สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1429 สถานการณ์ในราชสำนัก
ตอนที่ 1429 สถานการณ์ในราชสำนัก
ฮองเฮาวางสองมือลงบนหน้าตักของตัวเอง จากนั้นหันไปยิ้มให้องค์ชายสองน้อยๆ แล้วเปลี่ยนคำสรรพนามแทนตัว “ทว่า วันนี้ทุกคนล้วนเห็นราชโองการฉบับนี้หมดแล้ว หากองค์ชายสองไว้ชีวิตเรากับเสี่ยวชี วันหน้าหากผู้ใดครหาว่าองค์ชายสองได้บัลลังก์มาอย่างไม่ชอบธรรม พวกเราสองแม่ลูกจะได้ช่วยเป็นพยานให้องค์ชายสองได้ องค์ชายสองมีความเห็นเช่นไร”
เมื่อเห็นองค์ชายสองเลิกคิ้วขึ้นฮองเฮาจึงกล่าวต่อ “เราจะเก็บเรื่องราชโองการนี้ไว้เป็นความลับ จะไม่เอ่ยถึงเรื่องที่ฝ่าบาทเคยยกบัลลังก์ให้เสี่ยวชีอีก องค์ชายสองต้องช่วยเราปิดบังความลับเรื่องที่ฝ่าบาทจะให้เราปลิดชีพไปพร้อมเขาด้วย องค์ชายสองตกลงหรือไม่”
ฮองเฮากำลังยื่นความลับของตัวเองให้องค์ชายสองเพื่อความอยู่รอดของตัวเองและบุตรชาย
เดิมทีองค์ชายสองเป็นคนรูปงามคนหนึ่ง ทว่า เขาใช้ชีวิตตามใจตัวเองเกินไป ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือทุกอย่างดวงตาของเขาจึงเว้าลึก ยิ่งเมื่อโดนแสงไฟสีเหลืองนวลในตำหนักส่องกระทบยิ่งทำให้ดวงตาของเขาดูน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม เขาหัวเราะออกมาเบาๆ “ตอนนี้ข้าคือมีด เจ้าคือเนื้อ ทว่า เจ้ากลับคิดอยากต่อรองกับข้าอีกอย่างนั้นหรือ ความลับในราชโองการอย่างนั้นหรือ! วันนี้ผู้ที่อยู่ในนี้ทุกคนไม่มีทางมีชีวิตรอดกลับไป เจ้าคิดว่าจะมีผู้ใดรู้เนื้อหาในราชโองการนั่นอีกหรือ!”
สิ้นเสียงขององค์ชายสอง หัวหน้าทหารรักษาพระองค์หันไปพยักหน้าให้ลูกน้องของตัวเอง จากนั้นยกดาบในมือขึ้นสูง นางกำนัล ขันทีและขุนนางที่คุกเข่าอยู่ในตำหนักต่างถูกตัดศีรษะทีละคนสองคน
“องค์ชายสองได้โปรดไว้ชีวิตด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
“องค์ชายสองได้โปรดไว้ชีวิตด้วยเพคะ!”
ในตำหนักใหญ่เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องและอ้อนวอนของทุกคน เลือดสดสาดกระจายเปื้อนไปทั่วผนัง ไม่นานทุกอย่างจึงเงียบสนิทลง
กลิ่นคาวเลือดฟุ้งไปทั่วตำหนักใหญ่
ฮองเฮาหลับตาสนิท นางกำมือที่ประสานกันอยู่ที่หน้าตักแน่น ตอนที่นางกำนัลข้างกายของนางถูกสังหาร เลือดของนางกำนัลกระเด็นโดนใบหน้าของฮองเฮา ริมฝีปากของฮองเฮาเต็มไปด้วยเลือดที่น่าสะอิดสะเอียน
ฮองเฮาใช้มือปาดเลือดบริเวณดวงตาออก จากนั้นเงยหน้าขึ้น…
ในตำหนักนองไปด้วยเลือดราวกับทะเลเลือด เลือดสดไหลไปโดนที่วางเท้าของจักรพรรดิตงอี๋ ซึมไปยังเสื้อคลุมขององค์ชายใหญ่ที่ร่างสั่นเทาไปทั้งร่าง เขากลัวว่าน้องชายของตัวเองจะเสียสติถึงขนาดสังหารเขาด้วยอีกคน
“น้องสอง น้องสอง! เสด็จพ่อยกบัลลังก์ให้เจ้าแล้ว เมื่อครู่ข้าไม่ได้ยินสิ่งใดทั้งสิ้น!” องค์ชายใหญ่รีบก้มศีรษะคำนับแนบเท้าองค์ชายสอง “ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี!”
