สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1418 เกี่ยวข้อง
ตอนที่ 1418 เกี่ยวข้อง
“พ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยจงรับคำ
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินมาหลิวซื่อจึงรีบถลาเข้าไปหาหญิงสาว
“อาเป่า…”
“ท่านอาสะใภ้สอง!”
ไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่กลางแสงแดดยามรุ่งอรุณ ใบหน้าของนางทอแสงอ่อนโยน
“ได้ยินว่าท่านอาสะใภ้สองเข้าวังมานานแล้ว ปล่อยให้ท่านอาสะใภ้สองรอนานแล้วเจ้าค่ะ”
“อาเป่า…”
ดวงตาของหลิวซื่อแดงก่ำ อาเป่าที่อยู่ตรงหน้าของนางแตกต่างจากจักรพรรดินีที่อยู่ในตำหนักใหญ่เมื่อครู่ยิ่งนัก หลานของนางยังคงเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลไป๋คนเดิม หลิวซื่อกุมมือไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวเสียงเบา
“อาเป่า เจ้ารู้เรื่องที่หยกจักจั่นของแคว้นเทียนเฟิ่งสามารถย้อนเวลาได้หรือไม่”
หลิวซื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนเป็นคนในครอบครัวเดียวกันจึงกล้ากล่าวออกมาตรงๆ เช่นนี้
ไป๋ชิงเหยียนตะลึงไปเล็กน้อย
“เจ้าจับตัวจอมเวทย์ของแคว้นเทียนเฟิ่งผู้นั้นไว้เพื่อสอบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียดใช่หรือไม่ เจ้าอยากย้อนเวลากลับไปช่วยท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านอาและน้องชายของเจ้าเหมือนกันใช่หรือไม่”
จนถึงตอนนี้หลิวซื่อก็ยังไม่มั่นใจเต็มร้อย หากสามารถย้อนเวลากลับไปได้จริงจะมีเพียงผู้ย้อนเวลาเท่านั้นที่จำเรื่องทุกอย่างได้ ดังนั้นไป๋ชิงเหยียนคือคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะย้อนเวลากลับไป
ไป๋ชิงเหยียนเป็นคนที่ชอบเก็บเรื่องทุกอย่างไว้กับตัวเอง ต่อให้นางสืบรู้เรื่องมาบ้างแล้ว ทว่า หากยังไม่มันใจเต็มร้อยนางไม่มีทางบอกเรื่องนี้กับผู้อื่นแน่นอน
“อารู้ว่าเจ้าเป็นคนที่จะไม่บอกความลับใดกับผู้อื่นหากยังไม่มั่นใจเต็มร้อย ทว่า ข้าทนต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ คนที่ข้าส่งไปไม่มีทางสืบเรื่องได้เร็วกว่าคนของเจ้าดังนั้นข้าจึงมาถามเจ้าที่นี่”
หลิวซื่อกุมมือไป๋ชิงเหยียนแน่น
“เจ้าหาหยกจักจั่นอีกชิ้นพบแล้วหรือไม่ เจ้าส่งทูตของเราไปยังแคว้นตงอี๋ในครั้งนี้เพราะต้องการหยกอีกชิ้นจากซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นใช่หรือไม่”
หลิวซื่อเชื่อเรื่องนี้เต็มร้อยแล้ว หากการย้อนเวลาไม่ใช่เรื่องจริงเหตุใดจักรพรรดิเทียนเฟิ่งจึงทุ่มเททั้งเงินและเวลาเพื่อตามหาหยกจักจั่นอีกชิ้นเช่นนี้กัน
เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบจากไป๋ชิงเหยียนหลิวซื่อจึงเริ่มร้อนใจ
“เจ้าไม่คิดจะย้อนเวลากลับไปอย่างนั้นหรือ! หากสามารถย้อนเวลากลับไปได้จริง…พวกเราจะสามารถช่วยบุรุษตระกูลไป๋ของพวกเรากลับมาได้นะ หยกจักจั่นของเซียวหรงเหยี่ยนต้องยังอยู่ในต้าโจวแน่นอน พวกเราควรตามหามันให้เจอ! ทว่า หยกจักจั่นอีกชิ้นยังอยู่ที่ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่น!”
