สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 63 เคสที่ 32 ประชันความเร็ว (2)
ย่านการค้าเต็มไปด้วยผู้คน
ถึงจะบอกว่าให้ผีสางมาเข้าร่วม แต่กลับไม่เห็นนักเรียนของจิตตฯเลยสักคน เพราะงั้นกลุ่มนักเรียนอย่างพวกผมที่เดินเข้างานจึงโดนมองด้วยสายตาแปลกๆ
คงเพราะมีทั้งผีนางรำ ผีปอบ กระหัง มาด้วยล่ะมั้ง?
ส่วนผม คนอื่นน่าจะมองเป็นแค่เด็กผู้ชายแปลกๆมีเขานั่นแหละ ไม่มีใครคิดว่าเป็นซาตานหรอก
เมื่อเดินผ่านทางเข้าที่ด้านบนมีป้าย ‘แข่งประชันความเร็ว!’ สีฉูดฉาด ก็มาถึงที่สมัคร
ถึงจะว่าแบบนั้น แต่ก็เป็นแค่โต๊ะโง่ๆที่มีคนรับเรื่อง…
“ขอต้อนรับสู่การแข่งประชันความเร็ว!”
พนักงานรับเรื่องพูดด้วยเสียงตื่นเต้นเกินความจำเป็น
พวกผมยื่นนิ่ง เหมือนเป็นสัญญาณให้เจ้าของเคสคุยให้แทน
เจ้าของเคสก็ทำตามนั้น
“สวัสดีค่า! พวกหนูมาสมัครค่า!”
“ได้อยู่แล้ว! การแข่งประชันความเร็วเปิดรับทุกคน! จะเป็นใครก็ได้! พวกหนูมาจากจิตตฯสินะ!”
หมอนี่ดูสนุกกับการพูดว่า แข่งประชันความเร็ว น่าดูเลยแฮะ…
“งั้นใครจะสมัครบ้างล่ะ มากรอกชื่อกับว่าเป็นผีอะไรได้เลย”
ถึงตรงนั้นผมก็ขมวดคิ้วถาม
“ต้องบอกถึงขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
“ถูกต้อง! เพื่อจะเก็บไปวัดสถิติในการแข่งครั้งหน้า เผื่อมีตัวอะไรที่โกงเกินไปจนการแข่งหมดความสนุก จะได้ห้ามไม่ให้เข้าร่วมครั้งต่อไป!”
แสดงว่านี่เป็นการแข่งครั้งแรกที่เปิดให้ภูตผีมาแข่งงั้นรึ?
เนื่องจากผู้ลงแข่งมีแค่ผมคนเดียว คนที่เหลือมาช่วยเชียร์ไม่ก็ว่างมากๆ ผมเลยต้องกรอกใบสมัครคนเดียว
“อ๊ะๆ! เขียนภาษาไทยสิ!”
…เรื่องมากจัง
ผมเขียนใบสมัครเสร็จเรียบร้อย แน่นอนว่าตรงช่องกรอกว่าเป็นผีอะไรนั้น ผมเขียนไปว่าซาตาน
พนักงานอ่านที่ผมเขียน
“อืม…ซาตานงั้นเหรอ?”
“ครับ มีปัญหาอะไรรึเปล่า?”
“ไม่มีๆ แค่ไม่คิดว่าจะมีซาตานมาแข่งด้วยน่ะ ที่จริงฉันก็ไม่ค่อยรู้จักซาตานเท่าไหร่…”
ดูทรงเหมือนจะพูดไม่จบเร็วๆนี้แน่ พูดน้ำไหลไฟดับแบบนี้ ฟังไปก็เสียเวลา
ผมอยากรีบแข่งรีบกลับให้มันจบๆเคสไปก็เท่านั้น
ผมคลี่ยิ้มขณะพยักหน้ายังคงพูด
“เอ่อ ผมขอไปเตรียมตัวแข่งก่อนนะครับ”
“อะ อืม! โชคดีล่ะ!”
…เมื่อเดินจากพนักงานมาแล้ว ขณะมุ่งหน้าไปยังที่พักนักแข่งนั่นเอง
“นายต้องเตรียมตัวก่อนด้วยเหรอ?”
“ที่จริงก็ไม่ต้องหรอก…แค่ไม่อยากฟังให้เสียเวลา”
“ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ก็ปลีกตัวมาได้นอบน้อมมากเลยนะนั่น?”
