สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 67 เคสที่ 34 recruit (2)
…อาหารญี่ปุ๊นญี่ปุ่นตั้งเต็มโต๊ะ
ถึงจะบอกจ่ายเองก็เถอะ แต่ยกมาเสิร์ฟเยอะไปไหนเนี่ย? บอกว่าขอแพงที่สุดไม่ใช่ขอเยอะที่สุดสักหน่อย
“หย่อยๆ”
สไปรท์คีบนั่นคีบนี่กินไปเรื่อย
ผมไม่ได้หิวเป็นพิเศษ จึงนั่งรอเรย์เงียบๆอยู่แบบนั้น
“ไม่ต้องบอกที่บ้านเหรอว่าวันนี้ไม่กลับไปกินข้าว?”
“ทำไมพี่คริสโตเฟอร์รู้เรื่องระบบจัดการของครอบครัวหนูด้วยอะ?”
“แค่คิดว่าเด็กวัยประมาณเธอ น่าจะยังต้องฝากท้องไว้กับที่บ้านน่ะ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับไปกินอีกรอบก็ได้ อย่าลืมไปส่งหนูด้วยล่ะ กลับบ้านคนเดียวอันตราย งืมๆ หย่อยๆ”
กินจุชะมัด ถึงจะไม่ได้เสี้ยวของดิวก็เถอะ
รอสักพัก เรย์ในชุดลำลองพร้อมผ้ากันเปื้อนก็เดินออกมาจากหลังร้าน
“ประธาน!? สไปรท์!?”
“โอ้”
“หวาดดีเลย์!”
พวกผมทักทายเรย์ที่ทำหน้าประหลาดใจ
เรย์หันไปมองเจ้าของร้านด้วยแววตาทำตัวไม่ถูก
“คุยกับเพื่อนแกไปเถอะ วันนี้ไม่ค่อยมีลูกค้า …ที่จริงเพื่อนแกคือลูกค้าเจ้าใหญ่ของวันนี้เลยล่ะ”
“ลูกค้าเจ้าใหญ่ โห…! พึ่งเห็น! พวกประธานไปหิวมาจากไหนครับเนี่ย!?”
ว่าแล้วเรย์ก็ย้ายมานั่งที่โต๊ะ
ผมปัดมือ
“ฉันบอกพ่อนายว่าขอเมนูที่แพงที่สุด”
“งะ งั้นเหรอครับ…ถึงงั้นก็เยอะไปรึเปล่า…”
พูดถึงตรงนั้นสไปรท์ก็กอดอก
“ไม่ต้องห่วงๆ ถ้ากินไม่หมดเดี๋ยวห่อกลับบ้านก็ได้”
และก็ตี๊ต่างไปเองว่าถึงแม้ผมจะเป็นคนจ่ายก็ไม่คิดจะเอากลับบ้าน เลยอาสาจะเอากลับเอง แต่ก็ตามนั้นแหละ
“ส่วนใหญ่ร้านผมไม่ค่อยมีลูกค้าเป็นนักเรียนจากจิตตฯ แสดงว่าพวกประธานแอบตามผมมาเหรอครับ?”
ก็มองเป็นแบบนั้นได้อยู่ล่ะนะ แต่นั่นก็แค่การมองจากภายนอก เพราะงั้นจะแถแค่ไหนก็ทำได้ตามสะดวก
ขณะผมกำลังคิดว่าจะโกหกแบบไหนนั่นเอง…
“เอ๊อะ!? แย่แล้วพี่คริสโตเฟอร์! ความแตกแล้วงะ!”
“ก็แตกเพราะเธอนั่นแหละ!!!”