ไป๋ชิงเหยียนลูบมือหลิวซื่ออย่างปลอบโยน จากนั้นเดินโอบไหล่หลิวซื่อไปด้านหน้าต่อด้วยรอยยิ้ม
“ท่านอาสะใภ้สอง หากเรื่องย้อนเวลาของแคว้นเทียนเฟิ่งคือเรื่องจริง ต่อให้พวกเรายกแคว้นต้าโจวให้เขา เทียนเฟิ่งจะยอมมอบหยกจักจั่นให้พวกเราหรือเจ้าคะ หากสามารถย้อนเวลาได้จริง ต่อให้ข้ายกต้าโจวให้เขาเขาก็รู้ว่าข้าสามารถย้อนเวลากลับไปเอาต้าโจวคืนมาได้อยู่ดี จักรพรรดิเทียนเฟิ่งไม่ใช่คนโง่เจ้าค่ะ…”
หลิวซื่อคิดตามแล้วก็เห็นด้วย หากการย้อนเวลาเป็นเรื่องจริงหลิ่วหรูซื่อไม่มีทางได้หยกจักจั่นมาจากซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นแน่นอน หากเรื่องย้อนเวลาเป็นเรื่องโกหกจักรพรรดิเทียนเฟิ่งอาจยอมมอบหยกจักจั่นให้ต้าโจวเพราะทนความกดดันจากต้าโจวไม่ไหว ทว่า หากเป็นเรื่องโกหกพวกนางจะเอาหยกจักจั่นมาทำอันใดกัน
“ทว่า แคว้นเทียนเฟิ่งจะมอบรางวัลให้ผู้ที่หาหยกจักจั่นของเซียวหรงเหยี่ยนพบ หากไม่ใช่เรื่องจริงเหตุใดพวกเขาต้องทำถึงเพียงนี้ด้วย”
“ท่านอาสะใภ้สอง หากการย้อนเวลาคือเรื่องจริง เหตุใดแคว้นเทียนเฟิ่งจึงไม่ปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เหตุใดจึงต้องประกาศให้คนทั้งใต้หล้ารับรู้ด้วยเจ้าคะ”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับหลิวซื่ออย่างไม่รีบร้อน
“แคว้นเทียนเฟิ่งไม่กลัวว่าผู้อื่นอาจจะอยากย้อนเวลากลับไปบ้างจนคิดอยากแย่งหยกจักจั่นไปจากเทียนเฟิ่งหรือเจ้าคะ บางทีต้าโจว ต้าเยี่ยนและตงอี๋อาจทำสงครามเพื่อแย่งชิงหยกจักจั่นกันเอง หากย้อนเวลากลับไปได้จริงเงินและเวลาที่เสียไปกับการทำสงครามล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย แคว้นใดไม่อยากย้อนเวลาบ้างเจ้าคะ ยกตัวอย่างแคว้นต้าโจวของพวกเรา หากต้าโจวเกิดแพ้การเดิมพันครั้งนี้ขึ้นมา พวกเราจะสามารถย้อนกลับไปยังช่วงเวลาก่อนหน้านี้และชิงทำสงครามกับต้าเยี่ยนก่อนได้เจ้าค่ะ!”
ได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้หลิวซื่อจึงเริ่มคิดได้
“ถุยๆ”
หลิวซื่อรีบไล่คำอัปมงคลออกไป
“ต้าโจวของพวกเราไม่มีทางแพ้อย่างแน่นอน!”
ไป๋ชิงเหยียนหลุดขำกับท่าทีของอาสะใภ้สอง แม้จะรู้สึกผิดที่ต้องโกหกอาสะใภ้สองเช่นนี้ ทว่า ก็ดีกว่าปล่อยให้อาสะใภ้สองจมอยู่กับความหวังที่สามารถย้อนเวลากลับไปก่อนเกิดเหตุกาณ์สงครามที่หนานเจียงได้
“ท่านอาสะใภ้สอง อาเป่าทราบดีว่าท่านอาสะใภ้สองเสียใจมากที่ตอนนี้มีเพียงบุตรชายของท่านอาสองเท่านั้นที่ยังไม่กลับมา”
ไป๋ชิงเหยียนหยุดฝีเท้าลง จากนั้นมองไปทางหลิวซื่อนิ่ง
“ตอนนี้อาเป่านั่งอยู่บนบัลลังก์นี้แล้ว อาเป่าส่งคนออกไปตามหาน้องๆ ที่เหลือมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว บางที…พวกเราอาจได้รับความช่วยเหลือจากคนใจดี ทว่า อาจความจำเสื่อม จำตระกูลไป๋ไม่ได้ ทว่า นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญเจ้าค่ะ พวกเราจะออกตามหาพวกเขาจนเจอ สักวันพวกเขาต้องกลับมาแน่นอนเจ้าค่ะ”
เมื่อสิ่งที่เก็บกดอยู่ในใจของหลิวซื่อถูกไป๋ชิงเหยียนกล่าวออกมาน้ำตาของหลิวซื่อไหลพรากลงมาทันที นางกุมมือไป๋ชิงเหยียนแน่น
“อาเป่า…อารู้สึกแย่มาก!”
