สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1391 ตอบแทน
ตอนที่ 1391 ตอบแทน
ใบไม้บนต้นไม้ใหญ่ปลิวตกลงบนไหล่ของไป๋ชิงอวี๋
ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือปัดเศษใบไม้ออกให้ไป๋ชิงอวี๋ จากนั้นเงยหน้ามองน้องชายยิ้มๆ “เจ้าเพิ่งกลับมา ช่วงนี้ยังไม่ต้องยุ่งเรื่องเหล่านี้หรอก ใช้เวลาอยู่เป็นเพื่อนท่านแม่ก่อน ราชสำนักมีเรื่องยุ่งยากซับซ้อนมากมาย พวกเจ้ากลับมาแล้วจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระพี่ได้”
ไป๋ชิงอวี๋มองใบหน้าพี่สาวที่กำลังยิ้มกว้างด้วยความรู้สึกสงสาร “พี่หญิงแบกภาระมานานถึงเพียงนี้ เหนื่อยมากใช่หรือไม่ขอรับ!”
“พวกเจ้ากลับมาพี่ก็ไม่เหนื่อยแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนมองดูใบหน้าครึ่งซีกของน้องชายที่เสียโฉมเพราะไฟไหม้นิ่ง “พี่ดีใจมากที่พวกเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัย ดีใจกว่าเรื่องใดทั้งหมด!”
“พี่หญิงใหญ่ พี่ชายห้า!” ไป๋จิ่นจื้อชะโงกหน้าโบกมือให้ไป๋ชิงเหยียนและไป๋ชิงอวี๋อยู่บนชั้นสองของเรือนเสาหวาด้วยรอยยิ้ม “รีบขึ้นมาเถิดเจ้าค่ะ ท่านแม่ของข้า ท่านอาสะใภ้สี่และท่านอาสะใภ้ห้าลงมือเข้าครัวทำอาหารให้พวกเราด้วยตัวเองเลยนะเจ้าคะ!”
เมื่อไป๋จิ่นจื้อตะโกนขึ้นเช่นนี้ไป๋จิ่นเจาและไป๋จิ่นหวาจึงขยับมายืนที่ระเบียงทางเดินชั้นสองกับไป๋จิ่นจื้อพลางเอ่ยเรียกไป๋ชิงเหยียนและไป๋ชิงอวี๋
หอสูงสีแดงซึ่งมีพื้นกระเบื้องสีน้ำเงินตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางต้นไม้ที่เขียวขจี แสงแดดจ้าของช่วงกลางวันส่องผ่านรูระหว่างต้นไม้และไม้ทึบกระทบลงบนรั้วระเบียงชั้นสองและใบหน้าของไป๋จิ่นจื้อ ไป๋จิ่นเจาและไป๋จิ่นหวาเล็กน้อยจนพวกนางดูอบอุ่นและมีชีวิตชีวากว่าเดิม
เสียงกระดิ่งซึ่งแขวนอยู่ตามระเบียงทางเดินดังผสานกับเสียงร้องของเหล่าแมลงในช่วงกลางวัน ภายในห้องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของบรรดาอาสะใภ้และน้องๆ ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกว่าตัวเองได้ย้อนกลับไปในช่วงที่ท่านปู่และท่านพ่อยังมีชีวิตอยู่
ไป๋ชิงอวี๋เงยหน้ามองรอยยิ้มของน้องสาวทั้งสามคน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มกล่าวขึ้นเสียงอ่อนโยน “พี่หญิงใหญ่ พวกเราขึ้นไปกันเถิดขอรับ…”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า นางเดินเข้าไปในโถงรับรองหลักพร้อมกับไป๋ชิงอวี๋พลางเอ่ยเตือนน้องชาย “ท่านแม่บอกว่าเมื่อเจ้ากลับมาท่านจะสั่งสอนเจ้าเรื่องที่เจ้าแสร้งซ้อนแผนคนซีเหลียงบุกเข้าไปเสี่ยงอันตรายในเมืองอวิ๋นจิง! ตอนนี้นางยังไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้ เมื่อนางนึกออกขึ้นมาเจ้าระวังตัวไว้ให้ดีเถิด…”
