฟา โดยที่ตรงโซฟามีเรย์นั่งรออยู่
“จิ๊บ!”
“…เจี๊ยบบอกว่าขอคนแรก”
“แกมันไม่ใช่คนด้วยซ้ำ แล้วแกก็ไม่ใช่สภานักเรียนด้วย แต่ไหนๆก็พูดขึ้นมาแล้ว ดิว เธอไปก่อนเลยแล้วกัน”
“…อือ”
ดิวตอบสั้นๆพร้อมเดินไป และการถามคำถามของดิวก็เริ่มขึ้น
“เฮ้อ…จะถามอะไรก็รีบๆถามมาเถอะครับ พี่ดิว”
“…”
“พี่ดิว?”
“ง่ำๆ”
“ประธานค้าบ พี่ดิวกินขนมไม่หยุดเลยค้าบ”
ผมรุดเข้าไปกระซิบดิวจากด้านหลัง
“อย่าบอกนะว่านึกไม่ออกว่าจะถามอะไร?”
“…เจี๊ยบยังนึกไม่ออกน่ะ”
“แล้วใครใช้ให้ไอ้ลูกเจี๊ยบนี่เป็นคนถามกันหา!? เธอนั่นแหละต้องถาม!!!”
เจี๊ยบโบกปีกส่ายศีรษะ ไม่ต้องมาตำหนิตูด้วยท่าทางเลยนะไอ้ลูกเจี๊ยบ
ดิววางถุงขนมลง ผมถอยออกมาให้ห่าง
“…ชาบูหรือหมูกระทะ”
“หะ…ครับ? นั่นคำถามเหรอครับ?”
“…ใช่”
คำถามแบบนั้นจะไปบอกอะไรได้กันเล่า เอ๊ะ? หรือดิวแค่ถามไปอย่างนั้น แต่จริงๆแล้วต่อให้เรย์จะตอบอะไรก็ให้ผ่านงั้นสินะ?
โอ้ งี้ก็สบายแล้วสิ ผมกับพลอยให้เรย์ผ่านอยู่แล้ว รวมดิวเข้าไปด้วยก็เป็นเสียงส่วนมาก แสดงว่าเรย์ไม่มีทางหลุดจากการเป็นสภานักเรียนแน่นอน
ขณะกำลังวางใจนั่นแหละ…
“เอ่อ…ถ้าหมายถึงบุฟเฟ่ต์ ผมไม่ชอบสักอย่างเลยครับ”
“…คริสโตเฟอร์ เรย์ไม่ผ่าน”
“เดี๋ยวก๊อนนน!!!”
ผมจับไหล่ดิวและกระชากไปมาจนเส้นผมขาวเนียนปลิวสะบัด
“ทำไมถึงไม่ผ่านกันหา!?”
“…ฉันต่อให้สุดๆแล้วนะ”
“หมายความว่าไง!?”
“…จะชอบชาบูหรือหมูกระทะ ฉันก็ให้ผ่านหมด …ไม่คิดเลยว่าจะไม่ชอบกินบุฟเฟ่ต์”
ถึงตรงนั้นเรย์ก็ยกมือ
“เอ่อ…ถ้าไม่ได้หมายถึงบุฟเฟ่ต์ ผมชอบชาบูมากกว่าครับ”
“…ไม่ได้ พี่หมายถึงบุฟเฟ่ต์ทั้งสองอย่าง”
“งั้นก็ไม่ชอบสักอย่างครับ”
“…นั่นแหละคริสโตเฟอร์ ฉันไม่ให้ผ่าน”
คนนึงก็ดื้อชิบ*าย อีกคนก็มาเซนซิทีฟกับเรื่องบ้าอะไรไม่รู้
คราวนี้ผมกระชากเรย์
“ชอบชาบูไม่ใช่เรอะ!? ถ้าเป็นบุฟเฟ่ต์จะไม่ชอบนี่มันหมายฟายว่ายังไงหา!?”
“บุฟเฟ่ต์มันเป็นการออกแบบร้านที่ส่งเสริมให้ลูกค้าเข้ามากินแบบไม่รู้รสชาติ สนแค่ปริมาณ คิดว่าอย่างผมที่เป็นลูกเจ้าของร้านอาหารจะเห็นดีเห็นงามกับของแบบนั้นจริงเหรอครับ?”
“ที่พูดมันก็มีเหตุผล! แต่ว่า…!?”
“ไม่ตงไม่แต่อะไรทั้งนั้นแหละครับ สไปรท์บอกว่าห้ามโกหก ผมก็กำลังทำแบบนั้น หรือประธานอยากให้ผมโกหกล่ะครับ? ถ้างั้นจะมีการตอบคำถามขึ้นมาทำไม? หือ? หือ? ตอบมาสิครับ?”
มันเล่นเถียงจนพูดไม่ออก
เจ็บใจชะมัด!
