สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 65 เคสที่ 33 สาขาย่อย
“เป็นไปได้มั้ยคะว่า ถ้าพี่ที่เป็นสภานักเรียนจะสามารถเปิดชมรมอื่นโดยใช้ชื่อของสภานักเรียน”
พี่น้ำว่าเช่นนั้น ขณะผมกินข้าวกลางวันที่ห้องสภา
ทีแรกก็แปลกใจอยู่หรอก เพราะตามปกติช่วงพักเที่ยงจะไม่ค่อยมีใครมาขอให้ช่วย แต่ครั้งนี้กลับมีเสียงเคาะประตู และพอเปิดมากลับเป็นพี่น้ำเสียนี่
และนั่นคือเรื่องที่กำลังคุยกันอยู่
เปิดชมรมอื่นโดยใช้ชื่อของสภานักเรียน…งั้นเหรอ?
ผมวางช้อนส้อม
“ไม่เข้าใจครับ”
“น้องคริสกินส้มตำไม่ใส่พริกอีกแล้วเหรอ?”
พี่น้ำมองจานข้าวผมพลางว่าแบบนั้น
“พริกมันเผ็ดนี่ครับ ขนาดสั่งไม่ใส่พริก แต่ถ้าไปช้าหน่อยก็เผ็ดอยู่ดี”
เพราะลูกค้าคนก่อนหน้าจะชอบสั่งแบบเผ็ดเข้าเส้น ไม่รู้จะชอบเผ็ดบ้าอะไรขนาดนั้น ลงท้ายกรรมก็เลยตกมาที่ผมที่ต้องรองรับพริกติดครกจากลูกค้าคนก่อน
“เผ็ดเหรอ? พี่ขอชิมหน่อยแล้วกัน”
“อ๊ะ ครับ…เฮ้ย!? เดี๋ยว!”
ผมที่กำลังมองไปทางอื่นรีบหันกลับมาพร้อมยกมือห้าม
พี่น้ำเอียงคอ ช้อนว่างเปล่าในมือ
“อะไรเหรอ? น้องคริส”
“เปล่าครับ แค่…ช่างเถอะ”
พลาดโอกาสสำคัญไปแล้วสินะ ผีไร้หัวอย่างพี่น้ำเขายัดอาหารทางไหนกัน…บ้าจริง ถ้าเมื่อกี้ไม่มองทางอื่นอยู่ล่ะก็…!
ครั้นจะบอกให้พี่เขากินให้ดูอีกคำก็ใช่ที
“แล้ว…ที่พี่บอกเมื่อกี้?”
“เอาตรงๆก็ยังไม่เข้าใจครับ คือ…พี่น้ำอยากเปิดชมรมเหรอครับ?”
“ใช่แล้ว”
“งั้นทำไมถึงต้องเปิดโดยใช้ชื่อสภาด้วยล่ะครับ?”
ถ้าแค่เปิดชมรมเฉยๆ ล่ะก็ แค่ลาออกจากสภาก็พอ สภาก็นับเป็นชมรม ซึ่งตามกฎแล้ว นักเรียนจะสังกัดชมรมมากกว่าหนึ่งไม่ได้ เว้นเสียแต่กรณีพิเศษเฉพาะรายบุคคล
ซึ่งสมาชิกสภานักเรียนรวมถึงผม ไม่มีกรณีพิเศษที่ว่า
“ถ้าพี่น้ำออกจากสภา จากนั้นจะตั้งชมรมอะไรก็ตามสบายเลยครับ แค่รวบรวมสมาชิกกับอาจารย์ที่ปรึกษาให้ครบ…”
“ไม่เอาหรอกค่ะ พี่อยากเปิดชมรมแต่ไม่อยากออกจากสภานักเรียนนี่คะ”
“…อ่า…”
พี่น้ำกอดอกครุ่นคิด
“เหตุผลที่อยากเปิดชมรมโดยใช้ชื่อสภานักเรียนก็นั่นด้วยส่วนนึง แต่ถ้าเป็นสาขาย่อยของสภา ต่อให้เป็นชมรม แต่พี่ก็ไม่ต้องออกจากสภาไม่ใช่เหรอ?”