“แค่การแสดงออกแบบมีมารยาทเท่านั้น ใจจริงฉันจะคิดยังไง คู่สนทนาก็สนแค่ท่าทางที่แสดงออกไปอยู่แล้ว”
“เห…”
“งั้นแยกกันตรงนี้นะ พวกเธอไม่ได้แข่งคงเข้าไปไม่ได้สินะ?”
เจ้าของเคสเท้าเอว
“อืม ถ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวนักกีฬาก็เข้าไปไม่ได้น่ะ”
“มีส่วนเกี่ยวข้องงั้นเหรอ…”
ผมนึกสงสัยว่าคำพูดนั้นหมายความว่าอะไร
แต่ก็โดนเจ้าของเคสผลักเข้าไปในซุ่มสำหรับนักกีฬา
“งั้นเจอกันที่สนามแข่ง! ฉันขอไปหาอะไรกินกับเพื่อนๆนายก่อนนะ! ไปกันเถอะ! พลอย ดิว พี่ต้น!”
ทั้งสามตอบรับเจ้าของเคสที่ร่าเริงเกินเหตุ ผมก็ปัดมือให้…
เมื่อก้าวมาด้านใน
“…โอ้โห…”
ผมเผลออุทาน
เพราะด้านในที่พัก กลับพบผู้คนราวเกือบๆสามสิบคน
ทั้งที่คิดว่าเป็นงานแข่งเล็กๆ แต่จำนวนขนาดนี้ก็น่าตกใจอยู่
ผมควักโบร์ชัวร์ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงที่เจ้าของเคสให้ไว้ระหว่างทางมาที่นี่ ภายในโบร์ชัวร์จะบอกรายละเอียดต่างๆและเวลาเริ่มการแข่งขัน รวมถึงของรางวัลสำหรับที่หนึ่งและที่ต่ำลงมา
ดูเหมือนงานจะจัดตั้งแต่ช่วงเที่ยงๆแล้ว แต่เมนหลักของงานครั้งนี้คือแข่งประชันความเร็วที่จะเริ่มได้อีกไม่ถึงชั่วโมง นับว่ามาทันฉิวเฉียดเลยสินะ
ไหนดูสิ ที่หนึ่งได้รางวัลอะไร…
“จักรยาน…สองคัน?”
สมแล้วที่เป็นการแข่งสำหรับคนในชุมชน ของรางวัลคงไม่เว่อวังมากสินะ
สำหรับที่รองลงไปก็ได้เป็นจำพวก ทิชชู่ ข้าวสารอาหารแห้ง…
ดูเหมือนคนที่มาแข่งจะไม่ได้หวังของรางวัลเท่าไหร่นัก อย่างที่เจ้าของเคสว่า คนที่มาลงแข่งคงมาเพื่อเอาสนุกหรือหาสังคมก็เท่านั้น
ส่วนตู…มาทำบ้าอะไรก็ไม่รู้
ผมนั่งอ่านรายละเอียดงานแข่งพร้อมกับมองผู้เข้าแข่งขันคนอื่นไปด้วย ถึงส่วนใหญ่จะมีแต่รูปลักษณ์เหมือนคนธรรมดา แต่ก็มีที่แปลกตาสมกับเป็นผีสางอยู่บ้าง
และก็ยังมีพวกที่ใส่หนักจัดเต็มจนเกินพอดีด้วย…
ผู้ชายคนนั้น สวมเสื้อกาวน์พร้อมกับสมาชิกที่สวมเสื้อกาวน์อีกราวสามถึงสี่คน จากที่สัมผัสพลังวิญญาณ…คนธรรมดาหรอกรึ?
ที่บอกว่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะเข้ามาด้วยได้คือหมายถึงแบบนี้เองสินะ…
“อือ ความเร็วไอพ่นไม่มีปัญหา”
“เติมเชื้อเพลิงเรียบร้อย คาดว่าจะเร่งได้จนถึงเส้นชัย”
“เหลือแค่ต้องปรับแก้อีกนิด ใส่สารหล่อเย็นเพื่อลดการโอเวอร์ฮีทที่ไม่พึงประสงค์…”
ไอ้พวกเสื้อกาวน์พูดบ้าอะไรไม่รู้ อย่างกับหลุดมาจากการ์ตูนวิทยาศาตสร์
ส่วนผู้ชายคนที่อยู่ท่ามกลางเสื้อกาวน์ มีอุปกรณ์คล้ายเกราะขาที่คลุมขาทั้งสองข้าง
ไฮเทคไปมั้ยล่ะนั่น?
