สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1523 มีไหวพริบP
ตอนที่ 1523 มีไหวพริบ
“ทูลฝ่าบาท ชาวบ้านอยากไปจากเมืองเพราะในเมืองไม่มียารักษาโรคระบาดพ่ะย่ะค่ะ เมื่อสามวันก่อนเสิ่นซือคงเดินทางไปยังเมืองหลิวเซียงซึ่งมีโรคระบาดหนักที่สุด ชาวบ้านทราบว่าเสิ่นซือคงไปจากเมืองจึงคิดว่าเขาทิ้งเมืองไป ชาวบ้านกลัวว่าตัวเองจะเอาชีวิตไม่รอดจึงไม่อยากอยู่รอความตายในเมืองพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทได้โปรดพระราชทานอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
แม้เมื่อครู่เฉียนหย่งจงจะตะโกนด่าว่าชาวบ้านเหล่านั้นเป็นคนป่าเถื่อนไร้เหตุผล ทว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าฝ่าบาทจึงอดแก้ต่างแทนชาวบ้านเหล่านั้นไม่ได้ เขากลัวว่าฝ่าบาทจะพาลโกรธชาวบ้านเหล่านั้น
ไป๋ชิงเจวี๋ยที่คลุมใบหน้าด้วยผ้าคลุมหน้าชุบยาก้าวเข้าไปกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่ พวกเราเข้าไปในเมืองก่อนเถิดขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นกล่าวขึ้น “ให้หลิ่วผิงคุ้มกันบรรดาหมอและยารักษาโรคเข้าไปในเมืองก่อน ไปดูอาการของชาวบ้านที่โรงพักรักษาตัวก่อน! ให้หลูผิงคุ้มกันท่านหมอหงให้ดี”
“ขอรับ” ไป๋ชิงเจวี๋ยรับคำสั่ง
“เฉียนหย่งจง เจ้าลุกขึ้นเถิด”
เฉียนหย่งจงได้ยินจึงรีบก้มศีรษะคำนับ “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”
เขาเบี่ยงกายหลบไปยืนอยู่ด้านข้าง จากนั้นตะโกนเสียงดัง “รับเสด็จฝ่าบาทเข้าเมือง!”
“รับเสด็จฝ่าบาทเข้าเมือง!”
ทหารคุ้มกันเมืองพากันคุกเข่าลงบนพื้นและตะโกนลั่น
ถึงเวลานี้ชาวบ้านในเมืองจึงเชื่อว่าจักรพรรดินีต้าโจวเสด็จมาที่นี่จริงๆ…
“จักรพรรดินีต้าโจวเสด็จมาจริงๆ ด้วย!”
“เหตุใดจึงมาในเวลานี้กัน มาเพื่อพาหมอและยารักษาโรคมาให้พวกเราอย่างนั้นหรือ”
ไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าศึกสีขาวเข้าไปในเมืองอย่างช้าๆ แม้แต่ชาวบ้านที่มีความกล้าหาญยังไม่กล้าเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน พวกเขาก้มหน้าต่ำจนแทบชิดกับพื้น
ไป๋ชิงเหยียนยังคงนั่งอยู่บนหลังม้าศึก หญิงสาวกระชากบังเหียนให้หยุดลง จากนั้นมองไปรอบกาย นางมองไปทางชาวบ้านที่คุกเข่าอยู่บนพื้นแล้วกล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “ตอนนี้ต้าเยี่ยนเกิดโรคระบาดอย่างรุนแรง เมืองแต่ละเมืองของต้าเยี่ยนแทบเอาตัวเองไม่รอด ระหว่างที่เราพากองทัพและหมอเดินทางมาที่นี่เราเห็นว่าทุกเมืองต่างปิดเมืองหมดแล้ว ชาวบ้านที่ติดโรคระบาดถูกทิ้งอยู่นอกเมือง ศพเกลื่อนกระจายไปทั่ว ต้าโจวอยากช่วยเหลือ ทว่า ต้าโจวต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของชาวบ้านในแคว้นเช่นเดียวกัน!”