ไป๋ชิงอวี๋ได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้จึงรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที เขายังไม่ลืมว่าแผนการของเขาทำให้พี่หญิงใหญ่ต้องคลอดก่อนกำหนด ตอนนี้ไป๋ชิงอวี๋ยังรู้สึกผิดอยู่เลย ต่อมาพี่หญิงส่งจดหมายไปบอกว่าเด็กทั้งสองคนปลอดภัยดีไป๋ชิงอวี๋จึงวางใจลงไม่น้อย ทว่า เขายังคิดอยู่เลยว่าจะผ่านด่านของมารดาไปได้อย่างไร
เป็นดั่งที่พี่หญิงกล่าว ตอนนี้เขาเพิ่งกลับมาท่านแม่จึงเอาแต่สงสารและคิดถึงเขา ทว่า เมื่อท่านแม่ได้สติขึ้นมาเมื่อใดเขาคงโดนโบยแน่นอน ท่านแม่ลงโทษพวกเขาพี่น้องโดยไม่เคยออมมือเลยสักครั้ง
“พี่หญิง…” ไป๋ชิงอวี๋เอื้อมมือไปกระตุกชายเสื้อของไป๋ชิงเหยียน อยากขอร้องให้พี่สาวช่วยเหลือ
“หืม?” ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองไป๋ชิงอวี๋ที่กำลังกระตุกแขนเสื้อของนางอยู่ยิ้มๆ นางดึงเสื้อของตัวเองกลับพลางกล่าวขึ้น “เจ้าไม่ต้องห่วง พี่จะให้ท่านแม่อยู่ที่จวนไป๋สักระยะหนึ่ง จะให้ท่านแม่หาวิธีรักษานิสัยชอบเสี่ยงอันตรายของเจ้าให้ได้!”
เมื่อเห็นพี่สาวของตัวเองเดินขึ้นไปบนชั้นสองไป๋ชิงอวี๋จึงรีบเดินตามไปทันที “พี่หญิง ข้าแค่ซ้อนแผนคนเหล่านั้นขอรับ! หากเป็นพี่หญิงตอนนั้นพี่หญิงก็คงทำเหมือนข้า พี่หญิงช่วยกล่าวกับท่านแม่ให้หน่อยสิขอรับ ตอนที่พี่หญิงเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายในสนามรบข้ายังเคยช่วยขอร้องท่านแม่ให้เลยนะขอรับ พี่หญิงต้องตอบแทนข้าบ้าง จะไม่ช่วยน้องชายคนนี้ได้อย่างไรขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนซึ่งยืนอยู่บนบันไดไม้หันกลับไปมองน้องชายที่กำลังมีสีหน้าร้อนใจ นางนึกถึงตอนที่น้องชายยังเป็นเด็กขึ้นมาจึงเอื้อมมือไปลูบศีรษะของน้องชายอย่างอดไม่ได้
“อาอวี๋ การที่เจ้าและพี่เอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายล้วนทำให้ท่านแม่ปวดใจ ยอมรับผิดกับท่านแม่ให้ดี ท่านพ่อไม่อยู่แล้ว พวกเราสองพี่น้องต้องคอยดูแลท่านแม่ อย่าทำให้ท่านแม่เสียใจอีก!”
ไป๋ชิงอวี๋นำมือของไป๋ชิงเหยียนซึ่งลูบศีรษะของเขาอยู่ออกมากุมไว้ในมือแน่น “ข้ารู้แล้วขอรับ”
“พี่หญิงใหญ่ พี่ชายห้า…” ไป๋จิ่นจื้อวิ่งลงมาจากชั้นบนอย่างรวดเร็ว “เหตุใดพวกท่านยังไม่ขึ้นมาอีกเจ้าคะ พวกเรารอนานแล้วเจ้าค่ะ…”
ไป๋จิ่นจื้อวิ่งมาจับมือไป๋ชิงเหยียน “พี่ชายสามและพี่หญิงรองมาถึงหมดแล้ว เหลือแต่พี่หญิงใหญ่และพี่ชายห้าแล้วเจ้าค่ะ”
“รู้แล้ว…” ไป๋ชิงเหยียนรับคำยิ้มๆ จากนั้นเดินขึ้นไปด้านบนกับไป๋จิ่นจื้อ “เจ้าช้าลงหน่อย”
“เหตุใดพี่หญิงใหญ่ไม่ให้คนพาเสี่ยวปา วั่งเกอ สี่เล่อและคังเล่อมาด้วยเจ้าคะ!” ไป๋จิ่นจื้อเดินขึ้นบันไดไปพลางบ่นกับไป๋ชิงเหยียนไปพลาง “ข้าเตรียมของขวัญมาให้เด็กทั้งสี่ด้วยเจ้าค่ะ!”
