สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 285 ทั้งชีวิต
ตอนที่ 285 ทั้งชีวิต
“องค์หญิงได้รับบาดเจ็บที่ลำคอ นางขอบพระคุณความเมตตาของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” หลี่จือเจี๋ยยิ้มให้ฮ่องเต้อย่างขออภัย “หวังว่าฝ่าบาทจะไม่ทรงถือสาพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาท…” ชิวกุ้ยเหรินกระซิบกับฮ่องเต้ด้วยเสียงออดอ้อน “วันนี้ฝ่าบาททรงพระราชทานสมรสให้องค์รัชทายาท เหลียงอ๋องก็เป็นโอรสของพระองค์เช่นเดียวกัน ที่สำคัญเป็นเพราะเหลียงอ๋อง หม่อมฉันจึงมีโอกาสได้พบกับฝ่าบาท หากไม่ได้ตอบแทนบุญคุณของเหลียงอ๋อง หม่อมฉันรู้สึกไม่ดีอยู่ตลอดเวลาเพคะ ไม่สู้ถือโอกาสวันดีวันนี้พระราชทานสมรสให้เหลียงอ๋องกับเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เถิดเพคะ!”
มู่หรงอวี้ที่นั่งดื่มเหล้าอยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขามองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนผู้เป็นน้องชายในทันที
ทูตของต้าเหลียงไม่ได้ยินบทสนทนาของจักรพรรดิต้าจิ้นและชิวกุ้ยเหริน เขาเพียงรู้สึกว่าฮ่องเต้กำลังอารมณ์ดี จึงกล่าวขึ้นยิ้มๆ “ฝ่าบาท ต้าเหลียงของกระหม่อมยินดีแต่งงานเชื่อมไมตรีกับต้าจิ้นเพื่อสานสัมพันธ์อันดีกับต้าจิ้น กระหม่อมขอสู่ขอหนานตูจวิ้นจู่หญิงงามอันดับหนึ่งของต้าจิ้นไปเป็นพระชายาเอกขององค์ชายสี่แห่งต้าเหลียงพ่ะย่ะค่ะ”
หลู่เป่าหวาใช้ศอกกระทุ้งหลิ่วรั่วฟูเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม หลิ่วรั่วฟูกัดริมฝีปากแน่น ใบหน้าแดงก่ำมองไปยังเว่ยฉี่เหิง ทว่า กลับเห็นสายตาของเว่ยฉี่เหิงเอาแต่มองไปทางไป๋ชิงเหยียน หลิ่วรั่วฟูหน้าเสียทันที
“เราได้ยินว่าจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนเตรียมจะสู่ขอสตรีให้อ๋องเก้าเช่นเดียวกันไม่ใช่หรือ” จักรพรรดิต้าจิ้นมองไปทางจักรพรรดิต้าเยี่ยนยิ้มๆ “หากจักรพรรดิต้าเยี่ยนมีคนที่ถูกใจแล้วมิสู้กล่าวออกมาก่อน เราจะได้พระราชทานสมรสให้อีกคู่หนึ่งพร้อมกันในงานเลี้ยงนี้เลย”
มู่หรงอวี้ก้มศีรษะเล็กน้อย ดูสง่างามและสูงส่งยิ่งนัก “เดิมทีเราตั้งใจจะสู่ขอเกาอี้เซี่ยนจู่ให้น้องชายเก้า ทว่า เราคิดว่าอายุของทั้งสองคนแตกต่างกันมากเกินไป”
มู่หรงอวี้หันไปมองไป๋ชิงเหยียน “ต่อมาเราอยากสู่ขอเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ให้น้องชายเก้า ทว่า รับรู้มาว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่สาบานไว้ว่าจะไม่แต่งงาน เราจึงตั้งใจจะสู่ขอหนานตูจวิ้นจู่ ผู้ใดจะคิดว่าคืนเมื่อวานจะได้ยินว่าองค์ชายสี่แห่งต้าเหลียงได้สู่ขอหนานตูจวิ้นจู่ไปแล้ว และยังสาบานอีกว่าจะไม่รับอนุอีก เราคิดว่าน้องชายเก้าของเราคงสู้ไม่ได้ จึงล้มเลิกความคิดนี้ไป หากภายภาคหน้าน้องชายของเราพบหญิงสาวที่ถูกใจ หวังว่าฝ่าบาทจะทรงอนุญาตนะพ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยฉี่เหิงได้ยินคำตรัสของจักรพรรดิต้าเยี่ยนจึงรีบลุกขึ้นยืนขอบคุณ “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ช่วยให้กระหม่อมสมหวังพ่ะย่ะค่ะ”