ม้าศึกของไป๋ชิงเหยียนชูขาหน้าสองข้างขึ้นเล็กน้อย มันพ่นควันขาวออกมาทางจมูก ขนยาวสีขาวถูกปกคลุมด้วยไอหมอกบางๆ
“ดังนั้นชาวบ้านที่อยากออกไปจากเมืองนี้จะไม่ใช่ชาวบ้านของต้าโจวอีกต่อไป ต้าโจวจะไม่สนใจความเป็นความตายของพวกเจ้าอีก!” ไป๋ชิงเหยียนมองดูชาวบ้านที่ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมาแรงพลางกล่าวเสียงหนักแน่น “เราจะอยู่กับทุกคนในเมืองนี้ ผู้ที่ไม่อยากติดโรคระบาดจงฟังคำสั่งของต้าโจวอย่างเคร่งครัด! เมื่อทุกคนร่วมใจกันเราจะมีพลังมหาศาล ทว่า หากทุกคนต่างแตกแยก จะไม่มีทางเกิดผลสำเร็จ ขอเพียงทุกคนในเมืองร่วมแรงร่วมใจกัน พวกเราต้องข้ามผ่านปัญหาในครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอน! ตอนนี้เมืองกำลังตกอยู่ในอันตราย เราจำเป็นต้องใช้กฎอย่างเข้มงวด หากผู้ใดไม่ยอมทำตามจะถูกสังหารทิ้งทันที!”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างเชื่องช้า ทว่า น้ำเสียงแฝงไปด้วยความปลอบโยนปนข่มขู่ นางแสดงให้ทุกคนรับรู้ว่านางเห็นชาวบ้านในเมืองนี้ทุกคนเป็นชาวบ้านของต้าโจว ดังนั้นนางจึงกล้าเสี่ยงอันตรายเดินทางมาที่นี่
คำกล่าวเพียงไม่กี่ประโยคไม่เพียงทำให้ชาวบ้านมีกำลังใจเท่านั้น แม้แต่ทหารคุ้มกันเมืองยังรู้สึกมีขวัญและกำลังใจมากกว่าเดิมราวกับพวกเขาไม่มีสิ่งใดต้องหวาดกลัวอีกต่อไป
“เฉียนหย่งจง” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยเรียก
เฉียนหย่งจงที่ฮึกเหิมเพราะคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนก้าวไปด้านหน้า จากนั้นคุกเข่าลงด้านข้างไป๋ชิงเหยียน “พ่ะย่ะค่ะ!”
เฉียนหย่งจงเงยหน้ามองจักรพรรดินีของตัวเองที่นั่งอยู่บนหลังม้าศึกสีขาวด้วยแววตาเลื่อมใส
“หากยังมีชาวบ้านคนใดยังอยากไปจากที่นี่ไม่จำเป็นต้องห้ามพวกเขา! นับจากนี้เป็นต้นไปห้ามผู้ที่ไม่มีป้ายคำสั่งเข้ามาในเมืองของต้าโจวเด็ดขาด อนุญาตให้ออกจากเมืองได้เท่านั้น ผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกประหารในฐานะสายลับทันที” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงหันไปกล่าวกับเว่ยจง “ให้กองทัพเข้ามาในเมือง!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” เว่ยจงรับคำและหันไปออกคำสั่ง
ไม่นานกองทัพใหญ่ของต้าโจวจึงเดินทางเข้ามาในเมือง เฉียนหย่งจงเชิญไป๋ชิงเหยียนไปพักยังจวนที่เขาเตรียมทำความสะอาดไว้นานแล้ว
“ฝ่าบาททรงสบายพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ ทหารต้าโจวคุ้มกันที่นี่ด้วยตัวเอง ทว่า โรคระบาดรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ กระหม่อมจึงบังอาจลดจำนวนบ่าวรับใช้ลงครึ่งหนึ่ง ฝ่าบาทจะได้เสี่ยงติดโรคระบาดน้อยลงพ่ะย่ะค่ะ”
“ให้คนเตรียมน้ำแกงร้อนๆ ให้เราที เราเร่งเดินทางมาตลอดทางจึงยังไม่ได้ทานอาหาร เจ้าอยู่ทานอาหารกับเราและเว่ยจงก่อน จะได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองให้เราฟังอย่างละเอียดด้วย” ไป๋ชิงเหยียนซึ่งเดินเอามือไพล่หลังหันไปมองเฉียนหย่งจงพลางกล่าวขึ้น