เรย์กุมขมับ
“เฮ้อ ผมบอกแล้วนี่ครับว่าไม่เหมาะกับสภานักเรียน ถึงขนาดต้องมาตื้อถึงที่บ้านเลยเหรอครับ…”
“ไม่อยากเสียบุคลากรชั้นเยี่ยมไปโดยที่ยังไม่พยายามน่ะ”
“ขอบคุณที่ชมครับ แต่ก็อย่างที่บอก คิดว่าผมคงไม่เหมาะกับสภานักเรียนน่ะครับ …ที่อยู่ชมรมกลับบ้านก็เพราะต้องมาช่วยพ่อขายของแบบนี้แหละครับ เห็นแล้วใช่มั้ยล่ะครับ? อายุตั้งปูนนั้นขืนปล่อยให้ทำคนเดียว เกิดล้มป่วยเข้าโรงพยาบาลขึ้นมาก็แย่กันพอดี”
พ่อของเรย์ที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ก็แทรกขึ้นมา
“ได้ยินนะ”
“ก็พูดให้ได้ยินนี่แหละ! บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้จ้างคนเพิ่มน่ะ! ถึงผมจะช่วยก็ไม่พอหรอกนะพ่อ!”
“ทำไมต้องจ่ายเงินจ้างให้คนมาช่วยงานด้วย! ถ้าบริหารร้านด้วยตัวเองยังไม่ได้ ก็ปิดร้านไปดีกว่า!”
“ถ้าปิดแล้วจะเอาอะไรแ*กล่ะพ่อ!”
…ไม่อยากฟังพ่อลูกเถียงกันเลยแฮะ แต่มองอีกมุมนึงก็นับว่าเป็นคู่พ่อลูกที่สนิทกันดี
เรยถอนหายใจเฮือกใหญ่
“นั่นแหละครับ ถึงที่เห็นวันนี้จะไม่ค่อยมีลูกค้า แต่บางวันก็แห่เข้ามาอย่างกับอะไรดี คงเพราะร้านเคยโดนอินฟูไปรีวิวในต๊อกติ๊กล่ะมั้ง…”
“เป็นการโปรโมทร้านที่ดีนะ ไม่ต้องจ่ายเงินด้วย”
“ครับ เดี๋ยว…ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้นสักหน่อย! ประธานอย่าเปลี่ยนเรื่องสิครับ!”
สไปรท์แทรกมาว่า
“ตกลงคือไง? เลย์จะเข้าหรือไม่เข้าสภาอะ?”
“เธอไม่อยากให้ฉันเข้าอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ที่ว่ากลัวตกงานอะไรนั่น?”
“อืม…ถึงจะกลัวเลย์แย่งงานก็เถอะ แต่เค้าก็อยากให้เลย์เข้าสภานักเรียนงะ …พี่คริสโตเฟอร์ ทำไมหัวหนูมันหมุนติ้วงี้อะ?”
ไม่นึกเลยว่าอย่างสไปรท์จะกังวลเรื่องแบบนี้ด้วย เข้าใจได้อยู่ล่ะนะ ใจหนึ่งก็อยากมีเพื่อนรุ่นเดียวกัน อีกใจก็กลัวจะโดนไล่ออก…
เห็นอย่างนี้ คงต้องบอกไปตามตรง ว่าที่จะไล่ออกอะไรนั่น เราก็แค่พูดไปงั้นเอง
แต่ขณะที่กำลังจะอ้าปาก
“เฮ้ย!? พ่อ! ทำไมเอาปลาดิบมาเสิร์ฟเนี่ย!?”
หือ? เอ๊ะ? เอ๊ะ? เกิดอะไรขึ้น?
“อ้าว? เข้าร้านซูชิก็ต้องอยากกินปลาดิบไม่ใช่รึ? อีกอย่างถึงจะบอกว่าเป็นร้านซูชิ แต่ร้านเราก็มีของอย่างอื่นอีกมากมาย…”
“ใช่เวลาขายมั้ยหะ!? สไปรท์เธอแพ้ปลาดิบนะพ่อ!”
เมื่อเรย์ตะโกนแบบนั้น
ผมก็สังเกตว่าหน้าสไปรท์ซีดอย่างเห็นได้ชัด
“อื๋อ? เค้าแพ้ปลาดิบด้วยเหยอ…”
“ใช่เหรอเรย์? เจ้าตัวยังไม่รู้เลยนะ?”
“ผมเคยเห็นในใบรับรองแพทย์ของสไปรท์น่ะครับ! แน่ใจสุดๆเลยว่าเธอแพ้ปลาดิบ!”
