สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 334 สง่างาม
ตอนที่ 334 สง่างาม
กล่าวจบ รัชทายาทตบไปที่บ่าของเซียวหรงเหยี่ยน
ไป๋ชิงเหยียนส่งดาบคืนให้มู่หรงลี่ “ขอบพระทัยองค์ชายเพคะ”
ใบหูของมู่หรงลี่แดงก่ำ รับดาบมาเสียบเข้าฝัก จากนั้นกำปลายดาบแน่น ที่คือดาบที่เสี่ยวไป๋ไซว่แห่งกองทัพไป๋ ว่าที่ท่านอาสะใภ้ของเขาเคยใช้!
“เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เกรงใจเกินไปแล้วขอรับ” มู่หรงลี่ยิ้มให้ไป๋ชิงเหยียน กล่าวขึ้น “ได้มีโอกาสเห็นท่วงท่าต่อสู้อันสง่างามของเสี่ยวไป๋ไซว่คือโชคดีของข้า!”
เรื่องที่องค์หญิงหลี่เทียนฟู่แห่งซีเหลียงลอบสังหารไป๋ชิงเหยียนกลางงานแต่งงานแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวงราวกับติดปีกบินภายในครึ่งชั่วยาม
เมื่อไป๋จิ่นซิ่วที่ไม่ได้ไปร่วมงานแต่งงานในวันนี้ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นก็ถึงกับนั่งไม่ติดที่ สั่งให้คนเตรียมรถม้าแล้วรีบเดินทางไปยังจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่พร้อมกับอิ๋นซวงทันที
ตอนที่ไป๋จิ่นซิ่วไปถึง ไป๋ชิงเหยียนกำลังอาบน้ำอยู่
ได้ยินบ่าวรับใช้กล่าวว่าตอนไป๋ชิงเหยียนกลับมาที่จวน ร่างของหญิงสาวเต็มไปด้วยเลือด ไป๋จิ่นซิ่วใจกระตุกวูบในทันที
จนเมื่อไป๋ชิงเหยียนเดินออกมา ไป๋จิ่นซิ่วจูงไป๋ชิงเหยียนมาสำรวจร่างกายอย่างละเอียดแล้วพบว่าไม่มีบาดแผลอันใด นางจึงคลายกังวลลง
ตอนที่ไป๋จิ่นซิ่วมาถึงจวน ฮ่องเต้มีพระราชโองการลงมาแล้วว่าให้เหยียนอ๋องพาองค์หญิงของเขาเดินทางกลับไปยังซีเหลียงในวันพรุ่งนี้ พร้อมทั้งชดใช้เรื่องนี้ให้ต้าจิ้นอย่างดีที่สุด
“ตอนพี่กลับมา ท่านย่า ท่านแม่และบรรดาท่านอาสะใภ้ก็ลากพี่มาสำรวจร่างกายเช่นนี้เหมือนกัน เจ้ายังไม่วางใจอีกหรือ” ไป๋ชิงเหยียนฉุดให้ไป๋จิ่นซิ่วนั่งลง
“คุณหนูรองดื่มชาพุทราผ่อนคลายหน่อยเถิดเจ้าค่ะ” ชุนเถายื่นถ้วยชาให้ไป๋จิ่นซิ่ว
ดวงตาของไป๋จิ่นซิ่วยังคงแดงก่ำอยู่ หญิงสาวรับถ้วยชาจากชุนเถามาจิบเล็กน้อย
“เหตุใดพี่หญิงใหญ่ถึงไปที่จวนรัชทายาทได้เจ้าคะ”
“ได้รับข่าวว่าหลี่เทียนฟู่จะลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาท พี่จึงไปเตือนองค์รัชทายาท” ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้แม้แต่น้อย นางส่งสัญญาณให้ชุนเถา “ไปเอาของมา”
ชุนเถาพยักหน้า เดินไปหยิบกล่องสีดำออกมาจากชั้นวางหนังสือของไป๋ชิงเหยียน วางลงบนโต๊ะสีดำ จากนั้นพาบรรดาสาวใช้หลบฉากออกไปแล้วยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูด้วยตัวเอง
“สิ่งใดกันเจ้าคะ” ไป๋จิ่นซิ่ววางถ้วยชาในมือลง เปิดกล่องสีดำออก เมื่อเห็นว่าด้านในเต็มไปด้วยจดหมายจึงหยิบออกมาเปิดอ่าน
“นี่…คือความลับของหลี่เม่า!” ไป๋ชิงเหยียนยกถ้วยชาขึ้น เป่าไล่ไอร้อนในถ้วยเบาๆ
“เดือนหน้าพวกพี่จะย้ายกลับไปซั่วหยางแล้ว สิ่งนี้อยู่ในมือเจ้ามีประโยชน์กว่าอยู่กับพี่”
ไป๋จิ่นซิ่วกวาดสายตามองอย่างคร่าวๆ จากนั้นเบิกตาโพลง รีบเปิดจดหมายฉบับอื่นออกอ่าน “นี่คือลายมือของหลี่เม่าอย่างนั้นหรือเจ้าคะ”
“ท่านย่าบอกว่าใช่ก็ต้องใช่อย่างแน่นอน” ไป๋ชิงเหยียนหันไปหาไป๋จิ่นซิ่ว
“ความลับของหลี่เม่าที่ภรรยาของเหวินเจิ้นคังกุมไว้คงเป็นจดหมายฉบับหนึ่งที่หายไปจากกล่องนี้ นางคงมอบจดหมายฉบับนั้นให้หลี่เม่าเพื่อข่มขู่ให้หลี่เม่าช่วยชีวิตสามีของนาง! พวกเราไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้ เจ้าส่งคนจับตาดูจวนของหลี่เม่าให้ดี หากหลี่เม่าต้องการช่วยเหลือเหวินเจิ้นคัง เขาต้องทิ้งหลักฐานไว้อย่างแน่นอน นี่จะเป็นความลับอีกอย่างหนึ่งของเขา!”
