สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 274 ภรรยาที่ไม่อยู่โอวาทสามี
ตอนที่ 274 ภรรยาที่ไม่อยู่โอวาทสามี
ไป๋ชิงเหยียนข่มความโกรธไว้ในใจ ย่อกายให้เซียวหรงเหยี่ยนเล็กน้อย ลดความเกรี้ยวกราดลง
“เซียวเซียนเซิงมีบุญคุณต่อตระกูลไป๋ ไป๋ชิงเหยียนไม่เคยลืม เซียวเซียนเซิงไม่ต้องย้ำหรอกเจ้าค่ะ”
กล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองมู่หรงอวี้ ย่อกายทำความเคารพ “ไป๋ชิงเหยียนล่วงเกินฝ่าบาท หวังว่าฝ่าบาทจะไม่ถือสาเพคะ”
มู่หรงอวี้ยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม “วันนี้ไม่มีจักรพรรดิของต้าเยี่ยน จวิ้นจู่ไม่ต้องทำเช่นนี้หรอก ข้าก็ล่วงเกินท่านเช่นเดียวกัน ถือว่าหายกันก็แล้วกัน”
ยังไม่ทันที่บรรยากาศในเรือจะผ่อนคลายลง เยว่สือเข้ามารายงาน “นายท่าน มีเรืออีกลำเข้ามาใกล้ อ้างว่าเป็นเรือของตระกูลต่งขอรับ”
“เช่นนั้นไป๋ชิงเหยียนขอตัวก่อนนะเพคะ”
ไป๋ชิงเหยียนย่อกายทำความเคารพ จากนั้นหันไปมองต่งฉางเซิง “ท่านพี่!”
ต่งฉางเซิงยิ้มอย่างกระอักกระอวน ในเมื่อบรรยากาศตึงเครียดถึงเพียงนี้แล้ว ไม่สู้จากไปเสียเนิ่นๆ จะดีกว่า เขากำหมัดคาราวะมู่หรงอวี้และเซียวหรงเหยี่ยน “พวกเราขอตัวก่อนนะขอรับ!”
ดวงตาของมู่หรงอวี้เคร่งขรึมลง พยักหน้าพลางพามู่หรงลี่ขึ้นไปด้านบน
ต่งถิงเจินมองส่งมู่หรงอวี้เดินขึ้นไปด้านบน จากนั้นทำความเคารพแล้วพาน้องสาวบุตรอนุทั้งสองเดินออกไปจากเรือ ไป๋จิ่นจื้อเม้มปากพลางทำความเคารพเซียวหรงเหยี่ยนแล้วเดินจากไป
ต่งฉางเซิงขึ้นไปบนเรือของตนเองก่อน จากนั้นช่วยรับตัวบรรดาน้องสาวขึ้นมาจากเรือของเซียวหรงเหยี่ยน
ไป๋ชิงเหยียนก้มศีรษะให้เซียวหรงเหยี่ยนเล็กน้อย ทว่า ขณะก้าวขาข้ามกาบเรือกลับโดนเซียวหรงเหยี่ยนกระชากแขนกลับไปในตัวเรือของชายหนุ่มเสียก่อน
แผ่นหลังของไป๋ชิงเหยียนกระแทกเข้ากับกำแพงไม้เบาๆ หญิงสาวรู้สึกเจ็บเล็กน้อยแต่ไม่แสดงออกใดๆ ทั้งสิ้น พยายามข่มโทสะที่มีอยู่ในใจพลางมองไปที่เซียวหรงเหยี่ยนที่ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ นางรู้ดีว่าเซียวหรงเหยี่ยนหูไว ชายหนุ่มย่อมได้ยินสิ่งที่นางกล่าวกับจักรพรรดิของต้าเยี่ยนแน่นอน
หญิงสาวเบนสายตามองไปด้านนอก เห็นต่งฉางเซิงและต่งฉางหยวนกำลังประคองต่งถิงเจินขึ้นไปบนเรือของตระกูลต่ง ไม่ได้สังเกตพวกนาง หญิงสาวจึงกระซิบถามเสียงเบาหวิว
“เซียวเซียนเซิงรู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นคนกล่าวจริงทำจริง หากจักรพรรดิต้าเยี่ยนกล้ายุ่งกับน้องหญิงสี่ของข้า อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน”
มือของเซียวหรงเหยี่ยนที่จับข้อมือเล็กของไป๋ชิงเหยียนอยู่กระชับแน่น ชายหนุ่มลูบไปที่ข้อมือของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา “นี่ไม่ใช่ความต้องการของข้า”
“ไม่ว่าเป็นความต้องการของผู้ใด สำหรบข้ามันก็ไม่ต่างกัน ทุกคนมีขีดจำกันของตัวเอง ต้าเยี่ยนของพวกท่านอย่ารังแกกันให้มากจนเกินไป! เบื้องหลังของข้ามีแค่ตระกูลไป๋ ทว่า เบื้องหลังของพวกท่านคือต้าเยี่ยนทั้งแคว้น!”