แต่เอาเถอะ คนธรรมดานี่นะ นี่เป็นการแข่งที่เอาผีสางมาร่วมด้วย อีกทั้งในกฎการแข่งยังไม่มีการห้ามไม่ให้ใช้อุปกรณ์เพื่อช่วยเร่งความเร็ว เพราะงั้นจะมีคนที่อยากลองวิชาแบบเจ้าพวกนี้ก็ไม่แปลก
ไม่รู้หรอกนะว่าที่ใส่อยู่นั่นจะเร็วแค่ไหน แต่มันจะสู้ผีสางได้จริงๆเร้อ…
ส่วนคนอื่นๆ ถึงจะมีผีสางที่พอจะคุ้นประเภทอยู่บ้าง แต่ว่าไงดี ไม่ใช่เชื้อสายที่เด่นด้านความเร็วเสียด้วย เพราะงั้นจึงไม่อยู่ในเกณฑ์ต้องใส่ใจ
เสียงเจี๊ยวจ๊าวอันแสนร่าเริงภายในทำผมรู้สึกรำคาญหูเล็กน้อย
“พ่อหนุ่ม”
“อ๊ะ ครับ?”
ผมโดนคุณยายแก่ๆคนนึงเอ่ยทัก
“ขอยายนั่งด้วยได้มั้ย?”
“เชิญครับ”
ผมเขยิบออกข้างให้คุณยายนั่งลงที่ม้านั่ง
“มาจากจิตตฯใช่มั้ยจ๊ะ?”
“ใช่ครับ”
“แย่เลยนะ ยายก็บอกคนจัดงานแล้วแท้ๆ ว่าให้ไปจัดวันเสาร์อาทิตย์ ดูสิ…ไม่เห็นเด็กอย่างเธอเลยสักคน คงเพราะเป็นวันเรียนด้วยแหละ”
“นั่นสินะครับ หลังเลิกเรียนคงอยากกลับไปพักผ่อนนั่นแหละครับ ว่าแต่คุณยายมาตั้งแต่เที่ยงแล้วเหรอครับ?”
คุณยายพยักหน้า
“ใช่จ่ะ อายุปูนนี้ก็ทำได้แค่อยู่บ้านว่างๆ มีงานอะไรยายก็เข้าร่วมหมดแหละจ่ะ มีอาหารฟรีแถมได้คุยกับคนรู้จักด้วย”
นี่คือคนที่มาแข่งเอาสังคมสินะ
“อีกเดี๋ยวก็จะเริ่มแล้วล่ะจ่ะ ตอนนี้ที่สนามมีแข่งอย่างอื่นอยู่ แต่เธอมาเข้ารวมแค่งานแข่งความเร็วสินะจ๊ะ?”
ผมพยักหน้า คุณยายหัวเราะบางๆและพูดต่อ
“แหม…แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีคนหนุ่มอย่างเธอมาแข่งด้วย อย่างนี้ยายคงไม่ไหว”
“ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ แค่งานการกุศล…ว่าแต่อย่างยายวิ่งไหวด้วยเหรอครับ?”
“โฮะโฮะ ถามอะไรเสียมารยาทจัง เห็นยังงี้แต่ยายยังฟิตปั๋งอยู่นะ”
“งั้นเหรอครับ สุขภาพดีจังนะครับ”
คุณยายยิ้มกว้างจนเห็นรอยย่น มองแล้วก็เหมือนคนแก่นิสัยดีคนนึง แถมยังแต่งตัวด้วยชุดลูกไม้พร้อมนุ่งผ้าถุงมาด้วย
ไม่เหมือนคนที่จะมาลงแข่งงานนี้เลยสักนิด
แต่ก็…สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณ
ใช่แล้ว ยายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา
คุณยายยิ้มอีกครั้ง
“จ้องขนาดนั้นยายอายนะจ๊ะ”
“โทษทีครับ แค่สงสัยว่าคุณยายเป็นผีอะไรน่ะครับ”
“แหม…ติดใจขนาดนั้นเลยรึ?”