“พี่หญิงใหญ่หมายความว่าพี่ต้องการให้หลี่เม่าเป็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายต่อไปหรือเจ้าคะ” ไป๋จิ่นซิ่วถาม
พี่หญิงใหญ่กล่าวว่ากุมความลับ ไม่ได้กล่าวว่าจะแฉเรื่องของหลี่เม่า
“ตอนนี้เราไม่มีคนในราชสำนัก แทนที่จะให้ผู้อื่นครองตำแหน่งนั้น มิสู้ให้หลี่เม่าที่เรากุมความลับของเขาเอาไว้ครองตำแหน่งนี้ต่อไปดีกว่า” ไป๋ชิงเหยียนจ้องไปที่ใบชาที่ลอยอยู่เหนือถ้วยชานิ่ง ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“เมื่อมีคนที่เหมาะสม เราค่อยลากหลี่เม่าลงมา ให้คนผู้นั้นขึ้นไปครองก็สิ้นเรื่อง เจ้าคอยเลือกคนเอาไว้ด้วยแล้วกัน”
ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือไปปิดฝากล่องสีดำ กล่าวกับไป๋จิ่นซิ่วยิ้มๆ
“ในมือของเจ้าในตอนนี้คือตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายเชียวนะ”
ไป๋จิ่นซิ่วพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
ชุนเถากำลังสนทนาอยู่กับอิ๋นซวงที่ด้านนอก อิ๋นซวงเปิดถุงเงินของตัวเองส่งให้ชุนเถา ในนั้นเต็มไปด้วยลูกอมมากมาย
ชุนเถาหยิบออกมาเม็ดหนึ่งพลางส่งเข้าปาก จากนั้นผูกถุงเงินไว้ที่เอวของอิ๋นซวงตามเดิม
“พี่กินแค่เม็ดเดียว ที่เหลือเจ้าเก็บไว้ให้ดี ต่อไปอย่าเก็บไว้ในอกอีก หากละลายจะเปื้อนเสื้อผ้าเอาได้”
อิ๋นซวงยิ้มให้อย่างใสซื่อพลางพยักหน้า กล่าวกับชุนเถา “คุณหนูรองใจดีให้ข้ากินลูกอม!”
ชุนเถาเอื้อมมือไปลูบศีรษะของอิ๋นซวงอย่างแผ่วเบา
“ชอบกินลูกอมถึงเพียงนี้เชียวหรือ ไม่กลัวฟันผุหรืออย่างไรกัน!”
“ไม่กลัวเจ้าค่ะ!” อิ๋นซวงฉีกยิ้มจนตาหยี
“แม่บอกว่าหากคิดถึงพ่อกับแม่ก็ให้กินลูกอม ถ้าข้ายอมไปกับพี่ชิงจู๋…แม่จะให้ข้ากินลูกอมเจ้าค่ะ!”
ชุนเถาได้ยินดังนี้ก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่จมูกทันที
นางนึกว่าอิ๋นซวงตะกละ ดังนั้นจึงชอบกินลูกอม…
ที่แท้อิ๋นซวงคิดถึงพ่อแม่ของตัวเองนี่เอง…
ชุนเถาจำได้ว่าแม่นางเสิ่นชิงจู๋เป็นคนพาอิ๋นซวงเข้ามาในจวน กล่าวว่าเด็กคนนี้กินจุเกินไป ทางบ้านเลี้ยงไม่ไหวจึงขายให้เสิ่นชิงจู๋
โชคดีที่อิ๋นซวงได้พบกับแม่นางเสิ่นชิงจู๋ มิเช่นนั้นไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นเช่นไรบ้าง
“อิ๋นซวงกลับมาแล้วหรือ!”