ไป๋ชิงเหยียนพยายามชักมือออกจากการเกาะกุมของเซียวหรงเหยี่ยน ทว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ดึงไม่ออก นางโมโหถึงขีดสุด “ปล่อยมือ!”
เซียวหรงเหยี่ยนขยับเข้าไปใกล้หญิงสาวอีกหนึ่งก้าว ไป๋ชิงเหยียนไม่มีทางถอยหนีได้อีก หญิงสาวกัดฟันกรอด มือดันอยู่ที่แผงอกที่อยู่จนเกือบชิดกายของนาง
“ที่เจ้าโกรธเป็นเพราะเสด็จพี่ของข้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคุณหนูสี่ตระกูลไป๋ หรือเป็นเพราะคิดว่าข้าชอบคุณหนูสี่ตระกูลไป๋กันแน่” แววตาของเซียวหรงเหยี่ยนเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย
“แตกต่างกันด้วยหรือ” ไป๋ชิงเหยียนถามกลับ
เซียวหรงเหยี่ยนขยับเข้าไปใกล้อีกนิด อยู่ในระยะที่ใกล้จนอันตราย น้ำเสียงแหบพร่าของชายหนุ่มดังขึ้น
“แตกต่างสิขอรับ! แตกต่างมากด้วย คุณหนูใหญ่ไป๋เฉลียวฉลาดถึงเพียงนี้ กำลังแกล้งโง่ต่อหน้าข้าอย่างนั้นหรือขอรับ”
ลมหายใจของเซียวหรงเหยี่ยนใกล้อยู่แค่ปลายจมูก ไป๋ชิงเหยียนกลั้นหายใจ ขนตาสั่นไหวอย่างรุนแรง
เขากล่าวออกไปอย่างโจ่งแจ้งชัดเจนจนแทบจะเป็นการสารภาพออกไปตรงๆ อยู่แล้ว
ประโยคแรกคือทำไปเพื่อปกป้องน้องสาว อย่างหลังคือ…โมโหเพราะเขา
“พี่หญิงใหญ่ล่ะ” ไป๋จิ่นจื้อหันไปไม่เห็นไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนผลักเซียวหรงเหยี่ยนออกอย่างรวดเร็ว จัดเครื่องแต่งกายของตัวเองให้เรียบร้อยจากนั้นเดินออกมาจากห้องด้านในเรือ
เมื่อต่งฉางหยวนเห็นไป๋ชิงเหยียน แววตาของเขามีรอยยิ้มอย่างปิดไม่มิด ถลาเข้าไปด้านหน้า ส่งมือให้ไป๋ชิงเหยียนอย่างดีใจ “ญาติผู้พี่…”
ไป๋ชิงเหยียนจับมือของต่งฉางเซิงและต่งฉางหยวนพลางก้าวออกไปจากเรือของเซียวหรงเหยี่ยน
เซียวหรงเหยี่ยนหรี่ตาแคบลง แววตาที่มองไปยังต่งฉางหยวนไม่เป็นมิตร ทว่า กลับยิ้มอย่างอ่อนโยนตามฉบับ
เฝิงเย่ายืนอยู่ข้างกายของมู่หรงอวี้ที่กำลังดื่มชาอยู่ เอ่ยถามเสียงเบา “ฝ่าบาท คุณหนูใหญ่ไป๋ผู้นี้ จะให้หาทางกำจัดหรือไม่ขอรับ…”