“ก็…นิดนึงน่ะครับ”
พอไม่ใช่คนหน้าเดิมๆที่เห็นในสภาแล้ว การจะดูว่าฝั่งตรงข้ามเป็นเชื้อสายอะไรนี่ดูยากจัง เพราะไม่มีรูปลักษณ์เชื้อสายแสดงออกมาอย่างเด่นชัดจนสัมผัสได้แค่พลังวิญญาณเท่านั้น
คล้ายๆ กับเรย์และคนทั่วไปในจิตตฯเลยแฮะ ยายคนนี้
พูดถึงเรย์แล้ว…หมอนั่นยังไม่มายื่นขอเข้าสภาเลยนี่นา เดี๋ยวต้องไปตามตัวสักหน่อย เสียดายชะมัด ถ้าเรย์อยู่น่าจะให้มาลงแข่งแทน หมอนั่นน่าจะเร็วสุดๆ
คุณยายหัวเราะ
“โฮะโฮะ ไว้ไปลุ้นตอนแข่งแล้วกันจ่ะ”
“ได้ครับ แล้วยายมาแข่งเอารางวัลหรือเอาสังคมครับ?”
“ที่จริงยายก็ไม่อยากได้อะไรสักอย่างหรอกจ่ะ แต่รางวัลที่หนึ่งเป็นจักรยานใช่มั้ยล่ะ? ถ้าฟลุ๊คๆขึ้นมาก็อยากได้ไปให้หลานสาวเหมือนกัน”
“อ๋อ ครับ”
“แล้วเธอล่ะ? ทำไมถึงมาแข่งรึ?”
ผมกุมคางทบทวนคำถามนั้นไปครู่นึง
“…ที่จริง…ผมยังสงสัยอยู่เลยว่าผมมาทำบ้าอะไรที่นี่”
“โฮะโฮะ ตลกดีนะเธอเนี่ย”
“ไม่ได้ล้อเล่นนะครับ ถึงจะมีเหตุผลส่วนตัวที่ปฏิเสธไม่ได้ก็เถอะ ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมอย่างผมถึงต้องมาแข่งอะไรแบบนี้”
ไม่น่าไปพลาดรับเคสยัยนั่นเล้ย…แต่ก็สายไปแล้วล่ะ
คุณยายพยักหน้า
“ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว แข่งให้สนุกดีกว่าจ่ะ เด็กวัยอย่างเธอไม่ควรคิดมากหรอก”
“ผมทำหัวโล่งๆไม่ไหวหรอกครับ”
“โฮะโฮะ เข้าใจแล้วจ่ะ”
แล้วคุณยายก็ลูบหัวผมซะงั้น
สีหน้ายิ้มแย้มเหมือนเอ็นดูลูกเอ็นดูหลาน
จากนั้นเสียงประกาศก็ดังขึ้น
“จบการไปแล้วนะครับกับการแข่งขันวิดพื้น ต่อไปจะอีเว้นท์หลักแล้วนะครับ! ขอเรียนเชิญผู้เข้าแข่งขันศึกประชันความเร็วทุกท่าน ออกไปยังพื้นที่จัดแข่งได้เลยครับ!”
ทำไมฟังแล้ว ผมอยากแข่งเจ้าวิดพื้นนั่นมากกว่าแฮะ ถึงจะไม่ค่อยชอบออกแรงก็เถอะ แต่น่าจะวุ่นวายน้อยกว่า…
ผมบอกคุณยาย
“เริ่มแล้วล่ะครับ ไปกันเถอะ”
“ได้จ่ะ”
และคุณยายก็ลุกขึ้น เดินขาสั่นนำผมไป
ผมมองส่งพลางคิด…ยายใครกันล่ะนั่น ทำไมถึงได้กล้าส่งมาแข่งอะไรแบบนี้กันนะ เกิดบาดเจ็บระหว่างแข่งขึ้นมาจะทำยังไงกันเล่า…
ต่อให้จะนึกเป็นห่วงคุณยายที่พึ่งเจอกันไม่กี่นาทีเช่นไร แต่เมื่อเดินลอดผ่านจุดพักนักกีฬาออกไปทางด้านหลัง ถึงสนามแข่งปุ๊บ ความคิดนั้นก็หายไป
สนามแข่งวิ่งทรงมาตรฐาน รอบข้างเต็มไปด้วยอัฒจรรย์สำหรับผู้ชม และตอนนี้ก็มีผู้ชมเยอะกว่าที่คาด
ทีมงานลำเลียงผู้เข้าแข่งขันอย่างเป็นระบบ
ผมเข้าไปในลู่วิ่ง ถึงตรงนี้แล้วก็ยังรู้สึกว่าอะไรอะไรมันปุ๊บปั๊บไปหมดอยู่เลย อย่างกับยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่างก็เริ่มแข่งแล้วซะงั้น
เนื่องจากมีผู้แข่งขันหลายคน ลู่วิ่งจึงเป็นเพียงของประดับ จำนวนคนที่เยอะเช่นนี้จึงทำให้การแข่งเป็นคล้ายๆกับการแข่งวิ่งมาราธอน
“เอาล่ะครับ! อีกไม่กี่อึดใจ การแข่งขันประชันความเร็วครั้งที่หนึ่งร้อยสิบเก้าของพวกเราก็จะเริ่มขึ้นแล้ว!”
…ไอ้งานแบบนี้มันจัดมาร้อยกว่าครั้งแล้วงั้นเรอะ…
“จับดูจับตาไว้ให้ดี! เพราะการแข่งครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่พวกเราเปิดรับภูตผีเข้ามาแข่งขัน! เตรียมชมความอลังการงานสร้างจากอาคมกันให้เต็มสองตา! สำหรับใครที่จะซื้อของที่ระลึกสามารถซื้อได้ตรงทางออก! ขากลับอย่าลืมติดไม้ติดมือไปฝากคนรู้จักด้วยล่ะคร้าบบ!”
ไม่ซื้อเฟ้ย
“และก็ขอให้ทุกท่านได้รับชมการแสดงเปิดสนาม! จากกลุ่มแม่บ้านผู้รักเสียงดนตรีได้เลยครับบบบ!!!”
สมแล้วที่เป็นการแข่งแบบนี้ ขนาดการแสดงเปิดสนามยังเป็นกลุ่มแม่บ้าน
ผมเหม่อมองการแสดงดนตรีสดที่ทำได้ดีเกินคาด พลางเฝ้ารอให้การแข่งรีบๆเริ่มสักที
อยากกลับบ้านแล้วอะ…
“จบกันไปแล้วนะครับ ต่อไปก็จะเป็นการแข่งขันที่ทุกคนเฝ้ารอ! อย่างที่เห็นว่าสนามนี้มีความยาวถึงหนึ่งแสนกิโลเมตร…เอ๊ะ ไม่ใช่เหรอ? อ๊ะๆ อ๋อๆ โอเครครับ! ความยาวก็อย่างที่เห็นนั่นแหละครับ!!!”
พีธีกรบ้าอะไรพูดผิดพูดถูกถึงขนาดต้องให้คนข้างๆมากระซิบบอกกันฮะ?
ขณะผมกำลังบ่นไปเรื่อยในใจ ชายหนุ่มสวมเสื้อกาวน์ที่บังเอิญมาอยู่ข้างๆผมก็พูดขึ้น
“น้องเป็นผีสินะ?”
สิ่งแรกที่ผมหันไปมองไม่ใช่ใบหน้า แต่เป็นเกราะขาที่เด่นสะดุดตา
ผมช้อนสายตาขึ้นมามองหน้าอย่างที่ควรจะเป็น
“ครับ จากจิตตฯครับ”
“หึหึหึ ถึงจะเป็นผีก็เถอะ ไม่ว่าใครก็คงคิดว่าแชมป์ในครั้งนี้จะเป็นผี แต่ว่า! พวกฉัน! จะแสดงพลังของคนธรรมดาให้เห็นเอง!”
“ก็ดีครับ…”
“หืม? ทำหน้าเหมือนจะบอกว่าใช้อุปกรณ์ขี้โกงสินะ? ไม่หรอก ของแค่นี้ก็ทำขึ้นเพื่อให้ศักยภาพใกล้เคียงกับอาคมของผีเท่านั้น!”
“ก็…ดี…แต่ผมไม่ได้ถาม…”
“สปีดบูสเตอร์เวอร์ชั่นสองจุดศูนย์ของพี่น่ะ ต่อให้เป็นอาคมแบบไหนของน้อง พี่ก็ชนะได้แน่”
ดูทรงแค่อยากโม้ให้ฟังเฉยๆนี่หว่า ไม่ฟังที่ผมพูดเลยสักนิด
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่
จังหวะเดียวกับที่พิธีกรตะโกน
“ใครที่วนครบรอบได้สามรอบก่อนจะเป็นผู้ชนะนะครับ! เอาล่ะ! นับถอยหลังพร้อมกัน! ห้า…! สี่…!”
ฟังเสื้อกาวน์พูดเพลินไปหน่อย ดูเหมือนกำลังจะเริ่มแข่งแล้วสินะ
“สาม…!”
“พ่อหนุ่ม มาพยายามด้วยกันเถอะนะจ่ะ”
คุณยายกล่าวด้วยรอยยิ้ม แล้วทำไมถึงมีคนมาชวนคุยบ่อยจังล่ะเนี่ย ถึงยายคนนี้ผมจะพอรู้จักอยู่แล้วก็เถอะ
“ถ้าไม่ไหวขึ้นมา ผมไม่ช่วยหามไปนอกสนามหรอกนะครับ”
“โฮะโฮะ จริงจังน่าดูเลยนะจ๊ะ”
“พอดีเป็นงานที่รับมาแล้วต้องทำให้สำเร็จน่ะครับ”
“สอง…!”
จากนั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนจากข้างสนามตรงอัฒจรรย์
เสียงเจ้าของเคสนั่นเอง
“คริสโตเฟอร์! อย่าแพ้ยายเขานะ! ยายคนนั้นเป็นตัวเต็งแชมป์เลยนะ!!!”
ผมเหลือบมองฉงน
…คงเป็นข้อมูลจากสมาคมแม่บ้านหรือคนในละแวกที่เจ้าของเคสรู้มาล่ะมั้ง? แต่อย่างยายคนนี้มันจะเป็นตัวเต็งแชมป์ได้ไง?
ขณะกำลังสงสัยเช่นนั้น คุณยายก็ทิ้งตัวลงกับพื้นในสภาพนอนคว่ำหน้า
“เฮ้ย!? ยาย! เป็นไรครับเนี่ย!?”
“…”
คุณยายไม่ตอบ
“หนึ่ง…! ศูนย์! ออกตัว!!!”
เหล่านักแข่งที่ได้ยินเสียงปืนเริ่มการแข่งก็ออกสตาร์ทกันทันที เสียงเฮลั่นกระหึ่มทั่วทั้งสนาม
ส่วนผมยังคงยืนอยู่ตรงจุดเริ่มพลางมองคุณยาย
“ยายครับ เขาเริ่มกันแล้วนะครับ…”
“ยายรอให้คนโล่งๆและค่อยเบิร์สทีเดียวน่ะ”
“เฮ้อ…ถ้าจะไม่แข่งก็ออกไปสักทีเถอะครับ เดี๋ยวคนที่วนรอบมาจะเหยียบเอา …ปีกแห่งความตาย จงปรากฏเพื่อมอบอิสรภาพแก่ข้า เดดวิง”
ปีกสีดำทะมึนงอกออกมากลางหลัง
ถึงคนอื่นจะมองว่าผมออกตัวช้าจนถึงขั้นสบายใจเกินไป แต่ว่านะ…ถึงจะเป็นเคสที่รับมาก็เถอะ แต่กลับรู้สึกไม่อยากจริงจังไงชอบกล
ช่างเถอะ ต้องไปแล้ว
“พ่อหนุ่มไปก่อนเลยจ่ะ ยายตามทัน”
“ไม่บอกก็จะไปอยู่แล้วครับ”
“คริสโตเฟอร์! มัวยืนทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย!? รีบไปได้แล้ว!!!”
ขณะเดียวกับที่เจ้าของเคสตะโกน ที่มีเสียงพิธีกรแทรกขึ้นมาต่อทันที
“โอ๊ะๆๆๆ! ดูเหมือนตัวเต็งแชมป์ของเรากำลังต่อให้ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นอยู่นะครับ! สมแล้วจริงๆที่เป็นถึงภูตผีอันเลื่องชื่อ!!!”
จากนั้นก็มีเสียงเชียร์จากข้างสนาม
…ผมมาอยู่ไทยได้หลายปี แน่นอนว่าต่อให้มีความรู้เกี่ยวกับผีไทยไม่มากนัก ทั้งความเชื่อหรือเชื้อสาย ทว่า…สำหรับเรื่องเล่าหรืออะไรที่แมสๆหน่อย ผมก็รู้จัก
และเสียงเชียร์จากข้างสนามอันกระหึ่มนั้น ก็ทำให้ผมรู้สึกพลาดที่ไม่ยอมออกตัวแต่แรก…
เสียงเชียร์นั้นตะโกนว่า…
“ยายสปีด! ยายสปีด! ยายสปีด!!!”
ราวกับว่าเสียงนั่นเป็นสัญญาณ จู่ๆคุณยายที่นอนราบพื้นก็ออกตัว
ใช้สองมือสองเท้าคลานด้วยความเร็วสูง ราวกับได้ยินเสียงตัดอากาศ!
“บัดซบ! ยายคนนั้นคือยายสปีดงั้นเรอะ!?”
ผมสบถใส่ความเร็วนั้นและออกบิน
เคสที่ 32 ประชันความเร็ว (ยายสปีด) /มีต่อ