สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 19 เคสที่ 9 ว่าด้วยเรื่องเชื้อสายของลูกชายเจ้าแห่งนรก (2)
- Home
- สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ
- ตอนที่ 19 เคสที่ 9 ว่าด้วยเรื่องเชื้อสายของลูกชายเจ้าแห่งนรก (2)
“ซัคคิวบัส…?”
ฉันพูดทวนให้ศัพท์แปลกๆที่ค่อนข้างคุ้นหู?
ดูเหมือนนั่นจะเป็นภูตผีแบบหนึ่งที่ไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากที่ไทย…แต่ก็ไม่รู้ว่าทำอะไรได้เหมือนกัน
ฉันย้ายกลับมานั่งข้างดิวพลางกระซิบ
“นี่ดิว…ซัคคิวบัสนี่ทำอะไรได้เหรอ?”
ดิวเคี้ยวขนมจนเกลี้ยงก่อนตอบ
“…ปีศาจที่งดงามและเย้ายวนน่ะ ฉันก็ไม่รู้ลึกนะ แต่ถ้าตามที่เข้าใจ…ความสามารถก็น่าจะเกี่ยวกับตัณหาน่ะ”
“ตะ ตัณหา!?”
“…พี่น้ำน่าจะรู้เยอะกว่า …เดี๋ยวฉันโทรเรียกให้แล้วกัน”
ทำไมพี่น้ำถึงรู้เยอะกว่าล่ะนั่น? พี่น้ำรู้จักผีต่างชาติเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?
ประธานที่เห็นดิวหยิบโทรศัพท์ก็ชี้นิ้วใส่
“ทำอะไรน่ะ?”
“…โทรเรียกพี่น้ำ”
“เพื่อ?”
“…พลอยไม่เข้าใจคำว่าซัคคิวบัสน่ะ ส่วนฉันก็อยากรู้เพิ่มเติมด้วย”
“ไปถามคนแบบพี่น้ำมันจะได้คำตอบแบบไหนกันเล่า? ฉันก็อยู่ตรงนี้แท้ๆ ถามฉันมาเลยไม่ง่ายกว่าเหรอ?”
“…สองหัวดีกว่าหัวเดียว”
“ถ้าอีกหัวที่ว่ามันไม่ใช่พี่น้ำ ฉันก็คงไม่ต้องเถียงหรอก…”
ถึงจะเถียงกันแบบนั้น ดิวก็ไม่สนใจและโทรเรียกพี่น้ำทันที
…ผ่านไปราวห้านาทีก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งจากทางระเบียง จนประตูห้องถูกเปิดพร้อมเสียงพูด
“ได้ข่าวว่ามีตัวรีดน้ำกามอยู่ในสภางั้นเหรอ!!!? ไหนๆ! พี่อยากเห็นซัคคิวบัสเต็มๆตาสักครั้งนึงมาตั้งนานแล้ว!”
…เป็นคำพูดที่ไม่ค่อยควรจะออกจากปากผู้หญิงรวมถึงรุ่นพี่เลยนะคะนั่น…
สาวรุ่นพี่ที่มีทรวดทรวงน่าอิจฉายืนอยู่หน้าประตู ผีไร้หัว ตำแหน่งเหรัญญิกของสภานั่นเอง
พี่น้ำชี้นิ้วไปที่ประธานด้วยท่าทางตื่นเต้น
“นี่เธอ! เจ้าดำๆตรงนั้นน่ะ! ซัคคิวบัสใช่มั้ย!?”
สงสัยจะไม่รู้ว่าที่นั่งอยู่ตรงนั้นคือหัวหน้าตัวเอง ก็นะ…เล่นแต่งตัวแบบนั้น พี่เขาจะไม่รู้ก็ไม่แปลก
ประธานก็รับคำพูดพร้อมก้มหน้าลงอย่างเหนื่อยหน่ายใจจนความรู้สึกนั้นทะลุหมวกฮู้ด
“…นี่ผมเอง”
“เอ๊ะ?”
“คริสโตเฟอร์ครับ …น้องคริสของคุณพี่นั่นแหละ”
“อ้าว? งั้นก็ไม่ใช่ซัคคิวบัสน่ะสิ? กลับไปแล้วเหรอ? พี่มาช้าไปเหรอ?”
พี่น้ำกระตือรือร้นกว่าปกติ แต่เล่นขยับตัวจนหน้าอกส่ายไปส่ายมาก็รู้สึกเจ็บใจไงชอบกล…
ฉันยิ้มให้พี่น้ำ
“สะ สวัสดีค่ะพี่น้ำ…แล้วน้องสไปรท์ไปไหนล่ะคะ?”
“วันนี้เธอรีบกลับบ้านน่ะ ฉันแนะนำอนิเมะให้ดูก็เลยอยากรีบกลับไปดู ถ้ามาดูที่ห้องสภากลัวน้องคริสจะบ่นน่ะสิ”
“งะ งั้นเหรอคะ…”
“เฮ้ออออ”
ส่วนประธานก็ถอนหายใจลากยาว ที่จริงฉันก็พอเข้าใจความรู้สึกอยู่นะ
สมาชิกสภาเล่นโดดงานสภาเป็นว่าเล่นแบบนี้ แต่นั่นก็น้องสไปรท์นี่เนอะ อย่าไปว่าอะไรน้องเขามากเลยค่ะ
“แล้วซัคคิวบัสไปไหนแล้วล่ะ? เดี๋ยวนะ! ถ้ากลับไปแล้วแสดงว่าทั้งสามคนโดนเล่นไปแล้วเหรอ???”
วันนี้ฉันไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของคุณรุ่นพี่ผีไร้หัวคนนี้เลยสักนิด
ฉันถามอย่างลำบากใจ
“ดะ โดนเล่นที่ว่าหมายถึงอะไรเหรอคะ…?”
“ก็หมายถึงโดนซัคคิวบัสเล่นท่ายากร้อยแปดเข้าใส่จนยืนแทบไม่ขึ้นน่ะสิ! ไหนๆ น้องพลอยลองยืนให้พี่ดูหน่อยซิ๊~”
“พี่น้ำ! หุบปาก!!!”
ประธานตะโกนเสียงดังจนพวกฉันสะดุ้ง ดูเหมือนจะโมโหจริงๆนะนั่น
สุดท้ายก็พากันมานั่งที่โต๊ะรับแขก เคราะห์ดีที่วันนี้ไม่มีแขกมาเลยสักคน ไม่งั้นสองคนแรกที่มาอาจจะไปป่าวประกาศว่ามีคนแปลกๆอยู่ในสภาก็ได้
เพราะงั้นก็เลยไม่มีใครมาเลยสักคน
ดังนั้นจึงได้อธิบายให้พี่น้ำฟังไปพอประมาณ
พี่น้ำกอดอก
“หืมๆ สรุปคือน้องคริสเป็นลูกครึ่งซาตานผสมซัคคิวบัสสินะ? เกิดมาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย สำหรับน้องคริสที่เป็นคนต่างชาติน่ะ ถือว่าหายากรึเปล่า?”
ประธานรับคำถามขณะที่ฉันกับดิวรับฟังอย่างเงียบเชียบ
“แค่เป็นลูกซาตานก็หายากมากพอแล้ว คิดว่าซาตานตัวเป็นๆมันมีเยอะเหมือนกับผีไทยแบบพวกพี่หรือไง? เจ้าแห่งนรกเลยนะ …และยิ่งกับผมที่เป็นลูกครึ่งซัคคิวบัสอีกต่อนึงด้วย จะบอกว่ามีผมคนเดียวเลยก็ว่าได้”
แค่เป็นซาตานก็พบเจอยากแล้ว พอยิ่งเป็นลูกผสมก็ยิ่งหายากเข้าไปอีก …ฉันเข้าใจประมาณนั้นก็ถือว่าถูกต้องสินะคะ?