เฝิงเย่าได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นที่หนานเจียง เขารู้สึกหวาดระแวงในตัวไป๋ชิงเหยียนมาก
“เราเดินทางมาต้าจิ้นในครั้งนี้เพื่อเจริญสัมพันธไมตรี ไม่ใช่เพื่อสร้างศัตรู…”
มู่หรงอวี้ไตร่ตรองความหมายในถ้อยคำของไป๋ชิงเหยียน ขอแค่ไม่ทำร้ายตระกูลไป๋ ไป๋ชิงเหยียนก็จะไม่คิดเป็นศัตรูกับต้าเยี่ยน
ที่สำคัญวิธีที่ยึดหนานเหยี่ยนกลับคืนมาได้โดยไม่เกิดการนองเลือดคือวิธีที่ไป๋ชิงเหยียนเสนอแนะให้จริงๆ
หมายความว่าไป๋ชิงเหยียนไม่สนใจผลประโยชน์ของแคว้นต้าจิ้น
มู่หรงลี่มองดูเรือของตระกูลต่งค่อยๆ แล่นจากไปไกล เด็กชายเม้มปากแน่น วันนี้เขายังไม่ได้มีโอกาสสนทนากับเสี่ยวไป๋ไซว่ของกองทัพไป๋เลย
“เสด็จพ่อ เสี่ยวไป๋ไซว่โกรธที่เสด็จพ่อจะสู่ขอคุณหนูสี่ตระกูลไป๋ให้ท่านอาเก้าหรือพ่ะย่ะค่ะ”
สิ้นเสียของมู่หรงลี่ เขาเห็นเซียวหรงเหยี่ยนเดินขึ้นมาพอดี
“ท่านอาเก้า!” มู่หรงลี่ลุกขึ้นยืนส่งยิ้มให้
เซียวหรงเหยี่ยนทำความเคารพมู่หรงอวี้จากนั้นกล่าวอย่างจริงจัง
“เสด็จพี่ทรงอย่าจับคู่ให้ข้าแบบผิดๆ อีกเลยขอรับ”
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว หากมู่หรงอวี้ยังไม่รู้อีกว่าเซียวหรงเหยี่ยนชอบสตรีนางใดกันแน่ก็คงโง่เต็มทีแล้ว
“พี่ไม่มีปัญญาสู่ขอเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ให้เจ้าได้จริงๆ จักรพรรดิต้าจิ้นไม่มีทางยอมให้เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่แต่งงานไปอยู่แคว้นอื่นแน่นอน”
มู่หรงอวี้วางถ้วยชาในมือลง ดวงตาที่มองไปทางน้องชายเมไปด้วยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน
เมื่อครู่ตอนที่เห็นนิสัยร่าเริงของไป๋จิ่นจื้อ มู่หรงอวี้ยังสงสัยอยู่เลยว่าไป๋จิ่นจื้อจะกล่าวถ้อยคำเช่นวีรบุรุษตัวน้อย ชักดาบช่วยคนอ่อนแอ วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ปกป้องบ้านเมืองคุ้มครองชาวบ้านออกมาได้อย่างไรกัน
ต่อมาไป๋ชิงเหยียนแสดงความคมในฝักของตัวเองออกมาเพราะไป๋จิ่นจื้อ กล่าวว่าที่ช่วยให้ต้าเยี่ยนยึดหนานเยี่ยนกลับคืนเป็นเพราะชาวบ้านได้ประโยชน์ มู่หรงอวี้จึงเดาว่าเยว่สืออาจเข้าใจผิด
