สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1439 พิจารณา
ตอนที่ 1439 พิจารณา
“หากพวกเราเปิดศึกกับตงอี๋จะส่งผลกระทบต่อแคว้นทั้งแคว้น พวกเราต้องรวบรวมเสบียงอาหารจากทุกเมืองเพื่อส่งไปยังชายฝั่ง ฝ่าบาทคิดว่าพวกเราควรรวบรวมเสบียงจากเมืองตัวแทนของต้าเยี่ยนที่ต้าโจวกำลังผลักดันระบอบการปกครองด้วยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ต่งชิงผิงแบมือทั้งสองข้างออก “หากไม่รวบรวม…ราชสำนักต้าเยี่ยนต้องไม่พอใจแน่นอน ทว่า หากรวบรวม…ชาวบ้านต้าเยี่ยนที่ยังไม่เห็นถึงข้อดีของระบอบการปกครองของต้าโจวจะไม่พอใจระบอบการปกครองใหม่ของต้าโจวหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ วันหน้าพวกเขาจะให้ความร่วมมือกับขุนนางของต้าโจวหรือพ่ะย่ะค่ะ นี่มันได้ไม่คุ้มเสียเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”
หลู่ไท่เว่ยพยักหน้า “ฝ่าบาท เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อทั้งแคว้น กระหม่อมเห็นด้วยกับคำกล่าวของต่งซือถู กระหม่อมทราบดีว่าฝ่าบาททรงพิโรธมาก พวกเราสามารถส่งทูตต้าโจวไปรับศพของหานเฉิงอ๋องที่แคว้นตงอี๋ พร้อมรับปากตงอี๋ว่าหากองค์ชายเจ็ดอยู่ที่แคว้นต้าโจวจริงๆ พวกเราจะส่งเขากลับไปยังตงอี๋ จากนั้นเตือนพวกเขาให้อยู่อย่างสงบ บอกพวกเขาว่าต้าโจวไม่อยากมีปัญหากับตงอี๋ตอนนี้ ทว่า หากตงอี๋ยังคิดก่อความวุ่นวาย ต้าโจวยินดีจะทำลายแคว้นเล็กอย่างตงอี๋ให้ดับสูญเสียก่อน ฝ่าบาททรงมีความเห็นเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”
หลู่ไท่เว่ยเรียบเรียงคำกล่าวอยู่ในสมองพักใหญ่ จากนั้นจึงเสนอวิธีนี้ออกมา
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ!” ต่งชิงผิงพยักหน้า “จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบหรือเปิดศึกกับเรา หากจักรพรรดิตงอี๋ไม่ใช่คนเสียสติก็คงคิดได้พ่ะย่ะค่ะ!”
“พี่หญิง ข้าจะไปตงอี๋เองขอรับ…” ไป๋ชิงอวี๋กล่าวขึ้น
“อาอวี๋!” ต่งชิงผิงเบิกตาโพลง ในเวลาสำคัญเช่นนี้เหตุใดอาอวี๋จึงไม่ช่วยเขาเกลี้ยกล่อมไป๋ชิงเหยียน กลับทำให้เรื่องทุกอย่างมันแย่โดยการเสนอตัวไปตงอี๋เองเช่นนี้อีก
ไป๋ชิงอวี๋มองหน้าพี่สาวของตัวเองนิ่ง เขารู้ดีว่าพี่หญิงกำลังโมโห เสียใจและรู้สึกผิด
หากแคว้นตงอี๋ไม่ดับสูญโทสะและความรู้สึกผิดในใจของพี่หญิงไม่มีทางลดลง ที่สำคัญในเมื่อตงอี๋กล้าลงมือกับต้าโจวก็ควรรับความโกรธของต้าโจวให้ได้!
ไป๋ชิงอวี๋เงยหน้ามองท่านลุงของตัวเองแล้วกล่าวขึ้นเสียงเบา “ท่านลุง หลู่ไท่เว่ย ตอนนี้ตงอี๋เริ่มเปิดศึกกับพวกเราก่อน หากต้าโจวยอมอดกลั้นความโกรธในครั้งนี้เอาไว้ก็เท่ากับเรามีจุดอ่อนอยู่ในมือของตงอี๋ พวกเขาจะคิดว่าต้าโจวกำลังแข่งขันกับต้าเยี่ยนอยู่จึงไม่กล้าทำสงครามกับตงอี๋ พวกเขาจะยิ่งเหิมเกริมมากขึ้นกว่าเดิมขอรับ”
ไป๋ชิงฉีพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำกล่าวของไป๋ชิงอวี๋ “ตงอี๋ทำสำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่ง พวกเขาต้องได้คืบจะเอาศอกแน่!”
“นอกจากการได้คืบจะเอาศอกแล้ว ตงอี๋ต้องกลัวว่าต้าโจวจะชนะในการแข่งขันกับต้าเยี่ยนในครั้งนี้และหันไปแก้แค้นพวกเขาแน่…” ไป๋จิ่นซิ่วก้มหน้าลงเล็กน้อยพลางกล่าวขึ้นช้าๆ “แคว้นตงอี๋ต้องจับมือกับต้าเยี่ยนแน่น พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางไม่ให้ต้าโจวชนะการเดิมพันในครั้งนี้แน่นอน”
“ในเมื่อสุดท้ายก็ต้องทำสงครามกันอยู่ดี เหตุใดต้องส่งทูตของเราไปยังตงอี๋อีก พวกเราควรส่งคนไปรับตัวใต้เท้าหลิ่วและของล้ำค่าที่ใต้เท้าหลิ่วนำไปยังตงอี๋กลับมาถึงจะถูก!” ไป๋จิ่นจื้อโมโหจนเริ่มควบคุมไม่ได้ “มิเช่นนั้นตงอี๋อาจใช้ของล้ำค่าที่ต้าโจวมอบให้ร่วมมือกับต้าเยี่ยนและเทียนเฟิ่งสร้างปัญหาให้ต้าโจวของพวกเราก็ได้”
หลู่ไท่เว่ยและต่งชิงผิงรู้ดีว่าอ๋องแต่ละคนกล่าวมีเหตุผล ทว่า พวกเขาคิดว่าวิธีที่เหมาะสมที่สุดในตอนนี้คือรักษาความสัมพันธ์กับตงอี๋ แข่งขันกับต้าเยี่ยนให้ชนะก่อน!
มิเช่นนั้นหากต้าโจวทำลายล้างตงอี๋จนดับสูญแล้ว ต้าโจวได้ระบายความโกรธก็จริง ทว่า หากสิ่งนี้ทำให้ต้าโจวพ่ายแพ้การแข่งขันกับต้าเยี่ยนมันไม่คุ้มกันเลยสักนิด
ถึงเวลานั้นไป๋ชิงเหยียนจะเป็นจักรพรรดินีองค์แรกที่นำแคว้นไปเดิมพันจนพ่ายแพ้
ต่งชิงผิงซึ่งเป็นลุงของไป๋ชิงเหยียนและหลู่ไท่เว่ยซึ่งเป็นขุนนางที่ไป๋ชิงเหยียนให้ความสำคัญที่สุดจะปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นโดยที่พวกเขาไม่ทำสิ่งใดไม่ได้เด็ดขาด!
ไป๋ชิงเจวี๋ยที่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาเลยเขารู้ดีว่าควรทำสงครามทำลายล้างแคว้นตงอี๋ ทว่า เขากลัวว่าสงครามในครั้งนี้จะส่งผลเสียต่อการเดิมพันแคว้น ไป๋ชิงเหยียนจะกลายเป็นจักรพรรดินีที่ทำให้แคว้นดับสูญ พี่หญิงใหญ่ของเขาอาจไม่ใช่จักรพรรดิที่ดีที่สุด ทว่า นางคือจักรพรรดิที่คิดและทำเพื่อชาวบ้านมากที่สุด เขาไม่อยากเห็นจุดจบเช่นนั้น
“ฝ่าบาท ใต้เท้าเว่ยปู้จิ้งมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ…”
เมื่อหลู่ไท่เว่ยได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนตามเว่ยปู้จิ้งมาพบจึงรู้ทันทีว่าไป๋ชิงเหยียนจะทำสงครามกับตงอี๋แน่นอน หญิงสาวคงเรียกเว่ยปู้จิ้งมาปรึกษาเรื่องเสบียงของกองทัพ
หลู่ไท่เว่ยกำหมัดแน่น อ๋องทุกคนวิเคราะห์ให้เขาฟังถึงข้อเสียของการไม่ทำสงครามแล้ว ในเมื่อฝ่าบาทยืนกรานจะทำสงครามให้ได้ เช่นนั้นก็เปิดศึกกันเลย!