แต่ว่า ครั้งก่อนก็เคยคุยกับประธานเรื่องเชื้อสายที่สืบต่อตามเพศ จากที่ฟังๆเมื่อครู่ ซัคคิวบัสจะมีแค่ในเฉพาะเพศหญิงไม่ใช่เหรอ?
แต่ประธานก็เป็นผู้ชายนี่นา…
ขณะกำลังจะพูดความสงสัยนั้นออกไป พี่น้ำก็พูดขึ้นมาก่อน
“งั้นน้องคริสก็เป็น ‘อินคิวบัส’ สินะ?”
“อินคิวบัส???”
ฉันพูดทวน
ถ้าซัคคิวบัสก็พอจะเคยได้ยินอยู่บ้าง แต่อินคิวบัสนี่…ไม่รู้จักเลย
ประธานพยักหน้า
“อืม ผมได้สายเลือดซัคคิวบัสจากแม่ แต่เพราะกำเนิดออกมาเป็นเพศชายจึงถูกแปรเปลี่ยนเป็นอินคิวบัสแทน เพราะสองอย่างนั้นก็คือของอย่างเดียวกันล่ะนะ…”
งั้นก็คงจะคล้ายๆกระสือกับกระหังสินะนั่น? ถึงจะเป็นเชื้อสายที่กำเนิดในเพศที่แน่ชัด แต่ก็เป็นเชื้อสายเดียวกันอยู่ดี
แตกต่างจากผีนางรำที่มีในเฉพาะเพศหญิง
“งั้นตอนนี้น้องคริสก็ไม่ใช่ซาตาน แต่เป็นอินคิวบัสตัวเป็นๆเลยสินะ?”
“ถูกครึ่ง ไม่ถูกครึ่ง”
“หมายความว่าไงล่ะนั่น?”
“นี่ผมต้องมาอธิบายสภาพของตัวเองให้ฟังจริงๆใช่มั้ยเนี่ย…”
“แล้วจะปล่อยให้พวกพี่งงกันแบบนี้เหรอ? อีกอย่างเป็นคนในสภาด้วยกันก็ไม่เห็นต้องปิดบังเลยนี่”
“ออกมาจากปากคนที่โดดงานสภาเป็นว่าเล่นแล้ว ผมรู้สึกรับไม่ได้ไงไม่รู้”
ถึงจะบ่นไปเรื่อย แต่สุดท้ายประธานก็เริ่มพูด
“ลูกครึ่งน่ะนะ จะมีความพิเศษตรงที่ความเข้มข้นของเชื้อสายจะครึ่งๆพอดี ในกรณีของฉัน ก็คือซาตานห้าสิบและก็ซัคคิวบัสห้าสิบ”
““อืมๆ””
ฉันกับพี่น้ำตอบรับ ส่วนดิวก็ฟังเหมือนฟังผ่านๆ
ประธานพูดต่อ
“และจากเมื่อวานที่ฉันใช้พลังฝั่งซาตานมากเกินไป ความเป็นซาตานเลยอ่อนแรงลง จนความสามารถฝั่งซัคคิวบัสที่ฉันพยายามกดเอาไว้เกิดควบคุมไม่ได้ขึ้นมา”
“คะ ควบคุมไม่ได้งั้นเหรอ!!!?”
ถึงจะไม่เห็นหน้าพี่น้ำ แต่จากกิริยาก็เหมือนกำลังหน้าแดง …นี่ฉันพลาดประเด็นสำคัญตรงไหนไปรึเปล่าเนี่ย?
“นี่พลอย เห็นทำหน้าอึนๆมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เข้าใจรึเปล่าเนี่ย?”
ฉันที่โดนประธานถามมาอย่างนั้นก็พยักหน้าแรงๆ
“เข้าใจก็ดีแล้ว …แต่เรื่องนี้ไม่มีใครในโรงเรียนรู้เลยนะ ขอรบกวนให้ช่วยปิดไว้เป็นความลับของสภานักเรียนก็พอ”
“หืม? ประธานกังวลเรื่องเชื้อสายของตัวเองด้วยเหรอคะ?”
