สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1423 ความสงบสุขแถบชายฝั่งทะเล
ตอนที่ 1423 ความสงบสุขแถบชายฝั่งทะเล
หลิ่วหรูซื่อให้คนออกไปส่งองครักษ์ขององค์ชายสองที่นอกโรงเตี๊ยม เขาเดินเข้าไปใกล้เตียงก็เห็นฟ่านอวี้กานลืมตาโตขึ้นมา จากนั้นผุดลุกขึ้นจากเตียงเตรียมอาเจียนออกมา บ่าวรับใช้ของฟ่านอวี้กานรีบยื่นกระโถนให้ฟ่านอวี้กานอย่างรวดเร็วราวกับทำอยู่เป็นประจำ
หลู่เฟิ่งหลางใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากพลางก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว หลิ่วหรูซื่อขมวดคิ้วแน่น
เมื่อเห็นฟ่านอวี้กานอาเจียนได้สักพักหลิ่วหรูซื่อจึงหันไปกล่าวกับบ่าวรับใช้ที่ฟ่านอวี้กานพามาด้วย “ไปนำน้ำแกงสร่างเมามาให้คุณชายของเจ้าเดี๋ยวนี้ ทำตัวเหลวไหลจริงๆ !”
เมื่อบ่าวรับใช้จากไปฟ่านอวี้กานจึงลุกขึ้นนั่งบนเตียง ไม่เหมือนคนเมาไร้สติเหมือนเมื่อครู่แม้แต่น้อย “ใต้เท้า วันนี้ข้าพบองค์ชายสองแล้วขอรับ ทว่า ข้ากลัวว่าองค์ชายสองจะคิดว่าข้าจงใจจัดฉากขึ้นมาจึงแสร้งเมาหมดสติไปโดยไม่ได้ทำหรือกล่าวสิ่งใดทั้งสิ้นขอรับ! ข้าตั้งใจจะกลับมาขอคำแนะนำจากใต้เท้าก่อนขอรับ”
หลิ่วหรูซื่อเห็นดวงตาแจ่มชัดของฟ่านอวี้กานก็รู้ทันทีว่าเขาไม่ได้เมาจริงๆ นึกไม่ถึงเลยว่าเด็กคนนี้จะหัวเร็วเช่นนี้
การพบองค์ชายสองโดยบังเอิญและเมาสลบไปโดยยังไม่ทันกล่าวหรือทำสิ่งใดถึงจะเป็นความบังเอิญที่น่าเชื่อถือที่สุด หากเขาเผลอกล่าวหรือทำสิ่งใดออกไปแม้เพียงนิดเดียวผู้อื่นจะคิดว่าเขามีจุดประสงค์แอบแฝงได้
“พักผ่อนที่โรงเตี๊ยมสักสามวันแล้วค่อยไปใหม่…” หลิ่วหรูซื่อนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “บอกกับคนภายนอกว่าเจ้าถูกข้าทำโทษ!”
“ขอรับ!” ฟ่านอวี้กานรับคำ
ทว่า สิ่งที่เหนือความคาดหมายของทุกคนคือการที่องครักษ์ขององค์ชายสองซึ่งมาส่งฟ่านอวี้กานเมื่อวานมาเชิญฟ่านอวี้กานไปล่องเรือชมทะเลสาบกับองค์ชายสองในวันรุ่งขึ้น
หลิ่วหรูซื่อได้รับรายงานจึงหัวเราะออกมาเบาๆ “ดูเหมือนองค์ชายสองจะเป็นคนมีน้ำใจเสียจริง”
หลู่เฟิ่งหลางกล่าว “มิน่าองค์ชายใหญ่ที่เกิดจากฮองเฮาของตงอี๋จึงถูกองค์ชายสองกดให้ต่ำกว่าอยู่เช่นนี้เจ้าค่ะ”
หลู่เฟิ่งหลางเรียนรู้กับหลู่ไท่เว่ยมานาน เมื่อเห็นองครักษ์ขององค์ชายสองมาเชิญฟ่านอวี้กานไปล่องเรืออย่างเปิดเผยเช่นนี้จึงรู้ทันทีว่าองค์ชายสองคงรู้เรื่องที่ต้าโจวลอบติดต่อกับองค์ชายใหญ่อย่างลับๆ ผ่านทางขุนนางซึ่งเป็นสายลับของต้าเหลียงที่แฝงตัวอยู่ในตงอี๋แล้ว
ดูเหมือนว่าข้างกายขององค์ชายใหญ่จะมีสายลับขององค์ชายสองอยู่ ที่สำคัญสายลับคนนี้คงสนิทสนมกับองค์ชายใหญ่มาก…
หากเป็นเช่นนี้องค์ชายใหญ่จะสู้องค์ชายสองได้อย่างนั้นหรือ!