เมื่อเห็นท่าทีขี้ขลาดของพี่ชายองค์ชายสองจึงใช้ดาบแตะหน้าองค์ชายใหญ่เบาๆ จากนั้นตะโกนเสียงดังลั่น “นำตัวไปขังไว้!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ลากตัวองค์ชายใหญ่ออกไปทันที
องค์ชายสองเดินเข้าไปใกล้ฮองเฮา จากนั้นยกเท้าขึ้นเหยียบบนเตียงที่ฮองเฮานั่งอยู่พลางหันไปมองบิดาของตัวเองที่สิ้นลมหายใจลงแล้วแวบหนึ่ง “เอาอย่างนี้ ฮองเฮามอบน้องเจ็ดให้ข้าจากนั้นตายตามเสด็จพ่อไป ข้าจะยอมไว้ชีวิตน้องเจ็ด”
ฮองเฮากล่าวตอบโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย “น้องเจ็ดของเจ้าหลับอยู่ที่ตำหนัก เจ้าอย่าไปรบกวนเขา!”
องค์ชายสองได้ยินคำตอบของฮองเฮาจึงหมดความอดทนทันที เขากระชากคอเสื้อของฮองเฮาขึ้นมา “ยังไม่ยอมบอกความจริงอีกหรือ ตอนนี้วังหลวงมีแต่คนของข้า ข้าจะไม่รู้หรือว่าน้องชายเจ็ดอยู่ในวังหรือไม่ เจ้าเอาน้องเจ็ดไปซ่อนไว้ที่ใด!”
ฮองเฮาจ้องหน้าองค์ชายสองนิ่ง “น้องชายเจ็ดของเจ้านอนหลับอยู่ที่ตำหนัก”
ที่ฮองเฮาต้องการให้บุตรชายของตัวเองขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิเพราะฮองเฮารู้นิสัยขององค์ชายสองดี หากองค์ชายสองได้ขึ้นครองราชย์ บุตรชายของนางไม่มีทางมีชีวิตรอดแน่นอน!
หากจะให้นางสนับสนุนองค์ชายใหญ่ขึ้นครองราชย์นางก็รู้สึกไม่เต็มใจ ไม่ว่าอย่างไรบุตรชายของนางก็เป็นโอรสที่เกิดจากฮองเฮาเช่นเดียวกัน
“องค์ชายสอง!” คนขององค์ชายสองเดินเข้ามาในตำหนัก จากนั้นกำหมัดรายงาน “พวกเราล้อมโรงเตี๊ยมของต้าโจวไว้หมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทว่า ทูตของต้าโจวเหลือเพียงหลิ่วหรูซื่อคนเดียว คนอื่นหนีไปหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ดวงตาขององค์ชายสองไหววูบ เขาหันไปมองฮองเฮา “เจ้าส่งตัวน้องชายเจ็ดไปให้ต้าโจว จากนั้นรั้งตัวข้าไว้ที่นี่เพื่อถ่วงให้ต้าโจวพาน้องชายเจ็ดหนีไปอย่างนั้นหรือ! เจ้าคิดจะทำสิ่งใด คิดจะให้บุตรชายของเจ้านำกองทัพต้าโจวกลับมาแย่งบัลลังก์ไปจากข้าอย่างนั้นหรือ!”
ฮองเฮาเม้มปากแน่นไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น
องค์ชายสองผลักร่างของฮองเฮาไปทางจักรพรรดิตงอี๋ จากนั้นเดินย่ำกองเลือดออกไปจากตำหนัก
ฮองเฮาที่ถูกองค์ชายสองผลักไปโดนร่างของจักรพรรดิตงอี๋ได้ยินเสียงองค์ชายสองจากไปพร้อมทหารจึงฝืนหยัดกายลุกขึ้นยืน นางรู้ดีว่าองค์ชายสองกำลังจะพาคนไปตามจับตัวคนต้าโจวกลับมา!