เห็นตามปกติก็ชอบตะโกนขู่ว่าเป็นลูกชายคนเดียวของซาตานแท้ๆ …หรือว่าซัคคิวบัสนี่จะน่าอายกว่าที่คิด?
“กังวลสิ…คือคนไทยส่วนใหญ่รู้จักซัคคิวบัสจากสื่อลามกอยู่แล้ว เกิดรู้ว่าฉันเป็นลูกครึ่งขึ้นมา ก็ไม่รู้จะโดนมองเป็นยังไง”
รู้จักจากสื่อลามกงั้นเหรอ?
ไม่ทันที่จะได้สงสัยต่อ
เมื่อพี่น้ำได้ยินดังนั้นก็ตะโกนแทรกทันที
“สื่อลามกที่ไหนกัน!? ก็แค่โดจินที่บอกเล่าเรื่องราวของซัคคิวบัสเท่านั้นเอง!”
“ไหนพี่ลองเอาไอ้โดจินอะไรที่ว่านั่นมาให้ผมดูหน่อยซิ?”
“หึหึหึ ก็คิดไว้อยู่แล้วว่าน้องคริสจะต้องพูดแบบนี้ พี่เปิดไว้ในโทรศัพท์รอแล้วล่ะค่ะ! เอ้า! เอาไปดูให้เต็มสองตา!!!”
ประธานรับโทรศัพท์พี่น้ำที่คาดว่าน่าจะเป็นโดจินอะไรนั่นอยู่
ประธานสะบัดนิ้วเลื่อนหน้าจอด้วยความนิ่งเฉย
“…‘จู่ๆผมก็ได้ทำพันธสัญญากับซัคคิวบัส จนสุดท้ายผมก็โดนเธอรีดน้ำจนหมดแรง’”
“นั่นก็แค่บางส่วนเท่านั้น น้องคริสลองเลื่อนไปอีกเรื่องดูสิ”
“…‘แฟนของผมเป็นซัคคิวบัส’ แค่อ่านชื่อเรื่องกับเลื่อนผ่านๆก็รู้แล้วว่าเป็นการ์ตูนเกี่ยวกับอะไร…”
“ไม่ใช่การ์ตูนสักหน่อย โดจินต่างหากล่ะ …แต่ก็อย่างที่น้องคริสเห็นนั่นแหละ ถึงจะเป็นโดสายมืดที่เล่นเรื่องใต้สะดือ แต่ซัคคิวบัสก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“เจ้าพวกนี้ก็แค่เขียนโดยใช้จินตนาการเอาล้วนๆต่างหาก …คือดูจากอุปนิสัยซัคคิวบัสที่อยู่โดจินพวกนี้แล้ว น่าจะเป็นพวกซัคคิวบัสชั้นสวะมากกว่า แล้วก็ซัคคิวบัสชั้นสวะน่ะ หน้าตาไม่ได้น่ารักแบบนี้หรอก”
“แล้วมันต่างจากที่น้องคริสเป็นตรงไหนเหรอ?”
“แม่ผมเป็นซัคคิวบัสชั้นสูงน่ะ สามารถบังคับกามอารมณ์ตัวเองได้อยู่แล้ว เพราะงั้นพวกร่า*ๆที่เห็นในสื่อลามกพวกนี้น่ะ ยังไงก็ไม่ใช่ซัคคิวบัสระดับเดียวกับแม่ผมแน่”
…ประธานกับพี่น้ำคุยอะไรกันอยู่นะ? ฟังแล้วก็เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็เหมือนจะไม่เข้าใจ
ฉันกุมคางก่อนจะลองหันไปหาดิว
ดิวก็รับสายตาของฉันก่อนส่ายศีรษะเบาๆ เหมือนจะบอกว่า ‘ไม่ต้องใส่ใจหรอก’
ประธานตบมือและเริ่มพูดเหมือนสรุป
“ก็เอาเป็นว่าฉันเป็นลูกครึ่งซัคคิวบัส และซัคคิวบัสระดับที่ฉันเป็นกับที่รู้จักโดยทั่วไปแตกต่างกันมากโข เพราะงั้นอย่าเอาไปบอกคนอื่นเด็ดขาดว่าฉันเป็นลูกครึ่งซัคคิวบัส ส่วนตอนนี้ก็จะขอใส่เสื้อคลุมนี่เพื่อไม่ให้ความสามารถส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างไปก่อน …เข้าใจนะ? ทั้งสามคน”
“…งืม”
“เข้าใจก็ได้”
ดิวกับพี่น้ำตอบแบบขอไปที
ประธานก็เหลือบมองมาที่ฉันผ่านความมืดใต้ฮู้ด
“เธอล่ะ? ฉันเป็นห่วงเธอสุดแล้วล่ะ ดูทรงเหมือนจะไม่เข้าใจที่คุยกันเลยสินะ?”
