สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1413 เห็นด้วย
ตอนที่ 1413 เห็นด้วย
ขุนนางที่คัดค้านเรื่องนี้คิดว่าหานเฉิงอ๋องต้องการทัพเสริมเพื่อต้องการตั้งตนเป็นอ๋องที่ดินแดนของต้าเหลียงโดยใช้ประโยชน์จากนิสัยตรงไปตรงมาและไม่หวาดแวงของไป๋ชิงเหยียน
เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นขุนนางที่ก่อนหน้านี้ไม่พอใจที่ไป๋ชิงเหยียนมอบอำนาจทางทหารให้หานเฉิงอ๋องจึงเดินออกมาจากแถวทันที เขากล่าวว่าหานเฉิงอ๋องมีใจไม่บริสุทธิ์สมควรถูกประหาร บรรยากาศในราชสำนักต้าโจวเป็นกันเองมาโดยตลอด ขุนนางที่ไม่พอใจในตัวหานเฉิงอ๋องจึงกล้ากล่าวสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาทั้งหมด
“เพิ่งเดินทางถึงเหยียนไห่ก็อยากได้กำลังเสริมเสียแล้ว นี่มันต้องการทัพเสริมที่ใดกัน! หานเฉิงอ๋องซึ่งมีทหารเรืออยู่ในมือกำลังข่มขู่ฝ่าบาทอยู่ต่างหาก!” ขุนนางคนหนึ่งกล่าวออกมาด้วยความโมโห “กระหม่อมไม่กล้ากล่าวว่าฝ่าบาททรงทำผิดที่มอบอำนาจการควบคุมทหารเรือให้หานเฉิงอ๋อง ทว่า รอบกายของหานเฉิงอ๋องรายล้อมไปด้วยทหารเก่าของต้าเหลียง ต่อให้ตอนแรกเขาจะจงรักภักดีต่อฝ่าบาทเพียงใด ทว่า นานวันเข้าก็อาจมีใจเป็นอื่นขึ้นมาได้! ดังนั้นพวกเราจะมอบกำลังเสริมให้พวกเขาไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ! ไม่เพียงไม่มอบให้ พวกเราควรเรียกตัวหานเฉิงอ๋องกลับมาเมืองหลวงด้วยพ่ะย่ะค่ะ! หากเขาไม่ยอมกลับมาก็ถือว่าขัดราชโองการของฝ่าบาท แสดงว่าเขามีใจกบฏแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“พอได้แล้ว!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้นยิ้มๆ
เมื่อนางกล่าวขึ้นขุนนางในราชสำนักจึงเงียบเสียงลงพลางมองไปทางไป๋ชิงเหยียนทันที
“เราฟังความคิดเห็นของทุกคนหมดแล้ว เอาอย่างนี้แล้วกัน พวกเรามาแก้ปัญหากันทีละเรื่อง!” ไป๋ชิงเหยียนวางมือทั้งสองข้างลงบนโต๊ะ “มาปรึกษากันก่อนว่าควรส่งผู้ใดไปยังแคว้นตงอี๋ถึงจะเหมาะสมที่สุด”
เมื่อได้ยินคำนี้หลิ่วหรูซื่อจึงก้าวเท้าออกมาทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนทันที “ฝ่าบาท กระหม่อมขอรับอาสาทำหน้าที่นี้เองพ่ะย่ะค่ะ!”
“ใต้เท้าหลิ่วคือคนที่มีวาทศิลป์เก่งกาจที่สุดของต้าโจว ส่งใต้เท้าหลิ่วไปเหมาะสมที่สุด!”
“ใช่แล้ว ใต้เท้าหลิ่วเคยรับมือกับเทียนเฟิ่งและต้าเยี่ยนมาก่อน ส่งใต้เท้าหลิ่วไปเหมาะสมที่สุด!”