“คือตอนนี้ต่อให้พี่น้ำจะอยู่หรือไม่อยู่สภา จากความเห็นของผมแล้ว ผมว่าไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกครับ”
“…แค่โดดงานนิดเดียวเอง…”
“ตั้งแต่ขึ้นเทอมสองผมเห็นหน้าพี่อยู่รอบเดียวเองนะครับ?”
ครั้งที่โดนสไปรท์ลากมาเล่าเรื่องผีนั่นแหละ และนั่นก็ไม่ใช่งานสภาด้วย
พี่น้ำตกใจ
“เอ๊ะ!? ตาน้องคริสมองเห็นหน้าพี่ด้วยเหรอ!? ไหนๆ พี่สวยรึเปล่า!? ตั้งแต่เกิดมาพี่ก็ยังไม่เคยเห็นหน้าตัวเองเหมือนกัน!”
“ไม่ได้หมายความแบบนั้นว้อย!!!”
พี่น้ำปัดมือเบาๆพลางหัวเราะ
“คิกคิก รู้แล้วน่า แค่เปรียบเปรยใช่มั้ยล่ะ? พี่ล้อเล่น”
“เฮ้อ…”
“แล้วตกลงพี่เปิดชมรมได้รึเปล่า?”
ผมโดนถามย้ำอีกครั้ง
จึงตอบให้ชัดกว่าเดิม
“ก็ถ้าพี่ออกจากสภาเมื่อไหร่ก็ตามสบายเลยครับ นักเรียนจะควบสองชมรมไม่ได้ …แต่ว่า ผมสงสัยนิดหน่อย ชมรมที่พี่จะเปิดนี่ เป็นชมรมเกี่ยวกับอะไรครับ?”
“เพศศึกษา”
“หะ?”
“อยากเปิดชมรมที่ช่วยเด็กนักเรียนในเรื่องเพศน่ะ”
ผมฟังแล้วกุมขมับก่อนจะถามออกไป
“…พี่น้ำพึ่งไปดูซีรีส์มาสินะครับ…”
รู้สึกจะมีซีรีส์ที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาเชิงนั้นด้วย
พี่น้ำพยักหน้า
“ใช่! หลักสูตรเร่งรั…”
“ไม่ต้องบอกชื่อก็ได้ครับ”
ควรจะด่ายังไงดี เล่นอินซีรีส์จัดจนถึงขั้นจะเปิดชมรมแบบนี้…
ผมผสานมือเป็นเชิงว่ากำลังเข้าโหมดจริงจัง
“ฟังนะครับพี่น้ำ”
“ฟังอยู่ค่ะ”
“จริงอยู่ว่าวิชาเพศศึกษาของประเทศนี้ไม่ค่อยดีเมื่อเทียบกับเจ้าซีรีส์ที่พี่เคยดู …แต่ถ้าให้ผมอนุมัติการเปิดชมรมแบบนั้น ในฐานะที่ผมเป็นประธานนักเรียนของโรงเรียนที่อยู่ในประเทศนี้แล้ว เกรงว่าผมจะทำให้ไม่ได้ครับ”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย? ถ้าช่วยจัดการเรื่องเพศศึกษาได้จริงล่ะก็ เผลอๆเด็กวัยรุ่นที่ท้องก่อนวัยอันควรก็จะลดลงไงคะ”
“ฟังดูดีครับ แต่ว่าไม่ได้”
“ทำไมล่ะ!?”
“ก็เพราะนี่ประเทศไทยไงครับ”
“ไม่เห็นเกี่ยวตรงไหน!”
เกี่ยวสุดๆเลยต่างหาก จะไปเอาอะไรมากกับประเทศที่…เอ่อ เดี๋ยวจะลึกเกินไป เอาเป็นว่าแค่ไม่ได้ก็พอ
ดูเหมือนพี่น้ำจะไม่ยอมง่ายๆ
ผมถอนหายใจ
ต้องพูดให้เด็ดขาดสินะ ไม่สิ…ยกตัวอย่างให้ล้มเลิกไปเอง น่าจะง่ายกว่า
“พี่น้ำมีประสบการณ์ทางเพศมากแค่ไหนครับ?”
“ทะ ทำไมจู่ๆถามแบบนั้นคะเนี่ย?”