“ตอนแรกทุกคนต่างบอกว่าบุรุษตระกูลไป๋ของพวกเราเสียชีวิตลงหมดแล้ว ทว่า ตอนนี้พวกน้องชายสามกลับมาแล้ว…”
ไป๋ชิงเหยียนหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาเช็ดน้ำตาให้หลิวซื่อ
“พวกเขาต้องกลับมาเจ้าค่ะ บรรพบุรุษตระกูลไป๋จะคอยปกป้องทุกคนในตระกูลไป๋อยู่บนสวรรค์เจ้าค่ะ”
หลิวซื่อพยักหน้าทั้งน้ำตา ทว่า เมื่อคิดสิ่งใดขึ้นมาได้จึงรีบเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนทั้งน้ำตา
“เทียนเฟิ่งจงใจแพร่กระจายข่าวเรื่องการย้อนเวลาออกมาเช่นนี้เกรงว่าพวกเขาต้องมีจุดประสงค์แอบแฝงแน่ อาเป่าต้องระวังตัวด้วยนะ!”
“ท่านอาสะใภ้สอง เทียนเฟิ่งไม่ได้แพร่กระจายข่าวเรื่องนี้เจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนกุมมือหลิวซื่อไว้หลวมๆ
“เทียนเฟิ่งแค่ออกตามหาหยกจักจั่นเพราะต้องการนำสมบัติล้ำค่ากลับคืนสู่แคว้นตัวเองเท่านั้น ข้าเป็นคนให้ต้าโจวแพร่กระจายข่าวลือนี้ออกไปเพื่อสร้างปัญหาให้แคว้นเทียนเฟิ่งเองเจ้าค่ะ ตอนนี้จักรพรรดิเทียนเฟิ่งอยู่ที่แคว้นตงอี๋ หากจักรพรรดิของตงอี๋ทราบเรื่องการย้อนเวลา ท่านอาสะใภ้สองคิดว่าเขาจะอยากได้หยกจักจั่นของจักรพรรดิเทียนเฟิ่งเพื่อย้อนเวลากลับไปหรือไม่เจ้าคะ หากเป็นเช่นนั้นเทียนเฟิ่งกับตงอี๋จะทำสัญญาพันธมิตรกันได้อีกหรือเจ้าคะ”
หลิวซื่อกระจ่างแจ้งขึ้นทันที
“ที่แท้ยังมีเบื้องหลังเช่นนี้อยู่อีกหรือ”
“การแข่งขันระหว่างแคว้นต้องแข่งขันกันทุกด้าน วันหน้าหากท่านอาสะใภ้สองมีสิ่งใดสงสัยก็มาถามอาเป่าได้เลยเจ้าค่ะ อาเป่าจะตอบข้อสงสัยให้ท่านอาสะใภ้สองเองเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับหลิวซื่อยิ้มๆ
“จะทำอย่างนั้นได้ที่ใดกัน!”
หลิวซื่อส่ายหน้า
“ตอนนี้อาเป่าต้องลำบากดูแลแคว้นทั้งแคว้นของต้าโจว อาเป็นคนไม่ได้เรื่อง ช่วยสิ่งใดเจ้าไม่ได้สักนิด วันนี้ยังมาสร้างปัญหาให้เจ้าทำให้เจ้าเสียเวลาอีก! อาเป่าไม่ต้องเป็นห่วง…ไม่ว่าอย่างใดอาก็เชื่อใจเจ้าเพราะเจ้าคือคนที่อยากย้อนเวลากลับไปช่วยให้ครอบครัวของพวกเรากลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันมากที่สุด!
ขอบตาของไป๋ชิงเหยียนแดงก่ำทันทีที่ได้ยินคำของหลิวซื่อ นางพยักหน้าให้อาสะใภ้สองยิ้มๆ
“เอาล่ะ อาไม่อยู่กวนเวลาเจ้าแล้ว เจ้าไปทำงานต่อเถิด!”
หลิวซื่อยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่ดูแย่กว่าร้องไห้ จากนั้นกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน