สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1428 โดยชอบธรรม
ตอนที่ 1428 โดยชอบธรรม
“ไม่ต้องเป็นห่วง!”
หลิ่วหรูซื่อตบมือฟ่านอวี้กานเบาๆ
“หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ข้าจะไม่ยอมให้ตัวเองกลายเป็นตัวถ่วงของต้าโจวแน่นอน!”
ฟ่านอวี้กานเข้าใจทันทีว่าหลิ่วหรูซื่อตัดสินใจอยู่ที่นี่ต่อด้วยใจที่พร้อมตาย เขาเตรียมกล่าวสิ่งใดขึ้นอีก ทว่า หลิ่วหรูซื่อเงยหน้ามองบ่าวรับใช้ของตัวเองที่ยืนตะลึงอยู่หน้าประตูพลางกล่าวขึ้นเสียก่อน
“เหตุใดยังมัวยืนนิ่งอยู่อีก รีบมาลากตัวใต้เท้าฟ่านไปเร็ว!”
หลิ่วหรูซื่อหัวหน้าคณะทูตที่เดินทางมาเจรจากับตงอี๋ในครั้งนี้ หากเขาอยู่ต่ออาจพอเจรจากับองค์ชายสองได้บ้าง ทว่า หากขุนนางต้าโจวหนีไปจนหมด ปล่อยให้องค์ชายสองถูกเทียนเฟิ่งและต้าเยี่ยนยุต่อไป ไม่แน่ตงอี๋อาจคิดเปิดศึกกับต้าโจวขึ้นมาจริงๆ ก็ได้ นี่ไม่ใช่ผลดีต่อการเดิมพันของต้าโจวกับต้าเยี่ยนแม้แต่น้อย หลิ่วหรูซื่อมีหน้าที่สำคัญที่ไป๋ชิงเหยียนฝากฝังให้เขาทำอยู่
ที่สำคัญหลิ่วหรูซื่อกลัวว่านี่อาจจะเป็นกับดักบางอย่างของตงอี๋ หากเขาอยู่ที่นี่ต่อ…อาจทำให้จักรพรรดิตงอี๋สบายใจขึ้น
“ใต้เท้า!”
ฟ่านอวี้กานเริ่มหวั่นวิตก
“นี่คือคำสั่ง!”
หลิ่วหรูซื่อกล่าวจบด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นก้มหน้ามองสายลับที่มารายงานเรื่องนี้กับตน
“เจ้าก็อยู่ที่นี่!”
หากนี่คือกับดักจริงๆ ถึงเวลานั้นหลิ่วหรูซื่อจะจับตัวคนผู้นี้ส่งให้องค์ชายสอง
“ให้คนไปรักษาบาดแผลให้เขาที จับตาดูไว้ให้ดี…อย่าให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นเด็ดขาด!”
หลิ่วหรูซื่อเอ่ยสั่งองครักษ์
ฟ่านอวี้กานถูกบ่าวรับใช้ของหลิ่วหรูซื่อลากออกไปจากห้อง ทุกคนสวมเสื้อคลุมกันลมจากนั้นหนีไปจากโรงเตี๊ยมทันที
เมื่อฟ่านอวี้กาน หลู่เฟิ่งหลางและคนติดตามรวมทั้งหมดหกคนขึ้นไปบนเรือเรียบร้อย หลู่เฟิ่งหลางจึงเอ่ยถาม
“องค์ชายสองรู้เรื่องที่พวกเราลอบร่วมมือกับฮองเฮาคิดสนับสนุนองค์ชายเจ็ดขึ้นครองราชย์แล้ว! จักรพรรดิตงอี๋คงใกล้ไม่ไหวแล้ว เขาคงคิดเปลี่ยนใจยกบัลลังก์ให้องค์ชายเจ็ดแทนดังนั้นองค์ชายสองจึงก่อกบฏขึ้นก่อนเวลาอันควร!”