“ไม่รู้หรอกนะว่าสไปรท์ป่วยได้ด้วย แต่นายไปเห็นใบรับรองแพทย์ของสไปรท์ได้ไง?”
“เทอมก่อน เธอเอามาพับเป็นจรวดแล้วมาตกที่โต๊ะผมน่ะครับ”
…เล่นอะไรเป็นเด็กประถมไปได้ แล้วยัยนี่เคยป่วยเข้าโรงบาลจนได้ใบรับรองแพทย์มาด้วยรึ ผมไม่เห็นจะรู้เรื่อง
สไปรท์คอโอนเอน
“หัวหมุนติ้ว ติ้ว…เลย”
ก่อนที่จะทิ้งหน้าลงกับโต๊ะเสียงดัง
““สไปรท์!!!””
จากนั้นก็วุ่นวายยกใหญ่
ผมกับเรย์ช่วยกันอุ้มสไปรท์มานอนหลังร้าน ส่วนเรย์ก็รีบร้อนวิ่งไปร้านขายยาใกล้ๆซื้อยาแก้แพ้มาให้
พูดก็พูดเถอะ เสือสมิงบ้านไหนกินปลาดิบไม่ได้กันล่ะเนี่ย…
เรย์ส่งยาให้
“เอ้า นี่น้ำ รีบกินได้แล้ว”
“เค้ากินยาเม็ดไม่ได้อะ”
“ว้อยยย!!!”
ถึงจะบ่น แต่เรย์ก็บดยาเม็ดให้เป็นผงก่อนเอาผสมน้ำแดงให้สไปรท์กิน
…ให้ตาย มองแล้วอย่างกับเลี้ยงเด็ก
เมื่อให้สไปรท์กินยาแก้แพ้ อาการเธอก็ดีขึ้น
“สดชื่นเหมือนเกิดใหม่!!!”
“ดีแล้วล่ะ”
“ขอบคุณนะเลย์!”
“อือ…”
เรย์เกาแก้มตอบสั้นๆ โดนสีหน้ายิ้มแย้มของสไปรท์ที่ผมเห็นทีไรอยากกระโดดเตะทุกทีแล้วเขินเหรอนั่น?
“เกือบลืมแน่ะ เรย์”
ผมเอ่ย เรย์หันมาทางผม
“ว่าไงครับ?”
“ก่อนหน้านี้ฉันเห็นนายเข้าไปร้านสะดวกซื้อ นายซื้ออะไร?”
“บุหรี่ไงครับ?”
“…”
“เอ๊ะ? ทำไมประธานทำหน้าแบบนั้นครับเนี่ย? …อ๋อ…ผมไม่ได้สูบเองสักหน่อย พ่อผมฝากซื้อน่ะครับ ผมก็บ่นไม่รู้จะบ่นยังไงว่ามันทั้งเปลืองเงินทั้งเสียสุขภาพ แต่ก็ไม่พ้นจะโดนฝากซื้อทุกเย็นอยู่ดี”
“อะ อ๋อ…งี้เอง”
ไอ้เราก็นึกว่าสูบเองซะอีก…
“ประธานคิดว่าผมซื้อมาสูบเหรอครับ?”
“ประมาณนั้น”
“เห็นพ่อไอค่อกไอแค่กอยู่ทุกวัน คิดว่าผมจะกล้าสูบเหรอครับ ฮะฮะ ขอบายดีกว่า”
อย่างน้อยอิทธิพลจากผู้ปกครองก็ไม่ได้มีผลต่อเด็กในทางตรงเสียทีเดียว นับว่าเป็นเรื่องดีล่ะนะ ถ้าอายุแค่นี้เริ่มสูบบุหรี่ขึ้นมา ผมคงต้องตักเตือนยกใหญ่แน่นอน
ผมพยักหน้าพึงพอใจ
ส่วนสไปรท์ก็พยักหน้าเช่นกัน
“เค้าละภูมิใจในตัวเลย์จริ๊งจริง”
“ระ เหรอ…”
“เอาตังค์ซื้อบุหรี่ไปซื้อเกมดีกว่า! เลย์ก็ทำแบบนั้นใช่มั้ยล้า!”