พี่น้ำแสดงท่าทีเขินอายพร้อมกอดลำตัวแน่น
“ถ้าพี่คิดจะเปิดชมรมที่ช่วยเหลือเด็กนักเรียนด้านเพศจริงๆล่ะก็ อย่างน้อยตัวพี่ก็ต้องเป็นผู้มากประสบการณ์พอที่จะให้ความรู้หรือแก้ปัญหาให้นักเรียนได้ไม่ใช่หรือไงครับ?”
ผมไม่ให้ความหุนหันพลันแล่น ควันหลงซีรีส์ มาเปิดชมรมและไม่มีปัญญาดูแลหรอกนะ
พี่น้ำหลบหน้า
และพูดเสียงสั่นๆ
“ปะ ประสบการณ์ของพี่น่ะ อย่างน้องคริสฟังแล้วต้องทนไม่ไหวแน่นอน…”
“ขอท้าให้พูดเลย ผมเป็นซาตานน่ะครับ? แค่การร่วมรักของมนุษย์มันจะอะไรขนาดนั้น?”
“…พี่เคย พร้อมกันสามคนด้วย…”
“สามพีเหรอครับ? อ่าๆ แล้วไงต่อ? ถ้าจะช่วยนักเรียน แค่นั้นยังไม่พอหรอกครับ”
“…ปะ ประตูหลัง”
รู้สึกได้ว่าพี่น้ำหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ ถึงจะมองไม่เห็นก็เถอะ
ผมพูดต่อ
“อ่าครับ? เล่นประตูหลัง แล้วไงต่อ?”
พอถามถึงตรงนั้น พี่น้ำก็ทุบโต๊ะแรง
“ต้องให้พี่บอกว่าเคยขา*ตัวก่อนถึงจะหยุดถามไงคะเนี่ย!?”
“จะเปิดชมรมทั้งที อย่างน้อยพี่ก็ต้องมีความรู้ในเรื่องที่ตัวเองจะเปิดหน่อยสิครับ? ถ้าเล่นเอาคนไม่มีประสบการณ์ไปสอนเรื่องเพศชาวบ้านชาวช่อง มันจะไปมีประสิทธิภาพได้ไง?”
“…ฮึ่ม…”
“แล้วถ้าเคยอย่างที่ว่าจริงๆ ทั้งสามพีเอย ประตูหลังเอย พี่น้ำคงไม่แสดงท่าทีเขินอายแบบนั้น ผมจึงสันนิษฐานว่าพี่น้ำไม่เคยมีประสบการณ์แบบที่โม้มาอย่างแน่นอน”
“…รู้ดีจนน่าหงุดหงิดเลยค่ะ”
“ตามนั้น จะหลอกใครก็ดูหน่อยเถอะครับ”
สายเลือดซาตานเลยน้า? แค่มองคำโกหกมันจะไปยากอะไร
พี่น้ำกดหน้าอกตัวเองแน่น
“ที่จริง…พี่ยังบริสุ…”
“ขอไม่รับฟังครับ”
“ทำไมล่ะคะ!?”
“แค่นี้ก็จะติดเรทเกินไปแล้วครับ ขอบอกรอบที่สามว่านี่ประเทศไทย”
“ทนไม่ไหวแล้วค่ะ! ท่าทีอวดดีของน้องคริสนั่นน่ะ! ทำพูดดีไหนลองบอกพี่มาหน่อยซิ! ว่าน้องคริสเคยมีประสบการณ์แบบไหนมาบ้าง! พี่รู้นะว่าเด็กผู้ชายอายุเท่าน้องคริสร้อยล่ะร้อยยี่สิบยังซิงน่ะ!”
…ร้อยละร้อยยี่สิบมันคือบ้าอะไรวะนั่น เปอร์เซ็นต์ติดลบเรอะ?
ผมจ้องพี่น้ำพร้อมถอนหายใจ
“ผมไม่มีหรอกครับ ประสบการณ์นั่น”
“เอ๊ะ?”
“ผมอยู่ไทยมาตั้งหลายปี แล้วก็พูดจนปากจะฉีกแล้วว่าไม่สนผีไทย แล้วคิดว่าอย่างผมจะเคยมีประสบการณ์แบบนั้นได้ไงครับ?”
