สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1400 วางใจ
ตอนที่ 1400 วางใจ
องค์ชายใหญ่ของต้าเยี่ยนอ่อนน้อมถ่อมตน ยอมรับผิดแทนไทเฮาแห่งต้าเยี่ยนถึงเพียงนี้ ต่อให้เป็นเพียงการแสดงให้ทหารต้าโจวเห็นเท่านั้น ก็มากพอที่จะทำให้ต้าโจวไม่มีเหตุผลยกทัพไปโจมตีต้าเยี่ยนแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนอ่านจดหมายของเซียวหรงเหยี่ยนจบจึงกล่าวกับเว่ยจง
“ให้องค์ชายใหญ่ของต้าเยี่ยนมาพบข้าได้ มิเช่นนั้นคนภายนอกอาจหาว่าข้าปฏิบัติต่อตัวประกันทั้งสามของต้าเยี่ยนไม่ดีได้”
“ฝ่าบาท ฝู่กั๋วจวินมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
ขันทีเล็กเดินเข้ามารายงาน
“เชิญเข้ามาได้!”
ไป๋ชิงเหยียนวางพู่กันลงบนโต๊ะด้านข้าง จากนั้นหยิบฎีกาเล่มใหม่ขึ้นมาอ่าน
ไป๋จิ่นซิ่วเดินเข้ามาในตำหนัก นางทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน จากนั้นนั่งคุกเข่าลงด้านข้างพี่สาว
“ตอนข้าเข้ามาในวังข้าเห็นองค์ชายใหญ่ องค์ชายสองและแม่ทัพเซี่ยสวินของต้าเยี่ยนยืนรออยู่หน้าวัง พวกเขาคงมาขอพบพี่หญิงใหญ่เพราะเรื่องที่พวกแม่ทัพเฉิงก่อขึ้นแน่นอนเจ้าค่ะ”
“เจ้ากลับไปบอกพวกอาฉีทีว่ายามว่างให้เชิญองค์ชายใหญ่ องค์ชายสองและแม่ทัพเซี่ยสวินของต้าเยี่ยนไปเป็นแขกที่จวนไป๋บ้าง ถือเป็นการแสดงให้คนภายนอกเห็น องค์ชายใหญ่ของต้าเยี่ยนค่อนข้างขี้ขลาด หากเขาไม่ได้รับการดูแลอย่างดีจากต้าโจวเขาอาจคิดว่าเป็นเจตนาของข้าได้”
“พี่หญิงใหญ่รู้ได้อย่างใดว่าองค์ชายใหญ่ของต้าเยี่ยนค่อนข้างขี้ขลาดเจ้าคะ”
ไป๋จิ่นซิ่วยิ้มให้ชุนเถาที่นำชามาให้นางน้อยๆ จากนั้นกล่าวยิ้มๆ
“ข้ารู้สึกว่าองค์ชายใหญ่ของต้าเยี่ยนผู้นี้มีความกล้าไม่น้อย ตัวประกันของแคว้นอื่นมีแต่จะหลบอยู่แต่ในจวน ทว่า เขากลับมาขอพบพี่หญิงใหญ่ที่วังหลวงเช่นนี้”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ
“นี่คือสิ่งที่พี่ชื่นชมองค์ชายใหญ่แห่งต้าเยี่ยนผู้นี้ ทั้งๆ ที่หวาดกลัวมาก ทว่า กลับยอมมาพบพี่เพื่อแคว้นของตัวเอง ยอมทำทั้งที่หวาดกลัวคือคนกล้าหาญอย่างแท้จริง สมกับที่เป็นทายาทของมู่หรงอวี้”
จดหมายของไป๋จิ่นถงและเซียวหรงเหยี่ยนต่างกล่าวว่าองค์ชายใหญ่ผู้นี้เป็นคนขี้ขลาด ทว่า คนขี้ขลาดเช่นนี้กลับกล้าทำเรื่องที่คนอื่นไม่กล้าทำ เขากล้าแบกหน้ามารับผิดแทนมารดาของตัวเอง นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะทำได้อย่างแน่นอน
คำนวณจากเวลาไป๋จิ่นถงคงได้รับจดหมายจากนางแล้ว…
ก่อนหน้านี้องค์ชายสองมู่หรงผิงเคยปรึกษาทำการค้ากับชุยเฟิ่งเหนียน ครั้งนี้การค้านั้นคงตกอยู่ในมือของเซียวหรงเหยี่ยนแน่นอน เซียวหรงเหยี่ยนเคยพบไป๋จิ่นถงมาก่อนดังนั้นไป๋ชิงเหยียนจึงบอกฐานะที่แท้จริงของชายหนุ่มให้ไป๋จิ่นถงรู้อย่างละเอียด ไป๋จิ่นถงจะได้หลบหน้าเซียวหรงเหยี่ยนได้