“ขอบคุณในความเป็นห่วงนะคะ…แต่ฉันว่าจะช่างๆมันไปน่ะค่ะ จะรับปากแค่ว่าจะไม่บอกคนอื่นนอกจากคนในสภาแล้วกันค่ะ”
“งั้นเหรอ?”
ประธานก็ตัดบทไปทั้งๆแบบนั้น
กระนั้น เหมือนพี่น้ำจะยังไม่หมดคำถาม
“นี่ แต่น้องคริสเป็นอินคิวบัสไม่ใช่เหรอ? เพราะงั้นความสามารถก็น่าจะแตกต่างจากซัคคิวบัสนี่?”
คุณพี่น่าจะรู้จักซัคคิวบัสจากโดจินอะไรนั่นอย่างดีเลยสินะคะนั่น? ไว้ฉันไปลองหาอ่านดูบ้างดีกว่า จะได้เข้าใจประธานมากขึ้น
“แล้วพี่น้ำคิดว่าสองอย่างนั้นมีความสามารถอะไรบ้างครับ?”
“ซัคคิวบัสต้องใช้น้ำกามจากผู้ชายเพื่อเติมพลังงาน ส่วนอินคิวบัสสามารถล่อลวงเพศตรงข้ามและถึงจุดสุดยอดได้ไม่จำกั…”
เพล้ง!
“โทรศัพท์พี่!!!?”
พี่น้ำมือกุมปากแล้วตะโกนเสียงดัง เพราะเมื่อครู่ประธานโยนโทรศัพท์ของพี่น้ำลงพื้นอย่างแรง
“ผมก็บอกแล้วว่าที่พี่รู้จักมันก็แค่สิ่งมีชีวิตชั้นสวะ อย่าเอามาเทียบกับที่ผมเป็นสิ”
“พะ พี่ก็ไม่ได้เอาไปเทียบสักหน่อย! ก็แค่ตอบตามที่น้องคริสถามเองนะ!?”
“คำตอบฟังไม่ค่อยเข้าหูเท่าไหร่น่ะครับ …อ๋อ ส่วนโทรศัพท์ไว้ผมซื้อคืนครับ”
“แล้วเซฟเกมของพี่อะ!? มันกู้คืนได้ที่ไหนกัน!?”
“ฮะฮะฮะ คิดค่าเสียหายมาเลยครับ ผมรวย”
พี่น้ำก้มลงเก็บซากโทรศัพท์พลางสะอื้น
“พี่จะไม่โกรธน้องคริสก็แล้วกัน …พี่อาจจะพูดแรงไปหน่อย ยังไงก็เป็นเรื่องชาติกำเนิดตัวเองเลยนี่เนอะ”
“เข้าใจก็ดีครับ อ่า…สำหรับความสามารถฝั่งอินคิวบัสของผม หลักๆก็มีแค่ปล่อยความรู้สึกเย้ายวนออกมารอบๆ จนทำให้คนที่อยู่ในบริเวณเกิดอาการลุ่มหลง”
ฉันฟังแล้วก็คิดตาม
“หรือที่ฉันเข้าไปคล้องแขนประธานก่อนหน้านี้ …ก็เพราะความสามารถอินคิวบัสของประธานสินะคะ?”