เมื่อพี่น้ำได้ยินแบบนั้น ก็ผงะไปเล็กน้อย
และคงจะคิดว่า ‘อะไรกัน น้องคริสก็ไม่ต่างกันนี่นา’
พร้อมกับเดินเข้ามาใกล้พร้อมเท้าเก้าอี้ประจำตำแหน่งของผม จนหน้าอกโน้มเข้ามา
“แหมๆ น้องคริสยังไม่เคยเหรอคะ? งั้นให้พี่สอนให้เอามั้ย?”
“ใกล้ไปแล้วครับ”
“เขินเหรอคะ?”
“สมเพชต่างหากครับ ทำไมถึงคิดว่าเพราะผมไม่มีประสบการณ์แล้วจะหลงไปตามจังหวะกันล่ะครับ? ถึงผมจะไม่มี แต่ฝั่งพี่น้ำก็ไม่มีเหมือนกันนั่นแหละ เพราะงั้นที่พี่น้ำกำลังทำอยู่ มันเลยไม่มีแรงเย้ายวนอะไรทั้งสิ้นครับ”
“น้องคริสพูดแรงจัง…”
ฟังถึงตรงนั้น พี่น้ำก็หมดสนุกพร้อมถอยออกห่าง
จังหวะเดียวกันที่มีเสียงเคาะหน้าประตู
ผมบอกให้เข้ามาได้เลย
…ที่อยู่ตรงนั้น คือเด็กผู้ชายท่าทีดูเหนียมอาย
แปลกที่มาสภาช่วงพักเที่ยง แต่ยังไงสภาก็คือสภา ถ้ามาในช่วงเวลาทำการไม่ว่าจะเวลาไหน ผมก็พร้อมรับเคสเสมอ
“มีเรื่องให้ช่วยเหรอครับ?”
“…ใช่ครับ พักกลางวันก็รับเรื่องใช่มั้ยครับ?”
“อ่า นั่งก่อนสิ …พี่น้ำ เอางี้มั้ยครับ? ถ้าพี่ช่วยเคสผมครั้งนี้ ผมจะเก็บเรื่องชมรมนั่นไปพิจารณาให้ก็ได้”
ผมตอบเด็กชายที่น่าจะเป็นเจ้าของเคสพลางกระซิบพี่น้ำแบบนั้น
“ให้พี่ช่วยเคสเหรอ??? แต่พี่ไม่เคยทำมาก่อนเลยนะ”
…มันใช่ที่ควรจะออกมาจากปากสภานักเรียนมั้ยเนี่ย เฮ้อ…ช่างเถอะ
ผมพยักหน้า
“ผมต้องให้พี่ทำเคสสักหน่อยครับ ไม่งั้นผมคงห้ามตัวเองไม่ให้ไล่พี่ออกไม่ไหว”
“เอ…ถ้าน้องคริสพูดถึงขนาดนี้ก็คงต้องทำแล้วแหละ”
…จากนั้น ผมกับพี่น้ำก็ไปนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเด็กชายที่อยู่โซฟารับแขก
ผมถามออกไป
“อยากให้ช่วยอะไรครับ?”
เด็กหนุ่มสะดุ้งเบาๆ
“เอ่อ…ขอคุยกับแค่พี่ประธานไม่ได้เหรอครับ…?”
“หืม? อ๋อ เข้าใจแล้วครับ”
ถึงจะไม่รู้เป็นเรื่องอะไร แต่ถ้าลูกเคสขอมาแบบนั้น ผมเป็นใครจะปฏิเสธได้ลงล่ะ?
“ยกเลิกที่ผมพูดไปก่อนนะพี่น้ำ น้องเขาไม่สะดวกที่จะให้พี่น้ำอยู่ด้วยน่ะครับ”
“แต่พี่ไม่ว่าอะไรนะ?”
“ความเห็นพี่มันไม่เกี่ยวสักหน่อยครับ”
ขณะผมพยายามไล่พี่น้ำออกห้องสภาอย่างมีน้ำใจ พี่น้ำก็หันไปพูดกับเจ้าของเคสเด็กหนุ่ม
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะน้อง! เห็นอย่างนี้แต่พี่เป็นสภานักเรียนนะคะ! อีกอย่าง ถึงน้องจะไม่รู้แต่น้องคริสก็ไม่ได้เก่งทุกเรื่องหรอกค่ะ บางทีปัญหาของน้อง ถ้ามีพี่อยู่ฟังด้วยอาจจะดีกว่าก็ได้นะคะ?”