บัดนี้เมื่อได้ยินเซียวหรงเหยี่ยนกล่าวว่าอย่าจับคู่ให้อย่างผิดๆ อีก มู่หรงอวี้จึงเข้าใจแจ่มแจ้ง
“ดังนั้น เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่รู้ฐานะที่แท้จริงของเจ้า รักใคร่ชอบพอเจ้า นางถึงโกรธอย่างนั้นหรือ” มู่หรงอวี้ถาม
“เสด็จพี่ ท่านเป็นพี่ชายคนโต นางก็เป็นพี่สาวคนโต นางรักและปกป้องบรรดาน้องๆ ข้านึกว่าท่านจะเข้าใจความโกรธของนางเสียอีก” เซียวหรงเหยี่ยนยกยิ้มมุมปาก
“ว้าว…ท่านอาเก้าชอบเสี่ยวไป๋ไซว่!” มู่หรงลี่แสดงสีหน้ากระจ่างแจ้งออกมา
“ท่านอาเก้า ต่อไปเสี่ยวไป๋ไซว่จะกลายมาเป็นท่านอาสะใภ้เก้าของข้าหรือไม่ขอรับ”
มู่หรงอวี้ใช้นิ้วเคาะไปที่โต๊ะเป็นพักๆ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นถอนหายใจออกมา
“อาเหยี่ยน หากเจ้าชอบผู้อื่น พี่ยังช่วยเจ้าคิดหาวิธีได้ ทว่า หากเป็นไป๋ชิงเหยียน เจ้าลองคิดถึงบรรดาศักดิ์ของนางดูสิ เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่…จักรพรรดิต้าจิ้นจะยอมปล่อยให้นางแต่งงานไปอยู่ต่างแคว้นง่ายๆ ได้อย่างไรกัน”
“ข้ารู้ขอบเขตดีขอรับ”
เมื่อเห็นว่าเซียวหรงเหยี่ยนตัดสินใจไปแล้ว มู่หรงอวี้จึงไม่อยากทำให้น้องชายรู้สึกไม่สบายใจ เขาลูบไปที่ศีรษะของมู่หรงลี่
“ดูเหมือนว่าพ่อต้องหาเวลาไปขอขมาท่านอาสะใภ้เก้าในอนาคตของเจ้าเสียแล้ว ไม่เช่นนั้นอาจทำให้การแต่งงานของท่านอาเก้าของเจ้ายุ่งยากได้ ท่านอาเก้าของเจ้าหาอาสะใภ้ที่เก่งกาจเช่นนี้ให้เจ้า เกรงว่าต่อไปคงเป็นภรรยาที่ไม่อยู่ในโอวาทของสามีแน่”
แม้มู่หรงอวี้จะกล่าวเช่นนี้ ทว่า มู่หรงอวี้ก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี ฐานะของไป๋ชิงเหยียนค่อนข้างพิเศษ ความสามารถเก่งกาจหาตัวจับได้ยาก เรื่องการแต่งงานของน้องชายเขา…คงไม่อาจสำเร็จได้ในเร็ววันนี้แน่
เฝิงเย่ารู้ซึ้งทันที ที่แท้คนที่นายน้อยชอบคือไป๋ชิงเหยียนผู้นั้นเองหรือนี่
เซียวหรงเหยี่ยนนั่งลงพลางยกถ้วยน้ำชาขึ้น กล่าวเปลี่ยนเรื่อง
“เสด็จพี่ส่งคนไปพบทูตของหรงตี๋แล้วหรือไม่ขอรับ”