“อืม ฉันถึงได้ใส่ชุดคลุมนี่ไว้ไง เพื่อไม่ให้ความสามารถนั้นกระทบคนรอบข้าง”
“งั้นทำไมดิวถึงไม่มีปฎิกิริยาอะไรเลยล่ะคะ???”
เมื่อฉันถาม จู่ๆดิวที่นั่งอยู่ข้างๆก็สะดุ้งเฮือก
และกระซิบข้างหูดิฉัน
“…ไม่ต้องไปถามหรอกน่า…”
“ต้องถามสิคะ! จะบอกว่าเพราะฉันจิตอ่อนเลยโดนผลกระทบคนเดียวงั้นเหรอ? แบบนั้นรับไม่ได้ค่ะ!”
“…ไม่ใช่แบบนั้น…”
ดิวคอตกและทำหน้าลำบากใจ
ประธานก็เอียงคอก่อนเอ่ย
“ผลกระทบจะทวีคูณตามความชอบของเป้าหมายด้วยน่ะ…อย่างเธอก็คงจะเคารพฉันมากเลยสินะ? ถึงได้ออกอาการขนาดนั้น”
…ทวีคูณตามความชอบของเป้าหมาย งั้นเหรอ…
ราวกับความคิดลัดวงจรจนฉันทำหน้าเหม่อไปพักนึง
จนเมื่อไตร่ตรองได้ ก็รู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าว
“อะ…อะ…อะ…”
ฉันพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็มีแค่เสียงลมที่ออกมา
ประธานกอดอก
“หืมๆ งี้เองสินะ ถึงช่วงนี้เธอจะปากร้ายไปหน่อย แต่ใจจริงก็เคารพฉันในฐานะประธานมากพอดูเลยนี่นา? น่าภูมิใจจัง”
“…ก็บอกว่าไม่ต้องไปถามไง …ทำไมพลอยไม่ฟังฉันเลยล่ะ…”
ดิวกระซิบด้วยเสียงเหนื่อยใจ
ฉันก็รีบปรับอารมณ์โดยเร็วและทุบโต๊ะ
“ไม่ได้รู้สึกเคารพสักนิดเลยค่ะ! อย่ามาพูดล้อเล่นนะ!”
“เดี๋ยวๆ นี่เธอโมโหอะไรเนี่ย???”
“ฮะ ฮึ้ย…”
ฉันขบริมฝีปากแน่น
รู้สึกยิ่งแก้ตัวเท่าไหร่ สถานการณ์ก็ยิ่งแย่ลงไงไม่รู้…
“แหมๆ บรรยากาศวัยรุ่นจังเลยนะเนี่ย”
“…พี่น้ำ …อย่าแซว”
ดิวตำหนิพี่น้ำเบาๆ ก่อนที่จะมีเสียงเคาะประตู
“อะ เอ่อ สภานักเรียนใช่มั้ยครับ…ผมมีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย…”
“เข้ามาได้เลยค่า!!! ตอนนี้คิวว่างสุดๆเลย!!!”
ฉันรีบวิ่งไปเปิดประตูให้นักเรียนคนนั้นในพริบตา มาได้จังหวะเหมาะมากเลยค่ะ!
เขาก็ทำหน้างงๆก่อนเดินตามเข้ามา และพอสังเกตเห็นประธานที่ใส่ชุดแปลกๆนั่นก็ทำท่าจะกลับทันที แต่ฉันไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นพร้อมพูดด้วยเสียงเย็นยะเยือก
“ไม่ต้องไปสนใจเจ้าบ้านั่นหรอกค่ะ มีอะไรก็บอกให้ดิฉันช่วยได้เลยนะคะ”
“เอ่อ…แต่ว่า…”
“มีอะไรก็บอกให้ดิฉันช่วยได้เลยนะคะ”
“คะ ครับ…”
ประธานก็มองด้วยสีหน้าที่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ก่อนที่เขาจะพึมพำเบาๆ
“ยัยพลอยเป็นอะไรกันล่ะเนี่ย?”
อยู่ในช่วงสรุปเรื่องราวค่ะ!