“…งะ งั้นเหรอครับ”
“ใช่สิคะ! พี่เป็นสมาชิกรุ่นบุกเบิกของสภานักเรียนเลยนะ!”
จะขี้โม้ไปไหน…
เจ้าของเคสหลับตาครุ่นคิดไปครู่นึง
“ก็ได้ครับ…”
“สุดยอดเลยค่ะน้อง! งั้นก็น้องคริส ข้อเสนอยังอยู่นะคะ!”
ผมปัดมือให้พี่น้ำ อยากทำไรก็ทำเถอะ
และเจ้าของเคสก็เริ่มเล่าปัญหาของตัวเองให้ฟัง
“ผมว่าผมเสพติดการช่วยตัวเองน่ะครับ”
“เอ๊ะ?”
พี่น้ำส่งเสียงงี่เง่าออกมา
อืม…ที่ไม่อยากให้พี่น้ำอยู่ด้วยเพราะงี้เองสินะ ปัญหาวัยรุ่นเพศชายวัยประมาณนี้สิเนี่ย…
ผมกอดอกพยักหน้า
“พี่ดีใจที่น้องกล้าพูดตรงๆนะ ไม่ต้องห่วง เรื่องในสภาก็จบที่สภา พี่น้ำก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน”
“…ครับ”
“พอดีก่อนที่น้องจะเข้ามา พี่ก็คุยกับพี่น้ำเรื่องประมาณนี้อยู่พอดี”
“เอ๋~~~!”
เจ้าของเคสอ้าปากค้าง
เดี๋ยวๆ เอ็งคิดไปถึงไหนกันเนี่ย?
ผมอธิบายเพิ่ม
“คือ…พี่น้ำเขาอยากเปิดชมรมช่วยเหลือนักเรียนเรื่องเพศน่ะ น้องมาก็ดีแล้ว พี่ขออนุญาตใช้เคสน้องในการวัดประสิทธิภาพของสมาชิกสภาคนนี้หน่อยได้มั้ย?”
“ผมก็ไม่เกี่ยงหรอกครับ…แค่อยากให้อาการมันหายๆไปสักที จะยังไงก็ได้ทั้งนั้นครับ”
เมื่อได้รับคำยืนยันแบบนั้น ผมก็บอกพี่น้ำ
“เอาล่ะ พี่น้ำ ที่จริงเคสนี้ผมคงจะเหมาะกว่าใช่มั้ยล่ะครับ? แต่ในเมื่อพี่น้ำอยากเปิดชมรมที่ว่านั่น การจะเจอเคสแนวๆนี้ก็เป็นเรื่องสามัญ ดังนั้น…ผมจะให้พี่แก้ปัญหาให้น้องเขาโดยที่ผมจะนั่งดูเฉยๆนะครับ”
พี่น้ำเชิดไหล่
“หืม…งั้นถ้าพี่ทำได้ น้องคริสจะยอมให้พี่เปิดชมรมใช่มั้ยคะ? ไม่ใช่แค่พิจารณาเฉยๆ”
“ถูกต้องครับ”
“รับคำท้าค่ะ!”
ดูทรงจะอยากเปิดชมรมจริงๆนะนั่น
ตอนนี้ก็เหลือแค่นั่งดูแล้ว หวังว่าจะไม่พูดอะไรแปลกๆให้เจ้าของเคสเครียดกว่าเดิมแล้วกัน…
“ปกติน้องใช้สื่ออะไรในการช่วยตัวเองคะ?”
“ไอ้คุณพี่น้ำ!!!”
ผมเผลอตัวหวดหลังพี่น้ำอย่างแรง
“เจ็บนะคะน้องคริส พี่พึ่งรู้แหละว่าน้องคริสเป็นพวกซาดิสม์”
“คิดบ้าอะไรถึงไปถามน้องเขาแบบนั้นหา!?”
“เอ้า! ก็น้องคริสบอกเองว่าเรื่องที่สภาก็จบที่สภาไม่ใช่หรือไงคะ!? งั้นที่พี่ถามมันผิดตรงไหนกัน!?”
ไม่ได้ว้อย! เรื่องละเอียดอ่อนอย่างนี้ใครเขาจะไปถามตรงๆแบบนั้นกันฮึ? อย่างน้อยก็ช่วยอ้อมๆหน่อยเหอะ!