นี่เป็นเพียงความกังวลของไป๋ชิงเหยียนเท่านั้น เดิมทีนี่คือการค้าระหว่างชุยเฟิ่งเหนียนและองค์ชายสอง ต้าเยี่ยนอาจส่งคนขององค์ชายสองมารับช่วงต่อกิจการและพบชุยเฟิ่งเหนียนโดยที่เซียวหรงเหยี่ยนเป็นคนอยู่เบื้องหลังเท่านั้น พวกเขาอาจไม่ได้พบหน้ากันอย่างที่ไป๋ชิงเหยียนเป็นกังวลก็ได้
ทว่า ไป๋จิ่นถงจำเป็นต้องรู้ฐานะที่แท้จริงของเซียวหรงเหยี่ยนเพราะตอนนี้ไป๋จิ่นถงอยู่ในแคว้นของต้าเยี่ยน
หากไป๋จิ่นถงรู้ฐานะที่แท้จริงของเซียวหรงเหยี่ยนนางต้องตกใจมากแน่ๆ ทว่า สองแคว้นกำลังเดิมพันกัน พวกนางต้องสลัดความรู้สึกส่วนตัวทิ้งไปเสียก่อน ไป๋จิ่นถงเป็นคนรู้ขอบเขตดี นางต้องจัดการเรื่องในต้าเยี่ยนได้ดีแน่นอน
“เช้าวันนี้เสี่ยวซื่อไปขอยารักษาบาดแผลจากท่านหมอหงแล้วนำไปมอบให้แม่ทัพทุกคนตั้งแต่แม่ทัพเฉิง ถือเป็นการปลอบใจพวกเขาแทนพี่หญิงใหญ่แล้วเจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นซิ่วยกชาขึ้นจิบ จากนั้นวางถ้วยชาลงแล้วกล่าวต่อ
“ทว่า ข้ามาพบพี่หญิงใหญ่ในวันนี้เพราะเรื่องเสี่ยวชีเจ้าค่ะ…”
“จิ่นเซ่ออย่างนั้นหรือ”
ไป๋ชิงเหยียนละสายตาจากฎีกามองไปทางไป๋จิ่นซิ่ว หญิงสาวถามอย่างไม่ได้รู้สึกกังวลมากนัก
“เสี่ยวชีเป็นเด็กที่รู้ขอบเขตมาโดยตลอด นางมีสิ่งใดให้เจ้าต้องเป็นห่วงถึงขั้นทิ้งวั่งเกอมาหาพี่ถึงในวังกัน”
“พี่หญิงใหญ่จำเด็กชายที่หนีไปจากกลุ่มชาวบ้านเร่ร่อนพร้อมกับเสี่ยวชีได้หรือไม่เจ้าคะ”
ไป๋จิ่นซิ่วขยับเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียนอีกนิด จากนั้นกล่าวเสียงเบา
“หลังจากเสี่ยวชีกลับมา เด็กคนนั้นเอาแต่ตามติดเสี่ยวชีไม่ห่างกาย ทว่า เขาไม่ได้ทำสิ่งใดเกินเลย พี่ชายสามและอาอวี๋ลอบสังเกตเด็กชายคนนั้นมาตลอดทาง เด็กคนนั้นแสร้งทำเป็นไม่รู้หนังสือ ทั้งยังแกล้งถือหนังสือด้านต่อหน้าพวกเรา ทว่า กิริยามารยาทของเขาไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไปเลยสักนิดเจ้าค่ะ”
ไม่ว่าเด็กชายคนนี้จะเป็นจักรพรรดิของแคว้นเว่ยหรือไม่ แคว้นเว่ยก็ดับสูญไปแล้วอยู่ดี จักรพรรดิแคว้นเว่ยไม่มีตัวตนอยู่บนใต้หล้านี้อีกต่อไป หากเขาปล่อยวางได้เขาจจะสามารถใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขได้ตลอดไป ทว่า หากเขายังคิดกอบกู้แคว้นของตัวเองคืน หากเขาได้พบกับคนแคว้นเว่ยที่อยากกอบกู้แคว้นคืน เขาคงยากที่จะอยู่อย่างสงบสุขต่อไป
ไป๋ชิงเหยียนและทุกคนทุ่มเทเพื่อการรวบรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งมาจนถึงขั้นนี้แล้ว นางจะไม่ปล่อยให้เกิดปัญหาขึ้นที่เด็กคนนี้แน่นอน ให้คนอยู่ในสายตาของนางตลอดเวลาจะยิ่งทำให้นางวางใจมากกว่าเดิม
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินถึงตรงนี้จึงเริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมา นางรับผ้าขนหนูจากชุนเถามาเช็ดมือจนสะอาด จากนั้นยกชาขึ้นจิบอย่างครุ่นคิด