ฟ่านอวี้กานเห็นว่าพวกเขาออกห่างจากแคว้นตงอี๋ออกมาเรื่อยๆ จึงกล่าวขึ้นเสียงเบา
หลู่เฟิ่งหลางหน้าถอดสีทันที จักรพรรดิตงอี๋ไม่ได้เกิดเปลี่ยนใจยกบัลลังก์ให้องค์ชายเจ็ดอย่างกะทันหัน หลู่เฟิ่งหลางรู้ข่าวจากฮองเฮาว่าจักรพรรดิตงอี๋คงอยู่ได้อีกไม่เกินสามวันจึงแนะนำให้ฮองเฮาทำเช่นนี้เอง
นางเป็นคนให้ฮองเฮาอยู่ปรนนับติรับใช้ข้างกายจักรพรรดิตงอี๋ทั้งวันทั้งคืน ถือโอกาสตอนนี้จักรพรรดิตงอี๋สติเลือนรางประทับตราลงบนราชโองการที่นางให้ฮองเฮาเขียนเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อแน่ใจว่าจักรพรรดิตงอี๋ไม่ไหวแล้วให้ฮองเฮาทำเป็นถูกจักรพรรดิตงอี๋เรียกไปเข้าเฝ้าและแอบหยิบราชโองการออกมาจากใต้หมอนของจักรพรรดิตงอี๋ ถึงเวลานั้นองค์ชายเจ็ดจะกลายเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ของแคว้นตงอี๋อย่างชอบธรรม
ระหว่างนั้นคงเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นองค์ชายสองถึงได้รู้เรื่องและยกทัพบุกไปวังหลวงเช่นนี้
เดิมทีหลู่เฟิ่งหลางคิดว่านางเป็นเพียงคนเสนอความคิดเห็นเท่านั้น องค์ชายเจ็ดจะได้ขึ้นครองราชย์หรือไม่สุดแล้วแต่เจตนาของสวรรค์ ต่อให้องค์ชายเจ็ดไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ทว่า ต้าโจวก็ยังมีองค์ชายใหญ่และองค์ชายสองอยู่ นางคิดไม่ถึงเลยว่าการทำเช่นนี้จะเป็นการบีบให้องค์ชายสองเสียสติจนคิดบุกวังหลวงเช่นนี้
องค์ชายใหญ่อยู่ที่ใดกัน ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เลยอย่างนั้นหรือ!
องค์ชายใหญ่ของแคว้นตงอี๋จะไม่มีปฏิกิริยาได้อย่างใดกัน ฮองเฮาซ่อนราชโองการของจักรพรรดิตงอี๋ที่ใกล้สิ้นใจไว้ใต้หมอนของจักรพรรดิตงอี๋ด้วยความหวาดกลัว จากนั้นสั่งให้คนตามองค์ชายใหญ่และเหล่าขุนนางเข้ามาในวังทันที
องค์ชายใหญ่กลัวว่าเมื่อจักรพรรดิตงอี๋สิ้นพระชนม์ลงองค์ชายสองจะก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นจึงรีบเข้าไปในวังหลวงทันที
เดิมทีฮองเฮาตั้งใจจะนำราชโองการออกมาอ่านต่อหน้าองค์ชายใหญ่และเหล่าขุนนางในตอนที่จักรพรรดิตงอี๋ยังมีลมหายใจอยู่ เช่นนี้องค์ชายเจ็ดจะได้ขึ้นครองราชย์ได้อย่างชอบธรรม
เพื่อความสมจริงฮองเฮาจึงเขียนลงไปในราชโองการตามที่หลู่เฟิ่งหลางแนะนำว่าเมื่อไทเฮาดูแลองค์ชายเจ็ดจนเติบใหญ่แล้ว ให้ไทเฮาเดินทางไปยังสุสานของราชวงศ์เพื่อปลิดชีพตามจักรพรรดิตงอี๋ไป ทว่า นางนึกไม่ถึงเลยว่าองค์ชายสองจะเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาลอบเปลี่ยนทหารรักษาพระองค์และองครักษ์ในวังหลวงเป็นคนของตัวเองทั้งหมดโดยไม่มีผู้ใดรับรู้มาก่อน
องค์ชายสองเป็นคนเสียสติอยู่แล้ว เขาไม่กลัวถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าก่อกบฏแย่งชิงบัลลังก์ไปจากจักรพรรดิ
เมื่อฮองเฮานำราชโองการจากใต้หมอนของจักรพรรดิตงอี๋ออกมาอ่านต่อหน้าทุกคน องค์ชายรองกล่าวว่าต้องการตรวจสอบว่าราชโองการคือของจริงหรือไม่ เมื่อรับราชโองการไปถือไว้ในมือก็จุดไฟเผาราชโองการทิ้งทันที
องค์ชายสองมองไปทางฮองเฮาด้วยแววตาเยือกเย็น
“ฮองเฮาช่างยอมลงทุนเสียจริง ยอมเสียสละแม้กระทั่งชีวิตของตัวเองเพื่อให้น้องเจ็ดได้ขึ้นครองราชย์อย่างชอบธรรม น้องเจ็ดอยู่ที่ใด”
เหล่าขุนนางต่างหวาดกลัว องค์ชายใหญ่ลุกขึ้นตวาดองค์ชายสอง เสียงอาวุธกระทบกันดังขึ้นที่นอกตำหนัก ไม่นานทหารรักษาพระองค์ก็บุกเข้ามาในตำหนัก หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ซึ่งร่างเต็มไปด้วยเลือดกำหมัดคารวะองค์ชายสองด้วยความเคารพแล้วกล่าวว่าเปลี่ยนคนในจุดคุ้มกันทุกจุดเป็นคนของตัวเองหมดแล้ว
องค์ชายใหญ่เพิ่งตระหนักได้ว่าการเข้ามาในวังหลวงคือการเดินเข้าปากเสืออย่างองค์ชายสอง
“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างใด! เสด็จพ่อทรงยังมีพระชนม์ชีพอยู่ เจ้าคิดกบฏอย่างนั้นหรือ!”