“ปกติทั่วๆไปแหละครับ ค้นจากในเน็ตเอา คือสมัยนี้สื่อประเภทนั้นมันหาดูง่ายด้วยแหละครับ”
ผมหันขวับไปทางน้องเจ้าของเคส
เดี๋ยว…ทำไมตอบมาง่ายๆแบบนั้นล่ะเนี่ย…?
พี่น้ำหัวเราะคิกคัก
“แหมๆ ดูเหมือนคนที่อ่อนต่อโลกจะเป็นน้องคริสนะคะเนี่ย?”
“เฮ้อ…อยากทำไรก็ทำ”
จากนั้นผมก็รับฟังที่เจ้าของเคสกับพี่น้ำปรึกษาปัญหาเรื่องเพศด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจ
เดิมทีพี่น้ำก็ไม่ใช่สาวน้อยแนวใสซื่ออยู่แล้ว แต่ก็นึกแปลกใจที่กระตือรือร้นกับการช่วยแก้ปัญหาของเจ้าของเคสมากขนาดนี้
เด็กผู้หญิงวัยประมาณนี้แล้ว โดยส่วนใหญ่จะค่อนข้างเขินอายกับเรื่องเพศสภาพ ผิดกันกับผู้ชาย ถึงจะมีส่วนน้อยที่ไม่เป็นแบบนั้นก็เถอะ
อย่างไรก็ตาม ผมค่อนข้างแปลกใจเลยล่ะ สงสัยจะอยากเปิดชมรมจริงๆล่ะมั้งเนี่ย?
แต่ว่านะ…อีกหนึ่งเหตุผลที่ผมไม่อยากให้พี่น้ำเปิดชมรม ก็มีอีกอย่างหนึ่ง
ซึ่ง…ดูจากรูปการณ์แล้ว เดี๋ยวก็คงรู้ตัวแล้วแหละมั้ง?
เจ้าของเคสพูดเสียงดัง
“ใช่ครับพี่น้ำ! บางทีผมก็ทนไม่ไหวจนต้องเข้าไปช่วยตัวเองในห้องน้ำเลยล่ะครับ!”
นั่นแหละ เริ่มจะลงลึกดีเทลมากเข้าไปทุกที
แถมสีหน้าหมอนี่ยังดูสนุกด้วย อืม…ได้คุยเรื่องแบบนี้กับสาวรุ่นพี่ คิดในมุมมองของเด็กวัยรุ่นกลัดมันทั่วๆไปแล้ว ก็คงประมาณนี้แหละ
พี่น้ำเริ่มผงะ
“งะ งั้นเหรอคะ…พี่ไม่ได้เป็นผู้ชายเลยไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่…”
“ยิ่งกับพี่น้ำที่มีหุ่นชวนฝันแบบนี้ด้วย! ตอนพักกลางวันผมบังเอิญเห็นพี่ที่โรงอาหารยังสะกิดเพื่อนให้หันไปดูเลยล่ะครับ! แล้วจากนั้น…ก็อย่างที่รู้กันครับ!”
เจ้าของเคสมองพี่น้ำด้วยสายตาแปลกๆ ไม่ดิ…สายตาที่เรารู้จักดีเลยล่ะ…
หื่นกระหาย ใช้คำนั้นคงได้
พี่น้ำยกมือขึ้นมาบังอย่างไม่ตั้งใจ
“แหมๆ ถึงปิดไปก็เท่านั้นแหละครับ! ลำพังแค่แขนขาวเรียวของพี่น้ำจะไปปิดอาวุธคู่โตสองอันนั้นได้ยังไงกันล่ะครับ!”
นี่เอ็งจะสนุกเกินหน้าเกินตาไปหน่อยมั้ยเนี่ย? สงสัยกำลังเข้าข้อ
เจ้าของเคสลุกขึ้น
“รู้แล้วครับ! วิธีที่จะให้ผมเลิกช่วยตัวเองสักที…หึหึหึ…พี่น้ำครับ ผมขอ…”
พร้อมชูสองมือด้วยปลายนิ้วยึกยือ คืบคลานเข้าหาพี่น้ำ
ผมที่เห็นดังนั้นก็เอ่ย
“เอ้าๆ พอได้แล้ว ลืมแล้วเรอะ? ว่าฉันก็นั่งอยู่ตรงนี้?”