“อายุราวๆ เจ็ดแปดขวบ…”
“เขาไม่ชอบสนทนากับผู้อื่น ทว่า อาเจวี๋ยจับพิรุธได้ตอนเขาทานอาหารว่าเขามีมารยาทบนโต๊ะอาหารเหมือนได้รับการอบรมอย่างดีจากราชวงศ์เว่ยเจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวเสียงเบา
“ทว่า เขาแสดงพิรุธออกมาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เป็นเด็กที่ระมัดระวังตัวมากเจ้าค่ะ”
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นเพียงเด็กชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น ไม่แปลกที่อาจหลุดพิรุธออกมาบ้าง ที่สำคัญเขาอยู่ท่ามกลางคนตระกูลไป๋ เขาต้องถูกจับพิรุธได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว
“เว่ยจง…”
ไป๋ชิงเหยียนลูบถ้วยน้ำชาอย่างแผ่วเบา
“องค์ชายซึ่งอายุเพียงหกขวบของราชวงศ์เว่ยถูกไทเฮาผลักดันให้นั่งบนบัลลังก์ของต้าเว่ยกลายเป็นจักรพรรดิต้าเว่ยคนใหม่ในเดือนสิบสอง รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด คำนวณจากอายุตอนนี้เขาคงอายุประมาณเก้าขวบแล้ว หากเด็กที่กำลังอยู่ในวัยที่กำลังโตไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ ร่างกายของเขาก็คงซูบผอมกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันไปบ้าง คงไม่…บังเอิญถึงเพียงนี้กระมัง!”
“ได้ยินเสี่ยวชีบอกว่าเด็กคนนั้นมีอคติกับต้าเยี่ยนมากเจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวถึงตรงนี้จึงกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนต่อยิ้มๆ
“เด็กคนนี้ไม่มีความหวาดระแวงมากนักเมื่ออยู่ต่อหน้าเสี่ยวชี คงเป็นเพราะทั้งสองคนผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน เด็กคนนั้นเชื่อใจเสี่ยวชีมาก เสี่ยวชีเองก็เช่นเดียวกัน! เสี่ยวชีเริ่มพบพิรุธของเด็กคนนั้นจึงมาบอกกับข้า ทว่า ดูเหมือนเสี่ยวชีต้องการปกป้องเด็กคนนั้นเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ จากนั้นกล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน
“ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นผู้ใด ในเมื่อเขาเข้ามาอยู่ในจวนไป๋แล้วก็ถือว่าเขาเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายของเสี่ยวชีก็แล้วกัน เจ้ากลับไปบอกให้เสี่ยวชีถามเด็กคนนั้นว่าอยากอยู่ที่จวนไป๋ต่อหรืออยากจากไป หากเขาอยากจากไปจวนไป๋จะมอบม้าล้ำค่าให้เขาเป็นพาหนะ หากเขาอยากอยู่ที่จวนไป๋ต่อก็ให้องครักษ์ไป๋สอนวิทยายุทธ์ให้เขา ให้เขาอยู่เป็นองครักษ์ข้างกายเสี่ยวชี”
ไป๋ชิงเหยียนก้มมองใบชาที่ลอยอยู่ในถ้วยชาของตัวเอง จากนั้นกล่าวเสริม
“ให้คนลอบจับตาดูความเคลื่อนไหวของเขาไว้ให้ดี อย่าให้เขาก่อเรื่องอันใดขึ้นมาเด็ดขาด ขอเพียงเขาใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบเสงี่ยมก็สามารถอยู่ร่วมกับพวกเราได้อย่างสงบสุข”