หากพวกเขาบอกองค์ชายใหญ่ว่าข้างกายของเขามีสายลับขององค์ชายสองแฝงตัวอยู่ องค์ชายใหญ่อาจเชื่อคนที่ตัวเองสนิทสนมมากกว่าขุนนางของต้าโจวอย่างพวกเขา
“ใต้เท้า วันนี้ฟ่านอวี้กานไปพบองค์ชายสอง ให้ข้าลอบไปพบองค์ชายใหญ่บ้างดีหรือไม่เจ้าคะ” หลู่เฟิ่งหลางรีบตัดสินใจอย่างรวดเร็ว “เฟิ่งหลางอยากพบหน้าองค์ชายใหญ่ผู้นี้สักครั้ง หากพวกเราสนับสนุนองค์ชายใหญ่ผู้นี้ไม่ขึ้นจริงๆ พวกเราจะได้ไม่ต้องเสียเวลากับเขาอีกต่อไปเจ้าค่ะ ขอเพียงพวกเราหาทางทำลายความสมดุลของราชสำนักตงอี๋ในตอนนี้ได้ พวกเราสามารถหาทางทำให้องค์ชายใหญ่และองค์ชายสองพ่ายแพ้ยับเยินทั้งสองฝ่าย จากนั้นสนับสนุนจักรพรรดิหุ่นเชิดองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ได้เจ้าค่ะ…องค์ชายเจ็ดโอรสของฮองเฮาองค์ปัจจุบันที่อายุเพียงหกชันษาคือคนที่เหมาะสมที่สุดเจ้าค่ะ”
แม้องค์ชายใหญ่จะเป็นพี่ชายคนโต ทว่า อดีตฮองเฮาของตงอี๋ล่วงลับไปนานแล้ว ฮองเฮาองค์ปัจจุบันประสูติองค์ชายเจ็ดออกมา ทว่า จักรพรรดิตงอี๋มีโอรสองค์นี้ตอนอายุมากแล้วองค์ชายเจ็ดที่ประสูติออกมาจึงขาพิการ ฮองเฮาองค์ปัจจุบันไม่มีตระกูลฝั่งมารดาที่แข็งแกร่งคอยสนับสนุน ดังนั้นองค์ชายใหญ่และองค์ชายสองจึงแย่งชิงบัลลังก์กันโดยไม่เห็นองค์ชายเจ็ดอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
พวกขุนนางแคว้นอื่นที่คิดอยากแทรกแซงการเมืองของแคว้นตงอี๋จึงยิ่งใจกล้ามากยิ่งขึ้น
ก่อนที่หลู่เฟิ่งหลางจะออกเดินทางมาที่นี่หลู่ไท่เว่ยกล่าวกับนางว่าเขาเสียใจที่ไม่ได้อบรมสั่งสอนหลู่เฟิ่งหลางให้เท่าเทียมกับบุรุษอย่างที่ตระกูลไป๋ทำ
ท่านปู่ของหลู่เฟิ่งหลางกล่าวว่าเมื่อนางกลับจากแคว้นตงอี๋เขาจะอบรมสั่งสอนนางให้ดี เขากำชับหลู่เฟิ่งหลางว่าหลิ่วหรูซื่อคือวิญญูชนอย่างแท้จริง บางทีเขาอาจคิดกลอุบายชั่วร้ายไม่ออก หากหลู่เฟิ่งหลางอยากมีอนาคตที่สดใส หากถึงคราวจำเป็นจริงๆ ก็ควรเอ่ยแนะนำหลิ่วหรูซื่อโดยไม่ต้องคำนึงถึงชื่อเสียงของตัวเอง
หลิ่วหรูซื่อเห็นความเปล่งประกายในดวงตาของหลู่เฟิ่งหลาง เขานึกไม่ถึงเลยว่าหลู่เฟิ่งหลางจะมีความคิดและใจที่เด็ดเดี่ยวกล้าหาญถึงเพียงนี้
“อาศัยแค่พวกเราสามคนอย่างนั้นหรือ…” หลิ่วหรูซื่อเริ่มไม่มั่นใจ
“ใต้เท้า ข้าเชื่อว่ามนุษย์เป็นคนลิขิตทุกอย่างเองเจ้าค่ะ!” หลู่เฟิ่งหลางยกตัวอย่างไป๋ชิงเหยียนให้หลิ่วหรูซื่อฟัง “ตอนที่ตระกูลไป๋เผชิญปัญหา ฝ่าบาทเป็นเพียงสตรีคนหนึ่งเท่านั้น ทว่า พระองค์กลับประคับประคองตระกูลไป๋มาได้ ตอนนั้นผู้ใดจะนึกว่า…ฝ่าบาทจะได้ขึ้นครองราชย์กันเจ้าคะ”
หลิ่วหรูซื่อเม้มปากแน่น ครู่ใหญ่จึงกล่าวขึ้น “เช่นนั้นก็ลองดูแล้วกัน!”