“อะ เอ๊ะ? นั่นสินะครับ”
เจ้าของเคสนั่งลงตามเดิมพร้อมเกาแก้ม แต่ท่าทางไม่เหมือนจะสำนึกผิดเลยสักนิด
พี่น้ำกระซิบข้างหู
“เอ่อ…น้องคริสคะ”
“เข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมจัดการต่อให้”
ผมพูดราวถอนหายใจ
“ที่จริงไม่ต้องไปแก้อะไรมันหรอก ความต้องการทางเพศของแต่ละคนมันไม่เท่ากันสักหน่อย แค่ไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นก็พอ อีกอย่าง วัยอย่างน้องมันก็ประมาณนี้อยู่แล้วด้วย อ๋อ…ถ้ามีใครแนะนำให้ไปเตะบอลไม่ต้องไปนะ ไม่ได้ช่วยอะไรหรอก”
“คือพี่ประธานจะบอกว่า ต่อให้ผมช่วยตัวเองไปเรื่อยๆก็ไม่เป็นไรเหรอครับ?”
“เออ”
เจ้าของเคสกุมคางมองพลางพยักหน้า
“ยังงี้นี่เอง เป็นความเห็นของคนต่างชาติสินะครับ?”
“จะว่างั้นก็ได้ ถึงจะเหมือนไม่ได้ช่วยอะไร แต่เคสของน้อง พี่แนะนำได้แค่นั้นแหละ”
เพราะเดิมทีก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรอยู่แล้ว แค่ให้อยู่ในขอบเขตที่ไม่ระรานชาวบ้านชาวช่องก็พอ
“เข้าใจแล้วครับ แสดงว่าผมแค่คิดมากไปเองสินะครับเนี่ย”
“ตามนั้นแหละ”
“ว่าแต่ประธานชอบช่วยตัวเองมั้ยครับ?”
หะ?
อืม…ปกติคำถามแนวๆนั้นไม่น่าจะถามกับผู้ชายด้วยกันไม่ใช่เรอะ? ถ้าสนิทมันก็อีกเรื่อง แต่ว่านะ…สำหรับน้องคนนี้แล้ว ถ้านึกหื่นอย่างคุยเรื่องสิบแปดบวกกับพี่น้ำก็เข้าใจได้อยู่หรอก เพราะพี่น้ำก็เป็นผู้หญิง
แต่นึกไงมาคุยกับผมนี่ไม่เข้าใจแฮะ
ผมส่ายศีรษะ
“นึกไงถามล่ะเนี่ย…คุยเรื่องแบบนั้นกับผู้ชายอย่างพี่ไป มันจะสนุกตรงไหน?”
“สนุกสิครับ!”
“หะ?”
“ไม่สิ! เพราะเป็นพี่ประธานถึงอยากคุยด้วยต่างหากล่ะครับ!”
เริ่มงง
เจ้าของเคสตะโกน
“พี่ประธานแปลงเป็นผู้หญิงได้ไม่ใช่หรือไงครับ!? ลองคิดภาพว่าผู้ชายโฉดๆอย่างพี่ประธานเปลี่ยนเป็นผู้หญิงล่ะก็…ประธานนักเรียนสาวสวยแนวลูกคุณหนูเอาแต่ใจ โห…แค่คิดก็สุดยอด!”
“เฮ้ย…”
“พี่ประธานก็หน้าหวานอยู่แล้วด้วย! ต่อให้ไม่แปลงเป็นผู้หญิงตอนนี้ แต่อารมณ์มันก็คล้ายๆคุยกับเด็กสาวอกแบนยังไงยังงั้นเลยครับ!”
ปวดหัวจัง…
“ฮ้า…ประธานสาวงั้นเหรอ อยากหมอบกระแตอยู่แทบเท้า พลางได้ยินคำพูดเย็นชาว่า ‘เลียรองเท้าฉันสิ’ แบบนั้นเลยล่ะครับ”
จินตนาการช่างบรรเจิด
ผมคลี่ยิ้มและลุกขึ้น
ก่อนจะเข้าจูงมือเด็กหนุ่มเจ้าของเคสจนอีกฝ่ายยิ้มแย้ม
“พี่ประธานจะพาผมไปไหนเหรอครับ!? หรือว่า…!?”