ต่งชิงผิงได้ยินคำกล่าวของอาอวี๋และทายาทคนอื่นของตระกูลไป๋จึงเกิดลังเลขึ้นมาเช่นเดียวกันว่าควรทำสงครามกับตงอี๋ดีหรือไม่
เว่ยปู้จิ้งเดินเข้ามาในตำหนักอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นหลู่ไท่เว่ย ต่งชิงผิงและอ๋องคนอื่นๆ ล้วนอยู่ในตำหนักจึงรีบทำความเคารพทุกคน ไป๋ชิงเหยียนเรียกเขาไปนั่งรวมกับคนอื่นๆ
แม้เว่ยปู้จิ้งจะเป็นขุนนางใหญ่ของต้าโจว ทว่า เขาเพิ่งเคยเห็นจักรพรรดิของแคว้นนั่งปรึกษากับเหล่าขุนนางอย่างไม่วางมาดจักรพรรดิเช่นนี้เป็นครั้งแรกจึงค่อนข้างประหม่า
“หลู่ไท่เว่ยและท่านลุงคงเข้าใจความหมายที่อาอวี๋ต้องการจะสื่อแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนเห็นน้องๆ ของนางอธิบายอย่างชัดเจนแล้วจึงหยิบราชโองการที่เขียนเสร็จแล้วขึ้นมา จากนั้นส่งให้หลู่ไท่เว่ยเป็นคนแรก “หลู่ไท่เว่ยและท่านลุงคงกลัวว่าหากต้าโจวทำสงครามกับตงอี๋ขึ้นมาจริงๆ พวกเราต้องรวบรวมเสบียงอาหารจนส่งผลกระทบเมืองของต้าเยี่ยนที่ต้าโจวกำลังผลักดันระบอบการปกครองอยู่”
“ตราสารหนี้ของต้าโจว” หลู่ไท่เว่ยก้มมองราชโองการในมืออย่างงุนงง เขารู้จักตัวอักษรเหล่านี้ ทว่า เมื่อนำมารวมกันเขาไม่เข้าใจความหมายของมัน
เว่ยปู้จิ้งได้ยินคำว่าตราสารหนี้จึงตื่นเต้นขึ้นทัน นี่คือสิ่งที่เขาเคยทูลให้ฝ่าบาทฟังอยู่หลายครั้ง ทว่า เขาแค่ถวายฎีการายละเอียดให้ฝ่าบาททอดพระเนตรเท่านั้น ยังไม่ได้ตั้งชื่อ ตอนนี้ฝ่าบาททรงตั้งชื่อให้สิ่งนี้ได้อย่างเหมาะสมมาก…ตราสารหนี้ของต้าโจว
ตราสารหนี้แท้จริงแล้วคือหนี้ของต้าโจว ราชสำนักจะเปิดโอกาสให้ชาวบ้านที่มั่งคั่งซื้อตราสารหนี้ของต้าโจวเพื่อให้ราชสำนักยืมเงิน เมื่อถึงระยะเวลาที่กำหนดราชสำนักจะคืนเงินและดอกเบี้ยให้แก่คนที่ซื้อตราสารหนี้ของต้าโจว
“เว่ยปู้จิ้งเคยเดินทางไปแก้ไขปัญหาความอดอยากที่เมืองอื่นมาก่อน เว่ยปู้จิ้งให้เมืองต่างๆ ส่งเสบียงอาหารไปยังเมืองที่เกิดปัญหาก่อนโดยที่ราชสำนักทำสัญญาติดหนี้พวกเขาไว้เพราะไม่อยากให้ชาวบ้านล้มตายมากกว่านี้ เรื่องนี้สร้างแรงบันดาลใจให้ข้ามาก ข้าเคยปรึกษากับเว่ยปู้จิ้งว่าหากต้าโจวเกิดสถานการณ์คับขันขึ้นและราชสำนักมีเงินไม่เพียงพอหรือไม่อยากเรียกเก็บภาษีจากชาวบ้านมากขึ้น พวกเราสามารถใช้วิธีนี้ยืมเงินจากชาวบ้านที่มั่งคั่งของต้าโจวมาใช้ก่อนได้” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างไม่รีบร้อน นางปรึกษาเรื่องนี้กับเว่ยปู้จิ้งอยู่หลายครั้ง เว่ยปู้จิ้งส่งแผนการที่น่าสนใจมาให้นางหลายรอบเช่นเดียวกัน
เดิมทีไป๋ชิงเหยียนอยากพิจารณาให้ถี่ถ้วนกว่านี้ ทว่า ตอนนี้ต้าโจวกำลังจะทำสงครามกับตงอี๋ นางจะลังเลต่อไปไม่ได้แล้ว