ดวงตาขององค์ชายใหญ่เกรี้ยวกราด
องค์ชายสองไม่กล่าวสิ่งใดให้มากความ เขาชักดาบออกมาด้วยรอยยิ้มเย็น จากนั้นจอดาบไปที่คอขององค์ชายใหญ่บีบให้เขานั่งคุกเข่าลงบนพื้น องค์ชายสองมองไปทางองค์ชายใหญ่ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยสายตาเหยียดหยาม
ฮองเฮาจะลงมือในคืนนี้จึงไม่กล้าเก็บบุตรชายไว้ข้างกาย นางกลัวว่าอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น หากจักรพรรดิตงอี๋เผลอฟื้นขึ้นมานางจะกลายเป็นกบฏทันที นางกลัวบุตรชายของตัวเองจะเดือดร้อนไปด้วยจึงฝากชีวิตของบุตรชายไว้กับบ่าวรับใช้ผู้จงรักภักดี หากเรื่องทุกอย่างสำเร็จไปด้วยดีให้บ่าวรับใช้พาบุตรชายของนางกลับมาขึ้นครองบัลลังก์ หากนางล้มเหลวให้บ่าวรับใช้พาบุตรชายของนางหนีไปยังต้าโจว
จักรพรรดิตงอี๋ซึ่งนอนอยู่บนเตียงภายใต้แสงไฟหอบหายใจรุนแรงด้วยความโมโหราวกับได้ยินความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทั้งหมดจนอยากจะลุกขึ้นมาอาละวาด
ภายในผ้าม่านสีทองแกมแดงถูกเกี่ยวอยู่บนตะขอสีทองลายสัตว์มงคลข้างเตียงของจักรพรรดิ ฮองเฮาซึ่งสวมเสื้อเขียวเข้มลายดอกไห่ถัง กระโปรงสีทองลายเมฆมงคลนั่งอยู่นิ่งที่ขอบเตียงด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวเหมือนองค์ชายใหญ่แม้แต่น้อย มาดของนางสมกับเป็นฮองเฮาของแคว้นยิ่งนัก
ขุนนางใหญ่ของตงอี๋ก้มหน้านิ่งไม่กล้ากล่าวสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น
ฮองเฮาก้มหน้าลง จากนั้นกล่าวยิ้มๆ
“น้องชายของเจ้ายังเด็ก ตอนนี้คงนอนหลับไปแล้ว โชคดีที่เขาไม่ได้มาที่นี่ด้วย หากเขาเห็นว่าพี่ชายของเขาทะเลาะกันเองเพียงเพราะราชโองการฉบับเดียวไม่รู้ว่าเขาจะหวาดกลัวเพียงใด”
“ฮองเฮาไม่เป็นห่วงชีวิตของน้องชายเจ็ด กลับมัวกังวลว่าน้องชายเจ็ดจะหวาดกลัวหรือไม่อย่างนั้นหรือ”
“องค์ชายสองเผาราชโองการไปได้ก็ดี!”
ฮองเฮามองไปทางองค์ชายสองที่กำลังใช้ดาบจ่ออยู่ที่คอขององค์ชายใหญ่
“ข้านึกไม่ถึงเลยจริงๆ อย่างน้อยข้าก็คือภรรยาของฝ่าบาท แม้จะเทียบอดีตฮองเฮาไม่ได้ ทว่า ข้าก็อยู่อย่างสงบเสงี่ยมมาโดยตลอด นึกไม่ถึงเลยว่าหลังจากฝ่าบาทยกบัลลังก์ให้เสี่ยวชี ฝ่าบาทจะสั่งให้ข้าปลิดชีพไปพร้อมเขาเช่นนี้ ตั้งแต่ที่ข้าแต่งงานกับฝ่าบาท ข้าไม่เคยได้เสพสุขร่วมกับฝ่าบาทเลยสักวัน ตั้งที่ข้าแต่งงานเข้ามาก็มีแต่เรื่องไม่หยุดหย่อน แม้ฝ่าบาทใกล้จะสิ้นใจก็ยังคิดเอาข้าไปอยู่ด้วย! เขาให้ข้าดูแลเสี่ยวชีจนโตจากนั้นตายตามเขาไป!”
องค์ชายสองเห็นฮองเฮาตั้งใจแสดงให้สมบทบาทจึงยกยิ้มมุมปากขึ้นกว้างกว่าเดิม
“ข้าไม่อยากตาย เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้แล้วเสี่ยวชีก็คงไม่สามารถขึ้นครองราชย์ได้แล้ว หากองค์ชายสองอยากขึ้นครองบัลลังก์ก็เชิญตามสบาย!”