ผมกับเรย์เอือมกับท่าที ก่อนจะลงความเห็นกันเงียบๆสองคนว่า ‘เออ อยากคิดแบบนั้นก็คิดไปเห๊อะ’
“เอ่อ…ประธานครับ”
“หืม?”
“คือ…ขอบคุณที่พยายามมาชวนนะครับ แต่ก็อย่างที่เห็น ผมคงทำงานสภาได้ไม่ดีเท่าที่ประธานหวังน่ะครับ ถ้าต้องอยู่โรงเรียนจนถึงหมดเวลาชมรม ผมกลัวว่าจะช่วยงานที่บ้านไม่ทัน…”
ผมเหลือบมองออกไปนอกร้าน
ดูเหมือนลูกค้าจะมากันเยอะเลยนะนั่น?
“เดี๋ยวผมต้องไปช่วยงานแล้ว สไปรท์? โอเคแล้วใช่มั้ย?”
“เคโอ!”
“งั้นขอตัวก่อนนะครับ ประธาน กลับบ้านดีๆนะครับ สไปรท์ก็เหมือนกัน”
เรย์ยกมือไหว้ ก่อนที่เขาจะออกไปช่วยงานหน้าร้านและพวกผมต้องแยกย้ายกันกลับ ผมก็รั้งเรย์ไว้ก่อน
“เรย์ ฉันรู้เหตุผลที่นายไม่อยากเข้าสภา และก็ไม่คิดจะตื้อมากกว่านี้แล้วด้วย แต่ว่า…ถ้านึกเปลี่ยนใจขึ้นมา ฉันทิ้งใบสมัครไว้ตรงนี้นะ”
“ฮะฮะ ขนาดไม่ตื้อนะครับเนี่ย”
“อืม โชคดีล่ะ ถึงจะไม่ได้เข้าสภา แต่เจอที่โรงเรียนก็ทักทายกันบ้างล่ะ”
“ครับ…”
พวกผมเดินผ่านเรย์ออกมา สังเกตว่าเรย์เหลือบไปมองใบสมัครด้วยสีหน้าคิดไม่ตก…
+ +
“เพื่อนแกกลับไปแล้วรึ?”
“ครับ”
ผมออกมาช่วยงานพ่อตามปกติ เมื่อครู่ประธานกับสไปรท์กลับไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงใบสมัครเข้าสภาที่ผมคงไม่มีวันได้เขียนอยู่หลังร้าน
“แล่ปลาหน่อย”
“ครับๆ”
ส่วนใหญ่การช่วยงานของผมก็ประมาณนี้แหละ ช่วงที่ลูกค้าล้นมือ ผมจะเป็นคนช่วยจัดการเมนูที่ทำง่ายๆ และการแล่ปลาไม่ว่าจะชนิดไหน ผมก็เชี่ยวชาญมาตั้งแต่เด็ก
“ฉันแอบได้ยินที่แกคุยกับเพื่อน”
“แอบฟังมันไม่ดีนะพ่อ”
“พวกแกคุยกันเสียงดังเอง …สภานักเรียนงั้นรึ…ไม่ลองสักหน่อยหรือไง?”
“สภานักเรียนเป็นชมรม กว่าจะเลิกชมรมก็ตั้งหกโมง ผมจะมาช่วยพ่อไม่ทันน่ะสิ”
ผมตอบไปแบบนั้น ระหว่างสายตายังมองที่เขียงกับมีด
“ไม่เห็นเป็นไร แกจะเอาชีวิตวัยรุ่นทั้งหมดมาลงกับร้านฉันหรือไง? วัยอย่างแกก็หัดหาอะไรทำให้มันสมวัยหน่อย”
“ได้ที่ไหนล่ะพ่อ พ่อดูแลร้านคนเดียวไหวเหรอ?”
ผมพูดถึงตรงนั้น พ่อก็กอดอก
“แกจะมาห่วงอะไรฉัน? ชีวิตของแก อยากทำอะไรก็ทำสิ”
“ชีวิตผมก็พ่อเลี้ยงมานี่ ตอบแทนบุญคุณสักหน่อยจะเป็นไรไป…”
ปึง!