“ส่งฮองเฮาไปอยู่เป็นเพื่อนเสด็จพ่อ นางจะได้ไม่เหงา!” เสียงขององค์ชายสองดังมาจากนอกตำหนัก
ฮองเฮากำหมัดแน่น นางได้แต่หวังว่าขุนนางของต้าโจวจะล่อองค์ชายสองไปไกลจนบุตรชายของนางหนีไปถึงต้าโจวได้สำเร็จ
มิเป็นอันใด แม้ครั้งนี้จะล้มเหลว…สูญเสียตำแหน่งองค์ชายไป ทว่า อย่างน้อยบุตรชายของนางก็สามารถใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาได้ สมบัติที่นางมอบให้บุตรชายนำติดตัวหนีไปมากพอที่จะทำให้บุตรชายอยู่อย่างสุขสบายไปตลอดชีวิตแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ดีกว่าอยู่ที่นี่ต่อไปเพื่อรอให้องค์ชายสองขึ้นครองราชย์และสังหารเขาทิ้ง
คนขององค์ชายสองสอบถามคนในโรงเตี๊ยมจนรู้ว่าคนของต้าโจวเพิ่งหนีไปได้ไม่นาน องค์ชายสองเดาว่าขุนนางต้าโจวต้องหนีกลับแคว้นต้าโจวแน่จึงรีบสั่งให้คนมุ่งหน้าไปริมชายหาดทันที เขาสั่งโยกย้ายทหารเรือจำนวนมากในนามของจักรพรรดิองค์ใหม่ของตงอี๋ให้ไล่ตามเรือของขุนนางต้าโจวไปให้ทันและสังหารทุกคนทิ้งก่อนที่ขุนนางของต้าโจวจะพาองค์ชายเจ็ดไปถึงต้าโจว
หากขุนนางต้าโจวพาองค์ชายที่เกิดจากฮองเฮาของตงอี๋ไปยังแคว้นต้าโจว ต้าโจวต้องสนับสนุนให้องค์ชายเจ็ดขึ้นเป็นจักรพรรดิหุ่นเชิดของต้าโจวแน่นอน เขายินดีสังหารน้องชายเจ็ดของตัวเอง ทว่า จะไม่มีทางยอมให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นแน่นอน วันที่สิบ เดือนแปด รัชศกหยวนเหอปีที่สอง แคว้นตงอี๋เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ องค์ชายสองก่อกบฏ
ท้องฟ้าสว่างจ้าขึ้นแล้ว หลู่เฟิ่งหลางนั่งเม้มปากแน่นอยู่บนเรือนิ่ง นางไม่รู้ว่าองค์ชายสองก่อกบฏเพราะเรื่องที่นางแนะนำให้ฮองเฮาทำหรือไม่ หากเกี่ยวกับเรื่องนั้นจริงๆ ครั้งนี้นางคงทำต้าโจวเสียเรื่องแล้ว
ทูตของต้าโจวยังคงสนทนากันอยู่บนเรือว่าเหตุใดองค์ชายสองถึงก่อกบฏในตอนนี้ได้ ถึงแม้องค์ชายสองจะก่อกบฏ ทว่า เขาจะกล้าสังหารขุนนางต้าโจวอย่างพวกเขาเชียวหรือ
“ใต้เท้าหลิ่วต้องการให้พวกเราหนีออกมาก่อนเพื่อความไม่ประมาท ไม่ว่าผู้ใดขึ้นครองราชย์ก็คงไม่กล้าทำร้ายขุนนางต้าโจวของพวกเราหรอก!”
“นั่นนะสิ เพิ่งขึ้นครองราชย์ต้องทำให้ราชสำนักมั่นคง ต้องรักษาความสัมพันธ์กับแคว้นเพื่อนบ้าน ต้าโจวของพวกเราคือแคว้นยิ่งใหญ่ พวกเราต้องกลัวแคว้นเล็กอย่างตงอี๋ด้วยหรือ”
ฟ่านอวี้กานเห็นท่าทีเคร่งเครียดของหลู่เฟิ่งหลางจึงรินน้ำชาให้หญิงสาวหนึ่งถ้วย จากนั้นกล่าวขึ้น “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงใต้เท้าหลิ่ว ทว่า ใต้เท้าหลิ่วให้พวกเราหนีมาเพื่อความไม่ประมาทเท่านั้น ข้าเคยพบกับองค์ชายสองมาก่อน แม้คนอื่นจะกล่าวว่าเขาเป็นคนเสียสติ ทว่า เขาไม่ได้เสียสติจนไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น เขาไม่มีทางสังหารใต้เท้าหลิ่วแน่”
หลู่เฟิ่งหลางเงยหน้ามองฟ่านอวี้กาน จากนั้นกล่าวเสียงเบา “ข้ามีบางเรื่องที่ไม่ได้บอกให้ใต้เท้าหลิ่วทราบ…”