ดิวพูดเสริม
“…ไม่ใช่แค่ไม่ให้ผ่าน แต่ฉันคงเข้ากับเรย์ไม่ได้ด้วย …คนที่เกลียดบุฟเฟ่ต์มีแต่คนไม่ดี”
“แนวคิดบ้านไหนกันเนี่ย!? ไม่เห็นจะเข้าใจ!”
เรย์หลับตาพยักหน้า
“อืมๆ ผมก็คิดคล้ายๆพี่ดิวครับ พวกชอบกินบุฟเฟ่ต์มีแต่พวกไม่เข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของอาหาร ถ้าพูดแบบพี่ดิวก็คือพวกคนไม่ดีนั่นแหละ”
“ดื้อว่ะ!”
อีกอย่าง ยัยนี่เป็นผีปอบนะเฮ้ย หยวนๆให้สักหน่อยไม่ได้หรือไง!?
ถึงตรงนั้น สไปรท์ก็เข้ามาดึงแขนผมพาลากกลับไปที่เดิม
“เอ้าๆ หนูดูมาพอแล้วพี่คริสโตเฟอร์ พอแค่นั้นแหละ พี่ดิวจะตัดสินยังไงก็เป็นเรื่องของพี่เขา พี่คริสโตเฟอร์ไม่ต้องจุ้นจ้านหรอก พี่คริสโตเฟอร์ก็มีหนึ่งเสียงเหมือนพี่ดิวนั่นแหละ”
“ดะ เดี๋ยว!”
“ไม่เดี๋ยวแล้วค่า ถ้าพี่คริสโตเฟอร์เข้าไปจุ้นอีกทั้งๆที่ยังไม่ถึงคิวตัวเอง หนูไม่ยอมจริงๆด้วย”
เริ่มจะคิดแล้วว่าวิธีรับน้องของสไปรท์มันดีจริงๆหรือ …ถ้านับแค่ประเด็นที่ให้พี่ต้นกับเรย์สนิทกันก็ถือว่าดีเยี่ยม…
…แต่แบบนี้ผมต้องมาปวดกบาลว่าเรย์จะโดนเด้งออกสภาแทนรึเปล่านี่สิ เกิดเสียงส่วนมากให้เรย์ออกขึ้นมา และผมก็เป็นคนยอมรับวิธีรับน้องนี้แต่แรก เท่ากับผมไม่มีสิทธิ์คัดค้านเลย
บรรลัยแล้วไง เริ่มจะเครียดแล้วสิ
“ต่อไปใครดีคะ?”
ทำไมยัยพลอยถึงไม่สะทกสะท้านเลยล่ะเนี่ย นั่นเรย์เลยนะเฮ้ย? คนที่ทำงานได้สุดยอดสุดๆเลยนะ!? จวนเจียนจะโดนเด้งแบบนี้ก็ต้องวิตกสักหน่อยไม่ใช่หรือไ…
ผมกระซิบพลอย
“ที่เธอไม่กังวล อย่าบอกนะว่าคิดว่าฉันมีแผนอะไรสักอย่าง?”
พลอยได้ยินดังนั้นก็ยิ้มร่า
“ใช่แล้วค่ะ อย่างประธานต้องมีแผนอะไรสักอย่างค่ะ ประธานคงไม่ปล่อยให้เด็กที่หมายตามีโอกาสโดนไล่ออกด้วยวิธีการไม่แน่นอนแบบนี้แน่ค่ะ!”
“…”
พอผมเงียบ พลอยก็หน้าซีด
“อย่าบอกนะคะ…ว่าไม่มีแผน”
“เอาจริงฉันไม่คิดว่าจะมีคนไม่ให้ผ่านน่ะ…ถึงจะมี ก็คิดว่าไม่เกินครึ่ง”
“ถ้างั้นก็แย่แล้วค่ะ…เสียงของดิฉันกับประธานไม่ต้องห่วง แต่ของดิวก็เหลวไปแล้ว คงต้องให้พี่ต้นไม่ก็น้องสไปรท์ให้ผ่านสักคนนั่นแหละค่ะ”
ฟังดูไม่แน่นอนสุดๆ นี่เราหลงมาใช้วิธีไม่มีหลักประกันแบบนี้เพราะอยากให้พี่ต้นกับเรย์สนิทกันงั้นเรอะ? รู้สึกได้ไม่คุ้มเสีย…ไม่สิ เป็นการลงทุนแบบมีความเสี่ยงโคตรๆมากกว่า
“งั้นคนต่อไปเป็นดิฉันก่อนแล้วกันค่ะ อย่างน้อยก็ยังช่วยดึงกระแสเกมกลับมาเป็นของพวกเราได้บ้าง”
กลายเป็นเหมือนแบ่งฝั่งเป็นผมกับพลอยสู้กับอีกสามคนไปซะได้…
เคสที่ 35 สมาชิกใหม่ /มีต่อ