มีดสับลงเขียงด้านหน้าเสียงดัง จนลูกค้าหันมามอง
“พ่อ ทำไรเนี่ย?”
“ไม่ต้องมาตอบแทนบุญคุณฉัน ฉันเลี้ยงแกเพราะอยากเลี้ยง ไม่ได้หวังให้ตอบแทน”
“พ่อ…”
“ร้านฉันก็เปิดของฉันเอง คิดว่าตอนเริ่มเปิด ฉันหวังให้แกมาช่วยงานหรือไงกัน?”
จากนั้นพ่อก็ยกจานอาหารเตรียมไปเสิร์ฟลูกค้า แล้วก็หันมาพูดทิ้งท้าย
“เข้าใจนะ? แกตัดสินใจเองแล้วกัน”
+ +
วันต่อมา
ช่วงเย็น เวลาชมรม
พลอยเอ่ยด้วยเสียงเรียบๆตามเคย
“เป็นไงบ้างคะ? เมื่อวานไปหาน้องเรย์นี่คะ?”
“อ่า ไม่เหมือนที่หวังเท่าไหร่ หมอนั่นต้องช่วยงานที่บ้านน่ะ จะเอาเวลามาทำงานสภาก็ไม่สะดวก”
“อืม…เข้าใจเลยค่ะ แต่น่าเสียดาย พึ่งเคยเห็นประธานอยากได้นักเรียนคนอื่นมาเข้าสภาแบบนี้”
ผมเท้าโต๊ะ
“หมอนั่นน่ะ นิสัยดี ทำงานก็ดี ที่เคยเล่าไง? เคสที่เจอผีลักซ่อน”
“รู้แล้วล่ะค่า ถ้าไม่ได้น้องเรย์ เคสก็คงไม่จบลงด้วยดีใช่มั้ยล่ะคะ?”
“อ่า …แต่ทำไงได้ล่ะนะ ปัญหาที่บ้าน ฉันเข้าไปยุ่งไม่ได้ ยิ่งจะไปคะยั้นคะยอให้เข้าสภาก็ยิ่งแล้วใหญ่ ทำได้แค่ปลงไปนั่นแหละ”
ที่หวังไว้เสียหมดเลย เรย์หนอเรย์ อยากได้จริงๆนะเนี่ย…
“พูดอย่างกับตกหลุมรักน้องเขาเลยนะคะนั่น?”
“ฉันไม่สนผีไทยในเชิงนั้นหรอก”
“ค่ะๆ”
ไม่ใช่หมายถึงว่าผมรังเกียจการรักร่วมเพศหรอกนะ แค่ผมไม่สนผีไทยในด้านนั้นเฉยๆ เพราะอย่างผมถ้าจะรักใครสักคน เรื่องเพศก็เป็นเรื่องรอง …ซาตานนี่นะ
และถ้าจะให้สนจริงๆ ผมว่า…
“ทำไมมองดิฉันแบบนั้นล่ะคะ?”
ผมส่ายศีรษะ
“เปล่าๆ …คือฉันไม่อยากให้บุคลากรชั้นดีหลุดมือ ลูกน้องมีประสิทธิภาพแบบนั้น ไม่ได้หาได้ง่ายๆซะด้วย คิดดูสิ…เคสที่ผ่านก็เจอนักเรียนมาตั้งหลายคน แต่ก็มีแต่พวกบ้าๆบอๆ ไม่เหมาะใช้เป็นลูกน้องเลยสักนิด”
ส่วนใหญ่ก็รับไว้เป็นแค่ลูกเคสก็พอ
พลอยพ่นลมหายใจ
“อย่าไปพูดแบบนั้นให้คนอื่นได้ยินแล้วกันค่ะ แต่เพราะเป็นดิฉันเลยรู้ว่าประธานหมายถึงอะไร”
“เธอนี่ รู้ใจฉันตลอดเลยนะ”
“ก็เป็นรองประธานนี่คะ”
ผมกับพลอยหัวเราะร่า
จังหวะนั้นเองที่มีเสียงเคาะประตู
พลอยเดินไปเปิดประตู และด้านหลังบานประตูก็พบกับเด็กหนุ่มที่มีแผลเป็นตรงคิ้วขวา
“อ้าว? สวัสดีค่ะ น้องเรย์”
“สวัสดีครับรอง เอ่อ…ประธานอยู่รึเปล่าครับ?”