วั่งเกอ สี่เล่อและคังเล่อยังไม่เท่าใด ทว่า การที่ไป๋จิ่นจื้อเรียกเสี่ยวปาว่าเด็กทำให้คนฟังรู้สึกอยากหัวเราะออกมา
ไป๋ชิงเหยียนมองแผ่นหลังของไป๋จิ่นจื้อที่กำลังจูงมือนางขึ้นไปบนบันไดพลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “พี่ส่งคนไปบอกให้ถงหมัวมัวพาเด็กทั้งสี่มาแล้ว อีกไม่นานคงถึง”
น้องชายและน้องสาวของไป๋ชิงเหยียนเคยพบเสี่ยวปาและวั่งเกอหมดแล้ว ทว่า พวกเขายังไม่เคยพบหน้าสี่เล่อและคังเล่อ น้าๆ อย่างพวกเขาอยากพบหน้าเด็กสองคนนั่นเต็มแก่แล้ว พวกเขาอยากเห็นว่าลูกฝาแฝดที่พี่หญิงใหญ่คลอดออกมาจะมีหน้าตาเช่นไร จะมีหน้าตาคล้ายคลึงกับพี่หญิงใหญ่มากหรือไม่ พวกเขาอยากเห็นจนอดใจแทบไม่ไหวอยู่แล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ยินบรรดาผู้ใหญ่เอ่ยชมเด็กทั้งสอง กล่าวว่าสี่เล่อเป็นเด็กสุขุมเหมือนท่านลุงใหญ่ของพวกเขา พวกเขาจึงยิ่งสงสัยว่าบรรดาผู้ใหญ่มองออกได้อย่างไรว่าเด็กตัวเล็กแค่นี้สุขุมจนพากันชมเป็นเสียงเดียวกันเช่นนี้
ไป๋จิ่นซิ่วยืนต้อนรับไป๋ชิงเหยียนอยู่หน้าบันไดชั้นบนยิ้มๆ “เหลือแค่พี่หญิงใหญ่และอาอวี๋แล้วเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงอวิ๋นซึ่งมีผ้าห่มคลุมอยู่บนตักนั่งถือถ้วยชาสนทนาบางอย่างกับไป๋จิ่นเจาอยู่บนรถเข็น ไม่รู้ว่าเขากล่าวสิ่งใดไป๋จิ่นเจาจึงโมโหจนหันไปกระตุกชายเสื้อของไป๋ชิงฉีเพื่อฟ้อง
น้ำชาในมือของไป๋ชิงฉีเกือบหกออกมาเพราะแรงดึงของไป๋จิ่นเจา ชายหนุ่มได้แต่หันไปกล่าวกับไป๋ชิงอวิ๋นด้วยสีหน้าอ่อนใจ “เหตุใดเจ้าต้องหาเรื่องนางด้วย”
“อาอวิ๋นแกล้งอันใดจิ่นเจากัน” ไป๋ชิงเหยียนหัวเราะออกมาเบาๆ
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงหันไปทำความเคารพท่านแม่และอาสะใภ้ทุกคนที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุขพร้อมกับไป๋ชิงอวี๋
“พี่หญิงใหญ่!”
“พี่หญิงใหญ่!”
บรรดาน้องชายและน้องสาวต่างลุกขึ้นทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงอวี๋ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ทางด้านหลังไป๋ชิงเหยียน เขามองภาพที่ท่านแม่ อาสะใภ้และพี่น้องของตัวเองนั่งอยู่ในหอแห่งนี้แล้วรู้สึกราวกับว่าพี่ชายใหญ่ พี่ชายสอง พี่ชายสี่ น้องชายหก…และน้องชายสิบเจ็ดของพวกเขาล้วนอยู่ที่นี่ด้วย
ต้นไม้สูงที่ด้านนอกอาคารพลิ้วไหวไปตามแรงลม แสงแดดส่องผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้เข้ามาด้านในกระทบลงบนเครื่องแต่งกายของคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นครั้งคราว แสงแดดส่องกระทบลงบนขนตายาวงอนของพี่หญิง ไป๋ชิงอวี๋มองดูพี่สาวของตัวเองกำลังลูบศีรษะปลอบโยนไป๋จิ่นเจาด้วยรอยยิ้ม เขารู้สึกอบอุ่นในหัวใจมาก
ไป๋ชิงอวี๋รักบรรยากาศในตอนนี้มาก เขาอยากให้ภาพบรรยากาศเช่นนี้คงอยู่ต่อไปตราบนานเท่านาน
“พี่ชายห้าช่วยตัดสินหน่อยสิเจ้าคะ…” ไป๋จิ่นเจาหันไปขอความช่วยเหลือจากไป๋ชิงอวี๋