หลิ่วหรูซื่อคือคนที่เหมาะสมที่จะเจรจากับแคว้นอื่นมากที่สุด
“ได้ เช่นนั้นก็ลำบากใต้เท้าหลิ่วแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับหลิ่วหรูซื่อยิ้มๆ
ใบหน้าของหลิ่วหรูซื่อเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “กระหม่อมอยากได้ผู้ช่วยอีกสองคนจากฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ…”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ใต้เท้าหลิ่วอยากได้ผู้ใดกัน”
“หลู่เฟิ่งหลางและฟ่านอวี้กานพ่ะย่ะค่ะ!” หลิ่วหรูซื่อกล่าวจบจึงเงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่นั่งสีหน้าเรียบเฉยอยู่บนบัลลังก์สูง เขารู้ว่าไป๋ชิงเหยียนต้องรู้ดีว่าคนที่เขาอยากได้ไปด้วยในครั้งนี้คือคนที่เขาต้องการอบรมให้รับช่วงต่อเขาในภายภาคหน้า เขาควรพาพวกเขาไปฝึกฝนประสบการณ์ที่โลกภายนอกด้วย
“ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าใต้เท้าหลิ่วไปหาเด็กรับใช้ที่รู้ภาษาตงอี๋มาจากร้านค้าในเมือง ใต้เท้าหลิ่วกำลังฝึกฝนภาษาตงอี๋อยู่อย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถามหลิ่วหรูซื่อยิ้มๆ
“ปิดบังฝ่าบาทไม่ได้จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ” หลิ่วหรูซื่อกล่าวยิ้มๆ
“เช่นนั้นก็ลำบากใต้เท้าหลิ่วแล้ว…” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงกล่าวต่อ “ต่อมาก็คือเรื่องกองทัพที่หานเฉิงอ๋องต้องการ”
“ฝ่าบาท…” ไป๋ชิงฉีเดินออกมาด้านหน้าเพื่อทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวขึ้นตามแผนที่เตรียมไว้เมื่อวาน “ในเมื่อหานเฉิงอ๋องต้องการกองทัพ กระหม่อมคิดว่าพวกเราสามารถส่งกองทัพไปให้เขาได้พ่ะย่ะค่ะ! เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตของชาวบ้านแถบชายทะเล หากเราส่งกองทัพไปและพบว่าหานเฉิงอ๋องคิดก่อกบฏจริงก็ให้ทหารของเรากำจัดเขาเสีย ทว่า หากหานเฉิงอ๋องทำเพื่อชาวบ้านจริงๆ ก็ให้ทหารเหล่านั้นฟังคำสั่งของหานเฉิงอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของไป๋ชิงฉีบรรดาขุนนางในราชสำนักจึงหันไปกระซิบกระซาบกันเสียงเบา
“วิธีนี้ดูใช้ได้ ทว่า ควรส่งผู้ใดไปดี” ไป๋ชิงเหยียนถามต่อ
ต่งชิงผิงมองไปทางไป๋ชิงเหยียนแล้วเอ่ยขึ้นโดยไม่รอไป๋ชิงฉีเอ่ยตอบ “ฝ่าบาท ให้พวกแม่ทัพเฉิงไปทำคุณไถ่โทษดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อวานต่งชิงผิงไม่ได้ร่วมปรึกษากับพวกไป๋ชิงเหยียน ต่งชิงผิงมีเหตุผลที่เสนอชื่อของพวกเฉิงหย่วนจื้อขึ้นมา
เหตุผลแรก…แม่ทัพที่ไปก่อเรื่องในวันนั้นส่วนใหญ่คือแม่ทัพของกองทัพไป๋ หนึ่งในนั้นมีแม่ทัพเฉิงหย่วนจื้อและเสิ่นคุนหยางที่รอดชีวิตมาจากสงครามที่หนานเจียง พวกเขามีความสำคัญต่อไป๋ชิงเหยียนและต่งชิงผิงมาก ต่งชิงผิงอยากช่วยสนับสนุนพวกเขา
เหตุผลที่สอง…เฉิงหย่วนจื้อจงรักภักดีต่อไป๋ชิงเหยียนเป็นที่สุด หากหานเฉิงอ๋องคิดกบฏขึ้นมาจริงๆ เฉิงหย่วนจื้อคือคนแรกที่จะไม่มีวันยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เขาต้องจัดการจนหานเฉิงอ๋องไม่มีที่ยืนในเหยียนไห่ต่อไปแน่นอน
เหตุผลที่สาม…ครั้งนี้พวกเฉิงหย่วนจื้อโดนไป๋ชิงเหยียนทำโทษเพราะอยากให้ไป๋ชิงเหยียนยึดอำนาจทางทหารคืนจากหานเฉิงอ๋อง พวกเขาไม่มีทางหวาดกลัวหรือยำเกรงหานเฉิงอ๋องเพียงเพราะหานเฉิงอ๋องได้รับความไว้วางใจจากไป๋ชิงเหยียนแน่นอน นิสัยของเฉิงหย่วนจื้อยิ่งไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่
อีกเหตุผลสำคัญคือต่งชิงผิงไม่อยากให้เด็กๆ ของตระกูลไป๋เหล่านี้ไปเสี่ยงอันตรายอีกแล้ว พวกเขาเพิ่งรอดปลอดภัยกลับมา ตอนนี้พวกเขาควรอยู่เป็นเพื่อนมารดาของพวกเขาที่จวนไป๋อย่างมีความสุข เรื่องเหล่านี้ควรปล่อยให้คนอื่นเป็นคนจัดการบ้าง
โดยเฉพาะอาอวี๋ หลานชายของเขาลำบากมามากพอแล้ว!