“เคสนายจบแล้ว จะไปไหนก็ไปเถอะ เดี๋ยวไม่ทันเข้าเรียน”
“เอ๊ะ?”
“ลาล่ะ”
ผมดันเจ้าของเคสออกนอกห้อง ก่อนปิดประตูอัดหน้าเสียงดัง
เมื่อเดินมาถึงโซฟา พี่น้ำก็เอ่ย
“ไล่กันแบบนั้นเลยเหรอคะ?”
“จบเคสแล้วนี่ครับ ผมไม่ได้ว่างจะเสวนากับลูกเคสหรอกครับ”
ว่าแต่ไอ้ข่าวลือว่าผมเปลี่ยนเพศได้นี่มันแพร่ไปไกลขนาดนั้นเลยเรอะ? ต้องถามก่อนว่าใครเป็นคนเริ่มปล่อยข่าวลือ ผมยังไม่เคยทำตอนอยู่ที่นี่เลยไม่ใช่หรือไง?
“เออใช่ครับ แล้วชมรมที่พี่จะเปิดล่ะครับ? สาขาย่อยอะไรนั่น?”
พี่น้ำกุมคาง…หมายถึงวางนิ้วไว้ตรงจุดที่ควรเป็นคางนั่นแหละ
“เอ…พี่ว่าพี่ยังรับมือเด็กผู้ชายที่เข้ามาคุยเรื่องแบบนั้นไม่ไหวน่ะค่ะ…”
“อ่าครับ”
“แถมคิดไปคิดมา ที่อยู่ตอนนี้ก็สบายดีอยู่แล้วด้วย เปิดสาขาย่อยไปก็เหนื่อยเปล่าๆ เพราะงั้นล้มเลิกค่ะล้มเลิก”
สบายดีอยู่แล้วที่หล่อนหมายถึงคือโดดงานสภาทุกวันสินะ…
ผมถอนหายใจอีกครั้ง
“จะเข้าเรียนแล้วครับ ไว้เจอกันตอนเย็นแล้วกันครับ”
“ทำไมถึงคิดว่าวันนี้พี่จะเข้าสภาล่ะคะ?”
“พูดไปงั้นแหละ ไม่เข้าก็ตามสบาย”
“แหม…ถ้าน้องคริสพูดสักคำว่าอยากเจอพี่ทุกเย็น พี่อาจจะมาก็ได้นะ?”
“ให้ตายก็ไม่พูด… อีกอย่าง ผมใกล้ได้สมาชิกใหม่แล้วด้วย ระวังจะตกกระป๋องก็แล้วกันครับ”
ถึงตรงนั้น พี่น้ำก็ลุกขึ้นมาดึงแขนผมทันที
“สมาชิกใหม่!? หมายถึงใครน่ะ!?”
“…รุ่นน้องที่เคยมาช่วยงานน่ะครับ”
“ผู้หญิงงั้นเหรอ!? สวยกว่าพี่รึเปล่าคะ!?”
“ผีไร้หัวแบบพี่จะให้ผมใช้มาตรการไหนวัดว่าใครสวยกว่ากันหา!? แล้วหมอนั่นจะเพศอะไรมันเกี่ยวตรงไหนกันเล่า!”
“หมอนั่น…อ๋อ ผู้ชายนี่เอง ยังงี้ค่อยโล่งอก…เอ๊ะ? แต่ที่บอกว่าตกกระป๋องนั่น อย่าบอกนะว่าจะไล่พี่ออกแล้วเอาเด็กคนนั้นเข้าแทนน่ะ!!!”
“เสียงดังจริง!”
“ไล่พี่ออกไม่ได้นะคะ!? สมาชิกรุ่นบุกเบิกเชียวนะคะ! รุ่น-บุก-เบิก!”
“ก็บอกว่าเสียงดังไง! ไปเข้าเรียนได้แล้วว้อย!!!”
และก็อย่างที่เข้าใจ ช่วงเย็นผมก็ยังไม่เห็นหัวพี่น้ำเหมือนทุกที ให้ตายสิ…อุตส่าห์เกริ่นเรื่องสมาชิกใหม่ไปขนาดนั้นยังไม่คิดจะปรับปรุงตัวเลยเรอะ
ควรจะไล่ออกให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยดีมั้ยเนี่ย?
เคสที่ 33 สาขาย่อย /จบ