เรย์ถามแบบนั้น ผมยกมือเพื่อแสดงตัว
พร้อมถามไปว่า
“อะไร? มีเรื่องมาขอให้ช่วยเรอะ?”
“เห็นผมทำหน้าเหมือนคนอมทุกข์ขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
“แหม…ลูกเคสที่ผ่านมาก็ไม่ได้ทำหน้าอมทุกข์กันทุกคนสักหน่อย”
แต่ละคนก็หลากอารมณ์ แต่ก็มาขอให้สภานักเรียนช่วยสักเรื่องอยู่ดี
เรย์วางกระดาษแผ่นนึงลงบนโต๊ะของผม
“ผมอยากเข้าสภานักเรียนครับ”
“เห…ไม่ช่วยงานที่บ้านแล้วหรอ?”
ผมแกล้งถาม
เรย์ยิ้มแห้งๆ
“เมื่อวานเปิดใจคุยกับพ่อไปนิดหน่อย …แกพูดประมาณอยากให้ผมไปใช้ชีวิตวัยรุ่นมากกว่าช่วยงานที่ร้านน่ะครับ”
“เป็นพ่อที่ดีนะ”
“อืม ดีสุดๆเลยล่ะครับ ผมเลยว่าอยากลองเข้าสภานักเรียนดู ประธานยังรับอยู่มั้ยครับ?”
ยังรับอยู่มั้ย งั้นเหรอ?
ของแค่นี้ไม่ต้องถามหรอก
ผมหยิบใบสมัครขึ้นมา
“รับสิ ขอบอกไว้ก่อนว่าเข้ามาแล้ว ฉันไม่ให้ออกง่ายๆหรอกนะ เรย์”
“รู้แล้วล่ะครับ… งั้นก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ ประธาน รอง”
พลอยยิ้มร่า
“ค่ะ ฝากตัวด้วยนะคะ น้องเรย์”
ผมกอดอก
“ให้นายไปอยู่ตำแหน่งด้วยกับสไปรท์ก็แล้วกัน ถึงจะยังนึกไม่ออกก็เถอะว่ายัยนั่นอยู่ตำแหน่งอะไร …ว่าแต่ไม่ใช่ว่านายต้องซื้อบุหรี่ไปให้พ่อทุกเย็นหรอกเหรอ?”
เรย์ปัดมือ
“เรื่องเล็กครับ ดีซะอีก อย่างพ่อน่ะ นานๆทีจะออกจากบ้านที ถ้าไม่มีผมคอยซื้อ อาจจะสูบน้อยลงกว่าเดิม ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยล่ะครับ”
“อืมๆ”
ถึงจะตัดใจไปแล้วตอนแรก แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นตามที่หวังไว้แฮะ
เรย์ เด็กที่มีพลังวิญญาณสูงพร้อมด้วยอาคมสายฟ้า แม้จะเป็นเช่นนั้น ตัวเรย์กลับไม่รู้ว่าอาคมนั้นมาจากเชื้อสายของอะไร
เรื่องนั้น…ไว้ผมช่วยหาคำตอบก็ได้
ผมยื่นมือ
“ยินดีต้อนรับสู่สภา เรย์”
“จะพยายามให้ดีที่สุดครับ ประธาน”
จากนี้ สภานักเรียนก็มีสมาชิกเพิ่มอีกหนึ่งคน ปีนี้รวมๆก็เพิ่มมาสองคนแล้วแฮะ เทอมก่อนก็หมิงหมิง เทอมนี้ก็เรย์ …เอาเถอะ คนเยอะยิ่งดี สภาพจะได้ต่างจากตอนผมเริ่มทำสภานักเรียนกับ ‘ยัยนั่น’ ตอนปีที่แล้ว
ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ ยัยนั่น…
สภานักเรียนเริ่มเติบใหญ่ ผมจึงอดคิดถึงประธานคนเก่าขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้
เคสที่ 34 recruit /จบ