ถงหมัวมัวและฉินหมัวมัวเดินเข้ามาด้านในก็เห็นอิ๋นซวง พวกนางยิ้มออกมาอย่างเมตตา
“ฉินหมัวหมัว ถงหมัวมัว!” ชุนเถาย่อกายทำความเคารพ
“แม่บุญธรรม!” อิ๋นซวงลุกขึ้นยืน ดึงถุงเงินที่ชุนเถาผูกไว้ให้ที่เอวออก “กินลูกอมเจ้าค่ะ”
ถงหมัวมัวเอื้อมมือไปเขกศีรษะของอิ๋นซวงเบาๆ “เดี๋ยวแม่บุญธรรมจะทำของอร่อยให้เจ้ากิน เจ้ารออยู่ที่นี่กับพี่ชุนเถาก่อนนะ!”
กล่าวจบ ถงหมัวมัวยืนรายงานตัวอยู่ที่ด้านนอก เมื่อได้รับคำอนุญาตจากไป๋ชิงเหยียน นางจึงแหวกม่านเข้าไปด้านในพร้อมกับฉินหมัวมัว
ฉินหมัวมัวกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นซิ่วยิ้มๆ “คุณหนูใหญ่ คุณหนูรอง คนจากตระกูลบรรพบุรุษที่ซั่วหยางมาเจ้าค่ะ”
“มาอีกแล้วหรือ!” ไป๋จิ่นซิ่วขมวดคิ้ว
“คราวนี้ท่านประมุขมาด้วยตัวเองเจ้าค่ะ เขานำโฉนดจวนบรรพบุรุษมาด้วย กล่าวว่าจะนำมาคืนให้เจ้าค่ะ จากนั้นยังกล่าวอีกว่าผู้เฒ่าห้าย้ายออกจากจวนไป๋แล้วเจ้าค่ะ” สีหน้าของฉินหมัวมัวเต็มไปด้วยความยินดี
เป็นเรื่องที่คาดไว้อยู่แล้ว ไป๋ชิงเหยียนไม่รู้สึกแปลกใจอันใด “ต้องการพบข้าอย่างนั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ ท่านประมุขกล่าวว่าต้องการมอบโฉนดจวนให้ถึงมือคุณหนูใหญ่ด้วยตัวเองเจ้าค่ะ” ฉินหมัวมัวใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากพลางหัวเราะออกมาเบาๆ
“คุณหนูใหญ่กลับไปซั่วหยางคราวนี้คงทำให้ท่านประมุขหวาดกลัวไม่น้อยเลยนะเจ้าคะ”
ถงหมัวมัวช่วยไป๋ชิงเหยียนมวยผมแบบไม่ตึงมากนัก จากนั้นหยิบเสื้อผ้าสีขาวสะอาดตาแต่ดูหรูหราออกมาช่วยเปลี่ยนให้ไป๋ชิงเหยียน เมื่อเสร็จแล้วจึงเดินไปยังโถงรับรองหลักด้านหน้า
ระหว่างทางไป๋ชิงเหยียนได้ยินฉินหมัวมัวกล่าวว่าคนจากตระกูลบรรพบุรุษไป๋มากันไม่น้อย นอกจากประมุขไป๋แล้วยังมีผู้อาวุโสอีกสองสามคนติดตามมาด้วย
หญิงสาวเดาว่าประมุขไป๋คงอยากให้ผู้อาวุโสท่านอื่นของตระกูลบรรพบุรุษมาช่วยกดดันให้นางยอมปล่อยตัวทายาทตระกูลไป๋ที่ทำเรื่องชั่วช้าในซั่วหยางจนถูกจับขังคุก
จากคำบอกเล่าของฉินหมัว ประมุขไป๋ยังไม่ได้บอกเรื่องที่ทายาทตระกูลไป๋ถูกจับตัวไปให้ต่งซื่อรับรู้ กล่าวเพียงว่าต้องการนำโฉนดมาคืนให้นางเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดเท่านั้น
ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนไปถึงโถงรับรองหลัก ประมุขไป๋ลุกขึ้นยืนทำความเคารพนางอย่างนอบน้อมผิดกับก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด “จวิ้นจู่!”
ไป๋ชิงเหยียนเดินไปนั่งลงข้างกายของต่งซื่ออย่างวางมาด จากนั้นกล่าวขึ้นยิ้มๆ “ทุกท่านนั่งลงเถิด”
ประมุขไป๋รีบหยิบโฉนดจวนออกมา “ข้ามาครั้งนี้เพื่อคืนโฉนดจวนบรรพบุรุษให้จวิ้นจู่ คราวที่แล้วจวิ้นจู่คงมีเรื่องสำคัญ ยังไม่ทันสนทนากับเสร็จจึงจากไปเช่นนั้น ข้าจึงตั้งใจนำโฉนดมาคืนให้จวิ้นจู่ถึงที่!”