หลู่เป่าหวาใช้พัดบังริมฝีปากพลางกล่าวออกมาเสียงเบา “นึกไม่ถึงเลยว่าจักรพรรดิต้าเยี่ยนจะรูปงามถึงเพียงนี้ และยังดูสุขุมอ่อนโยนอีกต่างหาก สมกับเป็นบุรุษรูปงามอันดับหนึ่งในใต้หล้าจริงๆ ! ท่านอ๋องเก้าเป็นพระอนุชาแท้ๆ ของจักรพรรดิต้าเยี่ยน คงรูปงามไม่ต่างกัน เจ้าลองไตร่ตรองอีกครั้งดีหรือไม่”
“เสด็จพ่อของข้ารับปากองค์ชายสี่ไปแล้ว! อีกอย่าง…” หลิ่วรั่วฟูเบ้ปาก “ต้าเยี่ยนเป็นเพียงแคว้นที่ยากจนเท่านั้น แต่งงานไปมิต้องไปลำบากหรอกหรือ”
เว่ยฉี่เหิงหันกลับไปก็เห็นไป๋ชิงเหยียนยังนั่งอยู่ที่เดิม ท่าทีไม่ได้ทุกข์ร้อนแต่อย่างใด ชายหนุ่มจึงเดินไปหาไป๋ชิงเหยียน
หลิ่วรั่วฟูเบิกตาโพลง แววตาเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง
เว่ยฉี่เหิงปลดป้ายหยกที่ผูกไว้ที่เอวออกแล้วยื่นให้ไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อม “จวิ้นจู่ ข้าคือองค์ชายสี่เว่ยฉี่เหิงแห่งต้าเหลียง เมื่อวานข้าเห็นท่านที่ทะเลสาบเถาอิ๋นจากที่ไกลๆ ข้าหลงรักจวิ้นจู่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อยากสู่ขอจวิ้นจู่ไปเป็นชายาเอก เหิงสาบานกับฝ่าบาทแล้วว่าชาตินี้จะมีจวิ้นจู่เป็นภรรยาเพียงคนเดียว ไม่มีวันรับอนุเด็ดขาด ทั้งชีวิตขอมีเพียงจวิ้นจู่เพียงคนเดียวเท่านั้น”
เซียวหรงเหยี่ยนกำเหล้าในมือแน่น เงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนตกใจ ได้ยินว่าองค์ชายสี่แห่งต้าเหลียงสู่ขอหนานตูจวิ้นจู่มิใช่หรือ หญิงสาวมองไปทางหลิ่วรั่วฟู
หลิ่วรั่วฟูหน้าซีดเผือด กำหมัดแน่น สายตาที่ไป๋ชิงเหยียนมองมาที่นางหมายความว่าอย่างไรกัน เยาะเย้ยนางอย่างนั้นหรือ!
ใจของชิวกุ้ยเหรินกระตุกวูบ รีบกล่าวขึ้น “ฝ่าบาท เมื่อวานองค์ชายสี่สู่ขอหนาตูจวิ้นจู่มิใช่หรือเพคะ ฝ่าบาทยังเรียกเสียนอ๋องมาเข้าเฝ้าเพราะเรื่องนี้อยู่เลย เหตุใดองค์ชายสี่…”
เรื่องที่องค์ชายสี่เว่ยฉี่เหิงเข้าวังมาสู่ขอหนานตูจวิ้นจู่จากจักรพรรดิต้าจิ้นและเสียนอ๋องแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวง เพราะเว่ยฉี่เหิงสาบานว่าชีวิตนี้จะไม่รับอนุอีก การแต่งงานครั้งนี้จึงกลายเป็นที่กล่าวขานของคนทั้งเมืองหลวง
ผู้หวังดีชี้ให้เว่ยฉี่เหิงมองไปทางหลิ่วรั่วฟู “องค์ชายสี่จำคนผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ ผู้นี้ไม่ใช่หนานตูจวิ้นจู่ นางคือเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ หนานตูจวิ้นจู่อยู่ทางนั้นพ่ะย่ะค่ะ…”
เว่ยฉี่เหิงมองตามนิ้วมือของคนผู้นั้นไปทางหลิ่วรั่วฟู เห็นหลิ่วรั่วฟูหน้าซีดเผือด สีหน้าของเสียนอ๋องในตอนนี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าใด
เรื่องที่องค์ชายสี่เว่ยฉี่เหิงคุกเข่าอ้อนวอนขอให้เสียนอ๋องยกหนานตูจวิ้นจู่ให้เขา เสียนอ๋องผู้รักภาพลักษณ์ยิ่งกว่าสิ่งใดผู้นี้เป็นคนกระจายข่าวออกไปเอง ผู้ใดจะคิดว่าองค์ชายสี่ผู้นี้เพิ่งจะขอบุตรสาวของเขาแต่งงานไปหยกๆ ตอนนี้กลับไปสู่ขอไป๋ชิงเหยียนแต่งงานอีกคนเช่นนี้
“ห้ะ!” เว่ยฉี่เหิงมองไปทางหลิ่วรั่วฟูอย่างงุนงง จากนั้นหันกลับไปมองไป๋ชิงเหยียนที่ลุกขึ้นมาจากที่นั่งแล้ว “แต่ว่า…มีคนกล่าวว่าหนานตูจวิ้นจู่คือหญิงงามอันดับหนึ่งในต้าจิ้นมิใช่หรือ เหตุใด…”
คำกล่าวอย่างงุนงงของเว่ยฉี่เหิงเพียงประโยคเดียวทำให้หลิ่วรั่วฟูไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใดแล้ว