สุดท้ายทั้งช่วงเวลาชมรมก็ได้ช่วยเหลือนักเรียนไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าได้เข้าใจในความเป็นลูกผสมของประธานมากขึ้น นับว่าเป็นเรื่องดีล่ะมั้งคะ?
ตอนช่วงกลับบ้านก็ถามประธานเพิ่มเติมไปนิดหน่อย
สิ่งที่ได้รู้เพิ่มมาก็คือ ในกรณีที่ส่วนใดส่วนหนึ่งมีอิทธิพลมากเกินไป จะส่งผลให้ตัวนิสัยของประธานเปลี่ยนไปนิดหน่อยด้วยน่ะค่ะ…
“อย่างตอนนี้เพราะความเป็นซัคคิวบัสสูงกว่าปกติ พวกเธอคงเห็นว่าฉันทำตัวแปลกๆไปนิดหน่อยใช่มั้ยล่ะ?”
“““ก็เหมือนเดิมนี่?”””
พวกฉันก็ตอบกันเป็นเสียงเดียว
…และในช่วงก่อนเข้านอน ฉันก็ลองเอาชื่อเรื่องที่ประธานพูดตอนนั้นไปหาอ่านดู เพื่อที่จะได้เข้าใจคำว่าซัคคิวบัสและอินคิวบัสมากขึ้น
แต่พอเปิดอ่านไปได้เดี๋ยวเดียว ก็เข้าใจเลยว่าทำไมประธานถึงได้โมโหขนาดนั้น
“โหๆ…ซัคคิวบัสเป็นแบบนี้เองเหรอเนี่ย…”
และในวันนั้นนั่นเอง ที่ฉันได้อ่านสื่อลามกที่เรียกว่าโดสายมืดเป็นครั้งแรก
เรียกว่าเปิดโลกให้ดิฉันมากพอดูเลย…
เดี๋ยวๆ ไม่ใช่สิ! กลับเข้าเรื่องๆ
…ที่สำคัญคือรู้สึกสงสัยสิ่งที่ประธานพูดตอนกำลังกลับบ้านนิดหน่อย
อย่างตอนนี้เชื้อสายซัคคิวบัสของประธานสูงกว่าปกติ ถ้าตามที่เจ้าตัวว่าก็คือ การที่ส่วนใดส่วนหนึ่งมีอิทธิพลมากเกินไป จะส่งผลให้นิสัยเจ้าตัวเปลี่ยนไปนิดหน่อย
แต่ถึงจะว่าแบบนั้น พวกฉันก็แยกความต่างไม่ออก
เพราะงั้นก็สันนิษฐานได้ว่า นิสัยตามปกติที่ดูบ้าๆบอๆของประธานนั้นมาจากฝั่งซัคคิวบัสเสียส่วนใหญ่ ดังนั้นแม้ฝั่งซัคคิวบัสจะสูงกว่า พวกฉันก็เลยไม่เห็นความแตกต่าง…
งั้นลองคิดในทางกลับกันดูนะคะ
ถ้าประธานใช้พลังฝั่งซัคคิวบัสมากเกินไปจนพลังฝั่งนั้นอ่อนแรงลง และส่งผลให้ความเป็นซาตานสูงขึ้นมาแทนล่ะ?
ถึงจะเข้าใจว่าประธานเป็นซาตานก็เถอะ แต่อย่างน้อยคนส่วนใหญ่ก็รู้ดีว่าสิ่งนั้นไม่ใช่ของจำพวกเทวดา แต่เป็นปีศาจตัวเป็นๆเลยมากกว่า
…ประธานที่มีความเป็นซาตานสูงกว่าปกติงั้นเหรอ…
“นิสัยจะกลายเป็นยังไงกันนะ? …รู้สึกว่าจะได้เห็นอะไรน่ากลัวขึ้นมาเลยนะนั่น…”
ฉันพึมพำเบาๆ อยู่คนเดียว
เคสที่ 9 ว่าด้วยเรื่องเชื้อสายของลูกชายเจ้าแห่งนรก (ซัคคิวบัส) /จบ