ดังนั้นเมื่อไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถามว่าควรส่งผู้ใดไปดีต่งชิงผิงจึงรีบเอ่ยขึ้นก่อน เขากลัวว่าไป๋ชิงอวี๋จะเสนอตัวไปที่ต้าเหลียงเองเพื่อแบ่งเบาภาระของพี่สาว
ต่งชิงผิงรู้จักนิสัยของหลานสาวและหลานชายของตัวเองดี หลานๆ ของเขาคือคนที่มักคิดถึงคนในครอบครัวก่อนชีวิตของตัวเองเสมอ
ไป๋ชิงฉีก้มหน้าลอบยิ้มออกมาอย่างคุมไม่อยู่ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นพี่หญิงใหญ่มองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มส่งสายตาให้พี่หญิงใหญ่มองดูท่านลุงต่งชิงผิงของนาง
ไป๋ชิงเหยียนแสร้งทำเป็นครุ่นคิด จากนั้นได้ยินไป๋ชิงอวี๋กล่าวขึ้น “กระหม่อมเห็นด้วยกับความคิดของต่งซือถูพ่ะย่ะค่ะ!”
“กระหม่อมก็เห็นด้วยกับความคิดของต่งซือถูพ่ะย่ะค่ะ!” ไป๋ชิงเจวี๋ยกล่าว
“หม่อมฉันก็เห็นด้วยกับความคิดของต่งซือถูเพคะ!” ไป๋จิ่นจื้อรีบแสดงความคิดเห็นของตัวเอง นางจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไรในเมื่อนางเป็นคนเสนอความคิดนี้เช่นเดียวกัน ทว่า เหตุใดท่านลุงต่งชิงผิงถึงได้มีความคิดเช่นเดียวกับนางนะ แสดงว่านางสามารถเป็นซือถูได้เหมือนกันสินะ
“กระหม่อมคิดว่าต่งซือถูกล่าวมีเหตุผลพ่ะย่ะค่ะ” หลู่ไท่เว่ยพยักหน้าให้ไป๋ชิงเหยียน “กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อขุนนางคนอื่นเห็นอ๋องทุกคนรวมถึงไท่เว่ยและซือถูต่างเห็นด้วยกับความคิดนี้ พวกเขาจึงได้แต่พยักหน้าตามอย่างไม่กล้ามีความเห็นต่าง
เมื่อการประชุมในราชสำนักตอนเช้าจบลง ราชโองการของไป๋ชิงเหยียนถูกส่งไปยังจวนของแม่ทัพทั้งสิบสองคนที่ไปก่อเรื่องที่ประตูอู่เต๋อให้พวกเขานำทัพไปยังเมืองติดชายทะเลในวันพรุ่งนี้เพื่อทำคุณไถ่โทษ
ตอนที่หลู่หยวนเผิงได้รับราชโองการจากไป๋ชิงเหยียนเขาดีใจจนแทบกระโดดขึ้นจากเตียง เขาตะโกนเสียงดังลั่น “ข้าบอกแล้วว่าพี่สาวไป๋ไม่มีทางลงโทษข้านาน!”
หลู่หยวนชิ่งที่กลับมาจากราชสำนักและเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเรียบร้อยนั่งไขว้ห้างปลอกลิ้นจี่เข้าปาก จากนั้นใช้ผ้าเช็ดมือจนสะอาด “ฝ่าบาทไม่ได้ลงโทษเจ้านาน ทว่า บาดแผลที่ก้นของเจ้า…เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าสามารถขี่ม้าเดินทางไกลได้”
“หึ ขี่ไม่ได้ข้าก็สามารถนอนบนหลังม้าได้ขอรับ! ข้าไม่ได้ถูกโบยคนเดียวเสียหน่อย แม่ทัพเฉิง แม่ทัพเสิ่น แม่ทัพหลิ่วและซือหม่าผิงก็โดนโบยเหมือนกัน!” หลู่หยวนเผิงดีใจจนไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นคำกล่าวเช่นไร เขานอนสั่งให้บ่าวรับใช้รีบเตรียมของใช้จำเป็นของเขาให้เรียบร้อย “อย่างอื่นไม่สำคัญ นำยารักษาแผลไปให้ข้ามากหน่อย! ข้ามักโดนโบยในค่ายทหารเป็นประจำ!”