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมน้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ” เฉียนหย่งจงรีบหันไปสั่งให้คนเตรียมอาหารทันที จากนั้นจึงรีบเดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนไปเพื่อรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองของต้าโจวให้หญิงสาวฟังอย่างละเอียด
เมื่อรายงานสถานการณ์ในเมืองต่างๆ ที่อยู่ในการดูแลของต้าโจวให้ไป๋ชิงเหยียนฟังจบเฉียนหย่งจงจึงกล่าวต่ออย่างอดไม่ได้
“ต้าเยี่ยนเกิดโรคระบาดขึ้นก่อน เสิ่นซือคงพยายามหาทางป้องกันแล้ว ทว่า แม้พวกเราจะพยามป้องกันมากเพียงใดก็ยังได้รับรายงานว่าชาวบ้านในเขตการปกครองของต้าโจวติดโรคระบาดตามมาไม่หยุดหย่อนอยู่ดี เสิ่นซือคงสงสัยว่านี่อาจเป็นแผนการของต้าเยี่ยนพ่ะย่ะค่ะ ต่อมาชาวบ้านในเมืองหลิวเซียงก่อความวุ่นวายเสิ่นซือคงจึงต้องไปจัดการด้วยตัวเอง เขาจึงไม่มีเวลามาต้อนรับฝ่าบาท เขาต้องรีบเดินทางไปปลอบขวัญชาวบ้านที่เมืองหลิวเซียงพ่ะย่ะค่ะ” เฉียนหย่งจงกล่าวจบก็ยกมือคารวะไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง “หากฝ่าบาทไม่เสด็จมาพอดี ทหารอาจจะปะทะกับชาวบ้านไปแล้ว ถึงเวลานั้นคงมีการนองเลือดเกิดขึ้นแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
เฉียนหย่งจงกล่าวจบจึงรีบเดินขึ้นไปแหวกม่านให้ไป๋ชิงเหยียน ให้ไป๋ชิงเหยียนเดินเข้าไปในโถงรับรอง
เฉียนหย่งจงเคยได้ยินข่าวมาว่าร่างกายของไป๋ชิงเหยียนอ่อนแอ ทนหนาวไม่ได้เพราะเคยได้รับบาดเจ็บหนักในสนามรบ เขาคำนวณเวลาแล้วว่าไป๋ชิงเหยียนน่าจะมาถึงในอีกไม่เกินสามวันจึงให้คนเตรียมจุดไฟใต้ดินไว้ก่อนเพื่อเพิ่มความอบอุ่น นึกไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนจะมาถึงในวันที่เขาเพิ่งสั่งให้คนเริ่มจุดไฟใต้ดินเช่นนี้
เฉียนหย่งจงลอบชมตัวเองอยู่ในใจว่าเป็นคนมีไหวพริบดี
เมื่อไป๋ชิงเหยียนก้าวเข้าไปด้านในก็สัมผัสถึงไออุ่นจากด้านในทันที หญิงสาวรู้สึกสบายและอบอุ่นขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อเฉียนหย่งจงเห็นเว่ยจงเดินตามไป๋ชิงเหยียนเข้าไปด้านในจึงรีบหันไปสั่งให้คนไปยกเตาผิงมาเพิ่มเพราะกลัวว่าไป๋ชิงเหยียนจะหนาว จากนั้นรีบเดินตามคนทั้งสองเข้าไปด้านในทันที
ไป๋ชิงเหยียนขมวดคิ้วแน่นพลางถอดเสื้อคลุมกันลมออก นางยื่นเสื้อคลุมกันลมให้เว่ยจง นางสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของตัวห้องจึงเอ่ยถามเฉียนหย่งจง “ถ่านในโรงพักรักษาตัวมีพอใช้หรือไม่”
ตอนนี้หิมะใกล้ตกแล้ว คนป่วยที่พักอยู่ในโรงพักรักษาตัวร่างกายอ่อนแอกว่าคนทั่วไป ที่นั่นจะขาดแคลนถ่านไม่ได้เด็ดขาด
เฉียนหย่งจงรีบกล่าว “ฝ่าบาทสบายพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ ก่อนเสิ่นซือคงจากไปเขากำชับไว้แล้วว่าถ่านที่โรงพักรักษาตัวห้ามขาดแคลนเพราะหิมะใกล้ตกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ เตาผิงถูกยกเข้ามาด้านในเรียบร้อย เว่ยจงก้าวข้ามธรณีประตูออกไปรับชาร้อนมากจากบ่าวรับใช้ที่อยู่ทางด้านนอก เมื่อทดสอบแล้วว่าไม่มีพิษจึงนำไปวางไว้ตรงด้านข้างไป๋ชิงเหยียน จากนั้นทดสอบพิษและนำชาอีกถ้วยไปวางให้ไป๋ชิงเจวี๋ย
เฉียนหย่งจงไม่ได้หวังว่าเว่ยจงจะนำชามาให้เขาเพราะนั่นคือขันทีใหญ่ข้างกายจักรพรรดินีของแคว้น ทว่า เว่ยจงกลับนำชามาวางให้เขาด้วยเช่นเดียวกัน