คืนนั้นทูตสองคนของต้าโจวที่เดินทางมายังแคว้นตงอี๋ คนแรกคือฟ่านอวี้กานได้รับเชิญไปล่องเรือชมทะเลสาบกับองค์ชายสอง ส่วนหลู่เฟิ่งหลางแต่งกายเป็นบุรุษปลอมตัวเป็นบ่าวรับใช้ของซื่อหลางของกรมการคลังเข้าไปพบองค์ชายใหญ่ที่จวน
ซื่อหลางของกรมการคลังให้องค์ชายใหญ่ไล่คนอื่นออกไปจากห้องให้หมด จากนั้นหลู่เฟิ่งหลางจึงมาปรากฏตัวต่อหน้าองค์ชายใหญ่ด้วยฐานะที่แท้จริง
“ข้างกายขององค์ชายใหญ่น่าจะมีสายลับขององค์ชายสองอยู่ ที่สำคัญสายลับคนนี้น่าจะมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับองค์ชายใหญ่มาก ดังนั้นหลู่เฟิ่งหลางจึงต้องลอบมาพบองค์ชายใหญ่ด้วยวิธีนี้! องค์ชายใหญ่ได้โปรดเก็บเรื่องที่เฟิ่งหลางลอบมาพบองค์ชายใหญ่ในวันนี้ไว้เป็นความลับด้วยเพคะ! เช่นนี้ต้าโจวจะได้ร่วมมือกับองค์ชายใหญ่ได้อย่างสะดวกมากขึ้นเพคะ” หลู่เฟิ่งหลางยืดกายตรงพลางกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น
ในเวลาเดียวกัน องค์ชายสองที่อยู่บนเรือกำลังอารมณ์ดีเพราะได้ชมบรรยากาศที่งดงามรอบกาย เขาเอ่ยถามฟ่านอวี้กานด้วยมาดขององค์ชาย “ได้ยินว่าต้าโจวต้องการสนับสนุนเสด็จพี่ที่ไม่ได้เรื่องของข้าขึ้นครองราชย์อย่างนั้นหรือ”
ฟ่านอวี้กานได้ยินก็ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่น เขากล่าวกับองค์ชายสองยิ้มๆ อย่างเปิดเผยด้วยท่าทีสงบนิ่งราวกับทุกอย่างอยู่ในกำมือของต้าโจวหมดแล้ว “เหตุใดต้าโจวต้องสนับสนุนองค์ชายใหญ่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ นั่นเป็นเพราะตอนนี้องค์ชายสองได้รับการสนับสนุนจากทั้งต้าเยี่ยนและเทียนเฟิ่ง ทั้งต้าเยี่ยนและเทียนเฟิ่งล้วนอยากให้แคว้นตงอี๋ทำสงครามกับต้าโจว กระหม่อมกล่าวถูกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายสองมองดูคุณชายเจ้าสำราญที่บรรเลงพิณได้ดีตรงหน้านิ่ง เขารู้สึกว่าคนตรงหน้าไม่ได้เป็นเพียงคุณชายเจ้าสำราญธรรมดา องค์ชายสองไม่กล่าวสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น ทำเพียงยกจอกเหล้าขึ้นดื่มเท่านั้น ต่อมาเขาได้ยินฟ่านอวี้กานกล่าวขึ้นยิ้มๆ “คำกล่าวนี้เป็นคำกล่าวของใต้เท้าหลิ่วของต้าโจว องค์ชายสองได้โปรดอย่าได้บังคับให้กระหม่อมกล่าวสำนวนเหมือนใต้เท้าหลิ่วเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ดูเหมือนว่าต้าโจวของพวกเจ้าจะไม่กลัวที่ข้ารู้เรื่องที่พวกเจ้าต้องการสนับสนุนเสด็จพี่ของข้าขึ้นครองราชย์อย่างนั้นสินะ” ดวงตาคมราวกับเหยี่ยวขององค์ชายสองจ้องไปทางฟ่านอวี้กานนิ่ง จากนั้นยกเหล้าดื่มหมดจอก
ฟ่านอวี้กานถลกแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มราวกับไม่กลัวว่าองค์ชายสองจะโมโห “ต้าโจวของพวกเราอยู่ห่างจากแคว้นตงอี๋โดยมีทะเลกั้นกลาง พวกเราอยากอยู่ร่วมกันอย่างสงบกับแคว้นตงอี๋ในขณะที่พวกเรากำลังเดิมพันแคว้นกับต้าเยี่ยน หากองค์ชายสองยอมทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับต้าโจว ยอมให้สัญญาว่าจะอยู่อย่างสงบสุขกับต้าโจวหากได้ขึ้นครองราชย์ ต้าโจวสามารถช่วยสนับสนุนให้องค์ชายสองขึ้นครองบัลลังก์ได้พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อเห็นสีหน้าขององค์ชายสองยังคงราบเรียบเหมือนเดิม ฟ่านอวี้กานจึงกล่าวต่อ “สำหรับต้าโจวแล้ว สนับสนุนผู้ใดขึ้นครองราชย์ล้วนไม่แตกต่างกัน พวกท่านไม่ได้จะมาเป็นจักรพรรดิของแคว้นต้าโจวเสียหน่อย ที่พวกเราคิดแทรกแซงการเมืองของแคว้นตงอี๋เป็นเพราะพวกเราไม่อยากทำสงครามขณะที่กำลังเดิมพันกับแคว้นต้าเยี่ยนอยู่เท่านั้น ทว่า ต้าโจวของเรายิ่งใหญ่และแข็งแกร่ง หากต้องทำสงครามกันขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใดพ่ะย่ะค่ะ!”