องค์ชายสี่แห่งต้าเหลียงหมายความว่าอย่างไรกัน! หมายความว่าหลิ่วรั่วฟูไม่เหมาะสมกันสมญานามหญิงงามอันดับหนึ่งในใต้หล้าอย่างนั้นหรือ
สตรีตระกูลสูงศักดิ์จำนวนไม่น้อยที่ไม่ค่อยถูกชะตากับหลิ่วรั่วฟูใช้พัดปิดปากหัวเราะออกมา
หลิ่วรั่วฟูเป็นคนหยิ่งยโสและมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเองมาก นางจะทนต่อความอัปยศครั้งนี้ได้อย่างไรกัน
ทว่า หลิ่วรั่วฟูกลับลุกขึ้นยืนยิ้มๆ ทำความเคารพอย่างนอบน้อมจากนั้นกล่าวขึ้น “ที่แท้องค์ชายสี่เข้าใจผิดคิดว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่คือหม่อมฉันนี่เอง หญิงงามอันดับหนึ่งเป็นเพียงคำเยินยอ หลิ่วรั่วฟูไม่อาจรับไว้เพคะ เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เป็นผู้มีความดีความชอบมากที่สุดที่ทำให้แคว้นต้าจิ้นของเราได้รับชัยชนะในสงครามที่หนานเจียงในครั้งนี้เพคะ องค์ชายสี่สายพระเนตรแหลมคมยิ่งนัก ยินดีกับเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ด้วยนะเจ้าคะ”
หลิ่วรั่วฟูจงใจเอ่ยเตือนเว่ยฉี่เหิงว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นสตรีอำมหิตที่สังหารทหารยอมจำนนนับแสนของซีเหลียง หญิงสาวต้องการเห็นเว่ยฉี่เหิงที่เมื่อครู่สาบานอย่างกล้าหาญ ถอยหนีจากไป๋ชิงเหยียนอย่างหวาดกลัวหลังรับรู้ฐานะที่แท้จริงของนาง
เช่นนี้ เรื่องน่าอายจะได้ตกอยู่ที่ไป๋ชิงเหยียนแทน
เซียวหรงเหยี่ยนเงยหน้าขึ้น ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย มักมีคนไม่เจียมตัวชอบคิดว่าตัวเองสามารถเอาชนะไป๋ชิงเหยียนได้อยู่เรื่อย
ทว่า ช่างน่าเสียดาย ไป๋ชิงเหยียนเก่งกาจทั้งการตีฝีปากและการคิดวางแผน คนที่นั่งอยู่ในนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเป็นศัตรูกับไป๋ชิงเหยียนได้
เมื่อเห็นว่าบุตรสาวสุดรักสุดหวงของตัวเองได้รับความไม่เป็นธรรม เสียนอ๋องจะทนอยู่ได้อย่างไร เขาก้มหน้าครุ่นคิดถึงท่าทีที่ฮ่องเต้มีต่อไป๋ชิงเหยียนพักหนึ่ง จากนั้นกล่าวต่อจากบุตรสาว “ในแคว้นต้าจิ้น ไม่เพียงแต่มีใบหน้างดงามเท่านั้นจึงจะได้สมญานามว่าหญิงงามอันดับหนึ่ง บุตรสาวของข้าโดดเด่นทั้งมารยาท นิสัยและความรู้ความสามารถ เช่นนี้จึงจะเรียกได้ว่าหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งต้าจิ้น! คุณธรรม วาจา ความสามารถ รูปลักษณ์ คุณธรรมมาเป็นอันดับหนึ่ง รูปลักษณ์อยู่เป็นอันดับสุดท้าย!”
เสียนอ๋องคืออ๋องต่างสกุลคนสุดท้ายของแคว้นต้าจิ้น ดังนั้นเขาจึงระมัดระวังและรอบคอบเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาชอบสังเกตสีพระพักตร์ของฮ่องเต้ สัญชาตญาณบอกเขาว่า…ฮ่องเต้ชอบเห็นไป๋ชิงเหยียนอับอาย ดังนั้นเขาจึงกล่าวต่ออย่างไม่เกรงใจ
“คนต้าจิ้นไม่แต่งงานกับผู้ใดเพียงเพราะหน้าตาเท่านั้น ความอ่อนโยนของสตรีคือความงาม ความมีเมตตาคือคุณธรรม สตรีที่ร่างเต็มไปด้วยไอสังหารเช่นนี้งดงามที่ใดกัน สตรีที่แข็งกระด้างเกินไปจะปกครองตระกูล ปรนนิบัติพ่อแม่สามี ดูแลสามีและอบรมสั่งสอนบุตรได้อย่างไรกัน ที่สำคัญไปกว่านั้น ไม่สนใจเกียรติและมารยาทของตัวเอง ยั่วยวนองค์ชายสี่ จงใจปิดบังฐานะของตัวเองทำให้ผู้อื่นกระอักกระอ่วน ช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก!”